สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 122
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 122 ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรจริงๆ หรอ
ตอนนี้หลีชิงเยียนเริ่มเมาแล้ว ใบหน้าอันขาวเนียนจองเธอเริ่มแดงระเรื่อ จึงพูดขึ้นด้วยความโมโหและอับอาย “หรือว่าคุณคิดว่าคุณเหมาะสมกับตัวฉัน? แม้แต่งานคุณยังจะไม่ทำ แม้แต่เรื่องพื้นฐานพวกเขายังไม่คู่ควรกันเลย!”
หลีชิงเยียนรู้สึกโกรธมาก เธอคิดเผื่อเฉินเป่ยขนาดนี้ สุดท้ายใครไปนึกถึงว่าไอ้ผู้ชายคนนี้ไม่สนใจความรู้สึกเธอแบบนี้
เธออุตส่าห์เห็นเขาในแง่ดี ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเลย
เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียนไว้ ไม่รู้ว่าเพราะว่าเธอโกรธหรือเพราะลาฟิตขวดนั้น ตอนนี้ใบหน้าอันขาวเนียนของหลีชิงเยียนดูแดงก่ำ เหมือนแอบเปิ้ลที่สุกแล้ว ปกติเธอดูเย็นชาและไม่สนใจอะไร ตอนนี้กลับมองเฉินเป่ยด้วยความโมโห เธอเม้มปากแดงไว้แน่นๆ ท่าทางแบบนี้ของเธอดูน่ารักมากๆ
ดวงตาคู่นั้นของเฉินเป่ยเต็มไปด้วยความรักใคร่ จากนั้นก็ยิ้มอ่อนๆ ขึ้น
เขาจะไม่มีบริษัทได้ยังไง? อีกอย่างไม่ใช่แค่ธุรกิจที่อยู่ต่างประเทศอย่างที่เขาเป็นบริษัทใหญ่มาก แค่ธุรกิจในหัวเซี่ย ไม่รวมบริษัทที่เอามาจากในมือของหลีเช่าเทียน
หากหลีชิงเยียนรู้ถึงขนาดของธุรกิจที่อยู่ต่างประเทศของเขา เธอต้องตกใจมากๆ แน่ๆ และไม่มีทางเชื่อว่านี่เป็นทรัพย์สินของเฉินเป่ย
“แน่นอนว่าผมมีบริษัทสิ แค่คุณไม่รู้เท่านั้น” เฉินเป่ยยิ้มขึ้น
“ชิ” หลีชิงเยียนเบะปากแล้วกลอกตามองใส่เขา
เทพธิดาที่พึ่งเมา ทำให้เธอดูมีเสน่ห์ในอีกด้าน ถ้าเกิดตอนนี้ถูกผู้ชายพวกนั้นที่ตามจีบเธอมาเห็นเข้า ก็คงจะรู้สึกบ้าคลั่งและมาสยบอยู่ใต้กระโปรงสีแดงทับทิมของเธอ!
พวกเขาจะยิ่งรู้สึกโมโห เทพีของพวกเขา ท่านประธานจอมเย็นชาตามละครอยู่ในจอทีวี ตอนนี้กลับกลอกตามองบนใส่คนอื่นด้วย!
แน่นอนหลีชิงเยียนต้องไม่เชื่ออยู่แล้ว ในสายตาของเธอ เฉินเป่ยกำลังพูดจาเหลวไหล ถ้าเฉินเป่ยมีบริษัทจริง ถ้าเขามีเงินจริงๆ ทำไมถึงต้องพึ่งพาเงินไม่กี่หมื่นหยวนของเธอไปเป็นค่าครองชีพของเขา แล้วทำไมก่อนหน้านี้ยังจะยื่นมือขอเงินกับเธอ!
หลีชิงเยียนพึมพำด้วยเสียงอันแผ่วเบา จากนั้นก็เปล่งเสียงออกมา “นอกจากขี้โม้แล้วคุณยังทำอะไรได้บ้าง? ”
เฉินเป่ยทำตัวไม่ถูก…… ตัวเองพูดความจริงก็ยังไม่เชื่อ…….แล้วจะให้ตัวเองทำยังไงกันแน่!
“คุณไม่เหมาะกับการอยู่วงการนี้ ยังไงก็ออกจากที่นี่ไปเถอะ” หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ย หน้าสวยๆ ของเธอดูจริงจัง ลมหายใจที่เธอเปล่งออกมาหอมเหมือนดั่งดอกกล้วยไม้ ทั้งเรือนร่างของเธอปะปนไปด้วยกลิ่นอ่อนๆ ของแอลกอฮอล์ ทำให้เธอดูมีเสน่ห์แตกต่างจากปกติ
ไม่นาน หลีชิงเยียนก็มึนเมาขึ้นมา เรือนร่างอันผอมบางของเธอเสไปมา และดูเหมือนจะล้ม
เฉินเป่ยยื่นมือไปพยุงเธอไว้ มือใหญ่ของเขาโอบกอดเอวอันผอมบาง หน้าอกอันอวบอิ่มของเธอเข้าไปแนบชิดกับแผงอกของเฉินเป่ยไว้แน่นๆ ทำให้หน้าอกของเธอเปลี่ยนทรงไปทันที
เวลานี้ เฉินเป่ยแค่ก้มหน้าลงต่ำ แล้วก็เห็นทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยหิมะสูงตระหง่าน ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เลือดของคนเดือดพล่านขึ้นมา
ผมดำเงาอันยาวสลวยพาดลงหลังไหล่ของเธออย่างยุ่งเหยิง ใบหน้าที่สวยสง่าของหลีชิงเยียนแดงก่ำเหมือนเลือดแดงสด จากนั้นก็พูดคำพูดตอนเมาเหมือนเธอกำลังอยู่ในความฝัน และเธอก็หมดสติไปนานแล้ว
เฉินเป่ยช้อนตัวเธอขึ้น แล้วค่อยๆ วางตัวเธอลงบนเตียงของตัวเอง
เฉินเป่ยเอาผ้าห่มห่มตัวเธอไว้เป็นอย่างดี และกำลังจะจากไป จู่ๆ แขนอันขาวผ่องที่เรียวยาวก็ยื่นออกมาจับเฉินเป่ยไว้
“อย่าไป……” หลีชิงเยียนพึมพำขึ้น ทำให้เฉินเป่ยนิ่งงันไป ในใจจึงรู้สึกรักและเอ็นดูเธอขึ้นมา จากนั้นก็ไม่ได้จากไปไหน
ไม่เพียงแต่แบบนี้ พฤติกรรมหลังเมาของหลีชิงเยียนร้ายแรงกว่าเดิม ไม่นานก็มีขาอันเรียวยาวที่น่าหลงใหลก็ยื่นออกมาแนบกับเอวของเฉินเป่ยไว้อย่างไม่รู้ตัว
เฉินเป่ยหายใจถี่กว่าเดิม เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีอะไรบางอย่างที่อ่อนนุ่มแนบชิดกับแผ่นหลังของเขา และก็ยังมีลมหายใจที่แผ่วร้อนของหลีชิงเยียน
นี่มัน……เฉินเป่ยยากที่จะอดกลั้น ท่านประธานเทพธิดากำลังยั่วยวนเขา!
เขาก็คือชายหนุ่มที่กระฉับกระเฉงและทรงพลังคนหนึ่ง……กลับถูกยั่วยวนแบบนี้…..เรื่องแบบนี้ถ้าถูกป่าวประกาศออกไป จะยั่วยวนผู้ชายมากขนาดไหนที่จะรู้สึกบ้าคลั่งเพราะเธอ!
เทพธิดาที่อยู่ในใจของพวกเขา หลังจากที่ดื่มจนเมา กลับเหมือนปลาหมึกยักษ์ตัวหนึ่งที่เป็นฝ่ายเข้ามาใกล้ชิดกับเฉินเป่ยก่อน
เฉินเป่ยกัดฟันกรอด ต่อให้ที่ผ่านมาเขาจะหนักแน่นในความคิดตัวเองเหมือนดั่งเหล็ก ทว่าเขาก็ทนไม่ไหวกับการถูกยั่วยวนแบบนี้!
“ให้ตายเถอะ……” เฉินเป่ยกัดฟันแล้วก่นด่าด้วยเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นก็หายใจอย่างหอบหืด
เฉินเป่ยก้มหน้าลง แล้วปรายตามอง จู่ๆ สายตาของเขาก็กวาดมองเรือนร่างที่เรียวผอมและดูสง่าเหมือนดั่งงาขาวของช้าง ทันใดนั้นเขาก็ดูเกร็งขึ้นมาทันที
“ให้ตายเถอะ……”
เฉินเป่ยพยายามจะสูดลมเย็นๆ เข้าปอด หลีชิงเยียนกำลังจะทำให้เขาทำความผิด!
