สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 436
บทที่ 436 สตรีที่อยู่ในตู้โดยสาร
ชายสองคนนั้นได้ฟังชายชุดสูทพูดเช่นนั้น ก็ผลักตัวเธออย่างกับสุนัขเช่นนั้น แล้วก็มีสีหน้าที่สดใสเหลือเกิน แล้วยังพูดว่า “ได้เลยได้เลย ผู้ชายคนนี้ก็ให้พี่ใหญ่ก็แล้วกัน พวกเราไปรอข้างนอกกันเถอะ”
เสิ่นอีเวยก็ถูกมัดแล้วให้เกิดหน้า เพราะว่าเนื่องด้วยร่างกายท่อนบนนั้นถูกมัดไว้อยู่ ดังนั้นก็เกือบจะยืนไม่อยู่ แล้วก็เกือบจะไปล้มข้างหน้าชายชุดสูท
ในเวลานี้ ชายชุดสูทก็ได้เอื้อมมือมาพยุงเอาไว้ เธอนั้นโมโหจนตัวสั่นไปหมด เงยหน้าขึ้นมาก็ได้เห็นใบหน้าของชายคนนี้
เสิ่นอีเวยก็สับสนวุ่นวายไปหม เธอนั้นพยายามสงบสติอารมณ์แล้วก็คิดวิธีต่าง ๆ นานา แต่ในตอนนี้ ชายชุดสูทคนนี้ก็เหมือนพูดออกมาว่า “ช่างมันเถอะ ฉันเปลี่ยนความคิดละ เอาเธอไปก่อน”
ชายชุดสูทพูดเช่นนี้ ทุกคนก็ตกใจไปหมด ผู้หญิงที่สวยอยู่ข้างหน้าเช่นนี้ แต่พี่ใหญ่กลับระงับอารมณ์ไว้อยู่
รวมถึงเสิ่นอีเวยที่ตกใจไว้ด้วย เพียงแต่สิ่งที่เธอตกใจนั้นไม่เหมือนคนอื่น ก็คือความตกใจที่เต็มไปด้วยความโชคดี แต่ไม่กล้าแสดงออกมา
เมื่อสักครู่นี้เหมือนจะทำการรังแกเธอเช่นนั้น แต่อยู่ดีดีก็เปลี่ยนความคิดเสียเช่นนั้น หรือว่าผู้ชายคนนี้กำลังแกล้งเธออยู่นะ
แต่ตอนนี้ความคิดนั้นก็ไม่ใช่คิดถึงปัญหาเสียแล้ว เสิ่นอีเวยเหมือนกับอยู่ในความปลอดภัยชั่วคราว แล้วก็กำลังจะเตรียมโทรหาอเล็กซ์ ที่ไม่โทรหาหยางอันหราน ก็เพราะว่าเธอนั้นจะต้องดูแลเหมียนเหมียน ไม่อยากให้พวกเธอนั้นเป็นห่วง
เขาหันกลับมา แล้วก็เดินมาหาเส่นอีเวย แล้วก็ได้เอามือขวามายื่นมา แล้วมือของชายคนนั้นก็ได้เข้าใกล้เธอมากยิ่งขึ้น เสิ่นอีเวยในใจก็ตกใจแล้วพูดว่า “คุณจะทำอะไร ?”
ชายชุดสูทก็ได้ยิ้ม แล้วก็ได้ล้วงไปที่กระเป๋าเอามือถือเธอไป จนทำให้สีหน้าของเธอนั้นตกใจสับสนแล้วพูดว่า “อันนี้ฉันเอาไปแล้วนะ เพื่อไม่ให้คุณนั้นโทรหาคนอื่น” ชายชุดสูทบอก
เสิ่นอีเวยก็ได้แต่มองเห็นมือถือตัวเองนั้นถูกเอาไป อีกนิดหน่อยเธอก็จะกระอักเลือดเสียเช่นนั้น ผู้ชายคนนี้มีที่มาที่ไปยังไง เพราะอะไรสามารถเข้าใจถึงความคิดเธอขนาดนี้ ?
