สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 149
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่149 ไม่ได้เชิญแก
“คุณชายใหญ่วางแผน ต้องสำเร็จแน่นอนครับ”ลูกน้องโค้งกล่าวอย่างนอบน้อม
หลังจากที่ลูกน้องออกมาจากห้อง หลีเช่าหงจึงค่อยๆแกว่งเหล้าในมือ ทอดสายตายาวไกล
น้องชายที่ไม่เอาถ่านของเขา แม้ว่าอยากจะนำเหนือเขาตลอดเวลา แต่สุดท้ายก็โดนรักษาระยะ ห่าง ส่วนในวันนี้ ความห่างเหินนั้นจะยิ่งโดนลากออกไป ห่างไกลยิ่งขึ้น
หลีเช่าเทียนไม่รู้เลยแม้แต่น้อย ถึงหลักการที่ว่าตีงูเจ็ดศอก หลีชิงเยียนเป็นถึงประธานบริหารบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป มีทุกสิ่งอย่าง ขาดสิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียว
ความอบอุ่นจากครอบครัว
หลีชิงเยียนถูกขับออกจากตระกูลหลีพร้อมหลีหยางตั้งแต่ยังเด็ก ถ้าไม่ใช่เพราะหลีหยางกล้าที่จะบุกเบิกธุรกิจ ไม่แน่ว่าทั้งครอบครัวสามคน อาจจะอดตายอยู่ข้างถนนแล้วก็ได้
ส่วนหลีชิงเยียน แน่นอนว่าเธอย่อมห่างหายไปจากความรักความอบอุ่นของครอบครัวมานาน
แม้ว่าจะมีการแก่งแย่งชิงดีกันภายในครอบครัว แต่สุดท้ายครอบครัวใหญ่ สำหรับหลีชิงเยียน กับหลีหยางแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาอยากกลับเข้าสู่อ้อมอกตระกูลหลี
นี่ก็คือจุดแข็งของหลีเช่าหง ถ้าเป็นหลีเช่าเทียนแล้วละก็ หลีชิงเยียนคงจะไม่เชื่อ
ตำแหน่งในตระกูลของหลีเช่าเทียนด้อยเกินไป สิทธิในบ้านน้อยไป ต่อให้หลีเช่าเทียนเสนอให้หลีหยางกลับเข้าตระกูลหลี คนในตระกูลก็คงไม่เห็นด้วย
พิการไปแล้วตั้งหลายปี ปล่อยวางไปแล้วหลายปี จู่ๆบอกให้กลับก็กลับเป็นไปได้ไง
แต่หลีเช่าหงไม่เหมือนกัน หลีเช่าหงล้มลุกคลุกคลานในวงการราชการเยี่ยนจิงมาตั้งแต่เด็ก การเติบโตของตระกูลหลีแน่นอนย่อมมีความเกี่ยวข้องกับเขาอย่างแน่นแฟ้น
ตำแหน่งของหลีเช่าหงในบ้านเดิมทีก็สูงกว่าหลีเช่าเทียนอยู่แล้ว ไม่ว่าหลีเช่าเทียนจะขยันขันแข็งแค่ไหน ก็ยังคงไม่เทียบเท่า
ตอนนี้หลีเช่าเทียนพิการไปแล้ว เป็นเพราะหลีเช่าเทียน ตระกูลหลีขายหน้าหมดสิ้น ทำให้ไม่มีใครสนับสนุนหลีเช่าเทียน ตำแหน่งของหลีเช่าหงมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป จะต้องได้เป็นประมุขน้อยตระกูลหลีแน่นอน!
