สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 174
บทที่ 174 ความต้องการทางร่างกาย
ซูเหลยจับจ้องเฉินเป่ยไว้อย่างไม่คลาดสายตา เฉินเป่ย กลับให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยแก่เธอ?
“เป็นอะไรไป? ” หลีชิงเยียนกำลังตื่นเต้นอย่างสุดขีดภายในใจ แล้วเอ่ยถาม
“ไม่เป็นไร แค่ตาลาย” ซูเหลยส่ายหัว นัยน์ตากลับไม่ได้ละสายตาจากเฉินเป่ย
เฉินเป่ยให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยมากกับเธอ ทำให้ซูเหลยรู้สึกได้เพียงแวบตาเดียว เฉินเป่ยเป็นใครคนหนึ่งที่เธอรู้จัก ทว่าเธอ ก็ยังนึกไม่ถึงฐานะของเฉินเป่ย
ถ้าซูเหลยรู้ว่าร่างๆ นี้ที่อยู่ข้างนอกคฤหาสน์คือเฉินเป่ย สีหน้าบนใบหน้า ต้องยิ่งน่าสนใจเป็นอย่างมาก
“คนพวกนี้ อยู่ไหนก็ไม่ลงไม้ลงมือ กลับมาลงมือที่นี่? ” หลีชิงเยียนยืนกอดอก คิ้วทรงสวยขมวดขึ้น
“ไม่สามารถรู้ได้ คอยสังเกตมองการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ เถอะ” ซูเหลยเอ่ยด้วยเสียงเบา เธอไม่กล้าพูดเสียงดัง กลัวว่าจะทำให้หน่วยสืบราชการลับที่อยู่ข้างนอกคฤหาสน์รู้สึกตกตะลึง
ถึงแม้ซูเหลยไม่รู้สึกละอายใจกับหน่วยสืบราชการลับเหล่านี้ ทว่าหน่วยสืบราชการลับมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาจริงๆ และยังมาเป็นกลุ่มคนเยอะๆ แบบนี้ หัวหน้าที่อยู่ตรงหน้าต้องยิ่งมีความสามารถที่ยิ่งใหญ่กว่าอยู่แล้ว……ข้างๆ ตัวเองยังมีหลีชิงเยียนอยู่ ตนเองสามารถหนีพ้นจากที่นี่ก็คงไม่มีปัญหา ทว่าหลีชิงเยียนกลับเสี่ยงต่อการตกอยู่ในอันตรายมาก
ภารกิจแรกของเธอก็คือต้องปกป้องให้หลีชิงเยียนปลอดภัย ไม่ให้หลีชิงเยียนตกอยู่ในอันตราย
นอกคฤหาสน์ เฉินเป่ยและหัวหน้าและไอรีนกำลังยืนหันหน้าเข้าหากัน จนทำให้เกิดเป็นรูปสามเหลี่ยม ไอรีนและหัวหน้ากลุ่มแอบรวมพลังเพื่อต่อสู้กัน แล้วแสดงการกดขี่ข่มเหงออกมา เหมือนสามารถทำให้คนหายใจไม่ออก!
เฉินเป่ยยืนอยู่ตรงที่เดิม แล้วกำลังเผชิญกับหัวหน้ากลุ่มและไอรีนที่กำลังร่วมมือการต่อสู้ สีหน้าดูนิ่งเฉยเหมือนที่ผ่านมา นัยน์ตาอันเย็นชากลับไม่ได้แสดงความหวาดกลัวออกมา แท้กระทั่งทั้งเรือนร่างยังคงเย่อหยิ่งและวางอำนาจเหมือนเดิม เหมือนไม่ได้เห็นพวกเธอในสายตา!
ต่อให้หัวหน้ากลุ่มและไอรีนยังคงอยู่ ก็ยังไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นใจแม้แต่น้อย
จู่ๆ หัวหน้ากลุ่มก้าวขาออกมาหนึ่งข้าง สีหน้าดูเลือดเย็นและลุ่มลึก “ยอดฝีมือเหมือนอย่างแก ทั้งหมดในหัวเซี่ยก็มีเพียงไม่กี่ท่านเท่านั้น แกปิดบังใบหน้า แล้วมีจะเกิดประโยชน์อะไร…….”
