สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 192
บทที่192 เสียสละตัวเอง
ดวงตางดงามของหลีชิงเยียนกะพริบเบาๆ มองซูเหลยแบบมีความหมายลึกซึ้ง
“มวยจูนถี่……นอกจากกองทหารต้าหัว เดิมทีสถานที่อื่นสอนไม่ได้” ซูเหลยเอ่ยปากอย่างละเอียดยิบ ค่อยๆ ทำให้หลีชิงเยียนสีหน้าเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงขึ้นมา
“ว่าตามที่เธอบอก เขายังมีสถานะอะไรที่ปิดพวกเราไม่ได้พูดอยู่อีกเหรอ?” หลีชิงเยียนเอ่ยถาม
ซูเหลยพยักหน้า “ถ้าเขาใช้มวยจูนถี่ในการต่อสู้กับหวงปิงจริง……เขากับกองทหารต้องมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน”
ซูเหลยพึ่งพูดจบ และในเวลานี้โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของซูเหลยก็มีเสียงดังขึ้นมา
ซูเหลยรับสาย ในสายโทรศัพท์นั้นเป็นเสียงของไอรีนลอยมา “ซูเหลย ฉันมีเบาะแสสถานะของเฉินเป่ยแล้ว”
ซูเหลยหัวใจสั่นไหว ไอรีนอยู่ในฐานะบุคคลทำงานลับใต้ดิน ข่าวที่ได้รับย่อมมากกว่าเธออยู่แล้ว จึงสามารถพบเบาะแสเกี่ยวกับสถานะของเฉินเป่ยได้
“เบาะแสอะไร?” ซูเหลยถามเสียงทุ้ม
“ในโทรศัพท์คุยไม่สะดวก พวกเรามาเจอหน้ากันหน่อย ฉันมีแผนการหนึ่ง” ซูเหลยที่อยู่ในสาย น้ำเสียงแอบซ่อนความกลัว เหมือนกำลังหลบเลี่ยงอะไรอยู่
ซูเหลยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า ไม่นานไอรีนก็มาเจอภายในร้านกาแฟตรงข้ามอาคารตระกูลหลีไว้เรียบร้อย
“ประธานหลี ครั้งนี้ฉันจะต้องหาความจริงออกมาให้ได้แน่นอน” ซูเหลยเอ่ยหลังเก็บโทรศัพท์ ซึ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ไม่เหมือนกับครั้งก่อน เธอกับไอรีนต่างกุมเบาะแสเอาไว้หมด ครั้งนี้พวกเธอร่วมมือกัน คงไม่เหมือนครั้งก่อนที่กลับมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก หรือคว้าน้ำเหลวอย่างเด็ดขาด
ครึ่งชั่วโมงต่อไป ไอรีนและซูเหลยเจอหน้ากันที่ร้านกาแฟ เดิมทีทั้งสองคนไม่รู้ว่าหลังจากที่ซูเหลยเดินออกจากอาคารตระกูลหลี หลังกระจกชมวิวบานหนึ่ง เฉินเป่ยล้วงกระเป๋ากางเกง กำลังก้มหน้าจ้องมองซูเหลยด้านล่างด้วยแววตาลุ่มลึก ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ลึกลับซับซ้อน
หลังจากมองซูเหลยเดินเข้าร้านกาแฟ เฉินเป่ยหัวเราะนิดหน่อย เหมือนไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ หมุนตัว กลับไปหน้าคอมพิวเตอร์ต่อไป ใส่หูฟังแล้วเริ่มเกมที่น่าเร้าใจ……
ซูเหลยและไอรีนปรึกษาหารือกันในร้านกาแฟหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ถึงแยกย้ายเดินออก กลับไปที่อาคารตระกูลหลี
และตอนที่เดินผ่านห้องทำงานของเฉินเป่ย มุมปากซูเหลยฉีกยิ้มเยาะขึ้น แผนการที่เธอกับไอรีนกำหนดไว้ต้องจัดการเฉินเป่ยได้แน่ เธอมั่นใจอย่างยิ่ง!
