สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 197
บทที่197 เหรียญหนึ่งเหรียญ
เฉินเป่ยลุกขึ้นทันที ทั่วทั้งตัวมีแรงกดดันที่หนักอึ้งดุเดือดเกิดขึ้นทันใด แพร่ออกไปอย่างเต็มที่!
เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายที่ยืนอยู่ด้านนอกห้องขังมองเห็นเฉินเป่ยลุกขึ้นยืนกะทันหันก็ตะลึงไปก่อน จากนั้นฉีกรอยยิ้มที่เสียดสีขึ้นมา
“โอ๊ะ ฉันไม่ได้มองผิดมั้ง ยังอยากออกมาจากในนี้จริงๆ ด้วย” ตำรวจนายหนึ่งพูดหยอกล้อ
“นายเคยเห็นหมาออกมาจากกรงหมามั้ย?” ตำรวจอีกนายเอ่ยปากนิ่งๆ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเสียงดังลั่น
ตำรวจหลายคนมองทางเฉินเป่ยด้วยสีหน้าถากถาง แววตาเต็มไปด้วยการหยอกเย้า บางคนกอดหน้าอกไว้ ท่าทางนั่งรอชมละครสนุก
ในที่สุดสีหน้าเฉินเป่ยก็เปลี่ยนไป ในสีหน้าที่สงบนิ่งเผยความเย็นยะเยือกที่ไม่เป็นมงคล
เฉินเป่ยกวาดตามองผ่านตำรวจหลายคนอย่างเย็นชา ในแววตาเผยความหนาวเหน็บ ราวกับตำรวจเหล่านี้อยู่ในสายตาของเฉินเป่ยไม่ต่างอะไรกับศพ!
เฉินเป่ยเดินไปถึงหน้าห้องขัง มองตำรวจหลายคนอย่างลึกๆ
มุมปากเฉินเป่ยฉีกรอยยิ้มที่ลึกลับขึ้น ทำให้คนสับสนงงงวย เห็นได้ชัดว่าแปลกไปมาก
ทันใดนั้นเฉินเป่ยจับด้ามเหล็กที่หนาไว้ราวกับเหล็กเสริมคอนกรีตบาง ภายใต้การสังเกตดูของตำรวจหลายคน ตะโกนอย่างดุร้ายทันใด
ในใจตำรวจหลายคนเต้นแรง เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้น
“เขาอยากทำอะไร?” ตำรวจนายหนึ่งสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เขาอยากออกมาจริงๆ” ตำรวจนายหนึ่งเอ่ยปาก บอกความคิดที่กังวลหวาดกลัวที่สุดภายในใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นออกมา
“เป็นไปไม่ได้……เขาไม่อาจออกมาได้!” เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งพูดจาอย่างเด็ดขาด “ห้องขังพวกนี้ตั้งแต่ตอนสร้างช่วงแรก คนนับไม่ถ้วนล้วนอยากจะพัง แต่ไม่เคยเกิดผล”
ตำรวจนายนั้นพูดเสียดสี “เขาอยากออกมาเหรอ ฝันไปเถอะ”
ในเวลานี้ตำรวจอีกนายพยักหน้าเช่นกัน บอกว่า “อยากออกมาไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ถ้าเขามีความสามารถออกมาได้ ฉันจะยืนกลับหัวกินขี้เลย!”
ตำรวจนายนั้นพึงพูดจบ สีหน้าแข็งทื่อฉับพลัน!
เห็นเพียงกล้ามเนื้อแขนทั้งสองของเฉินเป่ยยกขึ้น เส้นเลือดเห็นได้ชัดแจ้ง ราวกับงูเขียวแต่ละตัวอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้คนตกใจ……ด้ามเหล็กสองท่อนในมือของเฉินเป่ย……คาดไม่ถึงมีเสียง “แก๊กๆ” ออกมา จากตาเปล่าสามารถเห็นความเร็วของการเปลี่ยนรูปคดงอ
“นี่เป็นไปไม่ได้!”
ฉากนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายนี้ต่างตกตะลึงพรึงเพริด จมสู่ความเงียบงันราวกับตายไปแล้ว
โดยเฉพาะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พนันสาบานไว้นายนั้นยิ่งทำหน้ามึนงง บนหน้าร้อนแผดเผา จากสาบานถึงตบหน้า นี่ยังไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ!
ด้ามเหล็กเปลี่ยนรูปไม่หยุด และเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายอย่างกับเจอผี มองเฉินเป่ยด้วยความตกใจมาก
เฉินเป่ยแหกด้ามเหล็กออก ข้ามเท้าข้างหนึ่งออกจากด้านใน ปรากฏตัวตรงหน้าของตำรวจหลายนายนี้
สายตาปะทะกัน ตำรวจเหล่านั้นสีหน้าทั้งตกใจทั้งโกรธเคือง
พวกเขาคิดไม่ออกว่าเฉินเป่ยทำอย่างไรถึงระเบิดพลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ คนทั่วไปย่อมไม่อาจจะครอบครองกำลังน่าหวาดกลัวแบบนี้ได้!
