สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 404
บทที่ 404 ฝันหวานที่ยากจะเกิดขึ้น
หล่อนมองผิดไปเหรอ หรือว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ชอบเก็บอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้
ในช่วงเวลานั้นเอง เสิ่นอีเวยมองเห็นความปวดใจจากแววตาของเซิ่งเจ๋อเฉิง
หล่อนคิดว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างน้อยน่าจะพูดอะไรบ้าง แต่เขากลับไม่พูดอะไรเลย ได้แต่เดินไปข้างหน้าไม่ได้สนใจอะไร มาหยุดยืนหน้าเสิ่นอีเวย
เขามองดวงตาเป็นประกายของหล่อน ในนั้นมีเงาของเขาสะท้อนอยู่ พักใหญ่ หล่อนได้ยินเขาพูดขึ้นว่า”คืนนี้คุณดื่มมามากแล้ว แม้จะดื่มซุปแก้แฮงค์ไปแล้วแต่ก็ควรจะรีบพักผ่อนนะ”
คืนนั้นเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้แตะต้องตัวเสิ่นอีเวย
หลังจากทั้งสองนอนลงแล้ว เขาแค่กอดหล่อนแน่นจากด้านหลัง เหมือนกับสิ่งของมีค่าที่สูญหายไปแล้วได้กลับคืนมา
และคืนนั้น เสิ่นอีเวยก็ได้นอนหลับสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในช่วงนี้ตลอดทั้งคืน
เช้าวันต่อมา เสิ่นอีเวยกว่าจะตื่นจากการนอนหลับเวลาก็ปาไปเก้าโมงเช้าแล้ว มองเวลาที่บนหน้าจอโทรศัพท์ คิดว่าต้องไปทำงานสายอีกแล้ว หล่อนก็ร้อนใจขึ้นมา
เตรียมพลิกตัวขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า แต่กลับพบว่าขาทั้งสองข้างขยับไม่ได้เลย พอหันไปดูก็พบว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงที่นอนอยู่ด้านหลังนั้นกอดตัวเองไว้แน่น มือและขาแข้งที่ยาวเหมือนปลาหมึกของเขากำลังรัดหล่อนเอาไว้
ไม่ใช่แค่นอนหลับเหรอ ฉันก็ไม่ได้หนีไปไหน เสิ่นอีเวยกลอกตาในใจ ท้าทายพันธนาการที่น่ากลัวของท่านประธานบางคนอย่างเงียบๆ
เสิ่นอีเวยไม่อยากเสียงดังปลุกเขาตื่นขึ้นมา ค่อยๆขยับขาขยับแขนอย่างเบาที่สุดลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้า ในเมื่อตอนนี้เขากับหล่อนไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันแล้ว แต่เมื่อคืนกลับนอนอยู่ด้วยกัน ตอนนี้พอมาคิดดู ช่างไม่สมควรเสียเลย รู้สึกเสียใจทีหลัง
แอลกอฮอล์ทำร้ายเธอแท้ๆ คราวหน้าหล่อนจะไม่ไปกินเหล้าแล้ว หล่อนสาบานเงียบๆในใจ
ยื่นมือไปหยิบเสื้อคลุมที่อยู่ข้างเตียง แต่กลับไม่ทันระวังทำโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ด้านบนหล่นลงมาที่พื้นทำให้เกิดเสียงดัง “ปึง” เสิ่นอีเวยตกใจ หันไปมองเซิ่งเจ๋อเฉิง ที่แท้เขาตื่นขึ้นมาแล้ว
เป็นเพราะว่าเขาเพิ่งตื่นนอน ดังนั้นเสียงของเขาจึงแหบพร่านิดหน่อย แต่กลับมีแรงดึงดูดมหาศาล: “ผมนอนหลับคุณยังคิดจะหนี”
