สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 145
บทที่145 คนทุพพลภาพ
ปึ๊ก!
ทั้งสนามมีแต่ความสงัดแห่งความตาย!ยามที่ทุกคนได้รับคำสั่งจากชายผู้เป็นหัวหน้า สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเด่นชัด!
กลุ่มคนเดินถนนจำนวนไม่น้อยมองมาทางเฉินเป่ย สีหน้าตกตะลึง พวกเขาไม่เข้าใจ เฉินเป่ยกับถังโหรว ตกลงทำอะไรไว้ ถึงทำให้พวกอันธพาลหึกเหิมขนาดนี้!
คนพวกนี้ไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่!รอยพิฆาตเต็มสีหน้า ทำให้พวกเขารู้สึกขนพองสยองเกล้า!
“พวกแกเป็นใคร คิดจะทำอะไร……”ถังโหรวเกาะแขนเฉินเป่ยแน่น หลังจากที่ถังโหรวขาดการติดต่อกับคุณปู่ ความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยเป็นศูนย์ ตอนนี้คนที่เธอพึ่งพาได้ มีแต่เฉินเป่ยเท่านั้น
“ทำอะไรน่ะเหรอ”ชายหัวโจกที่มีลายสักเต็มตัวยิ้มอย่างเป็นอริ จ้องเขม็งไปที่เฉินเป่ยกับถังโหรว แววตาเย็นยะเยือก“น้องสองของฉันโดนพวกแกทำซะพิการ กระดูก206ท่อนแหลกละเอียดป่นปี้แบบนั้น ตายทั้งเป็น……พวกแกก็ต้องชดใช้อยู่แล้วล่ะ ลิ้มรสความเจ็บปวดของน้องสองเสียบ้าง!”
“พวกแก……”สีหน้าอันงดงามของถังโหรวเปลี่ยนสี เธอคิดไม่ถึงด้วยซ้ำ ว่าคนพวกนี้จะลอยลมอยู่ในเมืองหู้ไห่ หาเธอจนพบ!
เฉินเป่ยสีหน้าเรียบสงบ กะพริบดวงตาด้วยแววตาที่ลุ่มลึก พวกเขาผู้ซึ่งลงหลักปักฐานที่เมืองนี้ เรียบร้อย อิทธิพลของชายลายสักนี้ไม่น้อย วิสัยก็ย่อมไม่ธรรมดา
“ลูกพี่ เสียเวลากับพวกมันทำไม พากลับไป แล้วค่อยๆทรมานพวกมันต่อหน้าพี่สอง แก้แค้นให้พี่สอง!”นักเลงคนหนึ่งพูดขึ้น
เฉินเป่ยสีหน้าเย็นชา คนพวกนี้ ไม่มีศีลธรรม ยโสโอหัง
“ตอนนี้เป็นระบบสังคมนิยม พวกแกกล้าดีมาก!”ถังโหรวสีหน้าซีดขาว แลดูสิ้นหวัง คำพูดของเธอเวลานี้ ไม่เกิดผลอะไรทั้งสิ้น!
“เหอะ!”ชายหัวโจกพอได้ฟังคำพูดของถังโหรว จึงยิ้มที่มุมปาก เขาหัวเราะ เป็นรอยยิ้มที่เยาะหยัน
“ระบบสังคมนิยมงั้นเหรอ จะทำอะไรฉันได้”ชายหัวโจกพูดขึ้น ทำให้คนรอบตัวอกสั่นขวัญแขวน!เขาบ้าระห่ำเกินไป ถึงขนาดไม่ยำเกรงกฎหมาย!
ตกลงเป็นคนยังไง ถึงได้พูดอะไรแบบนี้ออกมาได้!
“แก!”ถังโหรวร้อนใจ แววตาคู่สวยจ้องเขม็งไปที่ชายผู้นั้น ลิ้นพันกันพูดไม่ออก!
“ปู่ฉันเป็นผู้อำนาจใหญ่ของเยี่ยนจิง ถ้าคุณปู่ท่านรู้เข้า พวกแกหนีไม่รอดสักคนแน่!”ถังโหรวกัดฟันกรอด ฝืนเปิดปากพูด เธอคิดจะใช้อำนาจของคุณปู่ กดข่มกลุ่มคนเหล่านี้ไว้!
