สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 61
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 61 เสิ่นอีเวยถูกสะกดรอยตาม
เสิ่นอีเวยตกใจเพราะหล่อนคิดว่าคนอยู่แต่ที่สูงๆเป็นถึงประธานของบริษัทยักษ์ใหญ่แบบนี้อย่างเซิ่งเจ๋อเฉิง ในใจคงไม่ได้สนใจเรื่องพนักงานเล็กๆแต่ที่คาดไม่ถึงคือเขาค่อนข้างมีความรับผิดชอบ
ตัวเขาเองก็มีหลินอวี้ที่ทำเรื่องต่างได้อย่างครบถ้วนอยู่แล้ว แถมระหว่างทุกหน่วยงานก็มีหัวหน้าอีก เรื่องหยุมหยิมพวกนี้ไม่ต้องมาทำให้เขาคอยกังวลอยู่
เสิ่นอีเวยเงยหน้าขึ้นพบว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังจ้องมองเธออย่างจริงจัง ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าควรพูดว่าอะไรได้แต่เลื่อนสายตาหนีแกล้งทำเป็นยุ่งอยู่กับเรื่องต้นฉบับที่ออกแบบที่อยู่ในมือ
“คุณพูดเรื่องพวกนี้ออกมาแล้วนะ ฉันจะได้ไม่ต้องไปคิดเรื่องพวกนี้อีก”
เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้ตามเรื่องนี้ต่อ เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก น้ำเสียงในตอนนั้นกลับมาเป็นเคร่งขรึมเหมือนเดิม : “ฉันรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสวี่อันฉิงนั้นไม่ดีเท่าไหร่ แต่ไหนแต่ไรมาเซิ่งซื่อไม่เลี้ยงคนที่ไม่ทำงาน ฉันหวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ต่อไปจะเกิดเรื่องแบบนี้น้อยลง”
ด้วยน้ำเสียงเย็นชาเซิ่งเจ๋อเฉิงที่ดูเฉยเมย แต่สำหรับเสิ่นอีเวยเธอคุ้นเคยกับการพูดแบบนี้ของเขา แต่ในใจหล่อนกลับมีคลื่นกำลังก่อตัวอยู่บ้าง
หล่อนไม่ได้เงยหน้ามองเขาได้แต่ตอบรับ : “อือ ฉันเข้าใจ ต่อไปมีเรื่องไรฉันจะพยายามหาวิธีจัดการปัญหาส่วนตัว ไม่รบกวนเวลาการทำงานของทุกคน”
เซิ่งเจ๋อเฉิงพยักหน้าตอบแต่เสิ่นอีเวยไม่ได้มอง
“คืนนี้ฉันจะไปคุยงานกับลูกค้าแถวๆนี้นะ ฉันจะไม่กลับบ้านพร้อมเธอ”
มือของเสิ่นอีเวยที่กำลังหยิบสิ่งของอยู่เกิดอาการสั่นขึ้นมา หล่อนเงยหน้ามองเซิ่งเจ๋อเฉิง สีหน้าเขากลับมีหน้าที่ปกติธรรมดาตามสไตล์เขา
ในใจของเสิ่นอีเวยเกิดความตระหนก เพราะเมื่อก่อนเซิ่งเจ๋อเฉิงเขาจะไม่พูดแบบนี้กับหล่อนเลย เรื่องที่ว่ากลับบ้านด้วยกันนั้นเอาเข้าจริงแล้ววินาทีนั้นมันทำให้ตัวหล่อนเกิดการประหม่านิดๆ
เซิ่งเจ๋อเฉิงมองเสิ่นอีเวยที่ไม่ยอมพูดยอมจา เขาคิดว่าหล่อนกำลังคิดเรื่องที่พูดเมื่อกี้นี้ เขากลับไม่รอหล่อนตอบกลับได้แต่เดินออกไปจากห้องทำงานทีนที
เสิ่นอีเวยมองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง หล่อนยังรู้สึกว่ายังไม่ดึกเท่าไหร่อีกอย่างกลับบ้านไปก็ไม่มีอะไรให้ทำ รอที่นี่อีกสักพักก็ง่ายดี
ตัวอย่างรูปการออกแบบชุดแต่งงานแห่งปี หล่อนเปิดดูทีละหน้าไปเรื่อยๆ เวลาค่อยๆผ่านไปจนถึงเวลาที่หล่อนตัดสินใจที่จะพักเลยพบว่ามันเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว
เสิ่นอีเวยเก็บของแล้วออกทางประตูใหญ่ของบริษัท ตอนที่หล่อนขับรถจากชั้นใต้ดินเมืองทั้งเมืองแสงไฟก็สว่างไสวไปทั่ว เสิ่นอีเวยค่อยๆขับรถตามริมถนนและหล่อนครุ่นคิดว่ากลับไปบ้านจะทำอะไรกินดีเพื่อทดแทนความเหนื่อยล้าเพราะในวันนี้เป็นแรกของการทำงานแต่จิตใจของตัวเองกลับไม่ได้มีความสุขสักเท่าไหร่
เสิ่นอีเวยคิดไม่ถึงเลยว่าดึกขนาดนี้แล้วรถยังจะติด ไฟท้าย
สีแดงของรถยนต์เดี๋ยวจอดเดี๋ยวหยุด
ตอนที่ขับรถเข้าสู่ถนนหลัก หล่อนมองเวลาปาเข้าไปสี่ทุ่มแล้ว เสิ่นอีเวยใช้เท้าเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งความเร็วขึ้น
การจราจรที่แออัดเบียดเสียด เสิ่นอีเวยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังถูกรถคันหลังตามอยู่เลยสักนิด
ตลอดการขับรถ ตอนแรกหล่อนไม่ได้พบว่ากำลังเกิดปัญหาอะไร ทว่ารถสีดำคันที่อยู่ด้านหลังนั้นไม่ได้ปล่อยให้รถหล่อนคาดสายตา ไม่ว่าหล่อนจะขับไปทางไหนก็จะขับไปทางนั้น ไม่ว่าจะเลี้ยวไปทางไหนก็จะพบรถของอยู่สะท้อนอยู่ในกระจกโดยตลอด
เสิ่นอีเวยเจอกับสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
หล่อนจับพวงมาลัยแน่นมือเริ่มสั่น แต่หล่อนไม่สามารถที่จะจอดรถได้ เสิ่นอีเวยสูดลมหายใจเข้าตั้งสติ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรในเวลานี้หล่อนอยากโทรหาเซิ่งเจ๋อเฉิง
เสิ่นอีเวยกลับไม่รู้ตัวว่ามือของหล่อนทั้งสองข้างนั้นกำลังสั่นไม่หยุด ใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ หล่อนคิดไม่ออกเลยว่าตัวเองไปทำผิดกับใครไว้ถึงได้ถูกสะกดรอยตาม
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น หล่อนก็โทรออกหาเซิ่งเจ๋อเฉิง หล่อนมองชื่อสามคำที่แสดงอยู่หน้าจอ ใจของเสิ่นอีเวยยิ่งเต้นหนักเข้าไปอีก เท้าก็เหยียบคันเร่ง หล่อนใช้ความเร็วเพิ่มขึ้น รถคันที่อยู่ด้านหลังก็ขับเร่งตามมาอย่างเห็นได้ชัด
เหงื่อบางๆเริ่มผุดออกมาบริเวณหน้าผากของเสิ่นอีเวย
คืนนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงเขาต้องคุยเรื่องสัญญาฉบับสำคัญ หล่อนโทรศัพท์ไปหาจะรบกวนเขาไหม? ในใจหล่อนนี้กลัวมาก แต่ว่าใจอีกฝั่งก็รออย่าให้เซิ่งเจ๋อเฉิงรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล”
เสียงเซิ่งเจ๋อเฉิงดังเข้าหูเสิ่นอีเวย แต่ว่าความอบอุ่นน้ำเสียงก็คือเย็นชาปกติเหมือนเดิม
ใจของเสิ่นอีเวยเริ่มสั่นขึ้นมา หล่อนรู้ว่าตัวเองกำลังรบกวนเขาอยู่ ใจหล่อนตัดสินใจแล้ว หล่อนบังคับให้ตัวเองยิ้มที่มุมฝีปาก : “ไม่มีอะไร ฉันไม่ระวังเอง ฉันโทรผิด”
น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงเริ่มละเหี่ยใจ : “เสิ่นอีเวยเธอทำบ้าอะไรเนี่ย?”
