สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 228
เนื่องจาก ACC Google Drive บินไปหลาย Email
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่228 คุณธรรมสยบคน!
ในตึกอาคารบริษัทตระกูลหลี ในชั้นออฟฟิศ มีเรือนร่างที่สะสวยอันหนึ่งกำลังเหยียบรองเท้าส้นสูงชั้นดีเดินมา แล้วกำลังรีบสาวเท้าออกจากระเบียงโดยเร็ว ภายในใจรู้สึกกระวนกระวายเหมือนถูกไฟแผดเผา ใบหน้าที่ขาวผ่องอันสะสวยไร้ที่ติของเธอเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
หลังจากที่หลินเฉว่ตามติดๆ อยู่ข้างหลัง สีหน้าของเธอก็เคร่งขรึมเหมือนกัน……เพราะว่าครั้งนี้ แขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือน และผู้ที่มาเยือนนั้นไม่เป็นมิตร!
หลีชิงเยียนกับหลินเฉว่เดินพุ่งเข้าไปในลิฟต์ หลีชิงเยียนยืนอยู่ในลิฟต์ นัยน์ตาที่กระวนกระวายกำลังจับจ้องตัวเลขในจอลิฟต์ที่ยิ่งอยู่ยิ่งเล็กลง เหมือนดั่งมดที่อยู่ในหม้อเดือด ทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายจนทนไม่ไหวแล้ว
จนกว่าประตูลิฟต์ค่อยๆ เปิดออก หลีชิงเยียนพุ่งออกจากลิฟต์ทันที แล้วขมวดคิ้วขึ้น
ส่วนหลินเฉว่ ก็ได้ปิดปากและจมูกเอาไว้
ฝุ่นควันอันหนาฟุ้งกระจายอยู่บนอากาศและกำลังลอยมาที่พวกเธอ ทันใดนั้นก็ปกคลุมพวกเธอไว้
“ท่านประธานหลีมาแล้ว”
และไม่รู้ว่าใครที่ตะโกนเรียกขึ้น ทันใดนั้น พนักงานหลายๆ คนของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปก็อยู่รวมตัวกัน แล้วก็บอกเตือนขึ้น “ท่านประธานหลีคะ อย่าเข้าไปเด็ดขาด”
“ท่านประธานหลี ในนั้นเมื่อครู่นี้คนสองคนนั้นสู้กันโหดเหี้ยมเกินไป ท่านเข้าไปตอนนี้ อาจจะได้รับบาดเจ็บ! ”
จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และภายในใจของหลีชิงเยียน และภายในใจของหลีชิงเยียน จู่ๆ ใจกระดอนขึ้นมาถึงลำคอ
ดวงตาคู่สวยของหลีชิงเยียนจับจ้องเรือนร่างที่อยู่ท่ามกลางฝุ่นควัน ใบหน้าที่สวยไร้ที่ติเผยความกระวนกระวายออกมาหนักกว่าเดิม
ความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอมีต่อเฉินเป่ยในก่อนหน้านี้ก็หายไปทันที……แม้กระทั่งเธอเองก็ยังไม่รู้ตัว เธอรู้สึกเป็นห่วงเฉินเป่ยมากๆ!
เฉินเป่ยเป็นคนคนหนึ่งที่ไม่เก่งด้านการต่อสู้ และคนที่จะมาทำลายที่นี่ ต้องมีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งแน่นอน……เฉินเป่ยกับคนคนนั้นต่อสู้กัน ไม่มีทางชนะอยู่แล้ว แล้วยังจะตกอับอีกด้วย!
หลีชิงเยียนรู้สึกกระวนกระวายภายในใจมาก……เฉินเป่ย คุณห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด!
