สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 182
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่182 แฝงนัยยะเป็นพิเศษ
หลังจากชิงเหนียนมองเห็นหลีเช่าหง แวบเดียวสีหน้าก็เย็นลงมา สายตาที่มองทางหลีเช่าหงมีแรงอาฆาตโจ่งแจ้งแบบไม่มีปกปิดสักนิด
ส่วนหลีเช่าหงนั้นยิ้มลุ่มลึก พูดขึ้น “ไปเถอะ”
ชิงเหนียนชะงักฝีเท้า มองทางรถยนต์ที่ขับออกไป เขาจ้องมองรถยนต์อยู่นาน จนกระทั่งหายลับไปจากเส้นขอบฟ้า เขาถึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พูดเสียงต่ำ “เขาเคลื่อนไหวแล้ว”
เวลานี้ในคฤหาสน์หรูตระกูลหลี เฉินเป่ยใส่ผ้ากันเปื้อนอยู่ กำลังทำงานบ้านอย่างเร่าร้อน ปรนนิบัตินางฟ้าสองคนอยู่
หลังจากเขาวางโทรศัพท์ลง มองทางฉากค่ำคืนที่ล้ำลึกนอกหน้าต่าง สีหน้าที่เย็นชาประกายแสงเข้ามา ฟื้นฟูความสงบอย่างรวดเร็ว
“โทรศัพท์หาใครกัน?”
เวลานี้มีเสียงหนึ่งลอยมาจากทางด้านหลังเฉินเป่ย เฉินเป่ยสั่นเทาไปทั้งตัว หันหน้ามาเห็นดวงตางดงามของหลีชิงเยียนกำลังจ้องมองเขา ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำเสียงสงสัย
เฉินเป่ยหัวเราะอึดอัด พูดเอาใจ “โทรศัพท์หลอกต้ม ประธานหลี พี่ซู ผมไปหั่นผลไม้มาให้พวกคุณแล้วกัน”
เสียงพูดของเฉินเป่ยพึ่งจบ ไม่รอให้หลีชิงเยียนพูดมาก เบียดๆ พุ่งไปในห้องครัว
ไม่นานเฉินเป่ยก็ยกจานผลไม้เดินออกมาจากในห้องครัว
หลีชิงเยียนกวาดตามมองจานผลไม้แวบหนึ่ง จานผลไม้จัดวางอย่างงดงาม ผลไม้ผ่านการแกะสลักมาอย่างประณีต ถูกเฉินเป่ยหั่นเป็นหลากหลายรูปแบบ
ซูเสี่ยวหยุนมองเห็นจานผลไม้ในมือของเฉินเป่ย สีหน้าตกใจ “นี่เป็นของที่นายพึ่งหั่นจริงเหรอ?”
เฉินเป่ยพยักหน้า ซูเสี่ยวหยุนร้องแปลกใจ “เพียงแค่ห้านาที จานผลไม้แบบนี้วางในร้านอาหารบางแห่ง อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมง นายทำได้ยังไง?”
ซูเสี่ยวหยุนมองทางเฉินเป่ย ในดวงตางดงามของหลีชิงเยียนเผยความสงสัยออกมา ใบหน้างดงามเอียงเล็กน้อย มองทางเฉินเป่ย
เฉินเป่ยไอแห้งๆ ทีหนึ่ง พูดอธิบาย “ฝีมือมีดผมค่อนข้างดี เมื่อก่อนตอนอยู่ในร้านอาหารที่ยุโรปช่วยงานครัวแล้วก็เริ่มเรียนอันนี้”
“ฝีมือใช้มีดนี้ของนาย ดูจากระดับความงดงามของผลไม้ เชฟใหญ่ในโรงแรมห้าดาวยังเทียบไม่ได้เลย” ซูเสี่ยวหยุนยิ้มเลื่อมใส “แค่พึ่งฝีมือใช้มีดแบบนี้ นายก็สามารถหางานที่ไม่เลวได้แล้ว ยังจะมาใช้ชีวิตอยู่ใต้กรงเล็บปีศาจร้ายของผู้หญิงคนนี้อีก”
“ซูเสี่ยวหยุน” ดวงตางามของหลีชิงเยียนถลึงขึ้น ท่าทางไม่พอใจ
“ทำไม ฉันพูดผิดแล้วรึไง?” ซูเสี่ยวหยุนยิ้มถาม
“เธอพูดมาก” หลีชิงเยียนพึมพำนิดหน่อย ขี้เกียจพูดอะไรมากมายกับซูเสี่ยวหยุน ลุกขึ้นเหยียบบนรองเท้าส้นสูง ขึ้นชั้นสองตึกๆๆ ไป
“เข้ามาเถอะ” ซูเสี่ยวหยุนมองทางเฉินเป่ย เอ่ยปากอย่างอ่อนโยน
เฉินเป่ยนั่งลงข้างซูเสี่ยวหยุน เฉินเป่ยถามว่า “พี่ซู ตอนกลางวันที่บอกว่าจะให้รางวัลผมล่ะ?”
