สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 81
บทที่ 81 การเปลี่ยนแปลงสะเทือนเลื่อนลั่น
ตอนที่สีหน้าขาวซีดของเสิ่นอีเวยปรากฏต่อหน้าคุณหมอลู่ คุณหมอได้จัดเตรียมเอกสารในการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว เขาเห็นสีหน้าของเสิ่นอีเวยเลยพูดออกไป : “ขอบคุณฟ้าดิน เธอคิดได้แล้วว่าควรมาผ่าจะต้องเตรียมตัวผ่าตัดได้แล้ว!”
เสิ่นอีเวยพยายามฝืนตัวเองให้ยิ้มออกไป : “ยังค่ะ ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวมาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ฉันมาที่นี่ก็แค่จะมาเอายาแก้ปวดเท่านั้นเอง รู้สึกว่ายาคราวที่แล้วที่จ่ายยามาไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ รบกวนสั่งจ่ายยาที่รักษาอาการปวดที่แรงที่สุดตัวนั้นเอามาให้ฉันเถอะค่ะ”
คุณหมอลู่ได้ยินสิ่งที่หล่อนพูดออกมา สีหน้าเขากลับขรึมลงทันที : “คุณเสิ่น นี่คุณเอาชีวิตตัวเองมาล้อเล่นหรือไงกัน ผมเป็นหมอนะ จริงๆแล้วผมไม่ควรมาปิดบังเรื่องแบบนี้ต่อไปอีกแล้ว ผมจำเป็นที่จะแจ้งให้คนที่บ้านของคุณและบอกให้พวกเขารับทราบถึงอาการป่วยของคุณด้วยซ้ำ!”
เธอเห็นคุณหมอลู่ที่โมโหขนาดนั้นในใจได้แต่กลัวขึ้นมา สิ่งเดียวที่หล่อนกลัวก็คือกลัวว่าคุณหมอจะโทรศัพท์ไปแจ้งเซิ่งเจ๋อเฉิงตอนนี้เลย อาการป่วยของหล่อนให้เซิ่งเจ๋อเฉิงรู้ไม่ได้เป็นอันขาด หล่อนไม่อยากนอนรอความตายในโรงพยาบาล
ฝืนกัดฟันทนไปและหาข้ออ้างมั่วๆมา : “คุณหมอลู่คะ คุณก็ทราบว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับสามีนั้นมันแย่มาก หากเขารู้ว่าฉันป่วยหนักขนาดนี้คงจะขอหย่ากับฉันตรงๆเลย คุณหมอก็คงไม่อยากเห็นครอบครัวฉันถูกทำลายไปใช่ไหม?”
หมอลู่ได้ฟังที่เสิ่นอีเวยพูด ‘ครอบครัวถูกทำลาย’ซึ่งมันดูหนักหนาสาหัสเอาการอยู่ ปากถึงกับกระตุกขึ้นมา สีหน้าของคุณหมอดูลำบากใจได้แต่จ้องมองเสิ่นอีเวยเหมือนคิดตรึกตรองอะไรอยู่นาน
เสิ่นอีเวยรอคำตอบคุณหมออย่างเงียบๆ หล่อนคิดว่าตัวเองคงเอาคุณหมออยู่หมัด เรื่องที่จะไปบอกเซิ่งเจ๋อเฉิงนั้นคงไม่เกิดขึ้นมา เพราะคราวที่แล้วคุณหมอลู่ก็เห็นกับตาว่าเธอและเซิ่งเจ๋อเฉิงทะเลาะกันที่ทางเดินของโรงพยาบาล เขาเลยรู้ว่าความสัมพันธ์ของสองนั้นไม่ค่อยดีนัก งั้นสิ่งที่หล่อนเพิ่งพูดไปก็มีน้ำหนักขึ้นแล้ว
ในที่สุด คุณหมอลู่ก็ถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยว่า : “งั้นได้ ผมเคารพในการตัดสินใจของคุณ แต่ว่าคุณเสิ่น ในฐานะหมอนะผมควรเตือนควรตั้งแต่แรกว่าหากคุณแค่ไม่ทำการรีบรักษาตัวเองมันจะทำให้ระยะเวลาในการรักษาที่ดีที่สุดนั้นล่าช้าไป เวลาชีวิตของคุณเหลืออยู่แค่หนึ่งปีครึ่งเท่านั้น”
เสิ่นอีเวยเจ็บจี๊ดขึ้นมาที่หัวใจ แค่ปีครึ่งหรอ
“ฉันทราบแล้วค่ะคุณหมอ รบกวนคุณหมอจ่ายยาให้ฉันด้วยค่ะ” เสิ่นอีเวยพยายามสงบสติตัวเองให้ดูปกติ
อยู่ดีๆก็คิดเรื่องคนๆนั้นที่ดูตื่นเต้นกับเรื่องเสิ่นหุ้ยขึ้นมา ทุกอย่างก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
