สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 412
บทที่ 412 เสิ่นอีเวยถูกทรมาน
กรณีที่ตนเองเกี่ยวข้องกับเซิ่งเจ๋อเฉิง แรกเริ่มเดิมทีเสิ่นอีเวยเข้าใจว่าอย่างน้อยหลังจากที่ตนเองอุทิศตัวให้กับการทำงาน ทุกอย่างจะจบลง แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือ ผู้ชายคนนี้ หรืออาจพูดว่าคนที่ผู้ชายคนนี้ส่งมา มักจะมาปรากฏต่อหน้าเธอบ่อยๆ
Aute และความร่วมมือของบริษัท เดิมที่เป็นเพียงการส่งใบรับรองการประเมินราคาการออกแบบเครื่องประดับให้อีกฝ่าย แต่ยิ่งนานวันเข้า กลับกลายเป็นเกี่ยวข้องกับเรื่องการถ่ายแบบ คาดไม่ถึงว่า Aute ก็เริ่มมีข้อตกลงเชิงกลยุทธ์กับฝั่งบริษัทของตนเอง
เสิ่นอีเวยเคยถาม Alex ว่า ความเป็นจริงฝั่งพวกเธอไม่จำเป็นต้องให้เอกสิทธิ์ผูกขาดกับ Aute สำหรับเนื้อหาในการถ่ายโฆษณาเครื่องประดับ ทรัพยากรของ Aute ดีขนาดนั้น ยังกลัวว่าจะถ่ายโฆษณาออกมาได้ไม่พอใจคนหรอ?
แต่ Alex กลับตอบคำถามของเธอว่า: ทำอะไรไม่ได้ ประธานเซิ่งให้เงินเป็นสองเท่าของตลาด
ได้ ได้เลย คนมีเงินเสียงดังที่สุด เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ในที่สุดเสิ่นอีเวยจึงทำได้เพียงถอนหายใจออกมา
หลังจากร่วมงานกันได้สักพักหนึ่งก็เกิดประเด็นขึ้นมา ในตอนเริ่มแรกงานทุกอย่างออกมาราบรื่นเป็นอย่างมาก แต่ในช่วงเวลานี้ เสิ่นอีเวยกลับพบว่าความต้องการของ Aute กับโฆษณาเครื่องประดับตัวสุดท้ายเริ่มเข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่เพราะนางแบบไม่เหมาะสม แต่เป็นเพราะเครื่องประดับไม่มีจุดเด่นที่ดีเลิศปรากฏให้เห็น
เมื่อทางฝั่ง Aute แสดงความคิดเห็นเหล่านี้ บอส Alex แทบจะเห็นด้วยทั้งหมดอย่างไม่มีข้อสงสัย เมื่อเป็นแบบนี้ ก็ลำบากเสิ่นอีเวยและพนักงานตัวเล็กๆหลายคน ต้องทำโอทีหามรุ่งหามค่ำ ใครจะทนไหว?
วันหนึ่ง ประตูห้องทำงานของ Alex ถูกเปิดออก:“บอสคะ ฉันทนไม่ไหวแล้ว!”
Alex ผลักแว่นตาของตนเองอย่างเท่ๆ และพูดออกมาเพียงประโยคเดียว:ความอดทนคือชัยชนะ
ดังนั้นเสิ่นอีเวยจึงทำได้เพียงกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนเองเหมือนเดิม
จนที่สุด ในวันนี้เมื่อเสิ่นอีเวยได้รับอีเมลปฏิเสธจากเซิ่งเจ๋อเฉิงว่าไม่เห็นด้วยกับภาพผลิตภัณฑ์ในการถ่ายโฆษณาครั้งที่ N เธอรู้สึกว่าตนเองทนไม่ไหวอีกต่อไป สองมือตบลงบนโต๊ะ“ปัง”และลุกขึ้นยืนทันที
“เซิ่งเจ๋อเฉิงคุณมันคนชั่ว!มีอะไรไม่พอใจส่วนตัว คนส่วนใหญ่สามารถหาทางออกกันได้ เล่นลับหลังแบบนี้เป็นผู้ชายหรือเปล่าเนี่ย!?”
