สามีเก่าอ้อนรัก - ตอนที่ 9
บทที่9เสิ่นอีเวยกระโดดลงจากรถ
บทที่9 เสิ่นอีเวนต์กระโดดลงจากรถ
เรื่องวุ่นวานก็จบลงแบบนี้
ถึงการถกเถียงกันในงานทำให้เสิ่นอีเวยเหนื่อยจนแทบ ขาดใจ แต่พอได้นั่งที่นั่งข้างคนขับอารมณ์กลับดีไม่น้อย
เสิ่นอีเวยรู้สึกว่าคืนนี้เธอแสดงออกต่อหน้าเซิ่งเจ๋อเฉิงได้ดี จัดการตาเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างสวี่กั่วหมิงไป เขาน่าจะมองเธอใน แง่ดีขึ้นบ้างนะ?
เสิ่นอีเวยหันไปมอง เซิ่งเจ๋อเฉิงกำลังตั้งใจขับรถ เธอถาม เสียงเบาว่า “เซิ่งเจ๋อเฉิง คืนนี้ฉันช่วยนายไว้ นายน่าจะขอบคุณ ฉันซักหน่อยนะ?”
เพิ่งเจ๋อเฉิงตั้งใจขับรถสีหน้าทะมึน เหมือนไม่ได้ยินที่เธอ
พูดเลย
เธออดไม่อยู่ถามไปอีกรอบ
“นายได้ยินที่ฉันพูดไหม?”
เขาพูดน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “ฉันเดือนเธอไว้อย่างว่าอย่า คิดเยอะเกินไป ขนาดเธอยังดูละครของสวี่กั่วหมิงออก เธอคิด ว่าฉันดูไม่ออกหรือไง? ดังนั้นเธอคิดว่าเธอมีสิทธิ์อะไรมารับ
ความดีความชอบต่อหน้าฉัน?”
น้ำเสียงเย็นแทบไม่มีความอุ่นอยู่เลย
บรรยากาศในรถเงียบลงบัดดล ถ้าเข็มหล่นคงได้ยินแน่ เสิ่นอีเวยรู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นใส่น้ำแข็งสาดทั่วร่าง
ความภูมิใจเมื่อครู่หายวับไปกับตา
เธอกำหมัดแน่น รู้สึกถึงเล็บที่จิกตรงกลางฝ่ามือ “เพราะ อะไร…ไม่ว่าฉันทำอะไรนายก็จะทำเป็นไม่เห็น?”
“ทำสิ่งที่เธอควรทำ อย่าหาเรื่องใครหรืออะไร”
เสิ่นอีเวยพูดลอยๆว่า “ตอนมัธยมนายไปเที่ยวผับกับ เพื่อน ฉันเป็นห่วงนาย ช่วยดื่มแทนและพานายกลับบ้าน”
“ต่อมาบ้านนายเลี้ยงสุนัขตัวหนึ่ง นายชอบมาก แต่ฉันแพ้ ขนสุนัขมาตั้งแต่เกิด เพื่อให้ได้อยู่ใกล้นาย ฉันแอบคนที่บ้าน ไปผ่าตัดรักษาอาการแพ้”
“หลังแต่งงานอาหารที่นายชอบฉันก็ไปหัดทำ พยายาม ตั้งใจเรียน แต่ไม่เคยได้รับการยอมรับจากนายเลย”
ควของเซิ่งเจ๋อเฉินขมวดเป็นปม
“เซิ่งเจ๋อ เฉิน ฉันรู้นายมีอำนาจมีเงิน รู้ว่านายไม่ใช่คนดี อะไรนัก รู้ว่านายไม่ต้องการการปกป้อง แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็
ยัง”
“พอได้แล้ว! ”
เขาเบรคคำพูดเธอในที่สุด “เธอเป็นผู้หญิงโง่ที่สุดที่ฉัน เคยเจอมาเลย นี่กะใช้ความเห็นใจในสิ่งที่เธอพูดมาพวกนั้น มากลบเกลื่อนความผิดที่ตัวเองเคยทำไว้งั้นสิ?”
หัวใจเธอเจ็บปวดนัก “ถ้าฉันพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัว เองได้ นายจะดีกับฉันบ้างใช่ไหม?”
เพิ่งเจ๋อเฉิงยิ้มเย็น “คนสกปรกอย่างเธอจะเอาอะไรมา
พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ? เสิ่นอีเวย เก็บลูกไม้ของเธอให้มิตชิด ตอนนั้นเธอทำร้ายเสิ่นหุ้ยจนกลายเป็นแบบนี้เพราะหล่อนไร้ เดียวสาเกินไป เชื่อใจเธอเกินไป ส่วนฉันรู้ว่าเธอเป็นคนยังไง มาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นฉันเตือนเธอว่าอย่าเสียเวลาเปล่าดี กว่า ! ”
พอคิดถึงการอธิบายซ้ำไปซ้ำมาของตัวเอง เธอรู้สึกแค่ เจ็บหนีบที่หัวใจ “ทั้งๆที่ไม่ได้รักฉันแต่กลับแต่งงานกับฉัน พอ แต่งงานก็เย็นชากับฉันครั้งแล้วครั้งเล่า เซิ่งเจ๋อเฉิงนายมัน ทุเรศสิ้นดีเลย! ”
“เธอลองพูดอีกครั้งสิ! ”
จำๆรถก็เบรคอย่างแรง หัวของเธอกระแทกกับที่นั่งอย่าง
แรงจนมีนหัว
ยังไม่ทันไหวตัว คางก็โดนสองมือบีบแน่น หน้าของเขา ใกล้เธอมาก จนจมูกแทบจะชนกัน เธอรู้สึกได้ถึงลมอหายใจที่ อบอุ่นแต่โกรธขึ้งนั่น
เธอจ้องตาเขาอย่างอึ้งๆ ในนั้นมีเงาตัวเองสะท้อนอยู่ อย่างน่าสังเวช
“เสิ่นอีเวย เธอฟังให้ตีนะ เธอเป็นคนยังไง ฉันรู้ดี ชาตินี้ อย่าหวังจะได้รับความสงสารจากฉันเลย! ”
เส้นอีเวยกัดปากแน่น น้ำตาไหลอาบแก้ม
“จำไว้ นี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้ายแล้วนะ”
หัวใจของเธอเหมือนตกวูบลงเหว ที่แท้ตัวเองก็ไร้เดียง
สามองโลกในแง่ดีเกินไป
ความพยายามอดทนทั้งหมด การอดกลั้นนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายกลับแลกความใจอ่อนหรือความรักจากเขาไม่ได้ชัก
กระฝึกเลย
เหนื่อย..มากจริงๆนะ
พอพูดจบ เซิ่งเจ๋อเฉิงก็หันไปออกรถต่อ
หลังจากนั้น เสิ่นอีเวยนั่งเงียบจนน่ากลัว เหมือนสัตว์ป่าที่
บาดเจ็บ ขดตัวอยู่บนที่นั่ง
จนรถแล่นมาถึงปากทางเข้าทางหนึ่ง เขารู้สึกเหมือน ประตูรถด้านขวามีลมหนาวพัดเข้ามา
หางตาเขาเหลือบเห็นเงาดำ
หัวใจกระตุกวูบ
พอหันไปมอง ก็มีชายกระโปรงสีดำผ่านแวบมา