สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 152
บทที่ 152 ถูกเปิดเผยตัวตนแล้วเหรอ?
หลังจากมีคนเดินเข้ามาแล้ว หลีชิงเยียนใจสั่น พร้อมทั้งเงยหน้ามอง
หลังจากที่หลีชิงเยียนรอดพ้นจากอันตรายแล้ว ในใจก็รู้สึกได้ว่าเป็นห่วงเฉินเป่ยขึ้นมา
ตนเองอยู่ที่นี่มีซูเหลยคอยคุ้มครองอยู่ จนรอดปลอดภัยมาได้ แต่ทางอีตานั่น กลับหัวเดียวกระเทียมลีบไม่มีใครช่วยเลยสักคน
แต่พอมองไปทางคนนั้น หลีชิงเยียนใจชื้น จนกระวีกระวาดไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ขึ้นมา
แต่ว่าเมื่อมองเห็นใบหน้าคนนั้นแล้ว หลีชิงเยียนถึงได้วางใจ จนถอนหายใจอย่างโล่งอก
ทว่าหลีเช่าหงเมื่อเห็นคนนั้น ใบหน้าเกร็ง เกร็งจนแข็งไปแล้ว!
เฉินเป่ย!!
ความคิดถลำลึก พร้อมทั้งมองใบหน้าที่ไม่สะทกสะท้านของหลีเช่าหงที่กำลังแสดงออกมาในตอนนี้ ที่กำลังจ้องมองเฉินเป่ยในเวลานี้ ในที่สุดก็ไม่สามารถควบคุมไว้ได้ จนสีหน้าประหลาดและตกใจปรากฏออกมาแทน
คนที่มาได้นอกจากเฉินเป่ยแล้ว จะยังมีใครอีก
บนตัวของเฉินเป่ยนั้นไม่มีร่องรอยใดๆ เลย มีแค่การทำตัวทุกข์ใจอยู่เล็กน้อย เมื่อเห็นสีหน้าที่ประหลาดใจปนตกใจของหลีเช่าหงแล้ว มุมปากกระตุกขึ้น พร้อมทั้งพูดทักทายทันที “คุณก็คงเป็นคนที่ถูกพูดกันต่อๆ มาว่า…คุณชายใหญ่ของตระกูลหลีสิท่า?”
หลีเช่าหงกวาดตามองเฉินเป่ย หัวใจเต้นโครมคราม พร้อมทั้งความโกรธแค้นที่เพิ่มเป็นทวีคูณ
น่าไปตายซะให้สิ้นเรื่องจริงๆ เลยอดัมส์ ตนเองเสียแรงไปมากมายในการไปเชิญเขามา จนผลสุดท้ายแล้วบนตัวเฉินเป่ยกลับไม่มีร่องรอยใดเลย ขนาดเสื้อผ้ายังไม่มีรอยฉีกขาดใดๆ ส่วนหลีเช่าหงนั้น เพื่อจะแสดงละครตบตาให้เหมือนจริงขึ้นมาหน่อย ตนเองเองกลับมาได้รับบาดเจ็บเอาซะเอง
ตอนนี้หลีเช่าหงก็เหมือนน้ำท่วมปาก พูดไม่ออก ได้แต่อดกลั้นเก็บงำเอาไว้ในใจ
ไม่นาน สีหน้าของหลีเช่าหงถึงนิ่งสงบลงได้ จากนั้นก็พยักหน้าให้อย่างปกติ พร้อมทั้งถามกลับไปทันที “คุณเฉิน เมื่อครู่คุณก็เจอกับพวกนักฆ่าลอบสังหารหรือเปล่า?”