เฉินเป่ยไม่เข้าใจ หลีชิงเยียนปลดเข็มขัดของผู้ชายกลับเป็นเรื่องที่ผ่อนคลายขนาดนี้ แม้กระทั่งทำให้เฉินเป่ยรู้สึกว่าเธอดูคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้มาก
ยังดีที่ความคิดของเฉินเป่ย หลีชิงเยียนกลับไม่รู้ ถ้าตอนที่หลีชิงเยียนได้สติขึ้นมาก็จะรู้ความคิดของเฉินเป่ย คงจะรู้สึกโมโหและรู้สึกอับอาย เธอต้องตบหน้าเฉินเป่ยแน่นอน แล้วจะก่นด่าอย่างโมโหว่าเขาเป็นผู้ชายโรคจิตที่ไร้ยางอาย และคงจะสรรหาคำพูดทุกอย่าง และอยากจะด่าไอ้ผู้ชายสารเลวคนนี้ให้ตายจนใจจะขาด
แม้กระทั่งหลีชิงเยียนที่มึนเมา ตัวเองก็คงจะนึกถึงไม่ถึง เธอจะทำกับเฉินเป่ยแบบนี้ ก็คือทำในเรื่องที่น่าอับอาย ต่อให้ตัวเองฝันไปก็คงไม่กล้าคิดว่าจะทำเรื่องแบบนี้!
ช่วงเวลากลางคืนที่เงียบสงบ ตอนที่ไฟดวงสุดท้ายของคฤหาสน์ดับลง ทั้งคฤหาสน์จึงเงียบสงบลงทันที สภาพแวดล้อมโดยรอบก็เต็มไปด้วยความเงียบกริบ มีเพียงเสียงนกเสียงแมลงที่ส่งเสียง และก็ยังมีเสียงอันน่าแปลกที่ส่งออกจากห้องนอนของเฉินเป่ย
…….
เช้าวันที่สอง หลีชิงเยียนลืมตาคู่สวยขึ้น ก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
สภาพแวดล้อมรอบๆ ทุกอย่างดูเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก เป็นสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากปกติที่เธอตื่นนอนมาอย่างสิ้นเชิง
“นี่……” ดวงตาคู่สวยของหลีชิงเยียนเคล้าความสงสัย จู่ๆ เธอก็หมุนหัวของตัวเอง ก็เห็นเรือนร่างที่กำยำที่กำลังหันหลังให้เธอ
เรือนร่างนั้นเธอรู้สึกคุ้นเคยมาก ทว่าตอนนี้กลับเปลือยกายอยู่ และกำลังห่มผ้านอนหลับอย่างสนิท
ทว่าตอนที่เธอนึกขึ้นได้ ม่านตาคู่สวยของเธอจึงหดลงทันที จากนั้นเธอก็กวาดสายตามองไปทั้งสี่ทิศ สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความตกตะลึง!
เธอมานอนอยู่ที่นี่ได้ยังไง?!
จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังสนั่นไปทั่วห้องนอน ทำให้เฉินเป่ยตื่นขึ้นทันที แล้วก็เอาผ้าห่มไปปิดหูของตัวเองอย่างทนไม่ไหว จากนั้นก็พึมพำขึ้น “โวยวายอะไรของคุณ เช้าขนาดนี้คนเขาจะหลับจะนอน!
“ไอ้สารเลว! ” หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยด้วยความโมโห จากนั้นก็ก่นด่าขึ้นมาอย่างโมโห
เฉินเป่ยหันไป แล้วมองหลีชิงเยียนเพียงพริบตาเดียว ทันใดนั้นก็ทำสีหน้าที่ตะลึงงัน แล้วขึงตามองไปตรงๆ จากนั้นก็พึมพำขึ้น “ใหญ่มาก……”
หลีชิงเยียนที่กำลังหายใจหอบหืดด้วยความโมโหก็หยุดชะงักไปทันที ดวงตาคู่นั้นเคล้าด้วยความอาฆาต ไอ้ผู้ชายคนนี้ กลับถอดเสื้อผ้าที่รัดกุมเรือนร่างของตัวเองออก!
ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!!