หัวหน้ากลุ่มยังคงไม่รู้สึกตายใจ ถึงแม้เขาจะแน่ใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องคนในตำนานในเยี่ยนจิงเมื่อหลายปีก่อน ทว่าเขายังคงอยากจะให้เขากระชากผ้าที่ปิดหน้าไว้ แล้วมองใบหน้าที่แท้จริงของเฉินเป่ย
“งั้นแกปิดบังเอาไว้ แล้วมันหมายความว่าอะไร? ” เฉินเป่ยแสยะยิ้ม “การปลอมตัวปกปิดตัวตนของผู้อำนวยการจาง ทักษะการลอบฆ่าของผู้อำนาจการหลี่……ทุกอย่างไม่มีการสืบทอดของคนรุ่นหลัง…..พวกแกมันไอ้สวะทั้งหมด แล้วยังกล้าแทนตัวเองว่าหน่วยลับ! ”
เฉินเป่ยถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง ทำให้คนรู้สึกสั่นสะเทือนในใจ
หน่วยสืบราชการลับเหล่านั้นต่างก็รู้สึกสั่นสะเทือนไปทั้งตัว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง!
และหัวหน้ากลุ่มก็ทำสีหน้าที่ยิ่งอยู่ยิ่งเย็นชา……เฉินเป่ย กลับแม้แต่ผู้อาวุโสในตำนานทั้งสองท่านนี้ยังรู้!
ผู้อำนวยการจางและผู้อำนวยการหลี่ เคยเป็นบุคคลในตำนานอยู่ยุคสมัยหนึ่ง…..ต่างก็ครอบครองหน่วยลับที่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่สุด…..ทว่ากลับไม่มีใครมีฟัาสวรรค์ที่สืบทอดต่อ……. เพื่อที่จะเป็นผู้นำของหน่วยสืบราชการลับ น้อยแล้วก็น้อยมาก
และเหมือนเรื่องนี้ก็ใกล้จะกลายเป็นความลับโดยเร็ว…..นอกจากบุคคลรุ่นที่แล้ว ก็พอมีคนรู้
ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะว่าหัวหน้ากลุ่มมีความโชคดี ก็คงไม่รู้ความลับแบบนี้…..สุดท้าย คำๆ นี้ของเฉินเป่ยเอ่ยออกมา กลับทำให้เห็นอย่างชัดเจน!
หัวหน้ากลุ่มจับจ้องเฉินเป่ยอย่างไม่คลาดสายตา ภายในใจกำลังเกิดคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำ…..สีหน้าของเขายากที่จะบดบังเอาไว้ ทำให้แสดงให้เห็นถึงความตกตะลึงและคาดคิดไม่ถึงอย่างมาก! ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ มีฐานะเป็นอะไรกันแน่ ความลับนี้…..สามารถรู้ได้โดยคาดคิดไม่ถึง!
และเรือนร่างผอมบางของไอรีนสั่นเทาเล็กน้อย เธอมองหน่วยลับเหล่านี้ เธอถูกนัยน์ตาที่บ้าคลั่งของเฉินเป่ยข่มเหง และไม่สามารถขยับตัวได้ เธอไม่มีแรงจู่โจมโดยสิ้นเชิง ทำให้เธอยิ่งรู้สึกหวาดกลัวในความสามารถของเฉินเป่ย!
เฉินเป่ยเดินผ่านร่างที่พยายามจะลุกขึ้น ในสายตาอันเย็นยะเยือกของหัวกลุ่มหน้า เขากำลังเดินเล่นในสวน ในนัยน์ตาอันเลือดเย็นแผ่รังสีแห่งความนิ่งเฉยออกมา
แม้กระทั่งนัยน์ตาของเฉินเป่ย ไม่ได้มองหัวหน้ากลุ่มและไอรีน เพราะว่าเขาไม่เคยเห็นพวกเขาในสายตาตั้งแต่แรก!
เฉินเป่ยทำท่าทางที่เหมือนจะเดินเล่นอยู่กลางสวน พอหน่วยสืบราชการลับพวกนั้นมาเห็นเข้า นั่นเป็นความท้าทายที่หยามหน้าพวกเขามากที่สุด!
“พู่ว! ” หน่วยสืบราชการลับคนหนึ่ง ทำสีหน้าที่แดงก่ำ แดงเหมือนตับหมู ทันใดนั้น ไฟแห่งความโมโหกำลังโจมตีจิตใจของเขา ทำให้เขาพุ่งเลือดสดออกจากปาก!