เฉินเป่ยพยักหน้า พร้อมทั้งอ้าปากพูดหวาดกลัว “แม่ง ฉันตกใจจะหัวใจวายตาย… คนกลุ่มนั้นเข้ามาและก็จัดการสาวๆ ที่นั่งเป็นเพื่อนดื่มเหล้าจะเกลี้ยง…ถ้าช้าอีกนิด สงสัยชีวิตของคนนั้นก็คงไม่เหลือแล้ว”
“คนนั้นหรือ?” สีหน้าหลีเช่าหงนั้น แววคู่นั้นคมกริบอย่างเชือดเฉือน
ส่วนหลีชิงเยียนนั้นมีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปมาก ใบหน้างดงามตกตะลึง จนทำให้หัวใจเต้นโครมคราม ราวกับว่าเหมือนคิดอะไรได้
“จากนั้นล่ะ?” น้ำเสียงหลีชิงเยียนดังชัด ดวงตางดงามรีบร้อนและมีความหวัง
“จากนั้นดาบยาวๆ ที่อยู่ในมือเขา รายละเอียดก็มองไม่ชัด… ผลุบ ๆ ผลับ ๆ ก็จัดการพวกเขาไปหมดแล้ว” เฉินเป่ยดูตกตะลึง ตอนที่พูดออกมา
ใบหน้าของหลีชิงเยียนถอดสี ส่วนหลีเช่าหง ใบหน้าเหมือนถลำลึกลงไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถจับต้นชนปลายได้
“ที่แกเห็นมีเท่านี้เหรอ?” นัยน์ตาของหลีเช่าหงเอาแต่จ้องมองเฉินเป่ยเอาไว้ น้ำเสียงยิ่งกระแทกขึ้นมาเรื่อยๆ การซักถามของเขา เหมือนว่าเฉินเป่ยกำลังถูกบีบคั้นเอาไว้
การเป็นบุคคลปกติ ส่วนใหญ่แล้วต้องใจสั่น แววตาที่แสดงออกมาต้องอยากที่จะคิดหลีกเลี่ยง
แต่เฉินเป่ยนั้นทำตัวปกติเป็นอย่างมาก นัยน์ตานั้นมีแต่ความหวังดี จนทำให้หลีเช่าหงไม่สามารถบีบให้พูดอะไรออกมาได้ คำพูดที่น่าจะมีประโยชน์ก็ไม่ทันได้เตรียมการเอาไว้
“คนนั้นอยู่ไหน?” หลีชิงเยียนอดใจไม่ไหวจนต้องถามต่อ
“อยู่ด้านใน ให้ฉันมาพูดว่าปลอดภัย และไม่ให้พวกคุณต้องเป็นห่วง” เฉินเป่ยพูดออกมา
หลีชิงเยียนได้ยินคำพูดนั้น รีบขยับตัวอย่างทันที ใบหน้างดงามราวแกะสลักหัวคิ้วโก่งขึ้นทันที จากนั้นก็ผลักเฉินเป่ยให้หลบทาง แล้วก็เดินออกจากห้องด้วยรองเท้าส้นสูง มุ่งหน้าไปทางห้องรับรองที่อยู่ตรงข้ามกัน
ในใจของเธอนั้นก็สรุปได้ว่าคนคนนี้เป็นคนลึกลับ เธออดไม่ได้ที่จะเห็นคนคนนั้น คนที่คอยช่วยเหลือตนเองอยู่เงียบๆ อยู่หลายครั้ง แต่ตนเองกลับไม่เคยได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาเลยสักครั้ง!
“โครม!”
หลีชิงเยียนผลักประตูห้องรับรองที่อยู่ตรงข้ามกัน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งออกมาจากด้านใน ราวกับว่าตนเองเข้าไปอยู่ในโรงฆ่าสัตว์
หลังจากที่หลีชิงเยียนเดินเข้าไปด้านในแล้ว ดวงตางดงามก็เบิกโต พร้อมทั้งยืนตะลึง!
สิ่งที่หลีชิงเยียนเห็นอยู่ในกระบอกตานั้น มันเป็นภาพที่มีแต่เลือดกลิ่นคาวคละคลุ้ง ทุกคนต่างแขนขาด ทุกศพนั้นเป็นศพที่เสียชีวิตแบบยังลืมตาอยู่…ตรงนั้นมีศพที่กองเป็นภูเขาและเลือดที่มองไปทั่ว!
ทุกศพนั้น ต่างลืมตาอยู่ ศพจำนวนไม่น้อยพวกนั้นกำลังจ้องมองหลีชิงเยียนอยู่ จนทำให้หลีชิงเยียนขนลุกขนชันขึ้นมาทันที ถึงขนาดเสียวสันหลังวาบ!