หลีชิงเยียนกำลังจะเป็นบ้า ใบหน้าที่ขาวเนียนและสวยงามของเธอแดงก่ำขึ้นทันที และเธอกัดฟันกรอด จากนั้นก็เปล่งสามพยางค์ออกมาด้วยความอาฆาตและน่ากลัว “ไอ้สารเลว!! ”
“ปึก! ”
หลีชิงเยียนจึงยื่นขายาวๆ ออกไป แล้วถีบเฉินเป่ยลงจากเตียงไปอย่างไม่ลังเลใจ
เฉินเป่ยคลานขึ้นเตียงอีกครั้ง มุมปากของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ยากจะเดาอารมณ์ ทว่าสีหน้าของเขายังคงสื่อว่า “ท่านประธานหลี ผมไม่ได้ตั้งใจ เมื่อวานคุณดื่มมากและบอกว่าจะนอนเตียงของผมให้ได้ จากนั้นก็มาถอดเสื้อผ้าของผม แล้วคุณเองก็……”
เฉินเป่ยยังไม่ทันพูดจบ ก็รีบหลีชิงเยียนพูดแทรกขึ้นอย่างเย็นชา “นี่นายกำลังบอกว่าฉันยั่วยวนนายงั้นหรอ? ”
“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่ผมไม่ได้ถอดเสื้อของคุณจริงๆ แม้แต่กระดุมนั่นผมยังถอดไม่เป็น……” ตอนนี้เฉินเป่ยเริ่มพูดจาเหลวไหล ตอนเขาอยู่ต่างประเทศ เขาเป็นคนที่สง่าและมีเสน่ห์มาก ชิงเหนียนที่หล่อเหลาคนนั้น ตอนนี้กลับถูกเขาทำให้เสียภาพพจน์จนหมด
ถ้าคำคำนี้หากถูกองค์หญิงในแถบยุโรปได้ยินเข้า ก็คงรู้สึกเครียดจนต้องสับเฉินเป่ยให้เละแล้ว ผู้ชายคนนี้ที่ชำนาญในการถอดเสื้อของคนอื่น ไม่รู้ว่าลูกสาวของขุนศึกนานาชาติถูกเขาทำลายไปสักเท่าไหร่แล้ว แค่องค์หญิงพวกนั้นในแถบยุโรป ก็คงจะผ่านเขามาไม่ใช่สิบก็แปดคนแล้ว!
ต่อให้เป็นโม่ถีซือที่อยู่ในโลกชั่วร้ายทิศตะวันตกก็ยังเคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเฉินเป่ย
นี่เขายังจะแกล้งทำเป็นโง่อีก?!
หลีชิงเยียนไม่มีทางเชื่อคำพูดของเฉินเป่ย ตอนที่เธอหันไป ก็เห็นเหล้าที่วางอยู่ตรงหัวเตียง เธอรู้สึกเสียใจมากๆ ทำไมตัวเองถึงหาไอ้หมอนี่ดื่มเหล้าด้วย!
สุดท้ายเธอกลับนอนบนเตียงเดียวกันกับไอ้หมอนี่มาหนึ่งคืน และยังไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง เธอกลับถูกไอ้หมอนี่ล่วงละเมิด
หลีชิงเยียนใช้ดวงตาคู่สวยจับจ้องเฉินเป่ยไว้ เธอมองเฉินเป่ย แล้วก็รู้สึกเกลียดจนคันตรงรากฟัน
“ไสหัวออกไป! ” หลีชิงเยียนใช้น้ำเสียงอันแผ่วเบาพูดขึ้นอย่างเย็นชา
ทำอะไรไม่ได้ ภายใต้แรงกดขี่ของหลีชิงเยียน เฉินเป่ยทำได้เพียงเดินออกจากห้องนอนด้วยความเศร้าหม่นหมอง เขานึกไม่ออกเลยจริงๆ จริงๆ แล้วนี่เป็นห้องนอนของตัวเอง เมื่อวานหลีชิงเยียนก็เป็นฝ่ายรุก ตัวเองแทบจะไม่ได้แตะต้องเธอตั้งแต่แรกจนจบ สุดท้ายตัวเองกลับถูกว่ากล่าวตำหนิอีก!
