สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 107
บทที่107 กระดานหมากของโม่ถีซือ
ท่านโจวจ้องมองชิงเหนียนอย่างหนาวเย็น เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าที่เมืองหู้ไห่นี้จะมีคนกล้าเรียกตนเองอย่างก้าวร้าวขนาดนี้
แต่โรลส์-รอยซ์แฟนทอมคันนั้น อธิบายชัดเจนว่าสถานะคนคนนี้ไม่ธรรมดา
ท่านโจวเผด็จการบ้าคลั่ง แต่เขาไม่ใช่คนมุทะลุ หลังจ้องมองครู่หนึ่ง ถามขึ้น “นายเป็นใครกัน?”
“ฉันเป็นใคร นายลืมแล้วเหรอ?” ชิงเหนียนหัวเราะนิดหน่อย จากนั้นเอ่ยปากอย่างสงบ “ให้เวลานายสิบวินาที รีบกลับไปที่รถ แล้วรีบไสหัวออกไป!”
ซ่า!
ดวงตาทั้งคู่ของท่านโจวแข็งกร้าว แรงอาฆาตหนาวเย็นระเบิดออกมาจากบนตัวเขา! อ้างว้างสั่นเทา ความหมายอาฆาตที่น่ากลัวปกคลุมไปทั่วที่นี่ ซูเหลยเคยผ่านประสบการณ์ห่ากระสุนปืนมามากมาย เผชิญหน้ากับแรงอาฆาตแบบนี้ย่อมไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว แต่หลีชิงเยียนที่ผมยาวยุ่งเหยิง ขาทั้งสองอ่อนแรง ทำได้เพียงให้ซูเหลยพยุงไว้
“ให้ฉันไสหัวไป?” ท่านโจวยิ่งสีหน้าไม่สู้ดี ก้าวเท้าออกมา พื้นดินสั่นสะเทือน “ยังไม่มีใครในเมืองหู้ไห่กล้าให้ฉันไสหัวไป!!”
ชั่วขณะนั้นสมาชิกสำนักอื้อจูถังนับไม่ถ้วนต่างกรูกันเข้ามา โอบล้อมชิงเหนียนไว้!
ชิงเหนียนยืนตระหง่านตรงกลางฝูงชน สีหน้าสงบเรียบเฉย ไม่มีท่าทางหวาดกลัวที่ถูกทำให้ตกใจเลยสักนิด
“ถึงแม้ว่าสถานะของนายจะไม่ธรรมดา งั้นแล้วยังไง!” ท่านโจวก้าวออกมา และปล่อยหมัดจู่โจมตามมาด้วย
เสียงจู่โจมอย่างหนักดังขึ้น ความรวดเร็วของท่านโจวไวราวกับฟ้าแลบ พุ่งไปทางด้านหน้าของชิงเหนียนอย่างกับสายฟ้าฟาด
หมัดนี้มีพลังน่าเกรงกลัวมาก พอที่จะทำให้สันจมูกของชิงเหนียนหักลง!
แม้กระทั่ง……ทั้งตัวเขาพิการ ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น!
ดวงตาทั้งคู่ของท่านโจวเต็มไปด้วยความหมายอาฆาตสยองขวัญ ชิงเหนียนก้าวร้าวขนาดนี้ย่อมมีต้นทุนของเขา และเขาจะกลัวเหรอ?