ศพที่แขนขาด ถูกกองเป็นภูเขาลูกย่อมๆ มันช่างน่าตกใจจนตาค้าง!
หลีชิงเยียนขนหัวลุก เมื่อเห็นภาพนี้แล้ว กลิ่นคาวเลือดที่เหม็นคละคลุ้งมาก จนทำให้อยากจะอาเจียนออกมา
หลีชิงเยียนก็แค่ท่านประธานบริษัทที่เป็นผู้หญิงในวงการธุรกิจธรรมดา ขนาดคนตายก็ไม่เห็น แต่ต้องมาเจอภาพที่มีแต่เลือดและกลิ่นคาวคละคลุ้งอันน่าหวาดกลัวสยดสยองแบบนี้
สภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่หรูหรามีระดับ แต่ในเวลานี้นั้นกลับมีแต่กลิ่นคาวเลือดเหม็นคาวไปทั่ว กลิ่นคาวเลือดที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่หรูหรามีระดับเช่นนั้น มันทำให้รู้สึกว่าถูกผลกระทบเป็นอย่างมาก!
ร่างกายของหลีชิงเยียนสั่นสะท้าน จนขาอ่อนระทวย ภาพที่เห็นทำให้เธอตกใจ นักฆ่าที่เข้ามาลอบสังหารเฉินเป่ยนั้น มันมากกว่าคนที่ไปที่ห้องของหลีชิงเยียนซะอีก ศพที่กองอยู่นั้น ต่างมีน้ำเลือดน้ำหนองไหลนองไปทั่ว จนทำให้ท่านประธานที่เป็นเทพธิดาของใครหลายคนยากแก่การจะรับไหว!
ทันใดนั้นเธอเป็นห่วงเฉินเป่ยขึ้นมา เธอไม่คิดเลยว่า เมื่อครู่เฉินเป่ย ต้องมาเผชิญหน้ากับอันตรายที่น่าหวาดหวั่นซะขนาดนี้ ราวกับว่าเหมือนจะไม่สามารถรอดชีวิตออกมาได้!
ดีที่ว่า คนลึกลับคนนั้นยังอยู่ นับวันหลีชิงเยียนยิ่งเคารพและประหลาดใจกับคนลึกลับคนนั้นมาก ในสายตาเธอนั้น ความสามารถของคนลึกลับนั้นช่างเก่งกาจเกินขีดจำกัด ราวกับว่าไม่มีอะไรที่สามารถโค่นล้มเขาได้
แต่ในเวลานี้ หลีเช่าหงกับซูเหลยและเฉินเป่ยนั้น วิ่งตามออกมาจากอีกห้องรับรอง เพื่อเข้าไปในห้องรับรองตามหลีชิงเยียน
เมื่อเดินเข้าไปในห้องรับรองนั้น ดวงตาสงสัยที่ออกมาจากดวงตาของซูเหลย สายตาจับจ้องอยู่ที่ศพที่กองอยู่เป็นภูเขากองย่อมๆ แววตาตื่นตระหนกตกใจ จนแปรเปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นมา
ส่วนหลีเช่าหง ที่ยืนอยู่คนสุดท้าย ตอนที่มองไปที่กองศพนั้น เขากำหมัดแน่น ดวงตาที่นิ่งสงบนั้นดำดิ่งถลำลึกจนถึงขั้นเย็นยะเยือก
เขามองแวบเดียว ก็เห็นว่านักฆ่าคนที่เขาใช้เงินทุ่มเชิญมาหลายคนนั้น ตอนนี้ กลับกลายเป็นหนึ่งในกองศพไปซะแล้ว
“นักฆ่าพวกนี้เป็นทีมเดียวกัน ความสามารถก็ไม่ใช่ต่ำต้อย แต่ว่าคนที่ฆ่าพวกนั้นนั้นเก่งกาจมาก” สีหน้าของซูเหลยนั้นปกติธรรมดา เธอนั่งคุกเข่าลง พร้อมทั้งตรวจสอบรอยแผลบนศพเหล่านี้
ทันใดนั้น ดวงตาของซูเหลยเปล่งประกายขึ้นมา พร้อมทั้งปรากฏแววตาตื่นตกใจเอามาก
“ทำไมเหรอ?” หลีชิงเยียนรับรู้อาการที่ผิดปกติของซูเหลยได้ เลยรีบถามทันที
ซูเหลยขมวดคิ้ว พร้อมทั้งพูดเสียงต่ำ “นี่มันไม่…”
หลังจากที่ซูเหลยได้ตรวจสอบรอยแผลแล้ว ก็ลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งมองไปที่หลีชิงเยียน จากนั้นก็พูดโพล่งคำพูดที่ยากแก่การทำให้คนเชื่อ “คนพวกนี้ ถูกฆ่าตายให้เวลาพร้อมกัน แถมคนฆ่านั้นใช้แค่ดาบแค่ครั้งเดียว”
ผลัก!