แต่ถังโหรวไร้เดียงสาเกินไป อันธพาลพวกนี้หัวเราะสนั่น มองด้วยสายตาเย้ยหยัน
“พญามังกรแกร่งไม่อาจกดหัวงูดินได้ ปู่แกนับเป็นประสาอะไร!”ชายหัวโจกส่งสายตาไปบนตัวเฉินเป่ย“ไม่ต้องเอามันไว้หรอก เก็บมัน”
ชายคนนั้นพูดขึ้นเสียงเรียบ พูดออกไปคำหนึ่ง แต่สามารถกำหนดความเป็นตายของเฉินเป่ยได้
ทันใดนั้น เฉินเป่ยยิ้มขึ้นที่มุมปาก หากแต่เป็นการยิ้มเย้ย เขามองไปที่ชายผู้นั้น จู่ๆเปิดปากพูดขึ้น“แกมีสิทธิอะไรมากำหนดเป็นตายฉัน”
ชายผู้นั้นเพิ่งหมุนตัวกลับ เตรียมจากไป หากแต่คำพูดเฉินเป่ย ทำให้ฝีเท้าเขาชะงัก
“เห็นว่าพวกแกเหมือนมดหรอกนะ”ชายผู้นั้นพูดเสียงเรียบ ด้วยน้ำเสียงจองหอง ไม่สนใจสิ่งใด เขาแทบไม่เห็นเฉินเป่ยผู้ที่มีสีผิวคล้ำ รูปร่างเตี้ยอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“เหอะๆๆๆ……”
ในเวลานี้ เฉินเป่ยหัวเราะขึ้น“ฉันให้โอกาสแกพูดใหม่อีกครั้ง”
เสียงของเฉินเป่ยไม่ดังนัก แต่ในสถานที่เงียบสงบขนาดนี้ น้ำเสียงจึงชัดถ้อยเข้าหู
“กึก!”ชายผู้นั้นหยุดชะงัก ค่อยๆหมุนตัว หันไปทางเฉินเป่ย สีหน้าลุ่มลึก
สถานที่นั้นเงียบสงัด มีแต่เสียงจิ้งหรีดแห่งเหมันต์ ใครเลยจะไปคิด เฉินเป่ยจะยโสได้ถึงเพียงนี้ !
กลุ่มคนที่อยู่ไกลๆ สีหน้าตกตะลึง ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เฉินเป่ยยังคงปากแข็ง เขากำลังรนหาที่ตายหรือไง
“รนหาที่ตาย กล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าหลงหุ้ย มันต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”มีคนตะโกนพูดขึ้น หลงหุ้ย……ในโลกใต้ดินของเมืองหู้ไห่ มีอิทธิพลมากเหลือล้น สมาชิกของหลงหุ้ยมีนับไม่ถ้วน ข่าวว่าหลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจากเมืองหู้ไห่ ในวงการมาเฟียของเมืองหู้ไห่ แม้แต่ตำรวจก็ยังไม่กล้าแหย็ม
หลังจากที่คำพูดนี้ลอดออกไป คนจำนวนมากต่างตกตะลึง แล้วหวาดผวา
คนพวกนี้เป็นคนของหลงหุ้ยเหรอ?!
“ฉันเคยได้ยินมาว่า คนที่ต่อกรกับหลงหุ้ย ไม่มีได้ตายดีสักคน!”
“จบกัน เจ้านี่สร้างความขุ่นเคืองให้หลงหุ้ย แล้วยังมีหน้ามายืนลำพอง!”
“ไม่ประมาณตน กล้าไปแหย่หลงหุ้ย คิดว่าตัวเองเป็นใคร!”
กลุ่มคนวิพากษ์วิจารณ์กัน เป็นกระแสใหญ่!
สีหน้าเฉินเป่ยราบเรียบ มองข้ามพวกเขา เขาจ้องไปที่ชายสักลายมังกรดำ!
แววตาชายผู้นั้นเลือดเย็น ในแววตาคู่นั้นราวกับมีกองภูเขาศพและทะเลเลือดเดือดพล่านอยู่ข้างใน น่าตกใจเหลือประมาณ
ในจังหวะที่เฉินเป่ยสบตาเข้า สีหน้าเฉินเป่ยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันใด ยังคงนิ่งสงบ แทบจะไม่มีอาการหวั่นเกรง
“แกรนหาที่ตายเหรอ……ในเมืองหู้ไห่ คนที่เจอฉัน……ไม่มีใครรอดชีวิตสักคน!” ชายคนนั้นก้าวเท้าออกมา พูดขึ้นเสียงเย็นชา“แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?!”
“ไม่รู้”เฉินเป่ยยักคิ้ว
“ขนาดพี่หลงแกยังไม่รู้จัก สงสัยแกคงจะเป็นหมาตาบอด!”อีกด้านหนึ่ง อันธพาลคนหนึ่งกำลังหัวเราะ
“ทางที่ดีแกควรเปลี่ยนชื่อ……ไม่งั้นฉันไม่รับประกันอะไรทั้งนั้น”เฉินเป่ยพูดเสียงเรียบ บอกพวกอันธพาลให้เปลี่ยนชื่อพี่หลง เขาเป็นใคร
…………
ในเวลานี้ ภายในวังโอ่อ่าหรูหรา บนโซฟาตัวหนึ่ง ชายผู้ทำสีหน้าเคร่งขรึม กำลังเล่นมีดที่อยู่ในมือ
มีดในมือนั้นมีปลายแหลม ใบมีดปราดเปรียว เพียงแค่ไม่ระวัง มืออาจจะโดนบาดจนขาดได้!
มือของชายผู้นั้นคล่องแคล่ว เขากวัดแกว่งมีดกลางอากาศ มีดรำฉวัดเฉวียน แต่ก็ไม่ได้โดนแม้แต่บาดแผลเดียว
แววตาของชายผู้นั้นนิ่งเรียบ กลับทำให้คนยำเกรง ราวกับสัตว์ร้ายในป่า
ทันใดนั้น ลูกน้องคนหนึ่งเข้ามา
“รายงานมา”
“ท่านโจว แย่แล้วครับ”ลูกน้องพูดอย่างนอบน้อม สีหน้าจริงจัง
“เกิดอะไรขึ้น”ท่านโจวสีหน้านิ่งเรียบลุ่มลึก ราวกับตนเป็นเจ้าเมืองที่ ไม่อาจเข้าถึง
“คุณเฉินโดนหลงหุ้ยล้อมไว้ครับ ดูเหมือนจะมีเรื่องยุ่งยาก”ลูกน้องกล่าว
ในชั่วขณะนั้น ท่านโจวตวัดมีดในมือลง ความแหลมคมของมีด เปิดปากแผลบนนิ้วมือขึ้น เลือดไหลออกมาเป็นทาง
“คุณเฉินเหรอ แน่ใจเหรอ”ท่านโจวตอบกลับนิ่งสงบ
“น่าจะใช่ครับ มีเด็กสาวอยู่ข้างๆคนหนึ่ง คนของหลงหุ้ยล้อมไว้ไม่ให้ออก คนของเราเข้าไปไม่ได้”ลูกน้องรายงาน
“ไปกับฉันรอบหนึ่ง”ท่านโจวลุกขึ้นยืน ในแววตาคู่นี้ กะพริบสายตาพิฆาตออกมา!
“ครับ”
ไม่นาน ภายในวัง มีรถสีดำออกมาสองสามคัน แล้วแล่นไปบนถนนอย่างรวดเร็ว
“คุณเฉิน ท่านโจวมา หลงหุ้ยกร่างเกินไปเสียแล้ว”หลังจากรีโนเวท ภายในรถดูหรูหราโอ่อ่า ข้างๆมีแจกันวางอยู่ ส่วนท่านโจวก็ไม่มีแก่ใจจะดื่มเหล้า ดวงตาภายใต้แว่นดำนั้น กะพริบอย่างร้ายกาจ!
หลงหุ้ยกล้ายื่นมือมาในวงการของเขาแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าท่านโจวอย่างแรง!
และในเวลานี้ พวกลูกน้องเกกมะเหรกของหลงหุ้ย กำลังมองไปที่เฉินเป่ยอย่างเยาะเย้ย พี่หลงเดินก้าวเท้าไปทางเฉินเป่ย“ฉันเป็นมังกร มีปัญหาอะไรไหม”
ในน้ำเสียงพี่หลง ดูบ้าคลั่ง เขากล้าใช้คำว่ามังกร ก็หมายความว่าเขามีความเชื่อมั่นในตนเอง
เหลือล้น!