เขาสามารถขึ้นมายืนอยู่จุดยอดของวงการใต้ดินในเมืองหู้ไห่ได้ ย่อมเคยเจอคนหลากหลายประเภทเหลือเกิน ถึงแม้เขาจะหวาดกลัว แต่เขาก็เคยโค่นคนมาไม่น้อย
เมืองหู้ไห่เป็นที่ของเขา ไม่ใช่ของชิงเหนียน
ในใจของหลีชิงเยียนที่เต้นอยู่หยุดชะงักกะทันหัน เหมือนว่าใกล้จะหายใจไม่ออก อย่างไรเสียเธอก็คาดไม่ถึงว่าชิงเหนียนที่ดูเหมือนมาช่วยเธอท่านนี้จะเข้าสู่อันตรายเร็วขนาดนี้
ชิงเหนียนมองท่านโจวอย่างสงบ ตอนที่หมัดนั้นของท่านโจวพุ่งเข้ามาใกล้ ทันใดนั้นชิงเหนียนก็หายตัวไปจากที่เดิม
จากนั้นชิงเหนียนก็ปล่อยหมัดหนึ่งยิงถล่มไปที่ไหล่ของท่านโจว ท่านโจวโดนถล่มราวฟ้าผ่า กระเด็นถอยหลังไปหลายสิบก้าว ทั้งไหล่ชาไปหมด สีหน้าตื่นตระหนก
ท่านโจวมองทางชิงเหนียน ภายในใจผุดคลื่นยักษ์ขึ้น
นี่คือใครกัน คาดไม่ถึงหมัดเดียวก็ถล่มเขาถอยมาไกลขนาดนี้ได้?
ท่านโจวถูกลูกน้องด้านข้างพยุงไว้ มือทั้งคู่ของชิงเหนียนไพล่หลัง มองท่านโจวอยู่ สีหน้าเมินเฉยเล็กน้อย “นายคิดว่านี่คือโอกาสหลุดพ้นของนาย? นี่เป็นเพียงนายเข้าใกล้ความตายมาอีกก้าวต่างหาก ฉันมาช่วยนาย นายกลับไม่รู้จักถูกผิด!”
ท่านโจวสีหน้าเปลี่ยนไป สั่นสะเทือนทั้งตัว ชั่วขณะหนึ่งสายตาที่มองทางชิงเหนียนเปลี่ยนไปแล้ว ยังมีอาการสูงส่งเหนือผู้คนแบบก่อนหน้าที่ไหนกัน
ท่านโจวมองทางชิงเหนียน ในดวงตาเหลือเพียงความตื่นตกใจ
ทั้งเมืองหู้ไห่ล้วนไม่มีใครรับรู้ความลับของเขา……แต่เห็นได้ชัดว่าชิงเหนียนรู้
“ท่าน……สรุปเป็นใครกัน?” ในที่สุดท่านโจวก็เผยสีหน้าที่เคร่งขรึม ถามเสียงสั่น
“นายไม่มีสิทธิ์รู้ แต่เหยียดหยามเธอ นายคู่ควรแล้วเหรอ?” ชิงเหนียนถามเสียงเย็น ก้าวเท้าออกมา ด้วยการเคลื่อนไหวอันว่องไว
ท่านโจวสีหน้าเปลี่ยนไป ชั่วพริบตาเดียวชิงเหนียนก็ปรากฏตัวด้านหน้าของเขา บอดี้การ์ดสองคนด้านข้างไม่ทันป้องกันตัวสักนิด
ชิงเหนียนตบออกไปทีหนึ่ง เร็วดั่งฟ้าแลบ เสียงตบที่กังวานสะท้อนในอากาศของลานกว้าง
คนทั้งหมดแข็งเป็นหิน! เดือดพล่านด้วยตกใจ
ท่านโจวมีวันหนึ่งที่โดนตบด้วย
ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างใช้ดวงตาทั้งคู่จ้องมองชิงเหนียน ในแววตาลึกประกายแสงที่แปลกใจ
ความเร็วของชิงเหนียนไวมาก ต่อให้เป็นเธอยังล้วนเลื่อมใสสุดๆ
แต่เธอมักรู้สึกว่าชิงเหนียนที่แปลกหน้าคนนี้คุ้นตามาก
วันนี้ถานกงท่านโจวถูกคนตบหน้าที่อาคารตระกูลหลี!