หลีชิงเยียนยืนนิ่ง เธอมองไปทางกองศพ ในใจรู้สึกถึงเหมือนมีคลื่นขนาดใหญ่กำลังกระทบเข้ามา!
แค่ดาบเดียว คนก็กลายมาเป็นศพเป็นกองแบบนี้แล้วเหรอ?!
เป็นไปได้อย่างไรกัน? ทำได้อย่างไร?!
ส่วนหลีเช่าหง ใบหน้าเย็นเฉียบ และความรู้สึกต้องการจะฆ่าอยู่สูงสุด!
เขาโมโหและเกรี้ยวกราดมาก คำพูดของซูเหลยนั้น มันเหมือนกับการข่มเหงเขา เหมือนเขาโดนตบหน้าอยู่!
เขาเชิญนักฆ่าฝีมือดีมา แต่กลับมาถูกดาบฟันครั้งเดียวก็หมดสภาพซะแล้ว? เป็นไปได้ยังไง!
หลีเช่าหงมองไปทางซูเหลย แล้วเอ่ยปากถาม “คุณมั่นใจหรือเปล่า?”
“ฉันมั่นใจ” ซูเหลยชี้ไปที่บาดแผล “คุณสามารถแจ้งความพร้อมทั้งให้แพทย์สามารถผ่าพิสูจน์หลักฐาน ก็จะได้ผลเช่นเดียวกัน เพราะว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นมันชัดเจนอย่างเห็นได้ชัด”
“แม่ง คนคนนั้นแกร่งกล้ามาก ท่านประธานหลี คนคนนั้นเก่งกาจมากเหลือเกิน” เฉินเป่ยที่ยืนอยู่ด้านข้าง เริ่มพูดโม้ขึ้นมาอย่างไร้ยางอาย
ใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนขาวซีด พร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าอย่างถี่ๆ
ภาพที่มีแต่กลิ่นคาวเลือด มันทำให้เธอทนรับสภาพไม่ไหว
หลีชิงเยียนพยายามอดทนกับอาการคลื่นไส้เอาไว้ จากนั้นก็หันไปหาหลีเช่าหงพร้อมทั้งพูดขึ้นมาว่า “คุณชายใหญ่ ชิงเยียนร่างกายไม่ค่อยสู้ดีนัก ขอตัวกลับก่อน”
พูดจบ ก็ไม่รอให้หลีเช่าหงพูดอะไรต่อ หลีชิงเยียนก็หันหลังกลับไป แล้ววิ่งพรวดไปตามทางเดินที่อยู่ด้านนอก
เฉินเป่ยกับซูเหลยเองก็ไม่กล้าที่จะยืนอยู่ที่เดิมอีก รีบเดินตามออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงหลีเช่าหงที่คอยมองด้านหลังของรูปร่างอรชน สีหน้าปรากฏอารมณ์ที่หน้าดำคร่ำเครียดอยู่ไม่เป็นสุขออกมา
ลูกน้องเขยิบเข้าหา แล้วเอ่ยถาม “คุณชายใหญ่ ตอนนี้จะจัดการอย่างไรดี?”
