สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 70
บทที่ 70 คำเชื้อเชิญของฉินโม่
เสิ่นอีเวยตัวแข็งอยู่สักพักหนึ่ง หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่าคนอย่างเซิ่งเจ๋อเฉิงจะถามหล่อนเรื่องแบบนี้ : “ไม่ใช่ คุณฟังฉันก่อน ตอนนั้นฉันกลัวจริงๆว่าจะรบกวนเรื่องการลงทุนของคุณเลยไม่ได้บอกกับคุณ ตอนที่กำลังคุยโทรศัพท์กับคุณอยู่”
เซิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะเยาะอย่างเห็นได้ชัดเลยว่าไม่เชื่อที่เสิ่นอีเวยพูด สายตาเขาเหมือนส่องประกายนึกอะไรขึ้นมาได้ แรงที่มือยิ่งกดหนักกว่าเดิม : “อ้อ? เรื่องเป็นแบบนั้นจริงหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้น เธออธิบายมาสิว่าครั้งนั้นที่ฉินโม่ช่วยเธอเรื่องมันเป็นมายังไง?”
เสิ่นอีเวยไม่คิดเลยว่าเขาจะถามเรื่องที่เกิดขึ้นมานมนานแล้ว
“ฉันเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเธอ เธอยอมอ่อนแอต่อหน้าคนอื่นแต่ไม่ยอมบอกฉันว่าตัวเองมีอันตราย?”
เสิ่นอีเวยอ้าปากจะอธิบายแต่ถูกเขาพูดแกทรกขึ้นมาแทน
“หรือว่า เธอหวังว่าตัวเองจะเจอเรื่องพวกนี้ที่โดนผู้ชายหลายคนรุมโทรมเอา?”
เวลานั้น หัวใจทั้งดวงของเสิ่นอีเวยเหมือนโดนหมัดต่อยเข้าอย่างจัง เจ็บจนไม่มีทางจะกลับมาดั้งเดิมได้ ที่แท้วันแล้ววันเล่าที่ผ่านไปความอบอุ่นที่เธอสัมผัสได้แต่ตัวเองลืมไปหมดสิ้นว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นยังไง ทั้งดื้อดึง หลงตัวเอง ไม่ยอมฟังหล่อนอธิบายเลย ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของหล่อนเลย
คำพูดที่ป่าเถื่อนที่ออกมาจากปาก เขาคงลืมไปว่าตัวเองจะรับได้ไหมยังไงทุกอย่างก็ไม่ได้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป
ดวงตาของหล่อนมีน้ำตาเอ่อท่วมท้น แต่หล่อนบังคับให้มันไม่ไหลออกมา : “เซิ่งเจ๋อเฉิงคุณอย่า คุณอย่าเข้าใจฉันผิด”
ตอนแรกคิดว่าตัวเองถูกเขาทำร้ายทุกครั้งภูมิคุ้มกันคงดีแล้ว แต่คราวนี้เสิ่นอีเวยกลับรู้ว่าใจของหล่อนนั้นอ่อนแอลงไปเยอะ
เซิ่งเจ๋อเฉิงหัวเราะอย่างเยือกเย็นและจ้องมองที่ดวงตาของหล่อนแล้วถาม : “ฉันเข้าใจอะไรเธอผิด? เข้าใจว่าเธอไม่เชื่อใจฉันนะหรอ ตอนเกิดเรื่องขึ้นกลับยอมไปหาผู้ชายคนอื่นให้เขาช่วย? เสิ่นอีเวย เธอมีสิทธ์อะไรห๊ะ ทำไมฉันต้องอนุญาตให้ทำแบบนั้น?”
เสิ่นอีเวยอึ้งไปสักพักเลยถามกลับ : “คุณสนใจฉันขึ้นมาแล้วใช่ไหมเลยโมโหได้ขนาดนี้?”