ทันใดนั้นเสียงที่ดูอันธพาลมากก็ลอยมาจากด้านหลังของซูเหลย เรียกซูเหลยเอาไว้ทันใด “บอดี้การ์ดซู นี่ไปที่ไหนมากัน ฉันเห็นเธอออกไปตั้งครึ่งวันแล้ว”
ฝีเท้าซูเหลยช้าลง พูดเสียงพึมพำ “เกี่ยวอะไรกับนาย”
“ฉันยุ่งไม่ได้แน่นอน แต่เธอเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวของประธานหลี ในฐานะบอดี้การ์ดของประธานหลี เธอทำหน้าที่ได้เต็มที่แล้วเหรอ? เธอจัดการอันตรายเพื่อประธานหลีไปกี่ครั้ง?” เฉินเป่ยเอ่ยปากอย่างเกียจคร้าน “เธอไม่ได้มีฉายาเป็นรองหัวหน้าทีมรบพิเศษของหัวเซี่ยอะไรนั้นเหรอ ทำไมฉันถึงดูไม่ออกกัน?”
ซูเหลยหันหน้ามองทางเฉินเป่ย เธอถลึงตาใส่เฉินเป่ยอย่างแรงทีหนึ่ง สาบานว่าจะต้องเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของเฉินเป่ยให้ได้แน่นอน ต้องให้เจ้าหมอนี้อับอายจนต้องหาแผ่นดินแทรก ไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีก!
เฉินเป่ยอยู่ที่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเหมือนปลาได้น้ำ ถ้าไม่ใช่มีหลีชิงเยียนอยู่ เขาก็คงไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินสุดๆ!
ซูเหลยบ่นพึมพำ ไม่ได้สนใจเฉินเป่ย ไร้ความอดทนจะเสียการใหญ่ รอถึงตอนที่เปิดโปงเฉินเป่ยแล้ว คอยดูว่าเขายังกำเริบได้อย่างไร!
เฉินเป่ยจ้องมองซูเหลยเดินเข้าห้องทำงาน จากนั้นถึงหรี่ตาเล็กน้อย ส่งเสียงหัวเราะหึๆ ปิดประตูห้องทำงานสนิท
เฉินเป่ยพึ่งนั่งลง มือถือดังขึ้น เฉินเป่ยกวาดตามองหน้าจอมือถือ พบว่าเป็นข้อความของไอรีนส่งมา
พอเฉินเป่ยกดเปิดอ่าน ชั่วขณะนั้นแววตาร้อนผ่าว ในใจกำลังก่อหวอดขึ้นมา……นี่คือไอรีนกำลังนัดเขาทานข้าว!
ความชั้นหนึ่งของไอรีนนั้นทำให้ชายใดล้วนยากจะลืมลง นั่นเป็นสาวงามชั้นหนึ่งที่ไม่แพ้ให้กับหลีชิงเยียน! นั่นคือนางฟ้าที่สามารถทำให้เฉินเป่ยให้คะแนน9.9 ซึ่งสูงที่สุด
บวกกับไอรีนเคยผ่านการอบรมที่น่าตื่นเต้น เสน่ห์บุคลิกเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ เย้ายวนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ไอรีนสาวสวยแบบนี้เชื้อเชิญด้วยตนเองก่อน เดิมทีคงไม่มีผู้ชายรับมือไหว เลือดปีศาจจะต้องเดือดพล่าน!
ยิ่งไปกว่านั้นมีช่วงหนึ่งที่ไอรีนไม่ได้ติดต่อกับเขาด้วย อยากนัดเขาทานข้าวกะทันหันแบบนี้ ยิ่งทำให้เขาคาดไม่ถึงตกใจอยู่บ้าง
เฉินเป่ยกลับไม่ความหวาดระแวงสักนิด รีบตอบตกลงทันที
และหลังจากตอบข้อความเสร็จ ในร้านกาแฟตรงข้ามอาคารตระกูลหลี สาวงามโดดเด่นที่ใส่แว่นตาดำคนหนึ่งมองหน้าจอมือถือแวบหนึ่ง มุมปากฉีกเส้นรัศมีวงกลมจางๆ ขึ้น เก็บมือถือไป จากนั้นลุกขึ้นเดินออกจากร้านกาแฟ
ในสมองของหล่อนยังมีเสียงกำชับของหลีเช่าหงดังก้อง “เป็นมังกรหรือเป็นงู พอลองก็รู้เอง การลองเชิงแบบนี้ ง่ายที่สุดคือลดการระวังภัยของเขาลง”
นี่คือแผนการของหลีเช่าหง เป็นอุบายที่เปิดเผยโดยสิ้นเชิง หลีเช่าหงคำนวณได้แม่นว่าเฉินเป่ยต้องไม่มีแรงต้านทานต่อสาวงาม จึงให้ไอรีนที่ภายนอกมีเสน่ห์ดึงดูดง่ายที่สุดไปเข้าใกล้เฉินเป่ย!