หลีเช่าหงเหล่ตามองไปที่ต้นทางเดิน ด้วยสายตาที่เย็นชา “เข้าไปจัดการด้านใน ปิดข่าวนี้ซะ อย่าให้ข่าวหลุดแพร่งพรายออกมาได้”
หลีเช่าหงหยุดนิ่งอยู่สักพัก จากนั้นก็พูดออกมา “โทรศัพท์หาอดัมส์อีกครั้ง ฉันทุ่มเงินไปหนักขนาดนั้น จนตัวฉันต้องบาดเจ็บไปด้วย ไอ้เวรนั่นมันกลับไม่มีแผลบาดเจ็บเลย!”
หลีเช่าหงกัดฟัน ทั้งหมดมันเป็นความอัปยศอดสูครั้งใหญ่ของเขา!
“ครับ” ลูกน้องรับคำสั่ง
…………
หลีชิงเยียนพรวดพราดออกไปจากร้านอาหารแล้ว ก็สูดอากาศบริสุทธิ์ที่ด้านนอก พร้อมทั้งตีหน้าอก จากนั้นก็อาเจียนแต่ไม่มีอะไรออกมาไม่หยุด
“ชิงเยียน ไม่เป็นไรใช่ไหม” เฉินเป่ยก้าวพรวดเดินเข้ามาหา พร้อมทั้งพยุงหลีชิงเยียนเอาไว้
สักพักอาการของหลีชิงเยียนถึงได้ดีขึ้นมา จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ใบหน้างดงามซีดเผือดเหมือนกระดาษ
“มันน่าหวาดกลัวมาก” หลีชิงเยียนส่ายหัวไปมา พร้อมทั้งพูดด้วยเสียงสั่น
“ท่านประธานหลี การเห็นภาพแบบนี้เป็นครั้งแรกถือว่าเป็นเรื่องปกติ ผ่านไปสักพักก็ดีขึ้น” ซูเหลยแสดงสีหน้าปกติ เธอเคยเข้าฝึกเป็นหน่วยรบพิเศษมา ภาพไหนที่ไม่เคยพบเจอ ขนาดสถานการณ์ที่อยู่ในคุกในตารางเธอก็ผ่านมันมาแล้ว เรื่องราวในวันนี้ เธอเลยไม่ได้มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด
ส่วนเฉินเป่ยที่อยู่ข้างๆ นั้นยิ่งนิ่งกว่า ราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลย เขานั่งลงตำแหน่งคนขับรถ จากนั้นก็เหยียบคันเร่ง
“ท่านประธานหลี คนทั่วไปที่เห็นคนตายต้องมีการปรึกษาเชิงจิตวิทยาอยู่นานมาก ตอนนี้คุณก็แข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องไปคิดภาพนั้นอีกแล้ว” เฉินเป่ยพูดโพล่งออกมา พร้อมทั้งเงยหน้ามองเรือนร่างที่อรชรผ่านทางกระจกหลังมองหลีชิงเยียนที่กำลังสั่นเทาอยู่
“งั้นคุณทำไมไม่รู้สึกอะไรเลย?” หลีชิงเยียนตอกกลับอย่างเย็นช้า บรรยากาศกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ด้านข้าง ซูเหลยที่กำลังดูแลหลีชิงเยียนอยู่นั้น ขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมทั้งมองมาที่เฉินเป่ย ดวงตาคมกริบทันที ราวกับกำลังจับสัญญาณอะไรได้ขึ้นมา
เฉินเป่ยตะลึงทันที วินาทีนั้น เขาจับความรู้สึกจากสายตาอันคมกริบของซูเหลยได้ ว่ากำลังเพ่งมองตนเองอยู่
ในวินาทีนั้น ร่างกายของเขาเหมือนเข้าสู่สภาวะล่อแหลมนั้น คนทั่วไปที่เห็นภาพแบบนี้ต่างตกใจกันอยู่ไม่น้อย ส่วนเฉินเป่ยที่เป็นไอ้กระจอกเกาะเมียกินเท่านั้น ความใจแข็งก็ไม่ได้เก่งมากมายอะไร
แต่ว่าเขาเห็นภาพนี้ แต่กลับไม่มีความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจใดๆ ราวกับว่าไม่ได้รู้สึกรู้สมจนส่งผลกระทบใดๆ กับเขาเลย
มีความเป็นไปได้มากกว่า นี่เป็นโอกาสที่ทำให้ซูเหลยมองออกถึงสถานะที่แท้จริงของเขา