รอยยิ้มซูเสี่ยวหยุนคลุมเครือนิดๆ “นายอยากได้รางวัลขนาดนี้เลย?”
“สงสัยไง” รอยยิ้มเฉินเป่ยดูเสเพลขึ้นมา ซูเสี่ยวหยุนนั่งอยู่ด้านข้างของตนเอง เวลานี้อยู่ในคฤหาสน์หรูซูเสี่ยวหยุนจึงปลดปล่อยมาก ใส่ชุดกระโปรงคอลึก
กลิ่นหอมน่าดึงดูดอ่อนๆ ที่เหมือนกล้วยไม้แพร่กระจายออกจากบนร่างอ่อนช้อยของซูเสี่ยวหยุน ทะลุเข้ามาในจมูกของเฉินเป่ย ทำให้เลือดอสูรของเฉินเป่ยเดือดดาล นี่คือเสน่ห์เย้ายวนที่เอาชีวิตที่สุด!
“สงสัยอะไร?” ซูเสี่ยวหยุนค่อยๆ ขยับเข้าใกล้เฉินเป่ย ร่างอ่อนช้อยใกล้จนแทบจะแนบติดกับเฉินเป่ย……แม้กระทั่งยังสามารถรู้สึกได้ถึงลมหายใจของซูเสี่ยวหยุนที่พ่นออกมา
เฉินเป่ยนั่งนิ่งราวหินยักษ์ และเสียงที่มีเสน่ห์ของซูเสี่ยวหยุนลอยเข้าหูของเฉินเป่ย “ฉันกลัวนายจะรับรางวัลนี้ไว้ไม่ไหวน่ะสิ~”
เฉินเป่ยหายใจเร่งถี่……ที่นี่คือห้องรับแขก! หรือว่าซูเสี่ยวหยุนไม่อยากไปห้องนอนเหรอ?
ทันใดนั้นเฉินเป่ยพลิกตัวทีหนึ่ง ทับซูเสี่ยวหยุนไว้ด้านล่าง ราวกับสัตว์ดุร้ายกำลังโจมตี ดวงตาทั้งคู่เผยความร้อนแผดเผา!
ขณะนี้หลีชิงเยียนพลิกหาของในห้องนอนอยู่หลายรอบ ล้วนหามือถือของตนเองไม่เจอ ทันใดนั้นเธอนึกขึ้นได้ว่าคงทำตกในห้องรับแขก จึงรีบลุกขึ้นมา ไปทางชั้นหนึ่งอย่างเร่งรีบ
เสียงรองเท้าส้นสูงกังวานดังขึ้นจากชั้นสอง ใกล้ชั้นหนึ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เฉินเป่ยในเวลานี้กำลังอยู่กับซูเสี่ยวหยุนบนโซฟา ทั้งสองสายตาเร่าร้อน……แม้กระทั่งรองเท้าแตะของซูเสี่ยวหยุนต่างโดนสะบัดไปอีกทางหนึ่ง……
ทันใดนั้นเฉินเป่ยสีหน้าฝืดเคือง ประสาทสัมผัสที่ว่องไวทำให้มีปฏิกิริยาเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซวนเซปีนขึ้นมาจากโซฟา
“มีอะไรเหรอ?” ซูเสี่ยวหยุนตะลึง ลุกขึ้นจากโซฟามานั่ง
“หล่อนลงมาจากชั้นสองแล้ว” เฉินเป่ยพูดเสียงต่ำ
“หา?” ใบหน้างดงามของซูเสี่ยวหยุนเผยความตกใจออก และเวลานี้เสียงรองเท้าส้นสูงของหลีชิงเยียนกังวานอย่างมาก!