ดังนั้นคำพูดของหลีเช่าหง จึงมีน้ำหนักกว่าหลีเช่าเทียนมาก ให้เขาเป็นคนมาพูดจะมีน้ำหนักกว่าดังนั้นหลีชิงเยียนจึงเชื่อใจเขา
หลีเช่าหงก้มหน้า มองดูวิสกี้ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
แต่ว่า นี่เป็นการล่อให้หลีชิงเยียนมาที่งานเลี้ยงขั้นแรก หลีเช่าหงวางกระดานไว้เรียบร้อยแล้ว รอให้หลีชิงเยียนติดกับ หมากแต่ละตัว กำลังรอเธออยู่
…………
พลบค่ำ รถไมบัคจอดเทียบหน้าประตูคฤหาสน์ ภายในคฤหาสน์ หลีชิงเยียนกำลังชวนหลีหยาง
“พ่อคะ ไปกับหนูเถอะนะคะ นี่เป็นโอกาสที่ได้พบกันอีกนะคะ เป็นโอกาสหายาก หรือว่าพ่อไม่อยากกลับตระกูลหลีแล้ว”หลีชิงเยียนชวนอย่างลำบาก
หลีหยางส่ายหน้า สีหน้าสงบนิ่ง“อยู่เมืองหู้ไห่ก็ดีแล้ว พ่อไม่กลับไปหรอก”
หลีชิงเยียนตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าหลีหยางจะพูดอะไรแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกแปลกหน้ากับบิดา ของตัวเอง
“ชิงเยียน พ่อกับแม่น่ะแก่แล้ว การแก่งแย่งชิงดีในครอบครัวร้ายแรงมาก พวกเราไม่อยากยุ่ง แค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบ การแก่งแย่งภายในครอบครัว โหดร้ายกว่าเรื่องภายนอกมาก เพราะมันเกี่ยวพันถึงชีวิต”หลีหยางสีหน้าเคร่งขรึม
อีกด้านหนึ่ง หลี่เซียงหานพยักหน้า พูดขึ้น “แม่กับพ่ออยากจะอยู่อย่างสบายตอนแก่ เรื่องพรรคนี้ ลูกตัดสินใจเองเถอะนะ”
หลังจากนั้น เงาร่างอันเซ็กซ์ซี่ ห่อคลุมด้วยชุดกระโปรงอย่างสะโอดสะอง เหยียบรองเท้าส้นสูง
ก้าวเดินออกมา
“เป็นไงบ้าง”เฉินเป่ยนั่งอยู่ด้านหลัง เปิดประตูรถให้หลีชิงเยียน
หลังจากที่หลีชิงเยียนเดินเข้ามา ซูเหลยเหยียบคันเร่ง รถไมบัคขับพุ่งไปด้านหน้า
“พ่อบอกให้ฉันตัดสินใจเอง”หลีชิงเยียนส่ายหน้า จู่ๆราวกับคิดอะไรออกแล้วหันไปทางเฉินเป่ย
“เป็นไงมั่ง”เฉินเป่ยสีหน้างุนงง
หลีชิงเยียนน้ำเสียงเย็นชา“ไสหัวไปข้างหน้าเลย!”
ก่อนหน้าเฉินเป่ยนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ แต่พอหลีชิงเยียนเข้าไปในคฤหาสน์ เขาจึงแอบหลบไปด้าน
หลัง
เฉินเป่ยยิ้มกระดาก หน้าด้านเข้าไป“ชิงเยียน ผมดูแลคุณอยู่ไง กลัวคุณเมารถไง……”
“ไสหัวไป!”หลีชิงเยียนกลอกตาขาวให้เฉินเป่ย เธอจะไปเชื่อคำพูดเฉินเป่ยได้ไง
ตลอดทาง หลีชิงเยียนแทบอยากจะเตะเฉินเป่ยกลับไปที่นั่งคนขับ รถไมบัคกว้างขวางมาก แต่ไม่รู้ว่าตานี่จงใจหรือไม่ ในเวลาที่รถส่ายไปส่ายมา ก็เบียดเข้ามา กลิ่นหอมออกจากร่างกายอวบอิ่ม ทำให้เฉินเป่ยไม่ค่อยอยากจากไปเท่าไหร่นัก
ในที่สุด ประธานเทพธิดาอดรนทนไม่ได้ แววตาเย็นชา แล้วกระดกขานั่งไขว่ห้าง แล้วกระทืบลง ไป!