“ฉันว่าล่ะ ให้เขามาจัดการเรื่องนี้ ก็ถือว่าเอาร่างกายไปให้เสือเป็นอาหาร! ” หลีชิงเยียนพูดกับหลินเฉว่ที่อยู่ข้างๆ
หลินเฉว่ยืนอยู่ข้างหลีชิงเยียนแล้วพูดไม่จา…….ดวงตาคู่สวยมองไปยังเฉินเป่ยที่อยู่ท่ามกลางฝุ่นควัน นัยน์ตาที่เดี๋ยวเผยความกังวลใจออกมา เดี๋ยวก็เผยความรู้สึกอิจฉาออกมา……เธอรู้สึกอิจฉามาก เฉินเป่ยดูไม่ลึกลับซับซ้อน ทว่าบนเรือนร่างกลับมีเสน่ห์เฉพาะตัวอยู่หนึ่งแบบ ต่อให้หลีชิงเยียนจะเป็นเทพธิดาชั้นเยี่ยม ก็ไม่สามารถต่อต้านได้!
จู่ๆ ในท่ามกลางผู้คนก็มีเสียงตะโกนขึ้นอย่างตกใจ เรือนร่างสองร่างเดินออกมาจากควันทันที และเรือนร่างยิ่งอยู่ยิ่งชัดเจน!
หลีชิงเยียนไม่สามารถควบคุมตัวเองอยู่อีกต่อไป เธอสาวเท้าก้าวใหญ่ แล้วเหยียบส้นสูงเดินเข้าไปในฝุ่นควันด้วยความรีบเร่ง!
อาคารบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเป็นระบบที่ระบายอากาศและรวมไปถึงพลังดูดควันที่ดีเยี่ยม ทำให้ฝุ่นควันค่อยๆ หายไป ใบหน้าของเฉินเป่ยและท่านผู้อาวุโสก็ยิ่งอยู่ยิ่งชัดเจนขึ้นมา!
“ท่านประธานหลี ช้าหน่อย ระวังหกล้ม! ” หลินเฉว่ตามติดอยู่ข้างหลัง แล้วบอกเตือนด้วยเสียงอันเสนาะหู
ทว่าหลินเฉว่ก็บอกเตือนสายเกินไป หลีชิงเยียนใส่ส้นสูงไว้ ทีแรกก็หนีได้ไม่เร็วอยู่แล้ว ทว่าหลีชิงเยียนกลับวิ่งสุดชีวิตอย่างดื้อรั้น พอวิ่งไปไม่นาน หลีชิงเยียนก็ยืนไม่นิ่ง จึงล้มลงบนพื้นทันที!
และกลุ่มคนก็ตะโกนออกเสียงอย่างตกใจ ใบหน้าของหลีชิงเยียนซีดขาวทันที ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายความกระวนกระวายออกมา!
และในตอนนี้ จู่ๆ ก็มีมือใหญ่อันอบอุ่นคู่หนึ่งมาอุ้มเรือนร่างที่ผอมเพรียวของหลีชิงเยียนไว้ แล้วพยุงหลีชิงเยียนขึ้นมา
หลีชิงเยียนหันไปมอง ก็เห็นเฉินเป่ย ใบหน้าอ่อนเยาว์จึงเปล่งประกายความดีใจออกมา
เฉินเป่ยสบายดี ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น และสามารถปรากฏตรงหน้าเธอด้วยความปลอดภัย
หลินเฉว่มองไม่ชัดเจนว่าเฉินเป่ยปรากฏตัวตรงด้านหลังของหลีชิงเยียนยังไง ทุกคนแค่เห็นว่ามีเงาของคนคนหนึ่งแวบผ่าน จากนั้นเฉินเป่ยก็ประคองหลีชิงเยียนไว้
ทว่าหลินเฉว่กับทุกคนก็รู้สึกโล่งอก หลีชิงเยียนเป็นดอกไม้ของบริษัท……ถ้าเกิดหลีชิงเยียนเป็นอะไรขึ้นมา แล้วทำให้ใบหน้าต้องโฉม……ไม่รู้ว่าพนังกานชายมากเท่าไหร่จะรู้สึกบ้า!