เสิ่นอีเวยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกลับเสิ่นหุ้ย ที่เธอรู้ก็คือเซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้กลับมานานหลายวันติดต่อกันแล้ว ส่วนเธอก็ยังคงไปทำงานบริษัทตามปกติ พอถึงเวลาเลิกงานก็กลับบ้านมีแค่สองที่ที่เธอไปเท่านั้น
คืนนี้เองเซิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ดีๆก็กลับมาบ้านได้
เสิ่นอีเวยที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ บนตัวเธอมีผ้าขนหนูพันกายเอาไว้อยู่ ยิ่งเห็นตอนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงพยายามผลักประตูห้องนอนเธอเข้ามา เธอยิ่งตกใจ
คืนนี้เซิ่งเจ๋อเฉิงดูไม่ปกติเท่าที่ควร ในห้องนอนไม่ได้เปิดดวงไฟใหญ่ไว้ ทางเดินด้านหลังเขาไฟกลับสว่างจ้า ร่างกายถูกครอบงำในความมืด ดูเหมือนบรรยากาศที่ทำให้คนไม่อยากเข้าใกล้
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรใจเธอเต้นแรงจึงได้ถามเขาเบาๆ : “ทำไมคุณกลับมาหล่ะ?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ได้ตอบหล่อน เขาถอดเสื้อสูทของตัวเองออกอย่างไม่รีบร้อนอะไร ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำดูแล้วทั้งลึกลับทั้งสงบเยือกเย็นขึ้นมาเป็นกอง
เสิ่นอีเวยมองอารมณ์บนสีหน้าของเขาไม่ชัดเจน
เซิ่งเจ๋อเฉิงก้าวพรวดมาทางหน้าหล่อน เสิ่นอีเวยตกใจเลยได้แต่ก้าวถอยหลังกลับไป หัวไหล่ที่เปล่าเปลือยของหล่อนถูกเขาจับไว้แน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ผ้าขนหนูบนตัวก็เหมือนจะหลุด เธอทำได้แค่ดึงผ้าไว้แน่นเลยไม่มีมือผลักเขาออก
ตอนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเข้ามาใกล้นั้น เธอได้กลิ่นเหล้าบนตัวเขา เธอถึงกับอึ้งไปสักพัก : “คุณดื่มเหล้าหรอ?”
เสิ่นอีเวยรู้สึกประหลาดใจเพราะปกติเวลามีงานเลี้ยงรับรองข้างนอกเขาเป็นคนที่ดื่มน้อยมาก ทว่าวันนี้เขากลับดื่มจะทำให้ตัวเองเมาได้ขนาดนี้ หรือว่าเสิ่นหุ้ยจะเกิดเรื่องขึ้น?
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” เสิ่นอีเวยลองถามดู
กลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งที่พ่นออกมาจากจมูกรดบนใบหน้าเธอ : “เสิ่นอีเวย ทำไมเธอถึงกล้า ปีนั้นทำไมเธอถึงใช้วิธีการลงมือได้ร้ายกาจขนาดนั้น? บอกฉันมา?”
เธอรู้สิ่งที่พูดออกมานั้นคือเรื่องเสิ่นหุ้ย ตอนนั้นเลือดทั้งร่างกายเธอเกิดหยุดไหลแล้ว เขาจะยอมเชื่อใจเธอไหมนะ?
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ทัศนคติของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่มีต่อเสิ่นอีเวยเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดขึ้น อาจเป็นเพราะเธอไม่เคยได้รับความอบอุ่นมาโดยง่ายจากเขาเลย เพราะงั้นเธอก็ไม่เคยคิดเอาเวลาไปแสวงหาว่าอะไรทำให้เขาอารมณ์แปรปรวนได้ ได้แต่ดื่มด่ำกับความรู้สึกไป
แต่สิ่งทีคาดไม่ถึงคือตอนนี้ตื่นขึ้นมาจากความฝันแล้ว สิ่งที่เข้ามาก่อกวนเธอมันกลับเป็นอารมณ์แบบนี้เขาที่แปรเปลี่ยนไปเยอะ เธอรู้สึกว่าตัวเองจะหมดลมหายใจแล้ว
“อาการป่วยของหล่อนเป็นยังไงบ้าง? มีแสดงอาการที่ไม่ค่อยสู้ดีออกมาหรอ?”