หล่อนรู้สึกได้ว่ามือเขาที่จับคางเธออยู่สั่นนิดๆ: “ผิดแล้วแหละ ฉันคิดว่าเธอไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้หญิงที่ดี”
เสิ่นอีเวยหัวเราะต่อหน้าเขา : “ที่แท้ฉันนี่เองที่เป็นปัญหา ฉันไม่ดูสถานการณ์เลย ช่วงเวลาที่ผ่านมา ฉันรับรู้ความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของคุณได้ กระทั่งคิดว่าเสิ่นหุ้ยค่อยๆมลายหายไปจากใจคุณหรือว่าคุณมองเห็นว่าฉันทำดีกับคุณเลยยอมเอนเอียงมาทางฉันนิดหนึ่ง แต่วันนี้ฉันรู้ว่าฉันมองผิดไป”
สายตาของเขาทอประกายความสับสนและร่องรอยแห่งความดุร้ายอย่างชัดเจน : “คุณเข้าข้างตัวเองมากไปหรือเปล่า คุณจะมีคุณสมบัติมาเทียบเท่าเสิ่นหุ้ยได้ไง?”
เสิ่นอีเวยสูดลมหายใจเข้าอย่างรวดเร็วหรือว่าเป็นเพราะความรักมันทำให้ตื่นเต้นมากไป หล่อนรู้สึกว่าหน้าอกหล่อนเจ็บแปลบๆ หล่อนไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะความรู้สึกหรือว่าอาการป่วยของตัวเองกันแน่ สิ่งที่หล่อนลำบากใจมันทำให้หล่อนยืนไม่ไหว
ใช่สิ ช่วงนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงมอบความอบอุ่นให้หล่อน เลยทำให้หล่อนลืมนึกไปว่าตัวเองก็เป็นคนป่วยอยู่คนหนึ่ง
เสิ่นอีเวยปวดจนสีหน้าขาวซีด เหงื่อเย็นๆทยอยไหลลงด้านล่างทีละหยด เซิ่งเจ๋อเฉิงรับรู้ความผิดปกตินั่น แต่น้ำเสียงที่ออกมาจากปากกลับเป็นความเยือกเย็นดั้งเดิม : “ฉันขอเตือน เธออย่ามาทำสภาพแกล้งทำเป็นน่าสงสารแบบนี้”
เสิ่นอีเวยไม่มีแรงที่จะอ้าปากพูด หล่อนไม่คิดจะพูด เพราะถึงยังไงหล่อนยังคงต้องปิดบังเซิ่งเจ๋อเฉิงที่หล่อนมีอาการป่วยของตัวเอง หล่อนไม่สามารถควบคุมขาทั้งสองข้างได้เลยค่อยลื่นลงเหมือนจะยืนไม่ได้แล้ว
ในที่สุด เซิ่งเจ๋อเฉิงปล่อยหล่อน ร่างกายของเสิ่นอีเวยอ่อนยวบยาบอาศัยนั่งอยู่ที่พื้นเอา หล่อนก้มหัวลงและจ้องมองหน้าอกตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้สนใจหล่อนเขาทิ้งสายตาอันเย็นยะเยือกไว้แล้วเดินขึ้นชั้นบนไปแทน
เสิ่นอีเวยนั่งอยู่ที่พื้นเย็นๆนั่นทั้งคืน วันที่สองก็ไปทำงานที่บริษัท
หล่อนทำงานที่บริษัททั้งวัน เซิ่งเจ๋อเฉิงเห็นหล่อนแต่ก็ทำสีหน้าเย็นชาใส่ ก็ตามนี้แหละ เสิ่นอีเวยก็ไม่มีแรงจะไปอธิบายอะไรให้เขาฟังแล้วแหละ
แต่ที่บริษัทยังมีคนที่ชอบสุมหัวนินทาอยู่ ยิ่งเห็นเซิ่งเจ๋อเฉิงเย็นชาใส่หล่อนตลอดการประชุม พวกเขาก็คาดเดาต่างๆนานาว่าเขาสองคนเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ท่านประธานเซิ่งกับผู้อำนวยการเสิ่นต้องทะเลาะกันมาแน่ๆเลย? พวกเธอเห็นหรือเปล่าว่า สีหน้าท่านที่มีต่อผู้อำนวยการเสิ่นไม่ค่อยดี!”