ความสนใจทั้งหมดของเสิ่นอีเวยไปกับรถคันสีดำที่อยู่ด้านหลังเธอเลยไม่ได้สนใจคำถามที่เซิ่งเจ๋อเฉิงถาม เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาของเสิ่นอีเวยเลยถามต่อ : “เธอกลับถึงบ้านหรือยัง?”
เสิ่นอีเวยใช้สติที่มีอยู่มองด้านหน้าพยายามอย่างยิ่งที่ไม่ใช้สายตาของตัวเองคนที่อยู่ในรถที่อยู่ด้านหลังรู้ตัวขึ้นมา หล่อนพยายามบังคับน้ำเสียงของตัวเองที่จะทำให้ไม่สั่นและหลอกเขาพร้อมตอบกลับไป : “ใกล้แล้ว ฉันใกล้กลับถึงบ้านแล้ว”
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้พูดอะไรต่อ สักพักเขาก็วางสาย ใจของเสิ่นอีเวยกลับวูบลงเล็กน้อย
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาหล่อนไม่กล้าที่จะเสี่ยง
สำหรับหล่อนแล้วหมู่นี้เซิ่งเจ๋อเฉิงอารมณ์เปลี่ยนไปบ้าง มีแค่ตัวเสิ่นอีเวยเท่านั้นที่รู้ หล่อนไม่กล้าที่จะบอกว่าในใจของเขามีหล่อนอยู่ในนั้น หล่อนไม่แน่ใจว่าเมื่อบอกเรื่องที่ตัวเองกำลังโดนคนสะกดรอยตามนั้นต่อไปจะถูกเขาหัวเราะเยาะหรือเปล่า ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องที่เขาจะปล่อยสัญญาที่สำคัญฉบับนั้นไปได้เพื่อตัวหล่อน
ในใจเสิ่นอีเวยได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น อาศัยตัวเองก็แล้วกัน
ขอแค่ขับรถเร็วที่พอจะสามารถสะบัดรถคันหลังให้หลุดไปได้ เพราะตอนนี้ฉันก็ไม่มีทางอื่นแล้วเหมือนกัน
ตอนที่เหยียบคันเร่งลง ร่างกายทุกส่วนของเสิ่นอีเวยเกร็งขึ้น
รถคันที่อยู่ด้านหลังเริ่มเบื่อที่จะต้องตาม พวกเขาอยากที่จะขับแซงเสิ่นอีเวย อย่า อย่าให้พวกเขาขวางหน้าได้ ในใจของสิ่นอีเวยคิดแบบนั้น
แต่ว่ารถที่อยู่ด้านหลังคนขับเป็นผู้ชาย ไม่นานก็ขับเลยรถเสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยคิดอยู่สักพักอยากที่จะกลับรถ แต่สิ่งที่หล่อนเห็นกับตาคือด้านหน้ารถคันสีดำคันนั้นจอดกั้นขวางหน้ารถ เส้นทางถูกปิดกั้น
เสิ่นอีเวยล็อกประตูรถอย่างเอาเป็นเอาตาย ในมือซ้ายก็กำโทรศัพท์ไว้แน่น มือขวาก็ควานหาขวดสเปรย์ป้องกันตัว ทั้งๆที่หล่อนก็รู้ว่าของสิ่งนี้ในยามคับขันก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่หล่อนตัวคนเดียวก็แค่อาศัยอันนี้แหละเป็นกำลังใจให้ตัวเอง
เสิ่นอีเวยมองรถที่อยู่ด้านหน้าประตูรถเปิดออก มีคนจำนวนสี่คนรูปร่างกำยำล่ำสันทั้งหมด คนที่เป็นหัวหน้าในมือเหมือนจะถือแท่งอยู่แท่งหนึ่งเหมือนไม้กระบองแบบนั้น
ผู้ชายหลายคนนั้นเดินตรงมาทางเสิ่นอีเวย ระยะห่างยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