เสิ่นอีเวยส่งเสียงร่ำไห้คร่ำครวญได้ทั่วบริษัท ทุกคนต่างได้ยินกันหมด
เสิ่นอีเวยหยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรออกหาเซิ่งเจ๋อเฉิง ดูเหมือนจะรู้ว่าวันนี้เธอจะต้องโทรหาตนเอง อีกฝ่ายรับสายอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหล มีธุระอะไรไหมครับ?”เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพอย่างเป็นทางการผ่านทางโทรศัพท์มือถือ
เสิ่นอีเวยมีความไม่พอใจอย่างรุนแรง เธอพูดด้วยความโกรธ:“ทำไมตอนแรกฉันถึงมองไม่ออกว่าแท้จริงคุณมันเลวทรามไร้ยางอายขนาดนี้?ทรมานฉันทุกวันแบบนี้สนุกมากใช่ไหม?”
ถ้าเสิ่นอีเวยฟังไม่ผิด เซิ่งเจ๋อเฉิงเหมือนกำลังหัวเราะออกมาเบาๆผ่านทางโทรศัพท์มือถือ:“แล้วจะทำไม?ผมแค่ชอบที่คุณรังเกียจผมแต่ก็ไม่สามารถออกไปจากผมได้”
เสิ่นอีเวย:“……”
เพียงประโยคเดียว ทำให้เสิ่นอีเวยสติหลุดออกไป
ที่จริง เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดถูกต้อง เธอรังเกียจเขา แต่ไม่สามารถออกไปจากเขาได้ มิเช่นนั้น เธอจะกล้ำกลืนฝืนทนรับใช้เขาอยู่แบบนี้หรอ?!
ทันในนั้น เสียงเบื่อหน่ายของเซิ่งเจ๋อเฉิงดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ:“เพียงแต่ว่า ถ้าหากคุณไม่ต้องการให้ผมทรมานคุณแบบนี้ไปทุกวัน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธี”
“วิธีอะไร?”เสิ่นอีเวยถามขึ้นมาทันที แต่เมื่อพูดออกไป ตนเองต้องรู้สึกเสียใจในเวลาต่อมาทันที เพราะผู้ชายที่อยู่ปลายสายเป็นดั่งผู้ร้ายของเรื่องนี้ เขาจะใจดีบอกวิธีที่เป็นไปได้กับตนเองได้อย่างไร?
เป็นไปตามคาด วิธีการแก้ปัญหาของเซิ่งเจ๋อเฉิงทำให้เสิ่นอีเวยแทบอยากถุยน้ำลายใส่หน้าเขา
“กลับมาเป็นภรรยาของผม”ฝ่ายชายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เสิ่นอีเวยตาโตมองบนทันที เธอเกลียดที่เซิ่งเจ๋อเฉิงทำไมถึงมองไม่เห็นว่าตนเองกำลังดูหมิ่นเขาอยู่
ก่อนวางสาย เสิ่นอีเวยทิ้งท้ายหนึ่งประโยคให้กับเซิ่งเจ๋อเฉิง :“คุณฝันไปเถอะ!”
แต่หลังจากที่เสิ่นอีเวยวางสาย อารมณ์กลับยิ่งหดหู่ เพราะเอกสารที่กองพะเนินตรงหน้าบนโต๊ะทำงาน ทำให้เดิมทีอารมณ์ที่ไม่ดีของเธอยิ่งไม่เป็นสุขขึ้นไปอีก
ทันใดนั้น เธอคิดว่าตนเองควรที่จะออกไปท่องเที่ยว พักผ่อนจิตใจสักหน่อย
มิเช่นนั้น ในไม่ช้าก็เร็วคงโดนคนชั่วอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิงทรมานจนเป็นบ้า
แต่เสิ่นอีเวยยังไม่ทันได้วางแผนการท่องเที่ยวของตนเอง หนึ่งอาทิตย์ต่อมา บอส Alex ก็นำข่าวดีมาบอกเธอถึงห้องทำงาน
“เชิญเข้ามาได้ค่ะ”เสิ่นอีเวยจัดการเอกสารไปพลางยกกาแฟข้างกายขึ้นมาดื่มไปพลาง
Alex ผลักประตูเข้ามา เขาถือบัตรเชิญในมือ เมื่อเธอมองเห็นแวบแรกรู้สึกว่าออกแบบค่อนข้างประณีตสวยงาม
“ช่วงนี้ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง อยากออกไปผ่อนคลายจิตใจสักหน่อยไหม?” Alex หยอกล้อเสิ่นอีเวย นั่งลงบนโซฟาตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของเธอ
เมื่อเสิ่นอีเวยได้ฟังคำพูดของAlex ก็รู้สึกคล้ายกับจะมีความหมายอย่างอื่นแฝงอยู่ จึงเงยหน้าขึ้นถาม:“อะไรกัน?คุณจะชวนฉันออกไปเที่ยวหรอ?”