เสิ่นอีเวยที่กำลังสวมเสื้อคลุมชะงักทันที ไม่กล้ามองหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิงโดยตรง: “คุณพูดอะไร”
“ต้องการให้ผมพูดซ้ำอีกรอบเหรอ” ปลายคิ้วของเขาเหมือนกำลังยิ้ม
เสิ่นอีเวยรีบยกมือบอกปัดพร้อมกับส่ายศีรษะ: “ไม่ต้องๆ แต่ถ้าฉันจำไม่ผิด เมื่อคืนนั้นพวกเราสองคนไม่ได้ทำอะไรกันนะ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะแห้งๆ พิงหัวเตียงอย่างเกียจคร้านแล้วพูดว่า: “เมื่อคืนคนที่เมาคือคุณนะ พอตื่นขึ้นมาแล้วจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ถือเป็นเรื่องปกติ”
เสิ่นอีเวยรู้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังแกล้งหล่อน จึงไม่ได้คิดจะต่อปากต่อคำกับเขา เบะปากพูดว่า: ” ฉันจะไปทำงานแล้ว ไม่พูดกับคุณละ”
“ไปด้วยกัน ผมไปส่งคุณ” เสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงดังขึ้น
เสิ่นอีเวยตกตะลึง เขาจะไปส่งฉัน ถ้าให้คนที่บริษัทเห็นเข้าต้องแย่แน่ จึงรีบปฏิเสธทันที :”ไม่ต้องลำบากไปส่งฉันหรอก ทางไปบริษัทฉันไม่ค่อยดี พวกเราต่างคนต่างไปเถอะนะ”
อาจจะเป็นเพราะคำพูดที่ว่าต่างคนต่างไปฟังดูแล้วตีความได้หลายแบบ เซิ่งเจ๋อเฉิงดูท่าจะไม่ค่อยยินดีนักที่ได้ยิน ดังนั้นสีหน้าจึงไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด
“ผมบอกคุณ ไม่ได้ถามความเห็นคุณ เก็บของให้เรียบร้อย ลงไปทานอาหารเช้า อีก20นาทีออกจากบ้าน” เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็น ไม่ได้เว้นช่องให้หล่อนได้คิดพิจารณาเลย
เซิ่งเจ๋อเฉิงสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ลงไปที่ชั้นล่างแล้ว
รอจนเสิ่นอีเวยแต่งหน้า เก็บของเสร็จลงมาห้องรับแขก เซิ่งเจ๋อเฉิงก็เตรียมอาหารเช้า นมอุ่นสองแก้ว ขนมปังปิ้งสองแผ่น ด้านข้างมีแยมเนื้อใสแจ๋วที่ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกอยากกินขึ้นมา
เสิ่นอีเวยรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย นั่งลงบนเก้าอี้พลางถามเขาว่า : ” คุณ ปิ้งขนมปังเป็นด้วยเหรอ”
ประโยคนี้มีความยากที่จะพูดตรงๆรุนแรงมาก เซิ่งเจ๋อเฉิงมองหล่อนด้วยหางตา: ” ทำไม ไม่เหมือนเหรอ”
เสิ่นอีเวยพูดออกมาโดยไม่ทันคิดว่า: “ไม่เหมือนเลย”
ต้องเข้าใจว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามหล่อนคือเซิ่งเจ๋อเฉิง คนที่เมื่อก่อนอาหารเช้าทั้งหมดจะถูกจัดการโดยคนรับใช้แล้วยังมีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนสมบูรณ์ มองอาหารเช้าที่แสนเรียบง่ายตรงหน้านี้ เสิ่นอีเวยแทบไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่มีอะไรต้องสงสัย ซุปแก้แฮงค์ที่คุณดื่มเมื่อคืนก็เป็นฝีมือผม” หลังจากเซิ่งเจ๋อเฉิงพูดประโยคนี้จบ เขาก็ดื่มนมอย่างสบายใจไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร
หากเรื่องที่เซิ่งเจ๋อเฉิงปิ้งขนมปังทำให้เสิ่นอีเวยตกใจถึงขั้นได้100เปอร์เซ็นต์ ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่เขาต้มซุปแก้แฮงค์ให้ตัวเองดื่มก็อาจจะทะลุไปถึง300เปอร์เซ็นต์
เสิ่นอีเวยเบิกตาโพลง ถามเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า: “ซุปแก้แฮงค์ เมื่อคืนคุณทำซุปแก้แฮงค์ให้ฉันเหรอ ซื้อหรือว่าทำ คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้จำผิด”
จากปฏิกิริยาของเสิ่นอีเวย แน่นอนว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ค่อยพอใจนัก: “คุณแน่ใจนะ ว่าคุณสงสัยในตัวผมขนาดนี้”
เสิ่นอีเวยไม่พูดอะไรแล้ว
พูดไปแล้วก็ไม่ผิด แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะอารมณ์ร้าย แต่เขาเป็นคนที่พูดตามความจริง สิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำเขาก็ไม่เคยเอาความผิดมาลงที่ตน ไม่ชอบทำดีเอาหน้า
“โอเค ฉันเชื่อคุณ” เสิ่นอีเวยพูด
ไม่รู้ทำไม วินาทีนี้มีความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นในใจของหล่อน รู้สึกอบอุ่น แต่ในใจก็กลับมีความกังวล
จนกระทั่งใกล้จะกินอาหารเช้ามื้อนี้เสร็จ ทั้งบ้านมีแต่ความเงียบ เสิ่นอีเวยมองคฤหาสน์ที่เงียบเหงา เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้: “ใช่แล้ว คนรับใช้ในบ้านล่ะ ทำไมฉันไม่เห็นใครเลยสักคน”
เซิ่งเจ๋อเฉิงหลบตาลง พูดอย่างช้าๆระหว่างที่หั่นขนมปังปิ้งตรงหน้าว่า:”ถูกผมไล่ออกไปหมดแล้ว”
เสิ่นอีเวยตกใจ: “ตั้งแต่เมื่อไหร่”
มือที่กำลังถือส้อมของเซิ่งเจ๋อเฉิงชะงัก เงยหน้าขึ้นมามองเสิ่นอีเวยแล้วตอบเสียงเรียบว่า:”หลังจากคุณจากไปเมื่อสี่ปีก่อน”
ในใจของเสิ่นอีเวยเกิดความรู้สึกบางอย่างที่ไม่รู้แน่ชัดว่าคืออะไร :”ทำไมล่ะ เพราะวันนั้นพวกเขาไม่ได้เฝ้าดูฉันและรั้งตัวฉันเอาไว้ไม่ให้ออกไปเหรอ”
ตอนแรกเสิ่นอีเวยคิดว่าเขาจะตอบย้ำคำพูดเธอเมื่อครู่ แต่กลับไม่ใช่
ชายหนุ่มสั่นศีรษะ ปฏิเสธว่า: “ไม่ใช่ เพราะว่าบ้านนี้ไม่มีคุณแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีคนรับใช้ ให้พวกเขามาก็เพื่อที่จะมาดูแลความเป็นอยู่ของคุณ”
“แต่ว่า ต่อให้ฉันไปแล้ว พวกเขาก็ดูแลคุณได้นี่” เสิ่นอีเวยกล่าว
เซิ่งเจ๋อเฉิงส่ายหน้า: “ผมไม่ใช่คนที่ต้องการคนดูแลทุกเรื่อง และปกติที่บริษัทเซิ่งซื่อก็มีงานมากมายให้ผมต้องจัดการ และก็ช่วงเวลาหนึ่งที่ผมต้องไปทำงานข้างนอก เดือนหนึ่งกลับมาบ้านไม่กี่ครั้ง ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นอะไร”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร วินาทีนั้นในใจเสิ่นอีเวยอยู่ๆก็เกิดความเจ็บปวดใจขึ้นมา