ตอนที่อ้าปากพูดเสิ่นอีเวยถึงได้รู้ว่าเสียงของตัวเองนั่นสั่นเทาตลอด
น้ำหนักแรงที่มือของเซิ่งเจ๋อเฉิงก็ไม่ได้ถดถอยลง น้ำเสียงของเขาเหมือนเอาเกล็ดหิมะมาด้วยมันช่างทิ่มแทงใจเธอเหลือเกิน : “หลังจากที่รักษาและวินิจฉัยมานาน วันนั้นคุณหมอที่เป็นเจ้าของคนไข้บอกฉันว่าเธอได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงเลยทำให้เวลาที่จะกลับมานั้นช้ากว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก มันนานมากเสิ่นอีเวย มันนาน ทั้งหมดเป็นสิ่งที่เธอยื่นมาให้ไว้ทั้งหมด”
เสิ่นอีเวยจ้องมองเขา เธอรู้สึกได้ว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงกลับไปเป็นคนเดิมแล้ว ทว่าตอนนี้เวลานี้กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไป พูดไปก็ไม่ถูกใจอีก เพราะว่าเขาไม่ได้เชื่อเธอเลยตั้งแต่แรก
เซิ่งเจ๋อเฉิงมองผู้หญิงที่สงบนิ่งอยู่ต่อหน้าเขา ในใจกลับเหมือนเติมเชื่อเพลิงความโกรธเป็นทวีคูณ เขาเขย่าไหล่ตัวเธอไปมา : “เธอพูดสิ ทำไมไม่พูด? ในใจเธอคงดีใจ หากไม่ใช่ว่าเธอลงมือแรงไปนิด หล่อนก็คงจะฟื้นขึ้นมานานแล้ว รสชาติแผนที่ประสบความสำเร็จนี่เป็นยังไงบ้าง?”
เสิ่นอีเวยมองดวงตาสีแดงกล้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่าจะบอกหรืออยากจะปฏิเสธอะไรบ้างแต่กลับพูดประโยคนั้นออกไป : “ตอนนี้คุณทุกข์ทรมานไหม? เดี๋ยวฉันจะไปต้มน้ำซุปให้หายเมาให้นะ?”
ประโยคนั้นของหล่อนทำให้สายตาของเซิ่งเจ๋อเฉิงเปลี่ยนไป ซุปแก้เมาหรอ
เขาคิดถึงวันนั้นที่เสิ่นอีเวยไปเมาในผับจากนั้นตัวเขาเองก็กลับมาทำซุปแก้เมาให้ตอนดึกดื่นค่อนคืนนั่น ตอนนี้กลับมาคิดดูอีกทีว่าอะไรกันนะที่ทำให้ตัวเองกลับมารู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้หญิงคนนี้?
ยิ่งมองสายตาที่เจ็บปวดหมดสิ้นความหวังของเสิ่นอีเวยแล้ว เขาถึงได้หยุดละงักไปสักพัก ตลอดเวลาที่ผ่านมาระหว่างความสัมพันธ์ทุกรายละเอียด ระหว่างเสิ่นอีเวยนั้นมันเริ่มลอยอยู่ในหัว
ซุปแก้เมา ซี่โครงหมูตุ๋น ตำแหน่งผู้อำนวยการการออกแบบ ทิ้งผู้ร่วมลงทุนเอาไว้แล้วไปช่วยเธอ คนที่รับผิดชอบการแข่งขันการออกแบบชุดแต่งงาน
เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยว่าตัวเองทำเรื่องพวกนี้เพื่อหล่อนทำไม? และการที่ตามใจหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า
ยิ่งคิดเรื่องรายละเอียดเยอะ ในใจเขายิ่งสับสน ตอนนั้น อาการเมาและโมโหก็มลายหายสิ้นไป ความคิดเขาชัดเจนขึ้นมาก
ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้ร้ายที่ให้เสิ่นหุ้ยกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา เขาไม่ควรดีกับหล่อนมากนัก
หลังจากที่เขาคิดเรื่องนี้ได้ แรงที่มือของเขาก็ค่อยลดลง เขาจ้องมองเสิ่นอีเวยอยู่นาน จนในที่สุด ริมผีปากของเขาก็ประกบที่หูของเธอไว้ : “เสิ่นอีเวย หลายวันที่ผ่านมาฉันดีกับเธอมาก มันทำให้เธอตลกไปละสิ จากวันนี้เป็นต้นไปเธอจะต้องต้อนรับกับความแตกต่างที่ต่างออกไปจากเดิม”
ในใจเสิ่นอีเวยเหมือนมีสิ่งของแตก มันแตกจนย่อยยับไม่เป็นท่า