หัวหน้ากลุ่มยืนอยู่ที่เดิม พอเห็นเฉินเป่ยเดินมาทีละก้าว และทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนจนเกิดรอยแตก เหมือนดั่งซาตานอันดุร้าย!
สีหน้าของหัวหน้ากลุ่มดูระมัดระวังตัว การที่ถูกความเย็นชาที่ยิ่งใหญ่ที่แผ่ซ่านออกมาจากทั้งตัวของเฉินเป่ย เหมือนทำให้หายใจไม่ออก
“พวกแกยังจะกล้าเรียกตัวเองว่าหน่วยลับ กลับไปฝึกฝนอีกแปดสิบถึงร้อยปีก่อนเถอะ” เฉินเป่ยเอ่ยพูด ดวงตาทั้งสองข้างดูซึมเซาขึ้นมาทันที หมัดๆ หนึ่งจึงพุ่งออกมา!
หัวหน้ากลุ่มคาดการณ์ไว้ตั้งนานแล้ว จึงได้ใช้หมัดจู่โจม ทว่าวินาทีต่อไป ก็มีพลังอันน่ากลัวระเบิดออกมาจากแขนของเฉินเป่ย แขนขวาของหัวหน้ากลุ่มมีเสียงกระดูกหักส่งออกมาอย่างชัดเจน นัยน์ตาของเขาเคล้าด้วยความตกตะลึงและความหวาดผวา!
“ปึง!! ”
ตัวของหัวหน้ากลุ่มพุ่งกระฉูดออกไป เหมือนกับว่าวที่ขาดจากเชือก และพุ่งออกจากคฤหาสน์ไปหลายสิบเมตร จากนั้นก็กระแทกลงตรงรถเก๋งคันหนึ่งที่จอดอยู่ข้างถนน บริเวณนอกคฤหาสน์!
รถเก๋งสั่นสะเทือน ทันใดนั้นก็รถก็ยุบเข้าไป ส่วนไอรีนก็รู้สึกทั้งตัวสะท้านหนาวไปถึงกระดูก และเธอมองจนตาค้าง!
ทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์ต่างก็ตกตะลึง แล้วนิ่งเงียบจนไม่มีเสียงใดๆ ดังขึ้น หน่วยสืบราชการลับเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นคนที่มีนิสัยอีกต่อไป พวกเขารู้สึกหวาดผวาภายในใจ สีหน้าดูขาวซีด!
ไอรีนมองเฉินเป่ย ก่อนหน้านี้เฉินเป่ย……กลับยังไม่ได้แสดงพลังทั้งหมดที่มี หมัดเมื่อกี้ เป็นพละกำลังของมนุษย์หรอ? นี่ถ้าเทียบกับซุปเปอร์ฮีโร่ในหนังฮอลลีวูดพวกนั้น ถือว่าไม่แพ้กันเลย!
เฉินเป่ยค่อยๆ เก็บหมัด แล้วกวาดสายตามองไปทุกคน แล้วพูดขึ้น “ภายในสามนาทีรีบไสตัวออกจากคฤหาสน์ ถ้ายังจะบุกรุกเข้ามาที่นี่อีกครั้ง จะฆ่าสังหารโดยไม่มีการไว้ชีวิต! ”
เฉินเป่ยพูดด้วยน้ำเสียงเลือดเย็น และเคล้าด้วยกลิ่นเลือดคาวสดที่เข้มข้นและความอาฆาตที่เลือดเย็น!
เขาไม่ได้ล้อเล่น ไอรีนและหน่วยสืบราชการลับเหล่านั้นจึงรีบออกจากคฤหาสน์ แล้วดึงหัวหน้ากลุ่มที่กระแทกเข้าไปในรถ เพื่อช่วยเขาออกมา
ทั้งเรือนร่างของหัวหน้ากลุ่มในตอนนี้อ่อนแรง สีหน้าซีดหมอง กระดูกทั้งเรือนร่างหักไปหลายจุด มีแต่แรงหายใจออก ทว่าไม่มีแรงหายใจเข้า!
ไอรีนใช้ฟันขาวสวยกัดริมฝีปากแดง…..เธอยิ่งสงสัยฐานะของบุคคลที่คลุมหน้าไว้คนนั้น หมัดๆ เดียวยังสามารถทำร้ายหัวหน้ากลุ่มจนสิ้นซาก นี่เขาต้องมีพลังที่น่ากลัวมากขนาดไหนกัน?!
