สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 82
บทที่ 82 ความลับบริษัทรั่วไหล
ต้นฉบับที่อยู่ในมือแก้แล้วแก้อีกหลายรอบก็ยังไม่ถูกใจ เสิ่นอีเวยเกิดความสบับสนอยู่ในใจ หลายวันที่ผ่านมานี้เขายิ่งเลวร้ายกับหล่อนหนักกว่าเดิม ไม่ว่าจะอยู่ที่บริษัทหรือว่าที่บ้านก็ตามเขาไม่เคยพูดกับหล่อนอีกเลย
ส่วนข่าวลือในบริษัทกลับเพิ่มขึ้นทวีคูณ ขนาดการนินทาเรื่องส่วนตัวจนถึงสัญญาการหย่าร้างที่ตกลงกันแล้วแต่ยังไม่ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการก็มีมาด้วย
ด้วยนิสัยของเธอแล้วเมื่อก่อนถ้าได้ยินเรื่องนินทาพวกนี้สีหน้าจะหยุดนิ่ง แต่คราวนี้เธอกลับไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา เพราะหลายวันมานี้ร่างกายไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่แถมจิตใจก็ไม่ค่อยดีและเธอเองก็ไม่มีเวลามาคิดคำนึงถึงเรื่องพวกนี้ด้วย
ทันในนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาและมีข้อความปรากฏขึ้นมา เซิ่งเจ๋อเฉิงเป็นคนส่งมา : มาหาฉันที่ห้องทำงานหน่อย
ตัวอักษรแค่ไม่กี่คำกลับทำให้ใจเธอก่อคลื่นพายุใจกลางทะเล เธอก็รู้มาตลอดเรื่องที่ถกเถียงกันในคืนนั้น เซิ่งเจ๋อเฉิงเรียกเธอในเวลาสำคัญนี้ต้องมีเรื่องไม่ดี่เกี่ยวกับตัวเธอแน่
เซิ่งเจ๋อเฉิงเคาะประตูห้องทำงานห้องเซิ่งเจ๋อเฉิง ห้องทำงานของเขาเป็นห้องเก็บเสียง พอเวลาที่ประตูปิดลงเสิ่นอีเวยรู้สึกโลกทั้งใบมันหลงเหลือแค่หล่อนกับเขาสองคนเท่านั้น
เซิ่งเจ๋อเฉิงยืนอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ที่จรดเพดานจนถึงพื้นห้อง ส่วนด้านล่างเท้าคือวิวของเมืองที่คึกคัก ดูเหมือนกับว่าเขาเป็นกษัตริย์ที่กำลังมองสิ่งมีชีวิตในเมือง เซิ่งเจ๋อเฉิงได้ยินเสียงคนเข้ามา เขาหันตัวกลับมามองเสิ่นอีเวยอย่างเย็นยะเยือก
“โครม!”
เขารอจนถึงตอนที่เสิ่นอีเวยเดินมาใกล้จึงโยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะทำงานเสียงดังโครมคราม เสิ่นอีเวยตกใจจนตัวสั่นเทา
“นี่คืออะไร?” เสิ่นอีเวยทั้งถามเขาและหยิบมันขึ้นมาดู
หน้าแรกของหนังสือพิมพ์นั่นเห็นหัวข้อข่าวอย่างชัดเจน : ความลับของบริษัทยักษ์ใหญ่เซิ่งซื่อรั่วไหล ใครเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลัง?
เสิ่นอีเวยรีบถามอย่างร้อนรน : “นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงจ้องมองเธออย่างเย็นยะเยือก : “เธอไม่อยากพูดมันออกมาใช่ไหม?”
“ฉันไม่เข้าใจความหมายของคุณ” น้ำเสียงของเสิ่นอีเวยก็ยังสงบปกติดังเดิม
“ความลับบริษัทรั่วไหลเรื่องการประกาศเปิดตัวเครื่องประดับแล้วเสื้อผ้าในไตรมาสหน้า ถึงแม้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนี้จะไม่ได้ส่งของพวกนี้ให้กับบริษัทตรงข้ามแต่เรื่องแบบที่เกี่ยวข้องทั้งหมดถูกผู้สื่อข่าวเห็นหมดแล้ว’’
เสิ่นอีเวยตกใจจนหน้าถอดสี ในใจหล่อนไม่เข้าใจว่าความลัลด้านธุรกิจนั้นรั่วไหลออกไปแล้วจะทำให้เรื่องหนักได้ขนาดนี้ ขนาดด้านการตลาดของบริษัทเล็กถูกเปิดเผยข้อมูลก็ทำให้ต้องขาดทุนกำไรเป็นจำนวนมาก แล้วยิ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆแล้วด้วยอยู่ดีๆก็มีข่าวใหญ่แบบนี้ออกมา สมองของเสิ่นอีเวยกลับว่างเปล่า
ทว่าสีหน้าที่เย็นชาของผู้ชายที่เพิ่งพูดเมื่อครู่พูดถึง “คนชักใยอยู่เบื้องหลัง” นั่น เขามองหล่อนด้วยสายตาเชือดเฉือนว่ามันเกิดขึ้นได้ไง? เสิ่นอีเวยรู้สึกตลกขึ้นมา
“เซิ่งเจ๋อเฉิง คุณกำลังสงสัยฉันอยู่หรอ?”
เสิ่นอีเวยถามเขาต่อหน้า เธอรู้สึกแปลกๆขึ้นมา หากเป็นเมื่อก่อนนี้ตอนที่เซิ่งเจ๋อเฉิงเข้าใจผิด หล่อนคงไม่ได้ถามเขากลับอย่างสงบแบบนี้ คงต้องทะเลาะกันส่งเสียงดังเพื่อให้ฟังคำอธิบาย จนสุดท้ายคงไม่พ้นกับคำว่าเธอตายฉันรอดและผลลัพธ์ที่ไม่ทำให้ใครน่าพอใจ
เซิ่งเจ๋อเฉิงจ้องมองเธอแล้วเดินเข้ามาใกล้เธอ แสงที่ออกมาจากสายตานั่นที่เปล่งออกมาเพื่อดึงโซ่หัวใจของเสิ่นอีเวยให้แน่นหนา เขาเดินมาตรงหน้าเธอแล้วเอ่ยเบา : “วันที่ฉันไปเยี่ยมเสิ่นหุ้ย ฉันจำได้ว่าวันนั้นเธออยูในห้องทำงานของฉันใช่หรือไม่ใช่?”
เสิ่นอีเวยนึกถึงเรื่องนั่น ใช่ไม่ผิด แต่วันนั้นตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย
“ใช่ วันนั้นฉันอยู่ที่ห้องทำงานคุณ แต่หลังจากที่คุณรับโทรศัพท์แล้วฉันก็ออกไปเหมือนกัน ไม่ได้ขยับสิ่งของใดๆสักเซนติเมตรในห้องทำงานของคุณเลย” น้ำเสียงเสิ่นอีเวยยังคงยืดหยัดต่อไป
เพื่อป้องกันการยืนยันในคำพูดของตัวเอง
เซิ่งเจ๋อเฉิงจ้องมองเสิ่นอีเวย เขาดูจากสายตาที่ทอประกายความเชื่อมั่นในคำพูดนั่นอย่างยากยิ่ง ตัวเองไม่เคยเห็นดวงตาเธอปรากฏกับสิ่งนี้มาก่อน
เขาครุ่นคิดอยู่สักพักหลังจากนั้นก็พูดออกมา : “คุณมีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าตอนนั้นก็ออกไปจากห้องทำงานผมไหม? แต่มีคนมาบอกผมว่าคุณอยู่ในห้องทำงานผมอยู่นานจนกว่าจะออกไป”
เสิ่นอีเวยอึ้งอยู่สักพัก ใจของเธอเกิดปะทุความโกรธขึ้นมา หล่อนเงยหน้ากวาดตามองห้องทำงานของเซิ่งเจ๋อเฉิงและก็พบว่าไม่มีตรงไหนติดตั้งกล้องวงจรปิดเลย เธอหัวเราะถากถาง : “ คุณเป็นถึงประธานบริษัทเซิ่งซื่อ ในห้องทำงานยังไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้สักตัว งั้นความหมายของคุณคือฉันจะยอมรับหรือไม่ก็ต้องยอมรับมันใช่ไหม?”
สีหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงดูเคร่งขรึมขึ้น น้ำเสียงของเขามันช่างมีพลังในการมัดใจให้คนฟังเชื่อได้ : “ห้องทำงานของผมไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพราะว่าผมรู้ว่าเซิ่งซื่อไม่มีคนที่กินในที่ลับไขในที่แจ้ง ฉันเลยรู้สึกว่าของแบบนั้นมันไม่ได้มีความหมายที่สมเหตุสมผลอะไรเลย ฉันไม่ชอบจับผิดพนักงานของฉันในห้องทำงานตอนที่พวกเขาพูด ก็แค่–”
เสิ่นอีเวยเงยหน้ามองเขา
เซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างเยือกเย็น : “ก็แค่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ควรจะป้องกันไว้บ้างแล้ว ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นคนมาทำแผนพัง”
ทุกคำพูดของเซิ่งเจ๋อเฉิงมันเหมือนคมมีดที่อาบยาพิษไว้ค่อยเฉือนเข้าหัวใจเสิ่นอีเวยตลอด
กินในที่ลับไขในที่แจ้ง
เซิ่งเจ๋อเฉิงพูดคำนี้มาเปรียบเปรยเสิ่นอีเวย ในตอนนั้นเธอก็เข้าใจคำว่า ‘ปากตรงกับใจ’เข้ามาจริงๆ หล่อนรู้สึกตัวได้ว่าเริ่มกังวลจนทำให้ปวดหัวใจขึ้นมาเป็นระลอกๆ ความรู้สึกเจ็บปวดนั่นมันส่งสัญญาณแผ่ออกมาจากหัวใจผ่านหลอดเลือดจนมาถึงปลายนิ้ว เหมือนความรู้สึกเจ็บชาๆทำให้คนหมดสิ้นความหวังแล้วซึ่งลมหายใจ
เสิ่นอีเวยกำมือแน่นและซ่อนมันไว้ในกระเป๋าเสื้อ เธอจดจ้องมองเซิ่งเจ๋อเฉิงแล้วพูด : “งั้นฉันอยากรู้จริงๆเลยว่าคนที่บอกความลับกับท่านประธานยังบอกข่าวเรื่องอื่นอีกไหม?”
เซิ่งเจ๋อเฉิงหยี๋ตามองเสิ่นอีเวย หล่อนไม่เข้าใจสายตาเขานั้นสื่อความหมายว่าอะไร
“ตอนนี้เธอยังเจอกับเซียวหันถิงอยู่ไหม?”
เซียวหันถิง คำนี้เหมือนเอาธนูมายิงเข้าไปในความคิดของเสิ่นอีเวยทำให้เธอทำตัวไม่ถูกและตกใจบ้าง : “คุณถามถึงท่านประธานเซียวทำไม?”
ภายใต้น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงมันเหมือนมีการขู่กลับมา : “เธอแค่ตอบฉันมาว่า มี หรือว่าไม่มี”
“ไม่มี”
เสิ่นอีเวยไม่ได้โกหกจริงๆ ตั้งแต่งานเต้นรำในวันนั้นที่ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงลากกลับมา หล่อนก็เคยคิดแล้วคิดอีกที่จะโทรกลับไปขอโทษเซียวหันถิงด้วยตัวเอง ตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา ทั้งสองก็ไม่เคยมีการติดต่อใดๆอีกเลย อยากถามเรื่องที่เจอหน้าเจอตากันเลย?
แต่เสิ่นอีเวยก็ดูจากสายของเซิ่งเจ๋อเฉิงออกว่าไม่เชื่อ ความอบอุ่นที่มุมปากของเขากลับเย็นลงไป เรื่อยๆ เสิ่นอีเวยรับรู้ถึงบรรยากาศที่กำลังก่อตัวความอันตรายเอาไว้
“เสิ่นอีเวย ฉันถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย เธอกับเซียวหันถิงช่วงนี้ยังพบเจอกันอยู่ไหม?”
ในที่สุดเขาก็โกรธขึ้นมาจนได้ แต่เสิ่นอีเวยก็ไม่ได้วางแผนที่หาเรื่องใส่ตัว หล่อนตอบแต่ละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ : “งั้นฉันจะตอบครั้งสุดท้ายว่า ไม่ได้เจอ”
สติอารมณ์ที่ตึงแน่นของเซิ่งเจ๋อเฉิงค่อยๆผ่อนคลายลง ตอนที่เสิ่นอีเวยคิดว่าเขาควรปล่อยเรื่องนี้ไป เขากลับหยิบสิ่งของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทนั่น เธอมองไปก็พบว่ามันเป็นปากกาอัดเสียง
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ใจเธอรู้สึกเป็นลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาแทน
เซิ่งเจ๋อเฉิงใช้นิ้วกดเบา
“ท่านประธานเซียว เรื่องเมื่อคืนผมขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจ”