สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 115
บทที่ 115 โสมป่าราคาสูงเสียดฟ้า!
หลินเฉว่ที่อยู่ในสายนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หากไม่ใช่ฝ่ายเทคนิคของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปรับผิดชอบหน้าที่อย่างดี อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้เช้าถึงจะรู้เรื่อง หลังจากที่วางสายไป ใบหน้าที่บอบบางของหลีชิงเยียนถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่หมองคล้ำ ภายในใจเป็นกังวลมาก
“เป็นอะไร?” แม่ของหลีชิงเยียนถาม หลังจากหลี่เซียงหานเห็นหลีชิงเยียนรับสายจู่ๆท่าทีก็เปลี่ยนไป ถามด้วยความเป็นห่วง
หลีชิงเยียนพูดถึงสาเหตุ ทันใดนั้นบรรยากาศของงานเลี้ยงอาหารค่ำซึ่งเดิมทีมีแต่ความสุขก็ตกอยู่ในความมืดมน แม้แต่หลีหยางก็ไม่มีอารมณ์จะกิน หากความลับของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปรั่วไหล เป็นความเสียหายอย่างยิ่งต่อบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป
หากถูกคู่แข่งถือโอกาสนี้ อาจทำให้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปล้มได้!
อาหารเย็นเต็มไปด้วยความเงียบ มีแค่เฉินเป่ยเท่านั้น ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรเลย ไม่สนใจโดยสิ้นเชิง ก้มหน้ากินและดื่มอย่างเดียว
ในที่สุดหลีชิงเยียนก็ทนไม่ไหว ถุยน้ำลาย ยกรองเท้าแตะขึ้น เหยียบไปที่เท้าของเฉินเป่ย
จู่ๆเฉินเป่ยก็เงยหน้าขึ้น บิดที่มุมปาก มือมันเยิ้มวางขาไก่ลง เช็ดที่ปาก ยิ้มเบาๆ “คุณอาหลี มีคำกล่าวหนึ่งดีมาก ขึ้นภูเขาต้องมีทางไป ไม่กินให้อิ่ม จะมีแรงทำงานได้ยังไง”
เฉินเป่ยพูดจบ ก้มหัวลงหยิบขาไก่ กินต่อ…..
ดวงตากลมสวยของหลีชิงเยียน จ้องมองเฉินเป่ย ด้วยความโกรธลุกโชนอย่างรุนแรง ไอ้หมอนี้ แย่จริงๆ!
“เจ้าเฉินพูดถูกต้อง กินให้อิ่มก่อน ค่อยคิดหาวิธี”ผ่านไปนาน หลีหยางค่อยๆเอ่ยปาก แต่แม้ว่าหลีหยางจะพูดแบบนี้ แต่ตระกูลหลีสามคนไม่อยากกินต่อแล้ว กินไม่กี่คำ ก็ลุกขึ้นไปนั่งในห้องรับแขก เข้าสู่กระบวนการความคิด
ไม่นาน เฉินเป่ยยกกล่องโสมป่านั้นเดินมา ยิ้มเล็กน้อย “คุณอาหลี โสมป่าอันนี้ของคุณ ถ้าคำนวณไม่ผิดละก็ มีค่าเกินราคาที่คุณจ่ายไป”
หลีหยางขมวดคิ้วแน่น กำลังคิดหนักเรื่องบริษัท ได้ยินแล้วก็เงยหน้าขึ้น มองไปที่กล่องโสมป่านั้น ไม่อยากจะเชื่อ “ไม่ใช่มั่ง แม้ว่าจะหายาก แต่ราคาที่ฉันจ่าย ใกล้เคียงกับราคาของมันแล้ว”
เฉินเป่ยส่ายหน้า “โสมส่วนใหญ่เพียงแค่เข้าใกล้มนุษย์ก็สามารถขายได้ในราคาสูง แต่รากนี้คือข้อยกเว้น”เฉินเป่ยเปิดกล่อง ชี้ไปที่โสมป่าข้างใน “คุณอาหลี คุณดูมันเหมือนกับอะไร?”