บุคคลประเภทนี้ เธอไม่เชื่อว่าจะเป็นเฉินเป่ย ที่ตอนกลางวันมักจะทำสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม และชอบทำตัวเหมือนนักเลง
“หรือว่า ตระกูลหลีจะเป็นเพียงเปลือกนอกของเขา เขาบังเอิญผ่านที่นี่พอดี? ” ไอรีนพึมพำ เธอคิดไปสักพัก ก็คิดไม่ออก แม้กระทั่งหัวเซี่ยยังหายอดฝีมือที่มีความสามารถแบบนี้ไม่ออก ทำไมพวกเขาถึงจะบังเอิญขนาดนี้ กลับมาเจอที่บ้านตระกูลหลีแห่งหู้ไห่!
“เร็ว รีบส่งไปช่วยชีวิต!” หน่วยสืบราชการลับเหล่านี้รีบส่งหัวหน้ากลุ่มขึ้นรถ แล้วรถเก๋งสีดำเป็นคันๆ ขับเคลื่อนออกจากที่นี่โดยเร็ว
เฉินเป่ยมองรถเก๋งสีดำขับเคลื่อนออกไปอย่างมีชีวิตชีวา สีหน้าดูนิ่งเฉย เรื่องนี้ เหมือนไม่ได้ทำให้ภายในใจของเขาเกิดคลื่นใดๆ เลย
ส่วนในคฤหาสน์ ข้างระเบียงหน้าต่างมีหลีชิงเยียนค่อยจับจ้องสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ตั้งแต่แรกจนจบ ใบหน้าอันสะสวยแทบจะกลายเป็นเอ๋อ คนพวกนั้นเป็นตั้งหน่วยสืบราชการลับ กลับถูกร่างๆ ที่ไร้เทียมทานนี้จัดการอย่างง่ายดาย!
โดยเฉพาะหมัดที่มีพลังยิ่งใหญ่หมัดสุดท้ายนี้ ทำให้ใจของเธอเต้นเร็ว จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้สติกลับมา
“คนคนนี้ คือเทพเจ้า” หลีชิงเยียนกลืนน้ำลาย แล้วพูดด้วยเสียงเบา
ซูเหลยที่อยู่ข้างๆ ก็ทำสีหน้าที่สงสัยแล้วพยักหน้า “ความสามารถแบบนี้ ในกองทหารพิเศษของพวกเขา ก็ถือว่าเก่งกาจ”
“เขาเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงช่วยเรา? ” หลีชิงเยียนถาม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” ซูเหลยส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “ฉันแค่มองเขาคุ้นตาหน่อยๆ ” ซูเหลยเพิ่งจะพูดแบบนี้ออกมา จู่ๆ ลำตัวก็เกร็งไป เหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“เป็นอะไรไป? ” หลีชิงเยียนเอ่ยถาม
ซูเหลยไม่พูด และหมุนตัวเดินไปตรงประตูห้องน้ำ
“ปึง! ” ซูเหลยผลักประตูห้องนอนของหลีชิงเยียนออก แล้วพุ่งไปตรงหน้าของเฉินเป่ย
ซูเหลยผลักประตู กลับสังเกตเห็นว่าประตูถูกล็อกไว้
“ทำไม? ” ใบหน้าของหลีชิงเยียนยิ่งอยู่ก็ยิ่งดูสงสัยและไม่เข้าใจ แล้วมองซูเหลยทำสีหน้าที่ตกตะลึง
ซูเหลยจึงเคาะประตูอย่างแรง สีหน้าดูเย็นชา
เธอในเวลานั้น จู่ๆ ก็นึกถึงเฉินเป่ย
ร่างนั้นที่เธอเห็นเมื่อกี้นี้ เหมือนเฉินเป่ยมากจริงๆ ……แค่เธอรีบลบชื่อของเฉินเป่ยออกจากผู้ที่เธอสงสัย ดังนั้นจึงไม้ได้คิดถึงเขามาตลอด
นอกจากเฉินเป่ย ใครจะอยู่นอกคฤหาสน์ได้ ข้างหลังก็เหมือนเขามากขนาดนี้
และตอนที่ซูเหลยอยากจะเปิดประตูเข้าไป แล้วเห็นว่าประตูล็อคไว้ ภายในใจจึงยิ่งมั่นใจกับคำตอบนี้
“เฉินเป่ย ยังไม่ออกมาฉันจะถีบประตู! ” ซูเหลยพูดด้วยเสียงเข้ม
ในห้องนอนไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ ซูเหลยแสยะยิ้มอย่างเย็นชาขึ้น จู่ๆ ก็เหมือนดั่งที่เธอคาด เฉินเป่ยไม่อยู่ในห้อง
เธอเคาะประตูและเรียกไปสักพัก ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ยื่นเท้าออกมาถีบตรงประตูเหมือนดั่งฟ้าแลบ!