ซูเสี่ยวหยุนรีบจัดการผมยาวที่ยุ่งเหยิงทันใด และชุดกระโปรงคอลึกที่ยับย่นไปหมด
“พวกเธอเห็นมือถือฉันรึเปล่า?” เสียงเย็นชาน่าดึงดูดของหลีชิงเยียนลอยมาจากชั้นสอง ภาพร่างคนงดงามเดินลงมาจากบันไดวนที่ชั้นสองช้าๆ
“เอ๋……ไม่เห็นนี่” ซูเสี่ยวหยุนที่หายใจเร่งรีบกลับมาแบบเดิม บอกไป
หลีชิงเยียนเดินลงมาชั้นหนึ่ง พอมองก็เห็นเฉินเป่ยยืนอยู่ด้านข้างโซฟา และบนโซฟาหนังนั้น ซูเสี่ยวหยุนที่นั่งอย่างสงบเสงี่ยม ไม่มีท่าทางเอื่อยเฉื่อยตามสบายแบบปกติสักนิดเดียว
“พวกเธอเป็นอะไรกัน?” หลีชิงเยียนสีหน้าแปลกใจ ไม่รู้ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
“เป็นอะไรกัน? พวกเราไม่มีอะไรนี่” ซูเสี่ยวหยุนตะลึง เค้นรอยยิ้มกระอักกระอ่วนนิดๆ ออกมา
“ทำไมพวกเธอ……ดูเหมือนแปลกๆ?” หลีชิงเยียนพ่นประโยคหนึ่งมาแล้ว
“ไม่มี ฉันกำลังเตรียมขึ้นไปนอนล่ะ ฉันง่วงแล้ว” ซูเสี่ยวหยุนสีหน้าปกติมาก พูดเสียงเย้ายวน “ฉันไปนอนแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์”
ซูเสี่ยวหยุนพูดจบ จากนั้นถึงเร่งเดินขึ้นชั้นสองเหมือนหลบหนี ภายในใจเธอเต้นแรง เมื่อสักครู่ถ้าไม่ใช่การฟังของเฉินเป่ยดี ขอเพียงช้าสักนิด คงโดนหลีชิงเยียนผู้รอบรู้ไปทั่วทุกด้านมองความไม่ปกติออกแน่!
เมื่อสักครู่ช่างยั่วยุจริงๆ เลย ไม่มีใครเห็นใบหน้างดงามของซูเสี่ยวหยุนในเวลานี้แดงมาก ร้อนลวกราวกับมีไฟไหม้……ภายในใจของเธอคาดไม่ถึงว่ายังมีความรู้สึกสุขรุนแรงที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างหนึ่ง!
…………
ไวมาก ชั่วพริบตาเดียว หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ช่วงบ่ายวันหนึ่ง เฉินเป่ยกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน เล่นเกมอย่างออกรสออกชาติ
หลังจากเขาเล่นเกมจบไปตาหนึ่ง ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เฉินเป่ยกวาดตามองหน้าจอมือถือแวบหนึ่ง สายตาลุ่มลึก ทันใดนั้นมีความลึกลับล้ำลึกเพิ่มขึ้น
หลังเฉินเป่ยรับโทรศัพท์ ในสายนั้นเป็นเสียงคนแก่ดังขึ้น “เจ้าเฉิน ตอนนี้มีเวลาว่างออกมานั่งคุยกันมั้ย?”
เฉินเป่ยฉีกมุมปากขึ้น “มี มีแน่นอนครับ ท่านเชื้อเชิญมา เป็นเกียรติของผมมากครับ!”
“ดี นายเข้ามาเองคนเดียว ฉันจะรอนายอยู่ที่ร้านกาแฟตรงข้ามอาคารตระกูลหลี”
เฉินเป่ยวางสายโทรศัพท์ พึ่งเดินออกจากห้องทำงาน ทันใดนั้นกลับถูกคนเรียกไว้
“เฉินเป่ย”
เฉินเป่ยหยุดฝีเท้า หันหน้ามองเห็นหลินเฉว่กอดเอกสารไว้ “คุณจะไปข้างนอกบริษัทเหรอ?”
“ซื้อกาแฟสักแก้ว มีอะไรเหรอเลขาฯ หลิน อยากให้ฉันเอามาให้เธอสักแก้วมั้ย?” เฉินเป่ยถาม
หลินเฉว่พยักหน้า ริมฝีปากชมพูโค้งเส้นรัศมีวงกลมขึ้น ตอบเสียงเบา “ขอบคุณนะ”
ฉากนี้โดนพนักงานมากมายเห็นเข้า ยิ่งอิจฉาจนตาร้อนไปกันหมด
มีชีวิตอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ตนเองพยายามมาหลายปี แม้แต่วิธีติดต่อของหลินเฉว่ยังไม่ได้มา ผลสุดท้ายเจ้าหมอนี้ก็วาร์ปมาเป็นรองประธานทันที ทั้งที่เขามาบริษัทได้ไม่นานเท่าไร แถมยังสามารถทำให้เลขาฯ หลินยิ้มแย้ม นี่คือฝันหวานที่พนักงานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปมากมายขอแต่ก็ไม่เคยได้รับกัน!
และที่ยิ่งน่าโมโหคือเฉินเป่ยกับท่านประธานนางฟ้าที่มีชื่อเสียงล้วนมีความสัมพันธ์แบบนั้นแล้ว ในบริษัทสาวงามเจริญรุ่งเรืองนี้ คาดไม่ถึงยังเจ้าชู้ไม่เลือกหน้า
พวกเขาต่างคิดไม่ออกกัน หรือว่าประธานหลีให้ท้ายเขาเพลิดเพลินจนติดลมบนกับบรรดาสาวงาม?