คนข้างๆพูดเสริมต่อ : “เห็นแล้วแหละ ตอนที่ผู้อำนวยการแถลงอยู่ที่ประชุม ท่านประธานเซิ่งไม่ได้สนใจเลยแถมยังให้โอกาสหัวหน้าสวี่เสนอมากกว่า”
“เฮ้อ ไม่นะ น่าสมเพชจัง? แต่ว่าหล่อนอยู่ที่บริษัทปกติก็ดูสดใสสวยงามแบบนั้นหรือเป็นเพราะว่าฐานะทางบ้านยากจน? ”
“เหอะ เรื่องวุ่นวายในสังคมมีเรื่องเยอะแยะไป บางครั้งสิ่งที่เรามองเห็นอาจไม่เป็นจริงทั้งหมด ตอนนี้ในใจผู้หญิงก็อยากจะแต่งงานกับคนรวย เป็นภรรยาของคนรวยใช่ว่าจะเป็นได้สบาย แค่รู้ว่าหนาวว่าร้อนยังไงก็พอแล้วหากบ้านระเบิดลงก็ไม่ใช่ว่าถูกต่อยจนฟันหักก็ต้องกลืนลงท้องไปหรอ?”
ผู้หญิงหลายคนต่างก็พยักหน้าตอบรับเสริมเข้าไปด้วย
วันทั้งวันของเสิ่นอีเวยอารมณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก ตอนบ่ายใกล้เวลาเลิกงาน อยู่ดีๆก็มีโทรศัพท์ของฉินโม่โทรเข้ามา
ความจริงแล้วตั้งแต่คราวที่แล้วที่เรื่องป่วยของตัวเองถูกเขาเปิดเผยขึ้นมา เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าระยะห่างหล่อนกับฉินโม่ใกล้ชิดกันมากขึ้น หากพูดเมื่อก่อนก็แค่ความสัมพันธ์เป็นเพื่อนมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่หลังจากคราวที่แล้วที่เกิดเรื่องขึ้น เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าเขาสองคนก็เหมือนคนช่วยเก็บความลับร่วมกันและค่อยๆเข้าใจกันไปเรื่อยๆ
เข้าใจกันมากกว่าเพื่อนเก่า
“ฮัลโหล อีเวย เธอยู่งอยู่หรือเปล่า?”
เสิ่นอีเวยได้ยินอันสุขุมของฉินโม่ ความขุ่นเคืองใจค่อยๆลดลงไปบ้าง หล่อนยิ้มไปตอบไป : “ตอนนี้ฉันไม่ยุ่งนะ อะไรหรอ อยากนัดฉันออกไปดื่มชาหรอ?”
ฉินโม่ยิ้มตอบทางโทรศัพท์ น้ำเสียงฟังแล้วสบายหู : “.ใช่อยากนัดเธอออกมาแต่ว่าคราวนี้ไม่ได้ไปดื่มชา”
“หือ? งั้นมีเรื่องอะไร?”
“เธอจำได้ไหมตอนอยู่มหาวิทยาลัย เธอชอบนักออกแบบชุดแต่งงานคนนั้นอ่ะ? Bridge chapan นิทรรศการการออกแบบจะจัดขึ้นที่นี่ในวันพุธ เธอสนใจจะไปดูไหม?”
เสิ่นอีเวยอึ้งไปสักพักแต่ก็รีบดึงสติกลับมาแล้ว Bridge chapan เป็นคนอังกฤษเป็นนักออกแบบชุดแต่งงานที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง เสิ่นอีเวยชอบหล่อนตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัย
เดิมทีนิทรรศการนี้หล่อนก็ให้ความสนใจอยู่แต่เวลาช่วงนี้เอาเวลาไปใช้กับเรื่องอื่นหมด หล่อนเลยลืมตรวจเช็คว่าจัดงานวันไหน หากไม่ใช่ฉินโม่โทรศัพท์มาบอกละก็ ตัวเองอาจจะพลาดไปทั้งชีวิตเลย
เสิ่นอีเวยตอบตกลงฉินโม่อย่างตื่นเต้น : “ไปแน่นอน!”
“ฉันรู้ว่าเธอไม่พลาดแน่ ตั๋วฉันซื้อไว้ให้แล้ว วันพุธหน้าไปดูด้วยกันนะ”
“ไม่มีปัญหา” หัวใจเสิ่นอีเวยตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย