สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 438
บทที่ 438 จุดมุ่งหมายของค่ำคืนนี้
“ปั้ง”
เสียงของท่อนเหล็กนั้นได้สัมผัสกับหัวสมอง จนทำให้เกิดเสียงของไอ้อ้วนนั้นที่ร้องด้วยความเจ็บปวด
หัวของเขานั้นมีเลือดออก แล้วก็ไหลลงบนหน้าของเขา ทำให้คนในนั้นเกิดความโกลาหลเกิดขึ้น
ผู้หญิงที่ไม่กลัวมาก ๆ ก็ได้หลบตรงที่มุมนั้น ผู้หญิงที่ถูกทารุณนั้นก็เงยหน้าออกมาด้วยคราบน้ำตาที่ไหลนอง แล้วก็ได้มองไปยังเสิ่นอีเวย แต่ไอ้อ้วนเพราะโดยความโมโหโจมตีใส่ ดังนั้นเลยไม่ได้สังเกตถึงอะไรเลย
ไอ้อ้วนนั้นก็ได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก ร้องโอดโอยเช่นนั้น ซึ่งไม่สามารถลุกขึ้นมาได้เลย ไอ้หนวดนั่นพอได้เห็นแล้วก็โมโหแล้วก็เดินมายังเสิ่นอีเวย แล้วก็ด่าว่า “ไอ่ชั่วห่านี่สงสัยไม่อยากจะมีชีวิตแล้วสินะ กล้ามาตีคนของกู”
ชายชุดสูทคนนั้นเห็นไอ้หนวดนั้นกำลังจะเดินเข้าไปจัดการ แต่เสิ่นอีเวยก็ได้ทำท่ายกท่อนเหล็กขึ้นมาเตรียมตัวแล้ว ชายชุดสูทก็ตกใจ เขาเป็นผู้ฝึกวิชา แล้วก็ปฏิกิริยาที่ว่องไว ถึงแม้วันนี้จะใช่สุดสูท แต่วิ่งไวอย่างไอ้หนวดนั่นเสียอีก
ชายชุดสูทได้ห้ามไอ้นวดไว้ ซึ่งไอ้หนวดนั้นมีพลังกำลังที่มาก แน่นอนว่าไม่อาจจะต่อกรได้ ก็เลยโมโหแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ปล่อยผม ผมจะต้องจัดการไอ้ผู้หญิงคนนี้”
เสิ่นอีเวยฟังที่พูดว่า ไอ้ผู้หญิงคนนี้ในใจก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ตัวเองนั้นถูกดูถูกตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
เสิ่นอีเวยก็เลยไปผลักให้ผู้ชายคนนั้นออกห่าง แล้วก็ใช้ท่อนเหล็กฟาดไปยังไอ้หนวดนั้น
ไอ้หนวดนั้นร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น
เสิ่นอีเวยตาแดงนั่นมาก ๆ ร่างกายนั้นเหมือนกับมีไฟลุกที่ไม่มีทางจะดับได้เลย ท่อนเหล็กนั้นตัวเองก็ได้ใช้เป็นครั้งที่สองก็ยังถูกจับอยู่เช่นนั้นไม่ปล่อยมือ
“พอแล้ว” สองพยางค์ที่เย็นชาพูดออกมา
เส่นอีเวยก็หันกลับไป แล้วก็มองด้วยสายตาที่น่ากลัวกับชายชุดสูทแล้วขู่ว่า “ออกไป”
พูดไปแล้วก็แปลกใจ ชายชุดสูทคนนี้ครั้งนี้กลับไม่เหมือนไม่เป็นธรรมชาติ เขามองเสิ่นอีเวยอย่างตั้งอกตั้งใจ กลับมีความเยือกเย็นอยู่ในนั้น เหมือนกับกำลังมองไปยังส่วนลึกของจิตใจ
ในที่สุด ชายชุดสูทคนนั้นก็ได้ใช้น้ำเสียงที่นิ่ง ๆ สุขุมพูดออกมาว่า “พอแล้ว” เป็นรอบที่สอง
เสิ่นอีเวยก็ตกใจ เพราะว่าเสียงพูดนั้นทำให้เธอนั้นรู้ถูกดึงดูดเข้าไปในความรู้สึก และเธอรู้สึกไม่ชัดเจนว่าชายคนนี้อยากจะหยุดเธอ หรือว่ากำลังแสสร้างจะหยุดเธอในการกระทำครั้งนี้
แต่แปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ เสิ่นอีเวยนั้นมองไปยังสายตาของชายคนนี้ แล้วก็กลับมีความสงบขึ้นมา
มือและใจก็สบายขึ้น ท่อนเหล็กนั้นหล่นอยู่บนพื้น ซึ่งเกิดเสียงสะท้อนขึ้นมาอยู่ด้วย ความเงียบในห้องนั้นกลับมีความอันตรายซ่อนอยู่
ไอ้หนวดนั่นก็ยังอดทนต่ออาการบาดเจ็บนั้น แล้วก็กำลังจะพยายามลุกขึ้นมา แล้วก็จะเดินไปหาเสิ่นอีเวย แล้วจะเข้าไปทำร้ายเธอ แต่กลับถูกชายชุดสูทนั้นห้ามไว้
“พอได้แล้ว อย่างสร้างปัญหา” ชายชุดสูทนั้นพูดขู่ออกมา ด้วยการข่มขู่ด้วยอำนาจ
ไอ้หนวดนั้นมีสายตาที่เคียดแค้น แล้วก็ไม่เข้าใจความหมายของชายชุดสูทแล้วก็พูดออกไปว่า “พี่ใหญ่ พี่ไม่ได้เห็นหรอกรึ พวกเราถูกตีจนเป็นอย่างไงเนี่ย พี่อดทนได้หรือ ? ในรถนี้พวกเราสิต้องเป็นคนจัดการ แล้วไอ้ผู้หญิงคนนี้จะมาก้าวร้าวแบบนี้ได้ไง วันนี้ผมก็ควรจะสั่งสอนถึงจะ…….”
คำสุดท้ายยังไม่พูดหมด ก็ได้เห็นสายตาที่น่ากลัวของชายชุดสูทที่มองอยู่นั้น ไอ้หนวดนั้นก็เหมือนสัมผัสถึงสายตานั้นแล้วก็เหมือนกำลังถูกตักเตือน แล้วก็ไอ้หนวดนนั้นก็มีสายตาที่รู้สึกไม่เป็นธรรมเอาซะเลย
“ฉันจะขอเตือนพวกนายอีกครั้งหนึ่ง อย่าสร้างปัญหา ไม่งั้นไปพูดกับคุณท่านฉินที่สามเองแล้วกัน ฉันจะไม่ช่วยอะไรเลย สุดท้ายนี้ ในรถนี้ฉันเป็นใหญ่สุด ไม่ใช่พวกเรา”
ชายชุดสูทมีสายตาที่น่ากลัวและเยือกเย็น ทำให้รู้สึกถึงความเย็นชามาก
ไอ้หนวดนั้นฟังเสร็จแล้ว ก็รู้สึกยอมแพ้ สุดท้ายก็ได้หันกลับมามองเสิ่นอีเวยด้วยสายตาที่น่ากลัว แล้วก็พูดออกมาว่า “เดี๋ยวมึงรอกูก่อนเถอะนะ”
พอพูดเสร็จ ก็ได้เดินไปข้าง ๆ ไอ้อ้วนนั่นที่นอนอยู่บนพื้น แล้วก็ดูบาดแผลนั้น แล้วก็ได้ไปสั่งให้เสี่ยวหลินจื่อว่า “ไปเอาหีบยามาให้หน่อย”
เสี่ยวหลินจื่อที่นั่งอยู่นั้นก็เลยไปเอาหีบยามา เสิ่นอีเวยก็เลยยิ้มหัวเราะออกมา แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก
ในห้องตู้โดยสารนั้นก็เต็มไปด้วยความสงบที่น่ากลัว
หันหัวกลับไป ก็เห็นแขนของตัวเองนั้นถูกชายชุดสูทนั้นจับอยู่ เสิ่นอีเวยก็รู้สึกขยะแขยง แล้วก็ใช้แรงนั้นสะบัดออกมา แต่หน้าของชายคนนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เพียงแต่ในนั้นเต็มไปด้วยความล้ำลึกที่ซ่อนอยู่ในสายตา แล้วก็กลับไปยังที่นั่งของตัวเอง
เสิ่นอีเวยนั่งลง แล้วก็มองไปยังไอ้หนวดกำลังทำแผลให้ไอ้อ้วนด้วยสายตาที่เย็นชา
ในห้องตู้โดยสารที่เป็นผู้หญิงนั้นทุกคนก็ได้เห็นเรื่องราวทั้งหมด แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดซุบซิบออกมาเลย จะต้องรู้ว่า พวกเธอนั้นกลัวผู้ชายพวกนี้มากขนาดไหน ถูกย่ำยี ถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ยอมทำ
ดังนั้นเสิ่นอีเวยที่ได้เอาเหล็กฟาดใส่หัวไอ่ชั่วสารเลวนั่น ก็ใช้ความรู้สึกที่อยากจะฆ่าให้ตายนั้นตีลงไป
ดังนั้นตอนที่เสิ่นอีเวยนั่งลงมานั้น คนทั้งหมดก็รู้สึกถึงความนับถือที่มีให้เสิ่นอีเวย แต่เสิ่นอีเวยกลับมีความวุ่นวายอย่างมากจิตใจตัวเอง เธอก็คิดอยู่ทุกวิถีทางว่าจะหลุดพ้นออกจากที่นี่ได้อย่างไร
เสิ่นอีเวยก็เลยขยับตัวเล็กน้อย ซึ่งได้เห็นพื้นที่ข้างนอกเล็กน้อยซึ่งเป็นสีดำไปหมด
ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงเช้ามืดแล้ว ทุกสิ่งที่เห็นก็คือความมืดทั้งหมด ทำให้คนที่คิดจะหนีนั้นหาหนทางไม่เจอเลย
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง รถก็ได้จอดลง
พอรถนั้นจอดแล้ว รวมถึงเสิ่นอีเวย ผู้หญิงทุกคนในรถนั้นก็รู้สึกถึงความว้าวุ่นและตกใจเป็นอย่างมาก
ตอนที่รถกำลังแล่นอยู่นั้น ทุกคนก็อยากจะให้ใจนั้นสงบลง เพราะว่ารถที่กำลังขับอยู่นั้นอย่างน้อยก็ได้รู้ว่ายังไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้รถจอดแล้ว ทุกอย่างนั้นไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย
ผู้หญิงที่ถูกต้อนลงรถนั้นก็ต่างมีความผวาทั้งสิ้น ซึ่งไม่กล้าที่จะเดินหน้าต่อไป แล้วก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย แม้กระทั่งเสียงลมหายใจก็ยังไม่กล้าที่จะหายใจดัง