ก่อนหน้านี้เฉินเป่ยไม่ได้แสดงความแปลกประหลาดออกมาสักนิด……ผลสุดท้ายตอนนี้ความจริงกลับตอกหน้าอย่างบ้าคลั่ง
“หยุดนะ ไสหัวกลับไป!” ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งในนั้นมีปฏิกิริยากลับมา ควักปืนพกออกมาทันที เล็งไว้ที่เฉินเป่ย พร้อมทั้งตะโกนเสียงดุ
เสียงตะโกนของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมาติดๆ ทำให้ตำรวจนายอื่นสะดุ้งตกใจ ค่อยๆ มีการตอบสนองกลับมา เสมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
เฉินเป่ยมีกำลังที่สยองขวัญแบบนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเด็ดขาด ซึ่งพอที่จะกระตุ้นให้พวกเขาตกใจและให้ความสำคัญ
พวกเขาแต่ละคนสีหน้าเคร่งขรึม ปากกระบอกปืนล็อกที่ศีรษะของเฉินเป่ยอย่างแม่นยำ เฉินเป่ยยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขากลับแน่นิ่งอย่างมาก แต่ทว่าเป็นพวกเขาเองที่ประหม่าแทบไม่ไหว
เฉินเป่ยโดนปากกระบอกปืนดำแต่ละอันจ่อไว้ ไม่มีความประหม่าสักนิดเดียว เขาเคยเจอคลื่นลมที่ไม่สงบของสังคมมามากเหลือเกิน เดิมทีตำรวจเหล่านี้ไม่เข้าใจว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นบุคคลพิเศษที่เคยเดินเล่นสบายอารมณ์ในห่ากระสุนมาก่อน เป็นผู้ชายที่อยู่ยอดสุดของพีระมิดบนโลกนี้!
ปืนพกพวกนี้เดิมทีล้วนยากที่จะสร้างการคุกคามต่อเฉินเป่ยได้ แม้กระทั่งเฉินเป่ยยังเพิกเฉยต่อปืนพกพวกนี้โดยอัตโนมัติ
มุมปากเฉินเป่ยยกเส้นรัศมีวงกลมขึ้น บอกว่า “ก่อนหน้านี้ใครเป็นคนบอกว่าจะยืนกลับหัวกินขี้ ก้าวออกมา”
ในใจเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้นสั่นสะเทือน เฉินเป่ยที่อยู่ในสถานการณ์ที่โดนปืนจ่อหลายกระบอกขนาดนั้น บุคลิกกลับไม่ลดลง ทว่าร้องตะโกนไปทางตำรวจนายหนึ่งในนั้น
นี่คือความกล้าหาญชาญชัยระดับไหน แม้กระทั่งพวกเขายังรับรู้ได้ถึงการเหยียดหยามกลายๆ ที่โดนเพิกเฉย โดยเฉพาะคำพูดเมื่อครู่ของพวกเขาต่างโดนเฉินเป่ยมองเป็นลมผ่านหูไป
“ยังกลับไปไม่ได้ ยิงตายที่นี่ซะ!” เจ้าหน้าที่ตำรวจหนึ่งในนั้นรวบรวมความกล้าขึ้น ก้าวเท้าออกมา ทันใดนั้นเอาปากกระบอกปืนไปที่หน้าผากของเฉินเป่ย
เฉินเป่ยหัวเราะเบาๆ “ยิงตาย? มาๆๆ รีบยิงให้ตายเลย ฉันกำลังรอจนแทบไม่ไหวแล้ว……”
ตำรวจหลายนายด้านหลังจมสู่ความเงียบงัน……เฉินเป่ยประมาทเหลือเกิน……ไม่กลัวอะไรอย่างยิ่ง
ทันใดนั้นเฉินเป่ยสีหน้าแข็งกร้าว ยื่นมือข้างหนึ่งราวกับฟ้าแลบ หลบผ่านปืนในมือของตำรวจ มือทั้งสองพลิกฉับไว เศษเงาแวบผ่าน……ได้ยินเพียงเสียงก๊อกแก๊กดังกังวานขึ้นมา ชั่วขณะเดียวปืนพกในมือของตำรวจนายนั้นก็เปลี่ยนเป็นอะไหล่นับชิ้นไม่ถ้วน ไหลลื่นจากในมือของเฉินเป่ย กระทบลงบนพื้น
ทั้งหมดกระบวนการเป็นแค่เรื่องชั่วพริบตาเดียว
ตำรวจนายนั้นเงยหน้า มองทางเฉินเป่ย สีหน้าตกตะลึง ราวกับเจอผีเข้าให้!