ผู้คนมากมายจิตใจสั่นสะเทือน พาดหัวข่าวที่ลงในวันนี้คงโดนท่านโจวยึดครองอย่างแน่นอน
ท่านโจวแก้มแดงขึ้น รอยฝ่ามือแดงสด ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
“นายออกหน้าเพื่อเธอ?” ท่านโจวจ้องมองหลีชิงเยียนที่ใบหน้างดงามเซ่อซ่าพลางหัวเราะเบาๆ “สามีสวะคนนั้นของเธอยังไม่พูดอะไรเลย ดันมีผู้ชายคนอื่นมาออกหน้าช่วยเหลือผู้ที่ถูกรังแก เป็นทูตพิทักษ์สาวงาม……”
“ป๊าบ!”
ตบทีหนึ่งร่วงลงอีกครั้ง ชิงเหนียนสีหน้าเยือกเย็น “ไม่รู้จักสำนึกผิด”
ชิงเหนียนขยับมือหนักๆ สมาชิกสำนักอื้อจูถังด้านข้างต่างเงียบกริบ มองท่านโจวโดนโจมตีไม่หยุด กลับไม่กล้าเอาคืน ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี
ที่พวกเขาไม่รู้คือท่านโจวอยากเอาคืนมาก แต่ภายในใจท่านโจวกลับสงสัยสถานะของชิงเหนียน……ถ้าสถานะของชิงเหนียนน่ากลัวขนาดนั้นจริง นั้นเขาถือว่าหาที่ตายก็ทำได้เพียงถือว่าตนเองดวงซวยแล้ว
คนที่ขับโรลส์-รอยซ์แฟนทอมที่ต่างประเทศมีไม่กี่คัน ผู้ชายที่รับรู้ความลับของท่านโจว สถานะที่สลับซับซ้อน ทำให้ท่านโจวไม่กล้าเอาคืน
ถ้าเกิดเป็นเขาจริง……หากตนเองลงมือไป คงย่ำแย่ยิ่งกว่าตอนนี้แน่!
หลีชิงเยียนจ้องมองจากที่ไม่ไกลนัก ท่านโจวที่ก่อนหน้านี้กำเริบเสิบแทบไม่ไหว ปัจจุบันนี้ถูกต่อยจนเหมือนหมาตายตัวหนึ่ง ดวงตางดงามกะพริบเบาๆ ถึงตอนนี้ยังไม่มีการตอบสนองเข้ามา
ท่านโจว……คาดไม่ถึงว่าจะย่ำแย่ขนาดนั้น?
ชิงเหนียนคนนี้เป็นใครกัน? ตีท่านโจวจนไม่กล้าเอาคืน?
เมืองหู้ไห่ยังมีคนที่ท่านโจวกลัวอีกเหรอ? นอกจากที่มาของชิงเหนียนจะใหญ่กว่าท่านโจวมาก……
หลีชิงเยียนเย็นชาฉลาด พริบตาเดียวก็นึกอะไรได้มากมาย สายตาที่มองทางชิงเหนียนเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
ใครจะไปคิดว่าคำพูดโอหังที่ท่านโจวบอกก่อนหน้านี้ กลับโดนชิงเหนียนทำร้ายพังไปหมด เสมือนตบหน้าตนเองอย่างบ้าระห่ำครั้งแล้วครั้งเล่า เดาว่าเขาอายจนแทบไม่มีที่ให้แทรกหนีแล้ว
หลังจากชิงเหนียนตีเสร็จ ถีบทีหนึ่งไปบนก้นของท่านโจว ตะโกนว่า “ไสหัวกลับไป!”
ท่านโจวโซซัดโซเซกลับไปที่รถเบนซ์ กระเซอะกระเซิงแบบสุดจะทน!
สายตาแต่ละคนตกที่บนตัวเขา ทำให้เขาอับอายอย่างยิ่ง ตนเองขายขี้หน้ามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน!
ไม่นานบรรยากาศที่หดหู่มืดครึ้มก็สลายหายไป พนักงานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปไม่น้อยมองทางหลีชิงเยียน สายตาเต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธาและอิจฉา
ประธานนางฟ้าสามารถรู้จักบุคคลที่เก่งกาจขนาดนี้ได้ ทำให้ท่านโจวไม่กล้าเอาคืนได้
บุคคลแบบนี้เก่งกว่าสามีไร้ความสามารถคนนั้นของเธอมากเหลือเกิน หน้าตาก็หล่อ ตำแหน่งยังสูงด้วย
เป็นไฮโซรูปหล่อที่ไร้กังวลแน่นอน
เปรียบเทียบกันแล้ว พนักงานที่เคยเจอเฉินเป่ยเหล่านี้ ยิ่งรู้สึกว่าเฉินเป่ยไม่คู่ควรกับหลีชิงเยียนเลย
ผู้ชายที่อันธพาลคนหนึ่งจะคู่ควรกับประธานหลีได้อย่างไรกัน?
ที่ลานกว้าง รถยนต์สีดำแต่ละคันขับออกไปแล้ว ส่วนชิงเหนียนก็เตรียมกลับไปที่โรลส์-รอยซ์แฟนทอมเช่นกัน
“เดี๋ยวก่อน”
ทันใดนั้นเสียงน่าดึงดูดดังขึ้น เห็นเพียงหลีชิงเยียนกับหลินเฉว่เหยียบรองเท้าส้นสูงรีบตามเข้ามา “คุณผู้ชายท่านนี้ ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไร นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำ” ชิงเหนียนหัวเราะฮาๆ
“ควรทำ?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วดำเล็กน้อย
“เพื่อนคนหนึ่งไหว้วานให้ผมมาดูแลนิดหน่อย” ชิงเหนียนพูดอย่างสบายใจ นั่งเข้าไปในโรลส์-รอยซ์ ไม่นานเสียงเครื่องยนต์ก็คำราม ขับออกไปที่ไกลๆ อย่างรวดเร็ว
“เพื่อนคนหนึ่ง……” ใบหน้างดงามราวกับเจียระไนของหลีชิงเยียนจมสู่การครุ่นคิด ทันใดนั้นนึกถึงผู้ลึกลับที่เคยช่วยตนเองไว้มากมาย
หรือว่าเป็นเขา?
หลีชิงเยียนดวงตาเป็นประกาย คาดไม่ถึงว่าผู้ลึกลับคนนั้นยังรู้จักชิงเหยียน? แม้แต่ถานกงสำนักอื้อจูถังก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ สรุปเขามีภูมิหลังอะไรกัน?
หลีชิงเยียนเชื่อมั่นว่าในกลุ่มสังคมของตนเองไม่มีบุคคลที่น่ากลัวแบบนี้อยู่เด็ดขาด……เธอไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ลึกลับคนนั้นถึงช่วยเหลือเธอตั้งสามครั้ง
ทำไมเขาต้องแอบช่วยเหลืออย่างเงียบๆ
หลังหลีชิงเยียนกลับมาถึงห้องทำงานประธาน นั่งอยู่ในห้องทำงาน ตั้งแต่ตนจนจบก็ยังไม่เข้าใจสาเหตุ
และในตอนนี้เสียงกริ่งมือถือดังขึ้น หลีชิงเยียนกวาดตามองทีหนึ่ง รับสายโทรศัพท์แล้ว
“ประธานหลี บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเกิดเรื่องแล้วเหรอ?” เสียงของเฉินเป่ยในสายนั้นเผยความกังวล