หลีหยางก้มหน้า มองอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จู่ๆก็ขยับ “เหมือนอาวุธ?”
เฉินเป่ยพยักหน้า “นี่เป็นเพียงหนึ่งในความแตกต่างของมัน รากโสมป่าเมื่อถูกขุดออกจะหักง่ายมาก ดังนั้นมูลค่าจึงลดลงตาม โดยเฉพาะโสมราคาสูงเสียดฟ้า มีน้อยมากที่จะไม่มีรอยหัก แต่รากนี้ กลับไม่มีความเสียหายใดๆ”
“มีฝีมือขนาดนี้ จะต้องเป็นระดับอาจารย์ใหญ่แน่นอน” สัมผัสแห่งความจริงจังปรากฏบนใบหน้าของเฉินเป่ย “สรรพคุณของมัน มากเกินกว่าโสมป่า 500 ปีธรรมดา ตลอดจนอาจจะถึง 600 ปีก็ได้”
หัวใจของหลีหยางสั่นไหว อายุโสมป่า อายุยิ่งมาก ราคาแทบจะเพิ่มเป็นเท่าตัว
“ตามที่นายพูด ฉันได้กำไรเหรอ?”หลีหยางถามด้วยน้ำเสียงเข้ม เฉินเป่ยพยักหน้า “ได้กำไรเยอะมาก ถ้าคุณขายให้คนที่ต้องการจริงๆ ขายได้ราคาดีแน่นอน”
“ดี”คิ้วที่หลีหยางขมวดได้ยืดออก เฉินเป่ยเอาข่าวดีมาบอก เพื่อให้เขารู้สึกดีขึ้นมา
“เจ้าเฉิน นายรู้เรื่องโสมดีเหรอ?”หลีหยางถาม
“พอรู้บ้าง หลักๆคือเมื่อก่อนดื่มชาโสมบ่อย ดังนั้นจึงพอรู้เรื่องอยู่บ้าง”เฉินเป่ยยิ้ม ทำให้หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆเกิดอาการดูถูก
ใช้โสมชงชา หรูหราอะไรเบอร์นั้น อย่าว่าแต่โสมป่าเลย เพียงแค่ชงชาด้วยโสมธรรมดา ปกติเศรษฐีก็ไม่กล้าทำแบบนี้
แต่ไอ้หมอนี้ พูดอย่างไม่อายว่าดื่มชาโสมบ่อยๆ นี่คงคิดว่าคนอื่นโง่? หลีชิงเยียนจะรู้ได้ยังไง ในคฤหาสน์ที่ประเทศโคลอมเบีย แค่โสมอายุ500ปีของหลีหยาง ก็เพียงพอที่เฉินเป่ยจะเอาไปเก็บไว้ในโกดังแล้ว!นับประสาอะไรกับโสมอื่น ๆ ที่มีอายุต่ำกว่า
ตอนนั้นเฉินเป่ยพาเพื่อนพ้องกลุ่มหนึ่งหลังจากเสร็จภารกิจที่ประเทศซีเรีย ทุกๆวันทุกคนใช้โสมมาผสมน้ำอาบ…โชคดีที่เรื่องนี้ไม่แพร่ออกไป ถ้าแพร่ออกไปละก็ คงช็อกไปทั่วโลกแน่นอน!
ถ้าหลีหยางรู้เรื่องนี้ จะต้องเบิกตาโตแน่ รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง
หลีชิงเยียนจะเย้ยหยันมากยิ่งขึ้น คิดว่าเฉินเป่ยทำเป็นแค่โม้ไปวันๆ โสมอายุห้าร้อยปี ในสายตาของเฉินเป่ย ก็แค่หายากเท่านั้นเอง ไม่ถึงกับประเมินค่าไม่ได้.
ตอนนั้น เฉินเป่ยไม่ได้ใส่ใจที่จะชงชาด้วยโสม กลับเอามาเป็นน้ำยาบ้วนปาก
“ไม่โม้นายจะตายเหรอ?” หลีชิงเยียนเหน็บแนม
เฉินเป่ยยักไหล่และยิ้มเยาะ
แต่หลีหยางเชื่อเฉินเป่ยจริงๆ หัวเราะฮ่าๆ “เจ้าเฉิน นายมีเรื่องราวมากมายจริงๆ ตอนนั้นฉันดูนายไม่ผิดจริงๆ!”