เขาต้องการนำไอรีนมาห่อเป็นงานศิลปะที่งดงาม แต่กลับแฝงความอาฆาต รอตอนที่เฉินเป่ยเอามาเล่น ตอนที่ผ่อนคลายมากที่สุด ก็มอบการโจมตีที่โหดเหี้ยม!
…………
ตระกูลหวง กลางห้องรับรองแขก
หวงปิงและหวงหรุงนั่งอยู่สองข้าง ผู้อาวุโสที่สีหน้าเรียบเฉยท่านหนึ่งนั่งอยู่ตรงใจกลาง ภายในห้องรับรองแขกมีคนนั่งไม่น้อย ล้วนเป็นเจ้านายอาณาจักรกิจการแต่ละแห่ง
พวกเขาล้วนเป็นคนตระกูลหวง!
ในที่สุดผู้อาวุโสตรงกลางลูบหนวดเคราขาว หลังฟังหวงปิงเล่าต้นสายปลายเหตุจนจบ ค่อยๆ ลืมตาใสแจ๋วทั้งสองออก มองทางผู้ชายท่านหนึ่งด้านข้าง “นายว่ายังไง?”
หวงหรุงสีหน้าเคารพนอบน้อม คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น คืออารองของหวงหรุง ผู้นำท่านหนึ่งของกองทหารต้าหัว!
“ท่านผู้อาวุโส ถ้าคนคนนี้เป็นมวยจูนถี่จริง อย่างนั้นจำเป็นต้องกำจัดทิ้ง! ตระกูลหวงมีอานุภาพน่าเกรงขาม ไม่สามารถเจอกับการเหยียบย่ำหยามเหยียดได้ มิฉะนั้นอีกทั้งสามตระกูลที่เหลือต้องหัวเราะเยาะพวกเราไปอีกหลายรุ่น!” อารองของหวงหรุงเอ่ยปาก มีเสียงฉิ่งๆ น้ำเสียงดุเดือดราวกับปลายมีดที่แหลมคม!
“ผู้อาวุโส เป็นผมที่ความสามารถไม่ดี มีเพียงท่านออกหน้า ถึงจะฟื้นอิทธิพลของตระกูลหวงกลับมาได้” หวงปิงคุกเข่าลงมาเสียงปึง บอกกล่าว
“เรื่องนี้ยังไม่ถึงขั้นให้ฉันลงมือ ให้อารองของหรุงเอ๋อไปก็พอแล้ว” ผู้อาวุโสเอ่ยปากนิ่งๆ ลุกขึ้นออกไปทางด้านนอกห้องรับแขก “ถ้าตระกูลหลียังไม่เคารพตระกูลหวงอีก นั่นก็ประหารทั้งบ้านเถอะ”
“ครับ!”
ทุกคนตระกูลหวงสีหน้าตะลึง เสียงผู้อาวุโสไม่ดัง แต่กลับเหมือนมอบพระราชโองการทำให้พวกเขา
“ไป คืนนี้ไปกันสักหน่อย ฉันจะดูว่ากองทหารต้าหัวจะจัดการอะไรพวกถ่อยสถุล แม้แต่ตระกูลหวงยังกล้าไม่เคารพ!” อารองของหวงหรุงลุกขึ้น แต่ละคำมีพลังโน้มน้าวจิตใจ
…………
พลบค่ำ ภายในฉากยามค่ำคืน ดวงดาวเต็มฟ้า และในร้านหม้อไฟแห่งหนึ่ง เฉินเป่ยมองไอรีนที่อยู่ตรงข้าม มุมปากฉีกรอยยิ้มขึ้น
“คุณไอรีน ไม่ได้เจอคุณตั้งนาน ช่วงนี้ไม่ได้ร่วมงานกับประธานหลีเหรอ?”