“ชิงเยียน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? ” เฉินเป่ยเอ่ยถาม
“ฉันไม่เป็นไร” หลีชิงเยียนส่ายหน้า แล้วภายในใจที่รู้สึกไม่สบายใจ หัวใจที่เต้นแรงก็ค่อยๆ ช้าลง
“ไม่เป็นไรก็ดี” เฉินเป่ยพยักหน้า จู่ๆ ก็ใบหน้าของหลีชิงเยียนก็จับตัวเป็นก้อน เพราะว่าจุดสูงตระหง่านของเธอมีความรู้สึกที่แปลกประหลาดส่งมา
หลีชิงเยียนก้มหน้าลง แล้วกวาดมองหน้าอกที่ขาวและอวบอิ่ม…..ทันใดนั้น นัยน์ตาคู่สวยจึงดูเกร็งขึ้นมาทันที!
วินาทีต่อมา ใบหน้าของหลีชิงเยียนก็มีน้ำแข็งปกคลุม…..สีหน้าเย็นชา นัยน์ตาคู่นั้นเปล่งประกายความเป็นมิตรออกมา
เพราะว่า ถึงแม้ว่าเฉินเป่ยจะพยุงเธอ……ทว่าตำแหน่งที่สองมือวางไว้……ได้ผ่านการลิ้มลองอย่างละเอียด จุดสูงตระหง่านนั้น กลายเป็นเป็นทิวทัศน์ที่ทำให้ดึงดูหลายๆ คนจริงๆ
ไม่เพียงแต่แบบนี้ เมื่อกี้หลีชิงเยียนไม่ได้สังเกตเห็น สองมือของเฉินเป่ย……กลับยังขยับอย่างร้ายแรง!
หลีชิงเยียนที่รู้สึกซาบซึ้งในการกระทำของเฉินเป่ยก็หายไปทันที เธอไม่พูดไม่จา แล้วจับจ้องมือของเฉินเป่ย สีหน้าดูเย็นชา
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบกริบ หลินเฉว่ที่อยู่ข้างๆ พอเห็นฉากฉากนี้ ใบหน้าก็จับตัวเป็นก้อนทันที ทันใดนั้นก็เคล้าด้วยเมฆสีแดงเข้ม แดงเหมือนถูกเปลวไฟแผดเผา
ฉากฉากนี้ ไม่สามารถอธิบายออกมาได้……หลินเฉว่หมุนตัวไป จากนั้นก็จากไปด้วยสีหน้าที่แดงก่ำโดยเร็ว
และพนักงานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปที่มุมล้อมเหล่านั้น หลังจากที่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลินเฉว่ แต่ละคนต่างก็มองไปยังที่ๆ หลินเฉว่มองไปเมื่อครู่นี้ ก็เห็นมือของเฉินเป่ยไปวางตรงที่ไม่ควรวาง
วินาทีต่อมา……มีพนักงานชายนับไม่ถ้วนหายใจแรง นัยน์ตาเคล้าด้วยความดุเดือด แต่ละคนเหมือนดั่งสิงโตตัวผู้ที่ใกล้จะโมโห!
พนักงานหญิงมากมายปิดตาของตัวเองเอาไว้ ฉากฉากนี้……ไม่สามารถมองต่อไปจริงๆ!
จู่ๆ เฉินเป่ยก็ทำสีหน้าที่เปลี่ยนไป พนักงานชายแต่ละคนต่างก็จับจ้องเฉินเป่ยความโมโห เหมือนกำลังจะถลกหนังเฉินเป่ยออก!
หน้าผากของเฉินเป่ยเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น หลีชิงเยียนเป็นเทพธิดาในดวงใจของพนักงานชายเหล่านี้ ท่าทางนั้นที่เขาทำเมื่อกี้นี้ เท่ากับว่าเป็นการทำให้ร่างกายต้องแปดเปื้อน!
พนักงานชายเหล่านี้ไม่โมโหและไม่เกลียดชังก็คงเป็นเรื่องแปลก!
แม่งเอ่ย…….ภายในของเฉินเป่ยก็แอบก่นด่า และรู้สึกขุ่นเคืองใจจนปางตาย……หลีชิงเยียนเป็นผู้หญิงของเขา จะโกรธก็ต้องเป็นหลีชิงเยียนที่เป็นคนโกรธ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคนพวกนี้……ต่อให้พวกเขารู้สึกโกรธมากแค่ไหน ก็คงไม่มีประโยชน์!