“พ่อ~”หลีชิงเยียนจ้องมองอย่างไม่พอใจ ตอนนี้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปอยู่ในขั้นวิกฤติ หลีหยางกลับถูกเฉินเป่ยไอ้หมอนี้หลอกแล้ว ไปวิจัยโสมอะไรกัน!
“เซิร์ฟเวอร์ของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป ได้เชิญบริษัทรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ที่เก่งที่สุดในเมืองหู้ไห่ ฝ่ายเทคนิคของทีมยังมีประสิทธิภาพมาก ถูกแฮ็กได้ยังไงนะ”ในที่สุดหลีหยางก็กลั้นยิ้มและถามอย่างจริงจัง
“ตอนนี้ยังไม่พบสาเหตุ”ใบหน้าที่สวยงามของหลีชิงเยียนนั้นเคร่งขรึม ปัญหานี้ดูเหมือนจะยากมาก
“เจ้าเฉิน นายว่าคิดว่ายังไง?” หลีหยางหันหน้า ไปมองเฉินเป่ย
“แค่จุดอ่อนเล็กๆ สามารถสร้างปัญหาได้ขนาดนี้”เฉินเป่ยคิดสักพัก แล้วพูดออกมา
“หมายความว่าไง?” แววตาหลีหยางขยับ แล้วถามต่อ
“ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ เรื่องนี้ต้องตรวจสอบ” เฉินเป่ยส่ายหน้า
“เรื่องตรวจสอบฉันจะให้ซูเหลยไป”หลีชิงเยียนพูด
“เธอ? ให้ฉันไปดีกว่า”เฉินเป่ยมองไปที่ซูเหลยที่อยู่ด้านข้าง และอาสาไปเอง ซูเหลยเหลือบมองไปที่เฉินเป่ย ในใจดูถูก ไอ้หมอนี้ ทำเป็นแค่หลอกลวงไปวันๆ ให้เขาไปตรวจสอบ จะตรวจเจออะไรได้?
“เธอเกิดในทีมรบพิเศษ การสืบหาเบาะแสคือจุดแข็งของเธอ ส่วนนายไม่ต้องหรอก”หลีชิงเยียนหัวเราะออกมา
“รายละเอียดยังไม่ชัดเจน พรุ่งนี้ไปที่บริษัทถึงจะรู้ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว ไม่งั้นคืนนี้ก็นอนที่นี่เถอะ” หลีหยางลุกขึ้นพูด คฤหาสน์ที่นี่ใหญ่โต มีห้องว่างจำนวนมาก
…………
ตอนกลางคืน ในบาร์แห่งหนึ่ง ในห้องวีไอพี โจวเทียนกำลังถือแก้วไวน์ ผิวแดงก่ำ กำลังเมาอยู่
ข้างๆ คือหญิงสาวผมบรอนซ์โม่ถีซือ กำลังรินไวน์ให้โจวเทียนไม่หยุด
“ฉันบอกแล้วว่า ให้ฉันลงมือ จะต้องสำเร็จแน่นอน” โจวเทียนคุยโอ้อวด เขาเมาจนเกือบจะพูดไม่รู้เรื่องแล้ว
“ต่อไป ต่อไปต้องพึ่งคุณแล้ว”โม่ถีซือยิ้มที่มุมปาก ลูบที่แก้มของโจวเทียน
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้น เดินไปที่ทางเดินนอกห้องวีไอพี และเมื่อโม่ถีซือออกไปได้ไม่นาน ทันใดนั้นโจวเทียนก็ชักกระตุกไปทั่ว เกิดฟองที่ปาก! ก่อนโจวเทียนเสียชีวิต ก็ไม่ได้รู้สึกถึงรอยยิ้มที่แอบแฝงที่มุมปากของโม่ถีซือ ทำให้คนเดาไม่ออกเลย