“แควก!!”เฉินเป่ยถอนหายใจ สีหน้าบิดเบี้ยว!
เฉินเป่ยก้มหน้า หลีชิงเยียนยังกระทืบเขา เพื่อที่ให้เขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“นี่คือค่าที่แหย่ฉัน!”พอเห็นท่าทุลักทุเลของเฉินเป่ย หลีชิงเยียนก็อมยิ้มอย่างสะใจ
เฉินเป่ยทนเจ็บ……แม้ว่าตัวเองจะเคยได้รับการทรมานมากมาย……แต่นิ้วเท้าของเขายังไม่เคยได้รับการฝึกเลย!กระทืบมาที นิ้วเท้าเกือบหลุด!
ตลอดทาง เฉินเป่ยไม่กล้าเข้าใกล้หลีชิงเยียนอีกเลย กลัวว่าเธอจะเหยียบเท้าอีก
ซูเหลยที่กำลังขับรถ มองลอดดูพวกเขาสองคน อดยิ้มไม่ได้
…………
มองออกไปไกล ด้านหน้ามีร้านอาหารมิชลิน รถไมบัคจอดเทียบหน้าร้าน ด้านหน้าร้านอาหารมิชลิน
ยามที่รักษาด้านหน้า รับกุญแจไป นำรถไมบัคเข้าจอด
ทั้งสามคนลงจากรถ เฉินเป่ยเงยหน้า มองดูร้านอาหาร อุทานอย่างชื่นชม“มีเงินนี่ ร้านอาหารมิชลิน คนที่มาจากเยี่ยนจิงยังไงก็ต่างกันอยู่แล้วแหละ”
หลีชิงเยียนกับซูเหลยละเลยเฉินเป่ย เดินเข้าไปในร้านอาหาร
พนักงานบริกรเปิดประตูกระจกอยู่ด้านหน้า ต้อนรับพวกเขาไปในร้านอาหารที่หรูหรา บรรยากาศภายในหอมฟุ้ง แสงเทียนคลุมโต๊ะอาหาร บรรยากาศดูเป็นส่วนตัว
การตกแต่งแบบนี้ หรูหราคลาสสิก ไม่ได้เว่อร์วังจนเกินไป
บริกรสาวเดินขึ้นหน้า ถามขึ้นเสียงเบา“ทั้งสามท่านจองไว้ไหมคะ”
หลีชิงเยียนพยักหน้า เปิดปากพูด“คุณผู้ชายแซ่หลีจองมาค่ะ”
“เชิญตามมาทางนี้ค่ะ”
บริกรสาวยิ้ม พาพวกเฉินเป่ยสามคนเข้าไปในร้านอาหาร พวกเขาเดินไปตามทางระเบียงยาว พื้นพรมอันอ่อนนุ่ม เหยียบลงไปปราศจากเสียงใดๆ ไม่รบกวนคนอื่น
หลังจากที่บริกรสาวหยุดฝีเท้า ผลัดประตูห้องส่วนตัว“เชิญค่ะ ขอให้รับประทานให้อร่อยนะคะ”
หลีชิงเยียนพยักหน้า การบริการของร้านอาหารมิชลินละเอียดมาก หาที่ติไม่ได้เลย
เฉินเป่ยเดินเข้าไปอย่างเอะอะ จู่ๆถูกบริกรสาวห้ามไว้ ด้วยรอยยิ้มที่เกรงใจ“คุณผู้ชายคะ คุณหลีกำชับเอาไว้ ว่าท่านเชิญแต่เพียงคุณหนูหลี”
เฉินเป่ยกระตุกคิ้ว“แล้วทำไมเธอถึงเข้าได้ล่ะ”
เฉินเป่ยชี้ไปที่ซูเหลย