รอยยิ้มไอรีนอ่อนโยน “ตั้งแต่ร่วมงานกับบริษัทตระกูลหลีครั้งก่อนนั้น ช่วงนี้ก็ยุ่งเรื่องที่บ้านมาตลอดเลยไม่ได้ร่วมงานชั่วคราว”
“งั้นทำไมคุณไอรีนถึงคิดอยากนัดผมออกมากินข้าว?” เฉินเป่ยรอยยิ้มเพิ่มความหมายลึกซึ้ง “ดูแล้วเป็นผมที่ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน?”
“ครั้งก่อนคิดว่าให้คุณดื่มเหล้าจนเมาแล้วรู้สึกผิดมาก ครั้งนี้เลยจะเลี้ยงข้าวคุณเพื่อเป็นการไถ่โทษ” ไอรีนมองทางเฉินเป่ย ในใจผ่อนคลาย ดูแล้วสำหรับเรื่องวางยาครั้งก่อน เฉินเป่ยไม่ได้รับรู้
เฉินเป่ยจ้องไปที่ไอรีนด้วยแววตาเร่าร้อน คีบอาหารให้ไอรีนไม่ขาดอย่างใส่ใจมาก “ไม่ต้องมาไถ่โทษกับผมหรอก จากสถานะของพวกเรา ดื่มสักมื้อหนึ่งก็หายแล้ว เสี่ยวหลิน”
เฉินเป่ยพูดพลางยื่นมือออกไปอย่างอดไม่ได้ กุมมือของไอรีนไว้แล้ว ทำให้ไอรีนร่างกายสั่นเทา
ไอรีนกำลังอยากเก็บมือเรียวเล็กกลับ แต่คาดไม่ถึงเฉินเป่ยยังกุมแน่นมาก มือที่เรียวเล็กเนียนนุ่มของไอรีนโดนลูบไปมาในฝ่ามือใหญ่ที่หยาบกร้านของเฉินเป่ย ทำให้ไอรีนขนลุกซู่ขึ้นโดนสัญชาตญาณ
แต่ว่าดีที่ไม่นานไอรีนปรับสภาพจิตใจได้แล้ว ในใจเกิดคลื่นยักษ์นิดหน่อย ไม่นานก็ฟื้นตัวสงบลง
ไอรีนมองเฉินเป่ยอยู่ เมื่อสักครู่นี้หัวใจที่เต้นรัวภายในของเธอ ถ้าเป็นบุคคลมีชื่อเสียงบารมี ผ่านการจับชีพจรชั่วขณะหนึ่งคงสามารถสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวในใจของเธอ
โชคดีที่เฉินเป่ยไม่ได้สัมผัสออกมาได้
เพียงแต่ไอรีนไม่รู้สึกสักนิด ในดวงตาของเฉินเป่ยประกายความล้ำลึกที่ยากจะสังเกตนิดๆ ผ่านไป
“ปริมาณการดื่มของฉันเยี่ยมมาก กลัวว่าคุณจะล้มก่อนฉันน่ะสิ” ไอรีนหัวเราะ ค่อยๆ ดึงมือกลับมาแล้วสั่งเบียร์ไปสองขวด
“ปริมาณการดื่มของผมก็ดีมากเหมือนกัน ครั้งก่อนผมดื่มไปเจ็ดแปดขวดถึงล้ม คุณลืมแล้วเหรอ?” เฉินเป่ยเบ้ปาก ส่วนไอรีนสีหน้าฝืดเฝื่อน เป็นครั้งแรกที่เธอเจอเฉินเป่ยยังจะมาแข่งวัดปริมาณการดื่มกับผู้หญิงคนหนึ่ง!
ถึงแม้เธอจะผ่านการฝึกฝนการดื่มมา ซึ่งเหนือกว่าคนทั่วไป แต่เธอสงสัยอย่างมากว่าคนที่พูดคำแบบนี้ออกมา ตนเองกำลังตรวจสอบเขาไม่ใช่หรือ?
