สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 442
บทที่ 442 ข้อขัดแย้งระหว่างผู้ชาย
เป็นไปตามที่คาดเดาเอาไว้ เหล่าสาวๆที่หวาดกลัวมากต่างร้องไห้น้ำตาไหลพรากระงมไปทั่ว การร้องไห้ออกมาราวกับจะช่วยลดความหวาดกลัวไปจากใจได้
“ฉันอยากกลับบ้านจริงๆ… ฉันหายตัวมาจากบ้านนานมากแล้ว พ่อแม่คงเป็นห่วงน่าดู หือๆๆๆ…”
“ฉันก็เหมือนกัน ฉันกลัวเหลือเกินว่าจะไม่เจอหน้าคนในครอบครัวและเพื่อนๆของฉันอีกได้อีก…”
เสิ่นอีเวยที่อยู่ข้างๆมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเธอ ในใจเธอเหมือนถูกต่อยจนเจ็บระบม สาวๆเหล่านี้ดูแล้วหากไม่ใช่นักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆก็ต้องเป็นคนที่ออกมาหางานทำ
เพราะทั้งสองกลุ่มนั้นมักเป็นกลุ่มที่โดนเป็นเป้าหมายของคนกลุ่มนี้ ช่วงชีวิตที่กำลังสดใสตามอายุกลับถูกจับตัวมาอยู่ที่นี่ ช่างทำให้คนรู้สึกหดหู่เสียจริง
เสียงร้องไห้ระงมของพวกเธอดังออกไปด้านนอกจนมีเสียงคนถีบประตูใหญ่ เสียงนั่นยังเป็นผู้ชายคนเดิม เขาใช้เสียงดุดันโหดร้ายเตือนพวกเธอ: “อีนางพวกหญิงพวกนี้นี่! กูให้พวกมึงรีบอาบน้ำไม่ใช่หรือไง? แล้วร้องไห้โหวกเหวกโวยวายทำไมกัน? ร้องไห้ให้ญาติมึงหรอ! ถ้ามึงยังไม่รีบอาบน้ำ เดี๋ยวกูจะเอาพวกมึงทั้งหมดนี้ไปทิ้งไว้ที่หลังภูเขาเอาให้หมาป่ามันแดก มึงเชื่อกูไหม!”
การเผชิญหน้าต่อผู้ชายท่ามกลางความหวาดกลัวทุกคนต่างเงียบสนิททันทีขนาดยังไม่กล้าที่จะหายใจเสียงดัง
เขาเห็นว่าห้องเงียบลงแล้วเลยเดินออกไป
เหล่าหญิงสาวต่างพากันอาบน้ำตามค่ำสั่ง ถึงแม้ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอีกสักพักคงมีอะไรต้อนรับกับพวกเธออยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าที่จะไม่ทำตามคำสั่ง
เสิ่นอีเวยกลัวว่าที่นี่จะมีวงจรปิดหรืออะไรจำพวกนั้นซ่อนเอาไว้ หล่อนเลยได้แต่พิงผนังกำแพงพร้อมทั้งหลับตาเอาไว้แทน
จากนั้นไม่นาน มีผู้หญิงคนหนึ่งเขยิบเข้าใกล้หล่อนแล้วถามกลับ: “เธอไม่กลัวพวกมันหรอ?”
เสิ่นอีเวยที่จิตใจกำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ อยู่ดีๆกลับมีเสียงดังออกมาๆข้างๆหู หล่อนถึงกับตกใจ หล่อนลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเป็นผู้หญิงถึงได้โล่งอกไปที
“ไม่หรอก ฉันกลัว” เสิ่นอีเวยตอบอย่างปกติธรรมดา
ทว่าสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นกลับทำท่าไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่
หวาดกลัวก็ส่วนหวาดกลัว ทว่าการอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายขนาดนี้ก็ไม่ควรลืมเลือกที่จะปฏิเสธ ทั้งหมดนี่เป็นวิธีการปฏิบัติตัวและความคิดของเธอมาโดยตลอด
“วันนี้เธอช่วยฉันแก้แค้น ขอบคุณนะ” หญิงสาวพูดต่อเรื่อยๆ
สายตาของเสิ่นอีเวยที่กำลังเพ่งเล็งไปด้านหน้าถึงกลับตกใจกับคำพูดนี้เลยหันศีรษะกลับมามองหล่อนอย่างพินิจพิเคราะห์ ที่แท้คนที่พูดก็คือหญิงสาวที่วันนี้ถูกผั้งจื่อรังแกบนรถนั่นเอง
ร่างกายที่อ่อนแอของเสิ่นอีเวยไม่สามารถที่จะฉีกยิ้มออกมามากได้ มุมปากเลยดูแข็งๆ หล่อนพูดตอบกลับอย่างเรียบๆ: “ไม่ต้องหรอก”
สิ้นเสียงคำพูดนั้นลง ประตูห้องกลับถูกเปิดออก ผู้ชายคนเดิมเป็นคนเดินเข้ามายังบริเวณด้านใน ส่วนหญิงสาวที่ยังสวมใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยนั่นกรีดร้องกันระงมด้วยความหวาดกลัว สมองเสิ่นอีเวยเต้นดังตึบๆราวกับกำลังจะระเบิดออกมา
เขาใช้สายตาหื่นกระหายนั่นจ้องมองหญิงสาวที่ยังสวมใส่เสื้อผ้าไม่เสร็จแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วยื่นมือออกมาลูบคางตัวเอง พลางเอ่ยขึ้นมา: “ฉันแนะนำให้พวกแกเร่งมือหน่อย เพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาแห่งการกรีดร้อง อีกสักพักถึงจะถึงเวลา! มานี่ ทุกคนเข้าแถวให้เรียบร้อย!” ผู้ชายร่างใหญ่โตตะโกนลั่น น้ำลายกระเด็นกระดอนแตกพร่าในอากาศ
เสิ่นอีเวยเดินอย่างหมดอารมณ์และไม่พูดจาอะไรต่อ เดินเข้าไปอยู่ในกลุ่มหญิงสาวที่กำลังมุ่งหน้าไปยังด้านหน้า
หญิงสาวคนอื่นต่างหวาดกลัวจนไม่สามารถหยุดร้องได้ ทว่าสีหน้าของเสิ่นอีเวยกลับนิ่งสงบ เวลาที่หล่อนเดินผ่านประตู ผู้ชายคนเมื่อครู่ถึงกลับต้องหันมามองหล่อนแวบหนึ่งด้วยความสนใจ
เวลาที่เสิ่นอีเวยเดินออกจากสถานที่ท่ามกลางคนกลุ่มนั้น ยังมีหญิงสาวอีกมากมายที่เดินออกมาจากห้องอื่น ทุกคนต่างมีสีหน้าที่พิมพ์เดียวกันหมด นั่นคือหมดความหวังและอาการหมดอาลัยตายอยากจากทุกสิ่ง
ทางเดินค่อนข้างกว้างใหญ่เอามาก ทว่ากลับมีคนคอยดูสอดส่องเอาไว้มาก เพราะฉะนั้นแถวแบ่งเป็นสองแถวค่อยๆเคลื่อนตัวไปด้านหน้าอย่างช้าๆ
ผู้ชายที่มีรอยแผลเป็นอยู่บริเวณใบหน้าเขายืนอยู่ด้านสุดของแถว ทำราวกับต้องการตรวจสอบอะไรบางอย่าง ทุกครั้งที่มีผู้หญิงเดินผ่านมาเขาต้องฉีดน้ำหอมใส่บนเรือนร่างของผู้หญิงหลายครั้ง กลิ่นน้ำหอมค่อนข้างรุนแรงจนสามารถล่องลอยเข้าจมูกเสิ่นอีเวย
หล่อนเดินไปด้านหน้าพลางสำรวจอากัปกิริยาที่กำลังดำเนินอยู่เช่นกัน ในยามนี้จำนวนคนค่อนข้างเยอะ เสิ่นอีเวยพยายามมองหาโอกาสเพื่อจะหลบหนี ทว่าลูกน้องของท่านฉินมากมายนัก แค่จำนวนลูกน้องที่คอยสอดส่องพวกหล่อนอยู่ในห้องก็มากโข อย่าถามถึงด้านนอกเลยว่าจะเป็นลักษณะใด
หากเวลานี้วิ่งหนีไปเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟลนหาที่ตายชัดๆ
เสิ่นอีเวยมองเหตุการณ์ที่อยู่ด้านหน้าที่ผู้ชายหัวล้านนั่นกำลังฉีดน้ำหอมพลางถูกผู้ชายหลายคนลูบไล้ไปตามเรือนร่าง หล่อนถึงกลับเครียดขึ้นมาทันที อีกสักพักก็จะถึงตาเธอแล้ว หากผู้ชายคนนั้นทำพฤติกรรมแบบนั้นกับหล่อนขึ้นมา หล่อนคงอดกลั้นไม่ไหวแน่ ทว่าสถานที่แห่งนี้กลับมีคนของเขามากมาย หล่อนคงไม่มีทางสู้ได้…..
