สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 68
บทที่ 68 ทำไมเป็นสวี่อันฉิง
เสิ่นอีเวยโมโหจนอยากจะทุบโทรศัพท์ให้ละเอียด ทันใดนั้นเอง หล่อนนึกถึงหลินอวี้ขึ้นมาได้ หลินอวี้เป็นคนที่น่าเชื่อถือได้ที่สุดของบริษัทของเซิ่งซื่อเฉิง เรื่องเล็กๆน้อยๆของเซิ่งซื่อเฉิงเขารู้หมด
หล่อนจะโทรศัพท์หาหลินอวี้!
หล่อนโทรศัพท์ออกสักพักถึงมีคนรับโทรศัพท์ หลินอวี้ทักทายด้วยน้ำเสียงอย่างมีมารยาทดังมาจากโทรศัพท์ : “ฮัลโหล คุณเสิ่นครับ”
เสิ่นอีเวยรีบเปิดปากถาม : “หลินอวี้ ตอนนี้คุณยุ่งอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่ยุ่ง คุณพูดได้เลยครับ”
“คืนนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงไปกับลูกค้าคนสำคัญใช่ไหม?”
หลินอวี้ได้ยินน้ำเสียงรีบร้อนของเสิ่นอีเวย สิ่งที่เสิ่นอีเวยถามมาอย่างหุนหันพลันแล่นแบนนั้น เขาอึ้งไปสักพัก : “คุณเสิ่น ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาหรือเปล่า?”
เสิ่นอีเวยดูรีบร้อนมากเดิมนิสัยหลินอวี้ค่อนข้างช้าโดยปกตินี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนเกลียดที่เป็นแบบนี้ : “ตอนนี้เวลาปาเข้าไปขนาดนี้ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็ยังไม่กลับมา เมื่อกี้ฉันโทรศัพท์ไปหาเขาครั้งหนึ่งแต่เป็นสวี่อันฉิงรับแทน หล่อนบอกว่าคืนนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงเรียกหล่อนไปเป็นเพื่อนไปกับลูกค้าคนสำคัญ แล้วบอกว่าคุณไปดูงาน ฉันอยากจะถามว่าเป็นไปตามที่บอกไหม?”
ฝั่งหลินอวี้ตอบกลับมา : “ครับ ตารางงานของท่านประธานวันนี้มีงานกับลูกค้าคนสำคัญ ลูกค้าท่านนั้นคือคนที่เมื่อคืนวานท่านรีบไปช่วยคุณเลยต้องเลื่อนมาเป็นคืนนี้แทน อาหารคืนนี้เหมือนกับเป็นการขอโทษไปในตัว”
หลังจากที่เสิ่นอีเวยทราบเรื่อง ใจหล่อนถึงได้สงบลงได้แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้เลยถาม : “แล้วทำไมต้องพาสวี่อันฉิงไปด้วย?”
หลินอวี้เงียบไปสักพักเลยตอบ : “อ้อเรื่องนี้ ผมพูดตรงๆผมไม่ค่อยทราบชัดเจน”
อารมณ์ของเสิ่นอีเวยแย่ลงหนักกว่าเดิม
หลังจากวางสายเสิ่นอีเวยก็เอาหลังบนเตียงซึ่งมันยากแก่การนอนให้หลับ เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้กลับบ้านทั้งคืน
ยิ่งคิดเรื่องที่สวี่อันฉิงพูดกัดอย่างเจ็บแสบคันๆ ใจของเธอเหมือนว่ากินแมลงเข้าไปมันทำให้รู้สึกทุกข์ แล้วสวี่อันฉิงยังพูดบอกว่าส่งท่านประธานเซิ่งที่โรงแรมเพราะเขาดื่มหนักจนเมา?
พูดเรื่องโรงแรมอารมณ์ของเสิ่นอีเวยยิ่งคิดจนวุ่นวายถึงแม้จะรู้ว่าไม่ควรคิดก็ตามตามในใจก็อดไม่ได้ที่จะด่าหลินอวี้ในใจจะไปดูงานตอนไหนไม่ไปมาไปเอาตอนนี้!
ทันใดนั้น เสิ่นอีเวยคิดวิธีการได้อีกหนึ่งอย่างหรือว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงอยากพาหล่อนออกไปตั้งแต่แรกเลยตั้งใจจะให้หลินอวี้ไปดูงานจากนั้นก็เลยจัดการให้ตัวเองวันนี้ไม่ต้องไปทำงานหรอ?
เสิ่นอีเวยเริ่มอยู่ไม่ได้ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืน วันที่สองหล่อนไปบริษัทแต่เช้า
เพิ่งจะออกจากลิฟต์ก็มีคนทักหล่อนทันที เสิ่นอีเวยรู้สึกประหลาดใจ คนพวกนี้ไม่อยากเจอหล่อนไม่ใช่หรอ? นึกถึงเรื่องวันนั้นที่บริษัททุกคนดูหยิ่งมาก หล่อนเพิ่งจะเข้าใจว่าทำไมถึงมีคนมาทักทายหล่อนอย่างสนิทสนม
ในหมู่คนพวกนั้นแค่อยากมาหาเรื่องนินทาแล้วมองไปยังบนใบหน้าหล่อนที่รอยแผลเล็กๆจางๆอยู่ หล่อนก็ไม่ได้สึกแปลกอะไร แต่พอหัวมุมทางเลี้ยวหล่อนกลับเจอกับสวี่อันฉิง
สวี่อันฉิงเห็นหล่อนแต่เธอทำสีหน้าแปลกประหลาด : “ผู้อำนวยการเสิ่นเป็นอะไร? ทำไมได้รับบาดเจ็บ?”
เสิ่นอีเวยไม่อยากคุยกับหล่อนมากมายนัก ตอนนี้หล่อนอยากไปหาเซิ่งเจ๋อเฉิงจะคุยเรื่องที่เมื่อคืนที่ไม่ยอมกลับบ้านให้มันชัดเจนเลยเดินผ่านหน้าหล่อนไปเฉยๆแต่สวี่อันฉิงก็ยังจะหาเรื่องใส่ตัว
“ดูจากสภาพเธอตอนนี้นี่ถูกคนทำร้ายมาใช่ไหม?” น้ำเสียงของสวี่อันฉิงหมือนทำเรื่องร้ายให้เหมือนได้รับข่าวดียังงั้น
เสิ่นอีเอวยหันกลับมามองหล่อน : “เรื่องของฉันมันเกี่ยวกับเธอด้วยหรอ?”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าสายตาของสวี่อันฉิงนอกจากเรื่องดีใจที่คนอื่นลำบากแล้วมันยังซ่อนความหมายอื่นอีก ไม่ใช่ว่าเธอคอยดูละครอย่างเดียว เหมือนหล่อนรู้เรื่องที่เธอถูกคนทำร้ายมายังไงยังงั้น แต่เสิ่นอีเวยในตอนนี้ก็ไม่อยากสืบค้นอะไรจากหล่อนและก็ไม่ได้รอคำตอบก็เดินตรงแน่วไปยังห้องทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิงทันที
เซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังดูสัญญาอยู่ชุดหนึ่งเขาฟังเสียงประตูที่มีคนเปิดออกเลยเงยหน้าขึ้นมาเห็นเสิ่นอีเวย หัวคิ้วค่อยๆเลิกขึ้น
เสิ่นอีเวยเดินไปถึงด้านหน้าเขาหล่อนถามตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม : “เมื่อคืนทั้งคืนไม่กลับไปทำอะไรมา?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงมองเสิ่นอีเวยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม : “นี่เธอกำลังสอบสวนฉันใช่ไหม? ฉันต้องรายงานตารางของฉันให้ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบด้วยหรอ?”
ใจของเสิ่นอีเวยเจ็บนิดๆ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ
“แต่ว่าฉันไม่ได้ใช้ตำแหน่งของผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของบริษัทมาถามปัญหานี้แต่ใช้สิทธิ์ความเป็นภรรยา”
ประโยคที่พูดออกมาเลยทำให้เสิ่นอีเวยรู้ตัวว่าหัวใจเธอเต้นแรงกับคำว่าภรรยา หล่อนสามารถพูดคำนี้ออกมาต่อหน้าเขาได้แล้ว
การป้องกันตัวตนของเสิ่นอีเวยเริ่มพังทลายลงภายใต้การมองของเขาตามหลักจิตวิทยาแล้ว หรือว่าเป็นเพราะตัวเองเพิ่งพูดคำว่าภรรยาออกไปเลยทำให้เขาเกิดการมองหล่อนด้วยสายตาขี้เล่นแบบนั้นนะ?