ทั้งสองคนทานอาหารดื่มเหล้าไป ไม่นานความสัมพันธ์ก็แน่นแฟ้นขึ้นมา ใบหน้างดงามของไอรีนมีสีแดงปรากฏ เริ่มเรียกพี่เฉินอย่างสนิทสนม
แต่ละครั้งตอนที่ไอรีนเอ่ยปาก ในดวงตางดงามของเธอมีเพียงความหนาวเย็นปกคลุม
และในเวลานี้รถยนต์สีดำคันหนึ่งขับมาอย่างเงียบๆ จอดที่ไม่ไกลจากร้านหม้อไฟแห่งนี้มากนัก
ในรถ หวงปิงกับหวงหรุงนั่งอยู่ มองทางร้านหม้อไฟผ่านกระจกรถ พอมองก็เห็นเฉินเป่ยกับไอรีนที่นั่งติดริมหน้าต่าง
“เดี๋ยวเรื่องสนุกใกล้จะเริ่มแล้ว……” หวงปิงส่งเสียงหัวเราะเยาะ
“อารองพาอัจฉริยะเตรียมพร้อมมามากมาย ต่อให้เฉินเป่ยจะฝีมือแกร่งแค่ไหน ก็ยากจะจัดการคนมากขนาดนี้” รอยยิ้มของหวงหรุงมีการเย้ยหยันขึ้นมา ไม่เหมือนกับหวงปิง ผู้มีความสามารถมากมายที่มาจากกองทหารต้าหัว ล้วนผ่านการล้างบาปแล้วลับให้คมจากเลือดสดและสนามรบ……แต่ละคนล้วนเคยผ่านวิกฤตความเป็นความตาย ต่างเป็นหุ่นยนต์สังหาร!
ครั้งนี้เฉินเป่ยไม่มีที่ให้หนีตายแน่!
และตอนที่หวงปิงกับหวงหรุงพูดคุยกัน รถขับเคลื่อนอเนกประสงค์ที่ทาสีพรางตาก็ขับมาจากที่ไกลออกไป เครื่องยนต์เร่งคำรามอย่างคลุ้มคลั่ง สั่นสะเทือนทั้งท้องฟ้ายามค่ำ
ทันใดนั้นรถอเนกประสงค์จอดที่ข้างทาง นายทหารแต่ละคนพุ่งลงมา ล้อมร้านหม้อไฟแห่งนี้อย่างแน่นหนามาก
บนรถอเนกประสงค์ มีภาพคนคนหนึ่งเดินลงมา สีหน้าเขาเย็นชาแน่วแน่ เครื่องหมายประดับบ่าแดงสดเหลืองอร่าม สะดุดตาอย่างยิ่ง
ภาพคนคนนั้นอยู่ภายใต้การห้อมล้อมของนายทหารผู้เก่งกาจหลายนาย ก้าวเท้ามาทางเฉินเป่ย
บรรยากาศหนาวจนแข็งทื่อฉับพลัน ลดลงถึงจุดเยือกแข็ง
บรรยากาศที่อึดอัดประหม่าปกคลุมไปในร้านหม้อไฟ ไม่นานสภาพแวดล้อมก็เงียบสงัดไร้เสียง แต่ละคนเงียบกริบ!
ในที่สุดลูกค้าที่การตอบสนองช้าบางส่วนก็ระลึกได้ถึงความไม่ปกติ แต่ละคนมองหน้ากันและกัน กลับไม่กล้าขยับสักนิดเดียว……เพราะทุกที่ด้านนอกล้วนเป็นนายทหารที่ถือปืนพร้อม ปืนผาหน้าไม้ที่ดำเย็นชืดแต่ละกระบอกแพร่กระจายแรงอาฆาตที่ดุร้าย ราวกับฟันแหลมคมของสัตว์ดุร้าย
เฉินเป่ยสีหน้าสงบเรียบเฉย เขามองทางภาพคนเหล่านั้น แววตาเผยความหมายสนุกออกมา
ในที่สุดก็มาแล้วเหรอ?