สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 89
บทที่ 89 เซิ่งเจ๋อเฉิงถูกยั่วโมโห
ยังไม่ทันสิ้นเสียงคำพูดสุดท้ายของหล่อน เสิ่นอีเวยก็ถูกรวบเอวยกขึ้นมา เสี้ยวนาทีต่อมาหล่อนก็ถูกโยนลงบนเตียง
เซิ่งเจ๋อเฉิงจัดการถอดเนคไทของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว เสิ่นอีเวยก็พอจะคาดเดาได้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร ในใจจึงเกิดความตระหนกขึ้นมา นึกถึงความรุนแรงโหดร้ายของเขาทุกครั้งบนเตียง ร่างหล่อนก็ค่อยๆถอยกรูดไปด้านหลัง
เซิ่งเจ๋อเฉิงจับขาสองข้างของหล่อนรวบแล้วดึงเข้าหาตัวเขา มือซ้ายใช้เนคไทพันรอบแขนของหล่อนมัดไว้ปลายอีกด้านของเนคไทผูกไว้ที่หัวเตียง ตอนนี้ร่างของหล่อนถูกพันธนาการไว้หมดแล้ว ทั้งมือที่ถูกเขามัดไว้แล้วยังเปลือยร่างต่อหน้าเขาโดยไม่มีอะไรปิดบัง
เสิ่นอีเวยพูดออกมาอย่างหวาดกลัวว่า”คุณคิดจะทำอะไรกันแน่ ปล่อยฉันนะ”
หล่อนพูดพลางใช้เท้าเขี่ยผ้าห่มที่อยู่ปลายเตียงขึ้นมาหวังจะคลุมร่างด้านล่างของตนไว้
เซิ่งเจ๋อเฉิงที่อารมณ์กำลังเดือด เสื้อเชิ้ตตัวในถูกเขาถอดทิ้งลงไปเรียบร้อยแล้ว ร่างกำยำเผยให้เห็นต่อหน้าเสิ่นอีเวย ไม่มีโอกาสให้หล่อนได้หลบหลีก เขาโน้มร่างอันร้อนผ่าวลงมา
เสิ่นอีเวยพยายามทุกวิถีทางที่จะหลีกหนี ขาทั้งสองข้างไม่หยุดถีบเขาแต่ก็ถูกเขายึดเอาไว้ ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีกต่อไป
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่พูดพร่ำทำเพลงเขารุกล้ำเข้าไปในร่างของเสิ่นอีเวย เสิ่นอีเวยเองก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดนั้นเหมือนมันฉีกขาดออก
“โอ๊ย เจ็บ”
เซิ่งเจ๋อเฉิงยังคงพุ่งชนเข้าไปในร่างของหล่อนโดยไม่สนในอะไร ประหนึ่งสัตว์ร้ายที่เพิ่งถูกปลดปล่อยออกมา
เสิ่นอีเวยรู้สึกเจ็บปวดเจียนตาย แต่ก่อนทุกครั้งต่อให้เขาจะโกรธมากแค่ไหน แต่ก็ยังมีการเล้าโลมก่อนแต่ครั้งนี้ไม่มี แม้แต่จูบสักครั้งก็ไม่มี ครั้งนี้หล่อนรู้สึกว่าหล่อนเป็นเพียงที่รองรับอารมณ์ของเขาจริงๆ
เขาถือดีอย่างไร คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงทำกับหล่อนแบบนี้ เสิ่นอีเวยคิดพลางแหงนหน้ามองโคมไฟคริสตัลที่แขวนอยู่บนเพดานห้อง
มันเป็นเพราะความเคียดแค้นในใจ หล่อนกัดลงไปที่หัวไหล่ด้านซ้ายของเซิ่งเจ๋อเฉิงอย่างสุดแรง
หล่อนได้ยินเสียงฟึดฟัดทางจมูกของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่อยู่บนร่างของหล่อน แต่หล่อนก็ยังคงกัดไม่ปล่อย จะทำลายกันอย่างนี้ต่อไปใช่มั้ย ได้งั้นก็ทรมานไปพร้อมๆกัน
เสิ่นอีเวยสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดนิดๆในปากของตัวเอง หล่อนตกใจเล็กน้อย ตะแคงศีรษะดู หัวไหล่เขาถูกหล่อนกัดจนเป็นรอยฟัน เลือดค่อยๆไหลซึมออกมา
ตอนนี้เอง ที่ใบหน้าของเซิ่งเจ๋อเฉิงอยู่ๆก็มาปรากฏต่อหน้าเสิ่นอีเวย เขาจ้องหล่อนเขม็ง นัยน์ตาฉายแววอันตราย เขามองอย่างเย็นชาไปรอยแผลที่หัวไหล่ซ้ายแวบนึง สายตาของเขาตอนที่มองหล่อนนั้น มีความดูถูกเหยียดหยามเจือปนอยู่
“เสิ่นอีเวย คุณคิดว่าผมจะสนใจแผลเล็กๆนี้เหรอ”
ทันใดนั้นเองเขาก็คงก้มศีรษะลงมาปากประกบลงบนริมฝีปากของหล่อน ลิ้นของเขาบุกรุกเข้ามาโจมตีภายในปากหล่อน ทั้งสองต่างได้ลิ้มรสคาวเลือด เสิ่นอีเวยไม่มีปฏิกิริยาอะไรในตอนนั้นเหมือนจะเดินตามเกมของเขาไป
มือของเซิ้งเจ๋อเฉิงสำรวจไปทั่วเรือนร่างนวลเนียนของหล่อน ลูบไล้ แต่ไร้ซึ่งความทะนุถนอม
เสิ่นอีเวยทนไม่ไหวจึงส่งเสียงร้องออกมา แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองถูกกระทำแล้ว เสียงนั้นก็ถูกหล่อนกลืนลงคอไป
ดูเหมือนว่าเซิ่งเจ๋อเฉิงจะไม่พอใจการกระทำนี้ของหล่อนนัก จึงเพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้นถือเป็นการลงโทษ น้ำเสียงของเขาปนการตักเตือน “ร้องออกมาสิ”
เสิ่นอีเวยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ยังคงกัดริมฝีปากไว้แน่น เซิ่งเจ๋อเฉิงที่อยู่ด้านบนมองลงมาที่หล่อน ท่าทีเริ่มผ่อนคลายขึ้น “ร้องออกมา ผมบอกให้คุณร้องออกมาไม่ได้ยินเหรอ”
เสิ่นอีเวยถูกเขายั่วจนทนไม่ไหว ยกมือขึ้นตบหน้าเขาฉาดใหญ่ เรียกว่าใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมด
“เพี๊ยะ”
ทั้งสองสองต่างนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง
พอได้สติกลับมา เสิ่นอีเวยก็รู้สึกตกใจกับการกระทำเมื่อสักครู่ของตน ถลึงตาอย่างตื่นตระหนก มองใบหน้าโกรธขึ้นของเซิ่งเจ๋อเฉิงวินาทีนั้นหล่อนคิดว่าเขาจะตบหล่อนกลับ
แต่เขาก็ไม่ทำ
เซิ่งเจ๋อเฉิงผละออกจากร่างของเสิ่นอีเวย หล่อนคิดว่าเพราะฝ่ามือของหล่อนเมื่อสักครู่ทำให้เขาโกรธจนหมดอารมณ์ ดังนั้นหล่อนจึงแอบดีใจเล็กน้อย จึงรีบฉวยโอกาสนั้นเขยิบร่างถอยกรูดออกมาด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ปริปากพูดอะไร เดินมาที่ข้างเตียงแล้วแก้เนคไทที่ผูกข้อมือหล่อนออก
เสิ่นอีเวยเตรียมจะวิ่งหนี แต่ก็ถูกเซิ่งเจ๋อเฉิงจับไว้ได้ หล่อนถูกอุ้มเข้าไปในห้องน้ำ
เซิ่งเจ๋อเฉิงใช้มือเพียงข้างเดียวยึดหล่อนไว้แน่น หล่อนกระดุกกระดิกแทบไม่ได้เลย เขาใช้อีกมือหนึ่งเปิดน้ำจากฝักบัวอาบน้ำ
น้ำอุ่นๆไหลลงมาเสิ่นอีเวยตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร “คุณจะทำบ้าอะไร”
เซิ่งเจ๋อเฉิงพลิกร่างหล่อนไปอีกด้าน สองมือแนบกับผนัง ในอากาศมีหยดน้ำบางเบาหยดลงมาเกาะที่ผมและขนตาของพวกเขา เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าค่อยๆพร่ามัวลง