“เมื่อคืนคุณเกิดเรื่องตอนนั้นฉันกำลังคุยการร่วมงานกับลูกค้าอยู่ แต่หลังจากนั้นก็ทิ้งคนอื่นเอาไว้ เมื่อคืนเลยมาขอแก้ตัวเชิญเขาไปทานข้าว”
เสิ่นอีเวยถามต่อ “คนที่ไปเป็นเพื่อนคุณช่สวี่อันฉิงไหม?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงเงียบไปสักพัก : “ทำไมเธอรู้ว่าสวี่อันฉิงไปกับฉัน?”
“เมื่อคืนสี่ทุ่มแล้วฉันโทรศัพท์ไปหาคุณ สวี่อันฉิงเป็นคนรับสาย คุณทำให้ตัวเองเมาได้ขนาดไหนกันถึงรับโทรศัพท์ไม่ได้?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงรีบพูดอย่างเคืองเสิ่นอีเวยแต่ยิ้มไปด้วย : “คุณนี่มาทำให้คนโกรธได้ด้วย ตอนนั้นฉันมาจริงๆแต่ว่าไม่ได้เอาโทรศัพท์ให้สวี่อันฉิง หล่อนก็คงเห็นว่าฉันเมาเลยรับโทรศัพท์เธอแทนฉันแค่นั้น”
ในที่สุดก็ถามปัญหาในสิ่งที่อยากถามแล้ว : “ทำไมคุณต้องพาเธอไปด้วย?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มจนหัวเองหน่อยๆ “ที่แท้ก็สนใจเรื่องนี้?”
เสิ่นอีเวยลังเลอยู่สักพัก เวลาช่วงนี้ การแสดงออกขอเซิ่งเจ๋อเฉิงต่อหน้าเธอแล้วพฤติกรรมยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆและเป็นสิ่งที่เมื่อก่อนนี้เขาไม่เคยทำมันต่อหน้าหล่อนมาก่อนเลย
“ไม่ใช่ฉันพาหล่อนไปแต่เป็นหล่อนเองที่ขอร้องจะไปเอง”
เสิ่นอีเวยตะลึงแต่ก็สามารถดึงสติกลับมาทัน : “หล่อนขอร้องมาคุณก็อนุญาตหรอ? ฉันจำได้ว่าคุณไม่ใช่คนที่จะฟังคนอื่นง่ายๆ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงฟังสิ่งที่เสิ่นอีเวยพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดี สักพักสีหน้าเขาเริ่มไม่ค่อยดีแล้ว : “เสิ่นอีเวยนี่คุณจบหรือยัง ฉันอธิบายเธอย่างใจเย็น เธอยังมาทำนิสัยประหลาดที่นี่อีก เรื่องกฎธุรกิจการค้าเธอเข้าใจไหม? ถ้าลูกค้าเป็นผู้ชายต้องพาผู้หญิงไปคุยงานด้วยเปอร์เซนต์ที่ได้จะค่อนข้างสูง แม้ว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเซิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่ได้อาศัยผู้หญิงก็ตาม แต่นิสัยของสวี่อันฉิงที่เอาตัวเข้าแลกเอง ฉันก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธมันได้ทั้งหมด”
ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง ในใจเสิ่นอีเวยเริ่มไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าเริ่มจากตรงไหนกัน หล่อนเริ่มพบว่าต่อหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิงหล่อนทำตัวไม่ระมัดระวังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“งั้นเมื่อคืนหล่อนไปส่งคุณที่โรงแรมหรือเปล่า?” น้ำเสียงของหล่อนเจือปนด้วยการสืบสวน
สีหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิงเรียบเชียบได้แต่มองสายตาของเสิ่นอีเวยที่มีความโกรธเจือปนอยู่ในนั้น : “เธอเห็นฉันเป็นคนยังไงกัน? อยู่ดีๆก็จะไปโรงแรมกับผู้หญิงหรอ?”