เฉินเป่ยล้วงมือทั้งสองในกระเป๋ากางเกง เขาเผยฝีมือนี้ ทำให้ทุกคนตะลึงค้างกันไป ไม่มีใครที่มองการกระทำเมื่อสักครู่ของเขาได้ชัดเจน มือที่ถือปืนของตำรวจหลายนายในนั้นล้วนกำลังสั่นเทาเบาๆ
“ช้าเกินไป แก่แล้วใช้การไม่ได้” เฉินเป่ยส่ายๆ หน้า พูดทอดถอนใจ คลำบุหรี่มวนหนึ่งออกมาดูดไว้ในปาก
ส่วนตำรวจเหล่านี้ที่อยู่ด้านหน้าเฉินเป่ย พอได้ยินคำพูดนี้ของเฉินเป่ยก็โดนฟ้าผ่าชั่วขณะนั้นแล้ว ตกใจจนซวนเซ ปืนที่อยู่ในมือเกือบตกลงที่พื้น
พวกเขาต่างไม่ได้มองเห็นการกระทำของเฉินเป่ยกระจ่างนัก เมื่อสักครู่เฉินเป่ยรื้อปืนพกทิ้ง……ใช้เวลามากที่สุดเพียงวินาทีหนึ่ง ผลลัพธ์จากในปากเฉินเป่ยพูดออกมา คาดไม่ถึงยังช้าอยู่?
นั่นแสดงว่าความเร็วจากในปากเฉินเป่ยคงจะเร็วมาก?
“เล่นพอรึยัง?” เฉินเป่ยกวาดตามองตำรวจเหล่านี้ทีหนึ่ง ทันใดนั้นสีหน้าเย็นชา ดวงตาทั้งสองยิงสะท้อนความหนาวเหน็บออกมา พูดตะโกน “เล่นพอแล้วก็เข้าไปให้ฉัน”
“ไม่อย่างนั้นฉันจะให้พวกแกมีความสุขมากๆ” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ ทำให้ร่างกายตำรวจหลายนายนี้ หนาวเย็น เดินเข้าไปในห้องขังนั้นโดยไม่รู้ตัว
ตำรวจเหล่านี้ตกใจจนฉี่ใกล้จะราด สั่นเทาไปทั้งตัว ในสายตาของพวกเขา เฉินเป่ยสะบัดตัวเปลี่ยนจากคนธรรมดาคนหนึ่ง กลายเป็นการมีตัวตนที่ราวกับปีศาจตนหนึ่ง
และในเวลานี้มีเสียงฝีเท้าติดๆ กันจากหัวระเบียงทางเดินเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
เฉินเป่ยหันหน้า เห็นเพียงผู้กำกับพาชิงเหนียนเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
เฉินเป่ยดูดบุหรี่อยู่ หลังจากพ่นควันบุหรี่ออกมา ขยับเข้ามาใกล้ ยิ้มบอก “ในที่สุดก็มาแล้ว รอนายตั้งนาน”
ผู้กำกับมองเฉินเป่ยที่สง่าเป็นอิสระ ถลึงดวงตาโต “เฉิน……เฉินเป่ย นายออกมาได้ยังไง?”
“ใช้ลูกเล่นเล็กๆ เท่านั้น” เฉินเป่ยตอบกลับนิ่งๆ
“ผมหาคนเจอแล้ว จะพาไปแล้วนะ” ชิงเหนียนบอกไป
“รอก่อน……คุณพาคนไปแล้ว……ผมก็ไม่ง่ายจะรายงานกับตระกูลหวงสิ” ผู้กำกับสีหน้ากระอักกระอ่วน พูดด้วยถ้อยคำระมัดระวัง “เรื่องนี้ต้องหัวหลุดแน่ ผมยังอยากมีชีวิตอีกหลายปี……”
“เอาอันนี้ให้ตระกูลหวง บอกพวกเขาว่าต่อไปให้อยู่เฉยๆ ไว้หน่อย……” ชิงเหนียนหยิบเหรียญหนึ่งเหรียญออกจากในกระเป๋าเสื้อ โยนให้ผู้กำกับ
ผู้กำกับรับเหรียญไว้ กวาดสายตา ในใจนึกสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเหรียญเพียงเหรียญเดียวจะสามารถทำให้ตระกูลหวงอยู่เฉยลงได้……
เขากึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ตอนที่เงยหน้ากลับพบว่าเฉินเป่ยและชิงเหนียนออกไปตั้งนานแล้ว
ผู้กำกับถือเหรียญไว้เดินใกล้ห้องขัง ทันใดนั้นเขาสีหน้าแข็งทื่อ มองตำรวจหลายนายที่อยู่ในห้องขังไปเฉยๆ มึนงงอย่างมาก……
…………
หลังจากโรลส์-รอยซ์แฟนทอมขับออกจากสถานีตำรวจ ชิงเหนียนขับรถไปด้วย พูดกับเฉินเป่ยไปด้วย “ลูกพี่ ทำเอาผมร้อนใจแทบแย่เลย ช่วงที่ผมนอนหลับนิดเดียว พี่ก็เข้าไปแล้ว ทำเอาผมหาพี่หามาตั้งนาน……”
เฉินเป่ยนั่งอยู่แถวหลัง สายตาส่องไปนอกหน้าต่าง บอกว่า “นายนอนหลับนี่นอนกับสาวล่ะมั้ง?”