น้ำเสียงของเซิ่งเจ๋อเฉิงที่อบอุ่นและสดชื่น ต่อให้เสิ่นอีเวยจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบเชื่องช้าขนาดไหนก็ยังฟังออกว่าน้ำเสียงนั้นเจือปนความหื่นกามอยู่
“คุณดื้อนักไม่ใช่เหรอ งั้นผมจะทำให้คุณเห็นว่าคุณยอมร้องออกมาเองได้ยังไง”
คำพูดที่น่าอับอายถูกพูดออกมาอย่างเปิดเผยแบบนี้ เสิ่นอีเวยไร้ซึ่งการโต้แย้งเขาหมดสิ้น
เซิ่งเจ๋อเฉิงยึดหล่อนไว้กับผนังแน่น น้ำอุ่นๆไหลรินลงบนร่างของทั้งสอง ละอองน้ำซ่านกระเซ็นไปทั่วห้องน้ำ
อุณหภูมิภายในห้องค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น อุณหภูมิร่างกายของทั้งสองก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน เสิ่นอีเวยรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะหล่อนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเองภายใต้ร่างอันแข็งแกร่งของเซิ่งเจ๋อเฉิง
ริมฝีปากของเซิ่งเจ๋อเฉิงร้อนผ่าว เขาจูบลงไปข้างๆใบหูของหล่อนบริเวณที่อ่อนไหวต่อการสัมผัส ขาของหล่อนเริ่มอ่อนแรง หล่อนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา ผู้ชายคนนี้กำลังสำรวจทุกจุดที่อ่อนไหวทั่วทั้งร่างของหล่อน หล่อนไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนใดๆ
ห้องน้ำของห้องพักประเภทนี้ถูกออกแบบตกแต่งไว้อย่างสวยงาม หน้าต่างเป็นกระจกบานใหญ่ มาพร้อมกับผ้าม่านสีเทาเข้ม
มือใหญ่ของเซิ่งเจ๋อเฉิงดึงครั้งเดียว ผ้าม่านก็ถูกรูดออกไป แสงจันทร์สาดส่องเข้ามา เสิ่นอีเวยถูกแสงที่ส่องเข้ามาทำให้ตกใจผวา ตอนนั้นเองที่สมองหล่อนกลับมาได้สติขึ้นมาบ้าง
“คุณทำอะไร คุณบ้าไปแล้วเหรอ ” เสิ่นอีเวยหันหน้ากลับไปถามเขา
เซิ่งเจ๋อเฉิงจับร่างของหล่อนพลิกไปอีกด้าน ทำให้มือของหล่อนแนบกับหน้าต่างบานใหญ่
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดดังขึ้นข้างหูของเสิ่นอีเวย “อยากไปเป็นสาวนั่งดริ๊งในสถานบันเทิงไม่ใช่ ไปเป็นโคโยตี้อีก คุณชอบเรื่องตื่นเต้นเร้าใจนี่”
ตอนนั้นหล่อนนึกคำพูดขึ้นมาโต้แย้งเขาไม่ถูก จึงได้แต่นิ่งเงียบยอมรับในสิ่งที่เขาพูด สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของหล่อนตอนนี้คือแสงไฟสว่างไสวของเมืองนี้ทั้งเมือง กระจกหน้าตางบานใหญ่เป็นตัวคั่นกลาง ด้านนอกคือทิวทัศน์เมืองยามค่ำคืนที่คึกคักสวยงาม แต่ภายในคือการแสดงฉากหนึ่งที่ไร้สาระ
เซิ่งเจ๋อเฉิงเอื้อมมือไปยังด้านหน้าของเสิ่นอีเวย สัมผัสกับจุดที่อ่อนไหวนั้นของหล่อน ตรงนั้นเป็นจุดที่ทำให้เขาพึงพอใจมาตั้งแต่แรก
เสิ่นอีเวยกัดริมฝีปากแน่นไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมา แต่เซิ่งเจ๋อเฉิงไม่ยอมให้เป็นอย่างที่หล่อนหวัง จังหวะมือของเขาค่อยๆรุกรัวขึ้น