“ยังจับไม่พออีกหรอ? ” หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่เย็นชา แล้วก็พูดด้วยความเลือดเย็น
เฉินเป่ยจึงรีบปล่อยมือทันที แล้วมองไปยังหลีชิงเยียนพร้อมยิ้มพูดอย่างไม่จบ “มือลั่น……มือลั่น…….”
หลีชิงเยียนเหลือบมองด้วยความเย็นชาเพียงพริบตาเดียว เธอจะเชื่อคำพูดเจ้าเล่ห์ของเฉินเป่ยยังไง ต่อให้มือลั่น…….วางไว้ตรงไหนไม่วาง กลับวางไว้ตรงนั้นอย่างไม่เอียงไปไหน?
หลีชิงเยียนหมุนหัว หลังจากที่กวาดมองเพียงพริบตา นัยน์ตาจับจ้องไปยังท่านผู้อาวุโสตระกูลหวัง นัยน์ตาคู่สวยจึงหดลงทันที!
หลีชิงเยียนจึงเผยสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา เธอนึกไม่ถึง กลับเกิดผลสรุปแบบนี้!
ท่านผู้อาวุโสของตระกูลหวังสวมใส่ชุดยาวที่เป็นแฮนเมดชั้นดี ตอนนี้สภาพดูบุโรทั่ง และแปดเปื้อนด้วยเลือด……เคราทิ้งคราบเลือดไว้ไม่น้อย……ท่านผู้อาวุโสของตระกูลหวังในตอนนี้ ดูๆ แล้วเหมือนไม่เหลือสภาพที่เหนือกว่าคนอื่นเหมือนดั่งปกติเลย เขาในตอนนี้ ดูๆ แล้วกลับรันทด แตกต่างจากความเย่อหยิ่งที่เคยสังหารคนเมื่อก่อนหน้านี้อย่างมาก
และเฉินเป่ย ถึงแม้จะมีสภาพที่เลอะเทอะ ทว่ากลับปลอดภัยไม่เป็นไร แตกต่างจากท่านผู้อาวุโสของตระกูลหวังเหมือนฟ้ากับดิน
เวลานี้ต่อให้เป็นไอ้โง่ก็ดูออก ทั้งสองที่ต่อสู้กันในฝุ่นควันก็ได้จบลงและได้ผลสรุปแล้ว
ทุกคนต่างก็อยู่ในความเงียบสงบ สงบจนน่ากลัว ใครก็นึกไม่ถึง เฉินเป่ย……ลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลหลีคนหนึ่ง กลับสามารถจัดการกับผู้เฒ่าลึกลับที่จะมาทำลายที่นี่คนนี้!
ผู้เฒ่าคนนี้ดูเหมือนมีที่มาที่ยิ่งใหญ่มาก ทว่ากลับไม่ใช่คู่แข่งของเฉินเป่ย!
พนักงานของเคยเห็นถึงความสามารถอันน่ากลัวของท่านผู้อาวุโสของตระกูลหวังก็ยิ่งขึงตาโตและอ้าปากค้าง ในความทรงจำของพวกเขา ผู้เฒ่าท่านนี้ แทบจะสามารถคงอยู่ได้โดยที่ต้องได้รับชัยชนะ……สุดท้าย เฉินเป่ยกลับไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เป็นผู้เฒ่า ที่ดูรันทดจนสิ้นสภาพ
ต่อให้เป็นหลีชิงเยียนก็นึกไม่ถึง หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ย นัยน์ตาคู่สวยกะพริบเบาๆ แล้วถามด้วยเสียงแข็ง “นายต่อสู้เก่งมากหรอ? ”
เฉินเป่ยตกตะลึง แล้วพูดขึ้น “ไม่เก่งหนิ” เฉินเป่ยหันไปมองท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังเพียงชั่วพริบตา แล้วยิ้มพูดขึ้น “ผมแค่ใช้คุณธรรมสยบคน”
หลีชิงเยียนได้ยิน ใบหน้าจึงจับตัวเป็นก้อนทันที นัยน์ตาคู่สวยดูเย้ยหยันเล็กน้อย…..และพอพนักงานที่มุมดูเหล่านั้นได้ยินคำพูดนี้ ก็ยิ่งกระตุกมุมปากขึ้น นัยน์ตาเคล้าด้วยการดูหมิ่น
เห็นว่าคนอื่นเป็นตาบอดหรือไง คุณธรรมสยบคน……สุดท้ายก็สั่งสอนผู้อาวุโสตระกูลหวังให้เป็นสภาพแบบนี้…..นี่เป็นคุณธรรมการต่อสู้ที่พิเศษมากจริงๆ!