Alex สีหน้าเปลี่ยนทันที เขารีบส่ายหน้าและพูดว่า:“ผมไม่กล้าหรอก ถ้าผมชวนคุณไปเที่ยวสองต่อสอง หากประธานเซิ่งรู้เข้า บริษัทนี้ยังอยากจะเปิดอยู่ไหม?”
เสิ่นอีเวยถลึงตามอง Alex อยู่พักหนึ่ง และพูดอย่างไม่พอใจว่า:“ฉันก็แค่พูดเล่นไหม?อย่าพูดชื่อนี้ต่อหน้าฉันอีก ตอนนี้ฉันได้ยินชื่อเขาแล้วปวดสมอง!”
Alex หัวเราะ วางบัตรเชิญในมือของตนเองไว้ตรงหน้าเสิ่นอีเวย จากนั้นจึงมองเธอด้วยรอยยิ้ม
เสิ่นอีเวยถูกเขามองจนรู้สึกขนลุก จึงถามอย่างสงสัยว่า :“นี่คืออะไร?”
Alex ไม่ได้ให้คำตอบเธอทันที เขาเพียงแค่พูดว่า :“คุณเปิดดูเองดีกว่าไหม?”
เสิ่นอีเวยแบะปาก ยืนมือออกไปหยิบ:“นี่คือบัตรเชิญจริงหรอ?แต่มองไปมองมาก็คล้ายอยู่นะ ใครฝากให้คุณเอามาส่งให้ฉันหรอ เหมือนกับว่าช่วงนี้ฉันก็ไม่มีเพื่อนคนไหนแต่งงานนะ…..”
เสิ่นอีเวยพูดเรื่องของตนเองเรื่อยเปื่อย เมื่อเปิดดูรายละเอียดด้านในของบัตรเชิญ เธอก็ต้องตกใจ เพราะรายละเอียดที่ถูกเขียนไว้ด้านบนคือ——
Aute ประธานเซิ่งมีความยินดีที่จะเรียนเชิญผู้อำนวยการออกแบบเครื่องประดับเสิ่น และพนักงานทุกคนในบริษัทของคุณ เข้าร่วมในกิจกรรมการท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นระยะเวลาทั้งหมด 7 วัน ในเดือนหน้า โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดในระหว่างการเดินทาง Aute จะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
ประโยคง่ายๆ กลับทำให้เสิ่นอีเวยตกใจจนตาโต เซิ่งเจ๋อเฉิงคิดจะทำอะไรกัน?
เธอมองอย่างละเอียดอีกครั้ง มุมขวาล่างของบัตรเชิญมีตราประทับสีแดงอย่างเป็นทางการของ Aute เหอ มาตรฐานสูงจริงๆ เสิ่นอีเวยกรอกตาบนในใจเป็นพันๆครั้งโดยไม่รู้ตัว
เธอเงยหน้ามอง Alex และถามว่า:“ของชิ้นนี้คุณได้มาจากที่ไหน?”
“ทางฝั่งประธานเซิ่งใช้ให้ผู้ช่วยหลินอวี้ส่งมาให้เป็นการพิเศษ”
เสิ่นอีเวยนิ่งอึ้งไป เขาให้ผู้ช่วยของตนเองที่มีความสามารถอย่างหลินอวี้รีบมา เพื่อส่งของเล็กๆน้อยๆแบบนี้ อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมไปหน่อย เซิ่งเจ๋อเฉิงคิดจะทำอะไรของเขา…..