“นายพึ่งโทรมาตอนนี้?” หลีชิงเยียนส่งเสียงหัวเราะเยาะ
“พอผมเห็นข่าวก็โทรมาหาคุณเลย ข่าวช้าไปมาก ผมไม่มีวิธีเหมือนกัน” เฉินเป่ยร้องอย่างถูกใส่ร้าย
“ฉันไม่เป็นไร ทุกอย่างโอเค” หลีชิงเยียนพูดอย่างนิ่งๆ
“ประธานหลี คุณมีเรื่องอะไรบอกผมสิ ผมอยู่ที่บ้านเป็นห่วงคุณมากจริงๆ นะ” เสียงเฉินเป่ยเผยความจริงใจ ส่วนหลีชิงเยียนกลับส่ายหน้า
เฉินเป่ยกังวลแล้วมีประโยชน์อะไร เขามีความสามารถอะไรมาช่วยตนเองได้
วันนี้ถ้าไม่ใช่การไหว้วานของผู้ลึกลับท่านนั้น ในสายนั้นชิงเหนียนท่านนั้นคงไม่เข้ามาช่วยเหลือตนเอง
ภายในคฤหาสน์หรู เฉินเป่ยวางสายลง สายตามองไปทางที่ไกลออกไป มุมปากโค้งรอยยิ้มล้ำลึกขึ้น
…………
รถเบนซ์สีดำขับหนีอุตลุดบนถนนอย่างโกลาหลอลหม่าน สุดท้ายพุ่งเข้าไปในถานกง
ภายในถานกง ท่านโจวนั่งอยู่บนโซฟาหนังแท้ ด้านข้างมีพยาบาลสวยเพริศพริ้งคนหนึ่งกำลังจัดการแผลท่านโจวอย่างระมัดระวัง
ท่านโจวสีหน้าเย็นเฉียบอัปลักษณ์ หยิบโทรศัพท์รุ่นเก่าขึ้น ต่อสายไปที่หมายเลขหนึ่ง
“เป็นอะไรเหรอ?” ในสายนั้น ณ ห้องพักโรงแรมระดับห้าดาว ผู้หญิงงดงามท่านหนึ่งใส่ชุดคลุมอาบน้ำ บนผมยาวยังมีหยดน้ำร่วงลง
หล่อนรับมือถือ โทรศัพท์ในสายนั้นมีเสียงท่านโจวรอดซี่ฟันออกมาดังขึ้น “พ่ายแพ้แล้ว มีคนขัดขวางผมไว้”
“ขัดขวางนาย? นายอยู่ที่นี่ขึ้นชื่อว่าราชาอิทธิพล ใครกล้าขวางนายกัน?” โม่ถีซือถามขึ้น
“คนคนนั้นไม่ธรรมดามาก พาหนะเป็นโรลส์-รอยซ์แฟนทอม เขายังรู้เรื่องของผมด้วย” ท่านโจวบอกไป
ดวงตางดงามของโม่ถีซือเป็นประกาย จากนั้นพูดอย่างสงบ “ฉันรู้แล้ว ไม่มีเรื่องของนายอีก”
จากนั้นไม่รอท่านโจวพูดอะไรก็ตัดสายโทรศัพท์ไป
“หลง……นี่คือนาย อยากจะเล่นกับฉันหน่อยเหรอ?” โม่ถีซือเดินไปริมหน้าต่าง ดวงตางดงามมองไปนอกหน้าต่าง พูดพึมพำ
ภายในห้อง ท่านโจวนั่งบนโซฟา กำหมัดแน่น ดวงตาคู่หนึ่งเผยความหมายอาฆาตที่หนาวเย็น “โม่ถีซือ……”
เขาไม่กล้าหาเรื่องโม่ถีซือ เขารู้จักความน่ากลัวของผู้หญิงคนนี้ จึงทำได้เพียงโมโหแต่ไม่กล้าพูดอะไร
“ไปค้นหาที่มาของชิงเหนียนคนนั้น” ท่านโจวครุ่นคิดพักหนึ่งแล้วบอกไป
“ครับ” ลูกน้องรับปาก
“ตามฉันออกไป ไปที่บ้านของผู้หญิงคนนั้น” ท่านโจวพูดเสียงเย็น
“ท่านโจว……ไปที่บ้านของผู้หญิงคนนั้นทำไม?” ลูกน้องตะลึง ไม่ได้มีการตอบสนองเข้ามา
“ไปเล่นกับสามีสวะคนนั้นของเธอหน่อย ฉันทำอะไรเธอไม่ได้ ฉันเอาสามีเธอมาระบายอารมณ์ไม่ได้รึไง?” ท่านโจวกัดฟันพูด