หลังจากเฉินเป่ยลงจากตึก ก็เห็นซูเสี่ยวหยุนและซูเหลยกำลังกินอาหารเช้าที่ซื้อมาจากข้างนอก
ซูเหลยยื่นเกี๊ยวหนึ่งถ้วยให้เฉินเป่ย แล้วพูดขึ้น “ตอนเช้าเห็นร้านเกี๊ยวร้านนี้มีคนต่อแถวกันเยอะมา เลยซื้อมากินหน่อย”
เฉินเป่ยพยักหน้า แล้วกินไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็เห็นหลีชิงเยียนที่กะโผลกกะเผลกลงลงจากชั้นสอง
หลีชิงเยียนลงมาปุ๊บ ใบหน้าก็ดูเย็นชาขึ้นมา จากนั้นก็กวาดสายตามองเฉินเป่ยด้วยความเย็นชา
เฉินเป่ยทำตัวเกร็งไปทั้งตัว เหมือนในใจสัมผัสได้ จึงได้เอาตัวเองหลบไปอยู่ข้างๆ
“เป็นอะไรไป? ” ซูเสี่ยวหยุนที่เป็นคนละเอียดอ่อน จึงสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป แล้วถามขึ้น
“อย่าพูดเลย “หลีชิงเยียนนั่งลงที่เก้าอี้ข้างซูเสี่ยวหยุน จ้องมองเฉินเป่ยอย่างเย็นชา สายตานั้นน่ากลัวมาก ถ้าสายตาฆ่าคนได้ ป่านนี้เฉินเป่ยคงตายไปนานแล้ว
“เขาทำอะไรคุณ? “ซูเสี่ยวหยุนยิ้มอย่างมีเสน่ห์ เธออายุเยอะกว่าหลีชิงเยียน จึงเห็นโลกกว้างกว่า แค่พริบตาเดียวก็สามารถมองออกว่าหลีชิงเยียนทำนัยน์ตาที่หม่นหมองและโมโห
“ไม่มีอะไร! ” หลีชิงเยียนพึมพำด้วยเสียงเย็นชา จากนั้นก็จู่ๆ ซูเหลยที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยพูดอย่างสงสัย “ท่านประธานหลี เมื่อคืนในห้องนอนของคุณไม่มีใครอยู่หรอ? ฉันยังนึกว่าคุณเกิดเรื่องอะไรสักอีก”
ชวา!
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความเงียบกริบ ใบหน้าที่ขาวเนียนที่สะสวยอย่างไร้ที่ติของหลีชิงเยียนดูแดงระเรื่ออย่างสดสวยขึ้นมา สวยงามเหมือนแสงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน
และพอได้ยินคำพูดของซูเหลย หลีชิงเยียนจึงทำสีหน้าที่ดูย่ำแย่ขึ้นมาทันที!
และซูเสี่ยวหยุนก็มองสายตาของหลีชิงเยียน ทันใดนั้นก็สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป กลายเป็นสีหน้าที่ดูลุ่มลึกและเต็มไปด้วยความแปลกใจ
ในห้องนอนของหลีชิงเยียนไม่มีคนอยู่ งั้นเมื่อคืนหลีชิงเยียนไปนอนที่ไหนมา?
ต้องรู้ว่าในห้องนอนของหลีชิงเยียนอยู่ตรงข้ามห้องของเฉินเป่ย แค่เดินออกจากห้องนอนไม่กี่ก้าวก็สามารถเข้าห้องของเฉินเป่ยได้แล้ว
คำพูดของซูเหลยทำให้กระดาษที่กั้นหน้าต่างไว้ฉีกขาดทันที หลีชิงเยียนเป็นคนที่ขี้อายอยู่แล้ว พอถูกซูเหลยแฉความจริง เธอก็รู้สึกอายจนแทบจะหารูมุดเข้าไปหลบข้างใน
ถึงแม้คนที่อยู่ในสถานการณ์จะไม่ใช่คนนอก ทว่าก็ทำให้หลีชิงเยียนรู้สึกเขินอายอยู่ดี
ปกติตัวเองก็ไม่เคยให้สีหน้าที่ดีกับไอ้หมอนี่ และตัวเองก็ชอบทำตัวสูงส่งและบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ตอนนี้กลับไม่เหมือนเดิม
“พวกเธอคิดมากเกินไปแล้ว เมื่อวานฉันดื่มหนักไปหน่อย เลยหลับไป เลยนอนหลับไปบนพื้น” หลีชิงเยียนพูดไป ก็ใช้น่องขาที่เรียวยาวทั้งสองข้างที่อยู่ใต้โต๊ะถีบเฉินเป่ยหนึ่งที
“อืมๆ เมื่อคืนผมเป็นคนพยุงประธานหลีไปนอนบนเตียงเอง ผมนอนบนพื้น ทั้งคืนไม่ได้หรับตา” เฉินเป่ยจึงรีบพูดเสริมขึ้น เขาจะกล้าพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ยังไง ไม่งั้นท่านประธานเทพธิดาคงจะฆ่าตัวเองแน่นอน!
“อืม พวกคุณพูดไม่ผิดเลย ฉันเชื่อพวกคุณ” ซูเสี่ยวหยุนพยักหน้า ทว่ากลับมองนัยน์ตาของเฉินเป่ยและหลีชิงเยียนเต็มไปด้วยความลุ่มลึก
หลีชิงเยียนกับเฉินเป่ยอธิบายแบบนี้ขึ้น ตอนนี้ในสายตาของซูเสี่ยวหยุนและซูเหลยก็ยิ่งมองว่าพวกเขากำลังปิดหูขโมยระฆังอยู่!