ท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังมองไปยังเฉินเป่ย สีหน้าของเขาดูแย่เขียวซีดมาก เขาไม่สามารถยอมรับได้……ตัวเองกลับพ่ายแพ้ให้กับไอ้หมอนี้ที่เป็นคนอันธพาลแบบนี้!
เขาไม่เคยนึกมาก่อน…..ตัวเองจะพ่ายแพ้! เขาคือเทพที่ไม่เคยแพ้ที่โด่งดังของตระกูลหวัง และมีศัตรูที่เป็นคู่แข่งน้อยมาก สุดท้ายในบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเล็กๆ นี้ กลับมีคนคนหนึ่งปรากฏ แล้วจู่โจมเขาแพ้อย่างง่ายดาย!
คนคนนี้ เป็นลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลหลีที่เขาดูถูก! เป็นไอ้สวะที่รักสบายคนหนึ่ง!
ตอนนี้ถ้าส่งข่าวกลับไปที่ตระกูลหวัง ใบหน้าอันเหี่ยวย่นนี้ของเขา…..แทบจะรักษาไว้ไม่อยู่!
ท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังกัดฟัน สายตาที่มองเฉินเป่ยเหมือนดั่งคมดาบ แทบจะทิ่มแทงตัวของเฉินเป่ยให้เป็นรูเป็นร้อยเป็นพันรู จึงทำให้เขารู้สึกพอใจ!
“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก? ” เฉินเป่ยสังเกตเห็นสายตาของท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังไม่ขยับไปไหน สีหน้าจึงเผยความอดทนไม่ไหว แล้วพูดด้วยความเย็นชา
เขามาหาเฉินเป่ยเพื่อที่จะคิดบัญชีให้เคลียร์ อยากจะมาสั่งสอนเฉินเป่ย กลับนึกไม่ถึงว่าจะถูกเฉินเป่ยสั่งสอน นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่เย้ยหยันเขามากที่สุด!
ท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังหันหลัง จากนั้นก็เดินจากไปด้วยขาที่กะเผลก เรือนร่างดัานหลังดูเยือกเย็น เหมือนคนแก่โดดเดี่ยวมากมาย
หลีชิงเยียนมองเรือนร่างนั้น ภายในใจจึงรู้สึกไม่พอใจ ขาข้างหนึ่งก้าวออก แล้วอยากจะเดินเข้าไปรั้งท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังไว้ เพื่อที่จะถามเหตุใดไว้อย่างชัดเจน
จู่ๆ เฉินเป่ยก็ดึงหลีชิงเยียนไว้ แล้วถามขึ้น “คุณยังอยากจะเรียกเขากลับมาอีกหรอ? ยังรู้สึกเขาได้ทำลายที่นี่ไม่มากพอใช่ไหม? ”
หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่ซับซ้อน แล้วมองเรือนร่างนั้น “ฉันแค่รู้สึกว่าเขาน่าสงสาร”
“น่าสงสาร? “เฉินเป่ยตะลึงงัน จู่ๆ ก็พูดขึ้น แล้วมองไปยังเรือนร่างที่ไปไกลของท่านผู้อาวุโสตระกูลหวัง นัยน์ตาลุ่มลึก แล้วพูดด้วยเสียงนิ่งเฉย “มีคำคำนี้พูดได้ดี คนที่น่าสงสาร ก็ต้องมีจุดที่ทำให้รู้สึกเกลียด…..คุณไม่เจอเห็นด้วยซ้ำว่าเขาเคยทำอะไรมาบ้าง ทำไมถึงรู้สึกว่าเขาน่าสงสารล่ะ? ”
หลีชิงเยียนส่ายหัว แล้วมองไปยังเฉินเป่ย “นายมีประสบการณ์มากหรอ”
เฉินเป่ยกระตุกมุมปากแล้วเผยยิ้มที่เย้ยหยันตัวเองออกมา……แน่นอนว่าต้องมีประสบการณ์อยู่แล้ว ตอนนั้นตอนที่เขาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ แม้แต่ความผิดที่ถูกใส่ร้ายกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรมก็ยังไม่มีใครช่วยเขายื่นเลย!