เสิ่นอีเวยนั้นโมโหสุด ๆ แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ ฝ่ายตรงข้ามคือพวกเดียวกัน
เธอไม่อาจจะบอกข้อมูลอะไรได้มากมาย ซึ่งทำให้ตัวเองนั้นไม่ปลอดภัย
สิ่งของที่อยู่บนเตียงนั้นก็ถูกเอาไปหมดแล้ว รวมทั้งคอมพิวเตอร์ และบัตรประจำตัว
ผู้ชายเหล่านั้นก็ได้นำเสิ่นอีเวยเดินลงไป ถึงแม้ตอนนั้นจะตีหนึ่งแล้ว แต่เจ้าของโรงแรมก็ได้อยู่ที่ก้มหน้าทำอะไรก็ไม่รู้ เธอนั้นสูดหายใจลึก ๆ อยากจะลองสักครั้ง
เสิ่นอีเวยรู้ชัดเจนว่าผู้ชายเหล่านี้มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน ไม่แน่อาจจะเป็นพวกที่เลือดเย็น เพราะว่าเป็นเช่นนี้ เธอก็เลยไม่อยากจะห้คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เธอนั้นคิดอยู่ว่าจะตะโกนหรือให้เจ้าของโรงแรมนั้นแจ้งตำรวจดี
สุดท้ายเสิ่นอีเวยก็ตัดสินใจ หากตัวเองนั้นตอนที่จะใกล้ออกจากโรงแรมแล้วเจ้าของโรงแรมเงยหน้ามาหาเธอนั้น เธอก็จะตะโกนร้อง หากเจ้าของโรงแรมทำเหมือนไม่รู้เรื่องแล้วล่ะก็ เธอก็จะต้องคิดวิธีอื่น
แล้วสุดท้ายก็คือ เจ้าของโรงแรมก็ได้แต่ก้มหน้าเช่นนั้น ซึ่งไม่ได้มองหน้าเธอเลย แม้กระทั่งนั้นสายตายังไม่กล้ามอง
ตอนที่ออกจากโรงแรมนั้น เสิ่นอีเวยก็คิดถึงคำที่ชายชุดสูทพูดว่า พื้นที่นี้ ไม่เคยมีใครมาแส่เรื่องคนอื่น
ผู้ชายคนนี้พูดไม่ผิด
สิ่งที่เจ้าของโรงแรมพูดได้ก็คือการเตือนว่า “ระวังความปลอดภัย” แค่นั้นเอง คนเหล่านี้ใช้ชีวิตในส่วนของตัวเองนั้นได้ก็เพียงพอแล้ว หลังจากชีวิตได้ผ่านการทำร้ายมากมายความกล้าก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาอีกต่อไป
ในหุบเขาที่มืดมิดนั้นก็เหมือนกับร้านค้าที่เปิดสว่างไสวเช่นนั้น แต่ตอนนี้ในค่ำคืนที่มืดมิดนั้น เสิ่นอีเวยกลับรู้สึกถึงความขมขื่นใจ
จากที่เดินไปดินโคลนมาสักครู่หนึ่ง เสิ่นอีเวยก็ได้เห็นถนนด้านข้างที่มีรถจอดอยู่ ดูแล้วก็เหมือนรถลากของ รูปร่างไม่ได้เล็ก เป็นสีดำ
เสิ่นอีเวยถูกดึงเข้าไปในรถคันนี้ ทำให้ล้มลงไปเสียเช่นนั้น เมื่อสักครู่ที่ผ่านมานั้น นอกจากชายกลุ่มเหล่านั้น ก็ได้พูดคุยไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่คิดคำนึงถึงคนอื่นมากมาย เสิ่นอีเวยนั้นห่างจากพวกเขานั้นใกล้มาก แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจ แต่เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้ายมากมาย เพราะว่าพวกเขานั้นพูดถึงเรื่องของผู้หญิง
เสิ่นอีเวยฟังอย่างชัดเจน ซึ่งมีความตกใจมากเลยทีเดียว
หลังจากนั้นหนึ่งวินาที เธอนั้นเงยหน้าแล้วก็ตกใจ เพราะว่าในที่นี้มีผู้หญิงนั้นถูกขังไว้สิบกว่าคน ในเวลานี้ พวกเธอนั้นก็มองเสิ่นอีเวยด้วยความกลัว ซึ่งหญิงเหล่านั้นก็ได้นั่งกอดเข่าตัวเอง ที่พวกเธอนั้นกลัวก็คือผู้ชายเหล่านั้นยืนอยู่ด้านหลังเสิ่นอีเวย
เสิ่นอีเวยก็ได้มองไปรอบ ๆ ผู้หญิงพวกนี้เต็มไปด้วยฝุ่นคลุ้งความสกปรก ผมเผ้าก็พะรุงพะรัง ดูไปแล้วน่าสมเพชยิ่งนัก
เสิ่นอีเวยในขณะที่ตกใจอยู่นั้น ชายชุดสูทนั้นก็ได้เรียกคนของเขานั้นขึ้นรถไป แล้วก็ให้อีกสองคนนั้นขับรถไป
ภาพวาดที่วุ่นวายสับสนเหล่านี้ต่างก็อยู่ในสายตาของเสิ่นอีเวยทั้งนั้น เธอนั้นก็ไม่ได้ทันจะตอบโต้กลับมา แต่ก็ยังอยู่ที่ตรงนั้นไม่ได้ไปไหน ชายที่อยู่ด้านหลังนั้นก็ได้ผลักเธอไป เสิ่นอีเวยก็ได้ใช่สายตาที่โมโหมองไปตรงนั้น
“อย่ามาอ้ำ ๆอึ้ง ๆ เดินไปตรงนั้น ไวไวหน่อย” ไอ้อ้วนคนนั้นทั้งด่าทั้งพูด สายตาที่น่ากลัว
ไอ้อ้วนนั้นผลักอย่างรุนแรง เสิ่นอีเวยก็เดินไปด้านหน้า หัวเกือบจะไปโขกกับระเบียงเหล็ก แต่ทันใดนั้นไหล่ของเธอกลับถูกจับด้วยสองมือ
เสิ่นอีเวยเงยหน้าช่วงนั้นเอง สองมือนั้นก็หายไป แต่เธอนั้นก็ยังรู้สึกถึงว่ามือนั้นก็ยังมีนาฬิกาอยู่
หลังจากนั่งลงแล้ว ก็มีคนหนึ่งมาปลดเชื่อของเธอ สองมือของเธอนั้นก็ได้รับอิสระ ซึ่งมีความรู้สึกเจ็บหลังจากการปลอดเชือก