ชิงเหนียนหน้าแดง ไอแห้งสองสามทีอย่างกระอักกระอ่วน สายตาสับสน “อะไรกัน นี่ไม่ใช่ประเด็น……”
“ลูกพี่ ความจริงพี่ไม่ต้องเข้าไปก็ได้” ชิงเหนียนพูดขึ้น
เฉินเป่ยพยักหน้า “ฉันก็แค่อยากดูหน่อยว่าตระกูลหวงในปัจจุบันจะใช้ลูกไม้อะไรมาจัดการฉัน” เฉินเป่ยถอนหายใจเบาๆ “เพียงแต่ฉันนึกไม่ถึงว่าตระกูลหวงในตอนนี้ตกต่ำตั้งนานแล้ว ห่างไกลไม่ใช่ตระกูลทองในตอนแรกแล้ว……”
หลังฟังเฉินเป่ยพูดจบ ชิงเหนียนหลุดปากด่ายกใหญ่ “เชี่ย คนพวกนี้ช่างหน้าไม่อายจริงๆ เลย ยาพิษยังวางลงมาได้ ดูถูกลูกพี่เกินไปแล้ว”
ชิงเหนียนรู้จักเฉินเป่ยอย่างมาก ถึงแม้เฉินเป่ยจะรับยาพิษเข้าไปจริง……เฉินเป่ยก็สามารถหายาแก้ด้วยตนเองได้
เฉินเป่ยหัวเราะเยาะ “เพียงแต่ตอนนี้กลัวว่าจะทำให้เขาผิดหวังแล้วสิ”
…………
หวงจ้านนั่งอยู่ในห้องทำงานผู้กำกับ กำลังดื่มด่ำชาอู่หลงที่ผู้กำกับชงให้ด้วยตนเอง
กลิ่นชาหอมคละคลุ้ง หวงจ้านหลับตาทั้งสองไว้ ยกแก้วชาดมกลิ่นหอมของชาเบาๆ กลับทำให้ผู้กำกับไม่กล้าประมาท สำรวจท่าทางสีหน้าของหวงจ้านอย่างละเอียด ในใจนึกประหม่า
หวงจ้านหลับตาไว้ จิบน้ำชาสีแดงอึกหนึ่ง หวนนึกถึงความหอมหวานของน้ำชา ค่อยๆ ถอนหายใจออกยาวๆ
“เฉินเป่ยเจ้าตัวล่ะ?” ทันใดนั้นเขาเอ่ยปากถามขึ้น ทำให้ในใจผู้กำกับเต้นรัว
“เขา……” ผู้กำกับสีหน้าลังเล บอกว่า “เขาถูกพาไปแล้วครับ”
ซ่า!
พอคำพูดนี้ของผู้กำกับออกไป หวงจ้านลืมตาขึ้นทันใด มองทางผู้กำกับ สีหน้าหนาวเหน็บ เผยแรงอาฆาตที่ไม่ปกปิดสักนิด
ในใจผู้กำกับเต้นแรง หยุดหายใจหลายรอบ บนตัวหวงจ้านระเบิดแรงกดดันออกมา ทำให้เขาเพียงรู้สึกยากจะหายใจ
“นายพูดว่าอะไรนะ?” หวงจ้านเอ่ยปาก เสียงเย็นเฉียบ เสียงนั้นราวกับลอยมาจากนรก!
“เขาโดนชายหนุ่มคนหนึ่งพาไปแล้ว……” ผู้กำกับยังไม่ทันพูดจบ หวงจ้านก็ทนไม่ไหวตบบนหน้าเขาไปทีหนึ่ง
“ป๊าบ!”
โต๊ะแตกเป็นเสี่ยงๆ ผู้กำกับกระเด็นออกมา กระแทกบนพื้นอย่างแรง
ผู้กำกับจับแก้มที่แดงเลือดไว้ รีบล้วงเหรียญในกระเป๋าออกมาทันที “เขาบอกว่าให้เอาอันนี้ให้คุณครับ”
ฝีเท้าหวงจ้านชะงัก สายตาของเขาตกที่เหรียญในมือผู้กำกับ สีหน้าเผยความกลัวตกใจออกมากะทันหัน