และตอนนี้ ท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังน่าสงสารตรงไหน? เขามีตระกูลคอยหนุนหลัง…..ส่วนเฉินเป่ย ตอนนั้นอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีที่พึ่งพา จึงต้องพึ่งพามือคู่หนึ่ง ทำให้สร้างชัยชนะและความสำเร็จในตอนนี้!
“เขามาทำอะไรกันแน่? ” หลีชิงเยียนถามขึ้น
“ศัตรูที่เป็นคู่แข่งส่งมาน่ะสิ แล้วยังมาทำอะไรได้อีก” เฉินเป่ยก็ได้โกหกหลีชิงเยียน แน่นอนว่าเขาต้องไม่บอกหลีชิงเยียน…..เรื่องเป้าหมายที่แท้จริงของท่านผู้อาวุโสตระกูลหวัง
…….
เรือนร่างที่เลือดเย็นคนหนึ่งเดินขึ้นบันได แล้วก็เดินขึ้นไปทีละก้าว ในเดินเข้าไปในบ้านสุดหรู
คนในตระกูลหวังแต่ละคนต่างก็มองเรือนร่างที่เยือกเย็น ทันใดนั้นก็เหมือนถูกคลื่นน้ำปกคลุมเอาไว้
“ท่านผู้อาวุโส ท่านเป็นอะไรไป? เหตุใดทั้งเรือนร่างถึงเต็มไปด้วยเลือด? ”
“ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่ได้ไปบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปหรอ? หรือว่าระหว่างทางจะเจอกับนักฆ่า?”
” ท่านผู้อาวุโส……บอร์ดี้การ์ดของตระกูลหลียังอยู่ที่บ้าน การเดินทางครั้งนี้ของท่านคงจะราบรื่นโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ทำไมถึงไม่ได้พาหลีชิงเยียนและเอ๋อตงเฉินกลับมา”
คนของตระกูลหวังแต่ละคนต่างก็ถามขึ้นด้วยความวุ่นวาย ทุกคนของตระกูลหวัง มองท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังด้วยความแปลกใจ ภายในใจยากที่จะสงบสุข
ครั้งแรกที่พวกเขาเห็นท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังที่มีความสามารถที่เหนือกว่าคนปกติ เรือนร่างแปดเปื้อนด้วยเลือด สีหน้าดูซับซ้อน และดูตื่นตระหนก
แตกต่างจากที่นิ่งสงบและดูสง่าผ่าเผยเหมือนปกติเป็นอย่างมาก
ท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังเดินไปข้างหน้าจนกว่าเดินไปถึงนอกระเบียง และคนของตระกูลหวังต่างก็เดินตามเขาไปติดๆ และไม่มีแยกย้าย
“ฉันจะเก็บตัวถือศีล……ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเรื่องของตระกูลหวัง ฉันไม่ถามไถ่สักอย่าง ทุกอย่างมอบให้กับเจ้าแห่งตระกูลและท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังคนอื่นๆ ” ท่านผู้อาวุโสตระกูลหวังพูดด้วยเสียงแหบพร่า และเดินเข้าไปในห้องด้วยความเหน็ดเหนื่อย ทิ้งไว้แต่เพียงคนในตระกูลหวังมากมายที่ยืนอยู่นอกประตู แล้วต่างก็มองหน้ากัน และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้