สมองกำลังครุ่นคิดอยู่หลายตลบ ส่วนหัวใจนั้นเต้นโครมครามไม่หยุด ยิ่งดูผู้หญิงด้านหน้าค่อยๆเขยิบเข้าใกล้พวกนั้นขึ้นเรื่อยๆ เสิ่นอีเวยได้แต่กำหมัดแน่นอยู่ในกระเป๋าเสื้อแทน
ในยามนั้นเอง บริเวณด้านหน้าของเสิ่นอีเวยเหลือผู้หญิงเพียงแค่คนเดียว ยามเมื่อผู้ชายหัวล้านคนนั้นฉีดน้ำหอมให้ผู้หญิงคนนั้นก็พลันมองเห็นเสิ่นอัเวยที่ยืนอยู่ด้านหลัง เขาจดจำหล่อนได้อย่างแม่นยำว่าหล่อนเป็นคนผู้หญิงที่ตีหัวผั้งจื่อ อีกอย่างหล่อนเป็นสาเหตุที่ทำใหหานฉีเฟิงกับผั้งจื่อทะเลาะกัน
เสิ่นอีเวยในยามนี้ถึงแม้จะตกระกำลำบากก็ตามที ทว่าใบหน้าที่งดงามมาตั้งแต่เกิด ขนาดอยู่ในสถานการณ์ที่ทรมานมาตั้งนานขนาดนี้ ใบหน้าที่แต่งเติมมาก็ละลายหายไปหมด อีกทั้งเมื่อครู่ที่อยุ่ในห้องอาบน้ำนั่น ความละอองความร้อนพรั่งพรูขึ้นมาจนใบหน้าในยามนี้ของหล่อนยิ่งขาวหมดจดหน้าแดงฝาด ลักษณะแบบนี้ยิ่งทำให้คนหลงรักมากขึ้น
อีกทั้งดวงตาคู่นั้นที่สดใสแวววาวของเสิ่นอีเวย ถึงแม้ว่าตอนนี้จะสื่อถึงความเย็นชาก็ตาม มันยิ่งกระตุ้นความหื่นกระหายของผู้ชายอย่างมาก
ผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าของเธอเดินออกไปแล้ว เสิ่นอีเวยเดินมาถึงด้านหน้าผู้ชายหัวล้าน เขาชูขวดน้ำหอมขึ้น ในยามนั้นพลางใช้สายตาโลมเลียมองมายังเสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยเห็นสีหน้าหื่นกระหายแบบนี้ในใจหล่อนถึงกลับอยากจะอาเจียนขึ้นมา จิตใต้สำนึกของหล่อนพลางเตรียมถอยหลังหนี
ผู้ชายหัวล้านเป็นคนที่ไหวพริบดี เขารู้ดีว่าเสิ่นอีเวยพยายามจะถอยหลังเพื่อหลีกเลี่ยง เลยพยามถลักด้านหน้าหล่อนเอาไว้ เพื่อจะกระหวัดบริเวณเอวของหล่อนเพื่อให้มาแนบชิด ใจเสิ่นอีเวยเริ่มส่งสัญญาณเตือนภัยตั้งรับ อารมณ์โกรธที่อัดอั้นอยู่บริเวณอกเริ่มปะทุขึ้น หมัดที่กำไว้แน่นในกระเป๋าเสื้อนั้นเตรียมตัวปะทะ
หล่อนเห็นเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าที่มือของผู้ชายหัวล้านคนนั้นเขยิบเข้าใกล้เพื่อพยายามแตะต้องร่างกายเธอ ในเวลานั้นเอง ห้องโถงกลับมีเสียงหยาบคายดังขึ้นมาแทน: “หัวล้าน รีบๆหน่อย เอาพวกหล่อนเข้ามาเร็วๆ!”
สิ้นเสียงประโยคดังกล่าว มือของผู้ชายหัวล้านถึงกับหยุดชะงักทักที ถึงแม้ว่าเขาอยากจะลูบไล้ก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าที่จะทำให้ท่านฉินเสียเวลา
เขาถึงกับอดมองเสิ่นอีเวยอีกรอบไม่ได้ พลางหันตัวกลับไปตะโกนสั่งผู้หญิงด้านหลังว่า : “ทุกคนเดินไปให้หมด!”