การถีบครั้งนี้เต็มไปด้วยพลังอันน่ากลัว แน่นอนว่าสามารถถีบประตูให้เปิดออกอยู่แล้ว!
และขณะที่ซูเหลยถีบขาออกไป ห้องนอนของเฉินเป่ยกลับเปิดออก ซูเหลยไม่ทันได้ตอบสนอง เท้าหนึ่งข้างจึงถีบไม่โดนอะไร เรือนร่างของเธอเลยขาดการทรงตัว จนทำให้เธอล้มลงไปในทิศของที่เฉินเป่ยอยู่
เฉินเป่ยพยุงซูเหลยไว้ สีหน้าดูตกตะลึงมาก “อย่าทำแบบนี้สิ คิดถึงผมก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่พิเศษแบบนี้หรือเปล่า? ”
ซูเหลยพยายามลุกขึ้น แล้วผลักเฉินเป่ย พร้อมทำเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ จากนั้นก็กวาดสายตามองเขา
เฉินเป่ยสวมใส่ชุดนอนตัวหลวม ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย ท่าทางเหมือนกำลังฝันดี และกลับถูกปลูกให้ตื่น
“เมื่อกี้คุณนอนอยู่ในห้องนอนหรอ? ” ซูเหลยทำสีหน้าที่เฉียดคม แล้วถามขึ้น
เฉินเป่ยนิ่งงันไป “ผมไม่นอนที่นี่แล้วจะไปนอนที่ไหนได้? นอนเตียงของคุณ? ”
“นอนก็นอนสิ ทำไมต้องล็อคประตู? ” ซูเหลยจับจ้องเฉินเป่ยไว้ น้ำเสียงเคร่งขรึม
เฉินเป่ยหัวเราะด้วยเสียงเย็นชา “ก็ป้องกันคนประเภทอย่างคุณบุกรุกเข้ามาไง จู่ๆ ก็อาจจะทำเรื่องที่เกินความสัมพันธ์ที่มี ก็เหมือนตอนนี้ แบบนี้”
“คุณ……” ซูเหลยพูดไม่ออก แล้วสีหน้าแดงระเรื่ออย่างน่าแปลก
เธอทั้งอายทั้งโมโห ตัวเองกำลังจะมาเปิดเผยฐานะของเฉินเป่ย สุดท้ายหาอะไรไม่เจอ ยังจะโดนกล่าวหา และยังโดนข่มเหง!
“คุณซู ท่านประธานหลีอยู่ข้างๆ คุณยังกล้าพุ่งมากอดผม ท่านประธานไม่อยู่ คุณก็คงจะหักหลังท่านประธานแล้วมาเป็นชู้กันผมใช่ไหม? ” เฉินเป่ยกระตุกมุมปากที่แสดงถึงการดูหมิ่น แล้วพูดด้วยความน่าแปลก
“คุณนึกว่าฉันชอบคุณงั้นหรอ? คุณถือว่าเป็นตัวอะไร คุณเหมาะสมแล้วหรอ! ” ซูเหลยสุดจะทน แล้วก่นด่าด้วยเสียงเสนาะหู
หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆ พยุงหน้าผากอันขาวเนียนไว้ แล้วพูดขึ้น “พวกคุณสองคนเลิกทะเลาะกันเถอะ”
“ถ้าคุณหลับไปจริงๆ คงไม่กลัวที่จะให้ฉันเข้าไปดูข้างในใช่ไหม? ” จู่ๆ ซูเหลยก็ทำนัยน์ตาเปล่งประกาย แล้วพูดขึ้น
ภายในใจของเฉินเป่ยจึงสะดุ้งตกใจอย่างมาก ในใจเริ่มรู้สึกไม่ดี ทว่าสีหน้ากลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ “คุณสั่งผม ผมก็จะให้คุณดู ผมเพิ่งจัดการกับความต้องการของร่างกาย คุณก็จะเข้ามาใช่ไหม? “