“ไม่มีปัญหา แต่ว่าต่อหน้าฉัน ห้าม”เฉินเป่ยโดนคนของหลงหุ้ยตีวงล้อม ถังโหรวที่กำลังหน้าซีดเผือดเกาะแขนเขาแน่น ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขายังคงนิ่งสงบ
“ใครไปให้ความมั่นใจแก ใกล้จะเป็นคนทุพพลภาพอยู่แล้ว”พี่หลงยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาเยาะเย้ย ในสายตาของเขา เฉินเป่ยได้กลายเป็นคนพิการไปแล้ว
อีกด้านหนึ่ง ถังโหรวก็เกาะแขนเฉินเป่ยไว้แน่น ผมดำขลับนั้นยุ่งเหยิง ลมหายใจหอบถี่ ได้แต่เกาะแขนเฉินเป่ยไว้ ถึงทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ในใจเธอสั่นเทา การปะทะกันของพี่หลงกับเฉินเป่ยเต็มไปด้วยกลิ่นอายสงคราม ชักดาบง้างธนู เธออยู่ตรงกลาง ราวกับต้นหญ้าน้อยๆท่ามกลางพายุ เธอตัวสั่นเทา!
เฉินเป่ยในเวลานี้ เปรียบเสมือนต้นโพธิ์ของเธอ เธอยังคงอยู่ในอ้อมกอดเฉินเป่ย จึงจะรู้สึก
ปลอดภัย!
จู่ๆ สีหน้าพี่หลงดูลึกลับ ชั่วร้าย จากนั้นจึงมีเสียงเอะอะดังมาจากข้างหลัง
ลูกน้องอันธพาลหลายคนของหลงหุ้ยหันกลับไปดู ด้วยสีหน้าประหลาดใจ เห็นเพียงแต่ทางตัน มีรถสีดำห้าหกคันแล่นมา โจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ด้วยความเร็วสูงสุด!
พวกเขามองหน้ากัน ถนนสายนี้ ถูกหลงปิดกั้นไว้เสียแล้ว ยังจะมีรถลอดเข้ามาได้อีก
พี่หลงหมุนตัวกลับ แล้วเดินไปในทิศทางไกลออกไป มองไปด้วยสายตาลุ่มลึก
เฉินเป่ยยิ้มขึ้นที่มุมปาก“ฉันให้เวลาแกอีกสิบวินาที ตอนนี้ยอมรับผิด ยังทันการณ์”
เฉินเป่ยพูดเสียงเรียบ บวกกับสีหน้าแห่งชัยชนะ ทำให้พวกอันธพาลรู้สึกหนาวสันหลัง
“สิบวินาทีหลังจากนี้ อย่าให้เขาได้เห็นตะวันขึ้นในวันพรุ่งนี้”พี่หลงพูดเสียงเรียบ ทำให้คนรอบตัวต่างตกใจ
เฉินเป่ยขุดหลุมฝังตัวเองแท้ๆ ในที่สุดพี่หลงก็บันดาลโทสะ
ในฐานะที่เป็นมาเฟีย ใครกล้ายั่วยุพี่หลง ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ!
“พวกเรา……”ถังโหรวพูดเสียงต่ำ หน้าซีดเผือด ร่างบอบบางสั่นเทา!
“สบายใจเถอะ”เฉินเป่ยยื่นมือออกไป โอบถังโหรวเอาไว้ แผ่นอกกำยำของเฉินเป่ย ท่อนแขนอันล่ำสัน ทำให้ถังโหรวอุ่นใจขึ้นมาไม่น้อย ส่วนไออุ่นบนตัวชายหนุ่มนั้น ทำให้ใบหน้าถังโหรวแดงก่ำ เธอมุดหัวเข้าไปในอ้อมกอดถังโหรวอย่างเขินอาย
เฉินเป่ยเงยสายตาขึ้นมา แววตาแสดงความสนุก เขาจ้องไปที่พี่หลง ยิ้มอย่างเสียดสี