หลังเฉินเป่ยเดินออกจากอาคารตระกูลหลี หลินเฉว่กอดเอกสารไว้ผลักประตูเดินเข้าห้องทำงานประธาน
“เรียกเฉินเป่ยเข้ามาหาฉันที” หลีชิงเยียนก้มหน้าทำงาน พูดขึ้นแบบไม่เงยหน้า
“ประธานเฉิน……” หลินเฉว่เอ่ยปากอย่างลังเล “พึ่งออกไปเมื่อครู่ค่ะ”
“ออกไปแล้ว?” หลีชิงเยียนขมวดคิ้วดำขึ้น สีหน้าไม่พอใจ เจ้าหมอนี้……ไม่มีอะไรดีสักอย่าง
หลีชิงเยียนลุกขึ้น มองทางนอกกระจกชมวิว พอมองเธอก็เห็นเฉินเป่ยล้วงมือในกระเป๋ากางเกง แต่งตัวโลว์สุดๆ เดินข้ามถนนเข้าร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามไป
“เขาบอกว่าเขาจะไปซื้อกาแฟสักแก้วค่ะ” หลินเฉว่พูดอธิบาย
“ฉันรู้แล้ว” หลีชิงเยียนสีหน้าเรียบสงบ
…………
เฉินเป่ยผลักประตูเข้ามาในร้านกาแฟ พอมองก็เห็นถังโหรวกับถังเต๋อนั่งอยู่ที่มุมของร้านกาแฟ
ความจริงถังโหรวช่างเด่นชัดเหลือเกิน ผมสลวยดำขลับมันวาว ทั้งยังมีใบหน้างดงามที่สง่าจนเกือบหาจุดด่างพร้อยไม่ออก
“โอ้ ลมอะไรหอบสองท่านมาได้กัน?” มุมปากเฉินเป่ยฉีกขึ้น เดินเข้าไปอย่างคนพาล ก่อนจะนั่งลงมา
“เจ้าเฉิน ที่มาหานายครั้งนี้ไม่มีอะไรอื่น แค่พูดคุยกันเท่านั้น” ถังเต๋อใส่แว่นดำอยู่ ในฐานะรัฐมนตรีคนสำคัญของเยี่ยนจิง ความปลอดภัยย่อมมาเป็นอันดับแรก
ตอนที่เฉินเป่ยพึ่งเดินเข้ามา เฉินเป่ยสังเกตเห็นบุคคลลับเฉพาะคอยระแวดระวังอยู่รอบด้านของร้านกาแฟตั้งแต่แรก ภายในร้านกาแฟยังมีหลายคนที่ปลอมแปลงตัว ทำให้ความอันตรายที่ถังเต๋อต้องเจอมีน้อยที่สุด
“มีอะไรก็รีบพูดเถอะ พวกคุณไม่มีอะไรจะมาหาผมเหรอ?” เฉินเป่ยยิ้มเยาะ เปิดโปงปัญหาของใครบางคนทันที
ถังเต๋อไอแห้งๆ สักนิด หลังจากถูกเปิดโปงหน้าก็ซีดหัวใจแทบหยุดเต้น ทว่ากลับนิ่งสงบอย่างมาก
ส่วนถังโหรวอุทานออกมาเบาๆ หันหน้าหนีไปอีกทาง ขี้เกียจสนใจเฉินเป่ย เห็นได้ชัดว่าเธอยังถือสาเรื่องครั้งที่แล้ว
เธอจำการเหยียดหยามวันนั้นได้อย่างชัดเจน……คาดไม่ถึงตนเองจะถูกคนเลวที่สมควรตายคนนี้กดไว้บนรถ ทำให้ตนเองโก้งโค้งจนโดนตีก้น……นี่ช่างน่าอับอายเหลือเกิน เป็นฝันร้ายของเธอ! ไม่อยากจะแตะต้องความทรงจำนี้อีกตลอดไป!
พอถังโหรวคิดถึงวันนั้น ก็เกลียดจนกัดฟันแน่น!
“เจ้าเฉิน ที่เรียกนายมาครั้งนี้ ความจริงคืออยากปรึกษากับนายสักหน่อย ถังโหรวของฉันถึงอายุที่ต้องแต่งงานแล้ว อยากถามนายหน่อยว่ามีตัวเลือกที่เหมาะสมหรือไม่” ถังเต๋อไอแห้งๆ
พอได้ยินคำพูดนี้ เฉินเป่ยที่กำลังดื่มน้ำอยู่ก็ปากกระตุก เกือบจะพ่นน้ำออกมาแล้ว
เชี่ยเอ๊ย……คือกำลังถามตัวเองเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมไหม……