สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 233
บทที่233 ล้อมฆ่า
หลังจากหลีชิงเยียนกลับมาถึงห้องทำงานก็โมโหเดือดดาล ใบหน้างดงามหนาวเหน็บราวน้ำค้างแข็งมีความแค้นเคืองอยู่ จากนั้นนั่งลงมา
หลินเฉว่รีบเดินเข้ามาแล้ว มองทางหลีชิงเยียนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ จึงถามอย่างห่วงใย “ประธานหลีคะ มีอะไรเหรอคะ?”
หลังหลีชิงเยียนเล่าต้นสายปลายเหตุออกมาหมด ใบหน้าของหลินเฉว่ก็เผยความอึดอัดออกมา ไม่กล้าตัดสินวิจารณ์
ผ่านไปตั้งนานหลินเฉว่ถึงค่อยๆ เอ่ยปากบอก “ประธานหลีคะ งั้นพวกเราไม่สู้ฟังท่านประธานกรรมการดูสักครั้งล่ะคะ ลองเชื่อใจประธานเฉินดูหน่อย ท่านประธานกรรมการทำแบบนี้ น่าจะมีเหตุผลของเขา…..”
หลินเฉว่ยังพูดไม่ทันจบ ในสมองของหลีชิงเยียนปรากฏภาพคืนนั้นขึ้น ฉากที่หลีหยางกับเฉินเป่ยคุยกันอย่างถูกคอจนไม่สนใจเธอ จึงพูดขัดจังหวะขึ้นด้วยเสียงหนาวเย็น “เขามีเหตุผลอะไรกัน เว้นแต่ว่าโดนเจ้าคนอันธพาลนั้นประจบประแจงมีความสุขจนตัวลอย โดนเขาหลอกเอาจนไม่ไหว พอไม่มีสติก็เชื่อเขาไปแล้ว”
หลินเฉว่เห็นหลีชิงเยียนกำลังโกรธจัด ทำอย่างไรก็ไม่ยอมฟัง ใบหน้าที่บริสุทธิ์ราวกับนางฟ้าปรากฏความจำใจ ทำได้เพียงค่อยๆ ถอยออกจากห้องทำงาน ไม่รบกวนหลีชิงเยียนอีก
…………
พลบค่ำของสามวันต่อมา
รถไมบัคจอดอยู่ที่ลานกว้างด้านหน้าของอาคารตระกูลหลี หลีชิงเยียนใส่รองเท้าส้นสูงเดินอยู่ เดินไปทางรถไมบัคด้วยฝีเท้าที่สบายๆ
ด้านข้างรถไมบัครุ่นเอส เฉินเป่ยพิงอยู่ที่ด้านข้าง ในปากดูดบุหรี่มวนหนึ่ง ดูเหมือนนักเลงที่ไม่เป็นสองรองใคร
หลังประธานนางฟ้าเดินเข้าไป เฉินเป่ยดึงประตูรถเปิดด้วยความเคารพ หลีชิงเยียนชายตามองเฉินเป่ยอย่างเมินเฉยทีหนึ่ง แล้วนั่งเข้าไปที่นั่งแถวหลัง
สตาร์ทรถไมบัครุ่นเอส เฉินเป่ยเหยียบคันเร่ง ขับออกไปทางที่ห่างไกล
ประธานนางฟ้าพึ่งนั่งเข้าไปในรถไมบัค ทั้งตัวแพร่กระจายกลิ่นเย็นที่น่าดมออกมา คละคลุ้งไปทั่วในอากาศภายในห้องโดยสาร
เฉินเป่ยสังเกตพวงมาลัยไปด้วย ดมกลิ่นหอมเย็นแบบนี้อย่างละโมบไปด้วย สายตาอดไม่ไหวชำเลืองมองที่กระจกมองหลังอยู่ไม่ขาด
ส่วนหลีชิงเยียนกำลังก้มหน้าเล่นมือถือ สีหน้าดูไม่ดีเอามากๆ เห็นได้ชัดว่าเธอยังโกรธที่เฉินเป่ยและหลีหยางตัดสินใจเรื่องราวกันเอง และโกรธมาหลายวันแล้ว
สายตาของเฉินเป่ยพินิจพิเคราะห์บนร่างกายที่เซ็กซี่สมบูรณ์แบบนั้นของหลีชิงเยียนไม่ขาด……ไม่รู้ทำไมบนตัวหลีชิงเยียนถึงเหมือนมีเสน่ห์ที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูด ไม่ว่าเฉินเป่ยจะมองอย่างไร ล้วนมองร่างกายที่สมบูรณ์นี้ไม่เบื่อ
ขาเรียวยาวที่ใส่ถุงน่องคู่หนึ่งไขว้ทับด้วยกัน เกิดช่องแคบที่น่าดึงดูดขึ้น ทะลุผ่านช่องแคบนี้ไป แม้กระทั่งสามารถมองเห็นภาพทิวทัศน์ภายในกระโปรงทรงสอบสีเงินนั้นได้รางๆ ……ทำให้คนเกิดความคิดในสมองโยงใยไปถึงหัวใจ
เฉินเป่ยยิ่งมองยิ่งเกิดอารมณ์ฮึกเหิม ดมกลิ่นหอมเย็นยอดเยี่ยมนั้นอยู่ ยิ่งเกิดความกล้าหาญขึ้นอีก มองทะลุผ่านช่องตรงกลางระหว่างสองที่นั่ง นับวันศีรษะยิ่งขยับเข้าไปใกล้ขาเรียวยาวคู่นั้น……เกือบจะมุดเข้าไปในขาเรียวยาวคู่นั้นอย่างแรงแล้ว
“ดูพอรึยัง?”
ทันใดนั้นเสียงเย็นชาที่ไพเราะเสียงหนึ่งที่เต็มไปด้วยความน่าดึงดูดดังขึ้น ภายในใจเฉินเป่ยตึกตัก มองเห็นหลีชิงเยียนกำลังก้มหน้าอยู่ ใบหน้างดงามจ้องมองตนเองอย่างเหน็บหนาว
วันนี้ประธานนางฟ้าที่งดงามแต่งตัวยั่วยวนเป็นพิเศษ ผมยาวที่ดำสลวยปล่อยลงมาปกไหล่ ใบหน้าที่ขาวนวลไร้ที่ติ ดวงตาที่ใสแจ๋วราวกับหยดน้ำฤดูใบไม้ร่วง เวลานี้กำลังมองตนเองอยู่ สายตาเต็มไปด้วยความหมายหนาวเย็นที่เรียบเฉย
ทันใดนั้นบรรยากาศเงียบสงบ เรียกว่าเฉินเป่ยนั้นกระอักกระอ่วนกันไปเลย……เขาทำได้เพียงยิ้มกริ่มแบบหนังหน้าหนา “ประธานหลี……เมื่อกี้บนขาของคุณมียุงตัวหนึ่ง……”
หลีชิงเยียนหัวเราะหึๆ ด้วยเสียงเย็นชา ฤดูกาลนี้ยุงจะมาจากไหนกัน?
“หน้าไม่อาย” หลีชิงเยียนอ้าริมฝีปากเล็กน้อย พ่นเสียงหนึ่งออกมาแล้ว สายตาที่มองทางเฉินเป่ย เต็มไปด้วยความสะอิดสะเอียน
ทันใดนั้นอากาศก็โดนน้ำแข็งปกคลุม อุณหภูมิลดลงฉับพลัน จากบนตัวของหลีชิงเยียนแพร่กระจายไอเย็นออก
รถไมบัคขับอยู่บนท้องถนนไม่ช้าไม่เร็ว แต่ตอนที่ขับผ่านสัญญาณไฟจราจรแห่งหนึ่ง ทันใดนั้น รถบรรทุกใหญ่คันหนึ่งพุ่งเข้ามาแบบดังตูมตามจากด้านข้าง พุ่งมาทางรถไมบัคตรงๆ อย่างรวดเร็ว
ดวงตาทั้งคู่ของเฉินเป่ยแข็งทื่อนิดหน่อย เร่งรีบมากราวกับรถไฟความเร็วสูงขบวนหนึ่งขับมา พุ่งมาทางรถไมบัครุ่นเอสอย่างคลุ้มคลั่ง
เฉินเป่ยหมุนพวงมาลัยอย่างว่องไว แต่เดิมทีไม่มีประโยชน์ รถบรรทุกใหญ่คันนี้พุ่งเข้ามาด้วยลักษณะที่ดุดัน ชั่วพริบตาเดียวระยะห่างก็เข้ามาใกล้กับรถไมบัคแล้ว
“นั่งให้ดี” เฉินเป่ยตะโกน แวบเดียวรถบรรทุกใหญ่ก็ชนมาที่ตัวรถของไมบัคเสียงดังสะเทือนไปทั่ว
“ปึก!”
เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น รถไมบัคกระเด็นออกไปทันที หมุนวนอยู่กลางอากาศอยู่หลายรอบ ถึงตกลงพื้นเสียงดังโครม
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลีชิงเยียนร้องตกใจเสียงดัง ใบหน้างดงามซีดขาวกะทันหัน
ที่ที่ไม่ไกลนัก ในรถเบนท์ลีย์ที่จอดอยู่ข้างทางคันหนึ่งปลดกระจกรถลง ท่านใหญ่ของตระกูลหวังนั่งอยู่ในรถ มองฉากนี้อย่างเย็นชา มุมปากโค้งรอยยิ้มที่เหี้ยมโหดขึ้น
“ศัตรูจู่โจม” เฉินเป่ยเอ่ยปากอย่างหนาวเย็น แววตาประกายความดุเดือดผ่านไป
“ทำยังไงดี” หลีชิงเยียนหลุดปากออกมา ในใจสั่นเทา ใบหน้างดงามซีดเซียว ชั่วขณะนั้นคิดไม่ออกแล้ว
เฉินเป่ยควักมือถือออกมาอย่างรวดเร็ว ต่อสายไปหมายเลขหนึ่ง
ในสายโทรศัพท์นั้นจอแจอย่างยิ่ง มีความสนุกสนานของท่วงทำนองที่สุดเหวี่ยงลอยมา
เฉินเป่ยตะโกนอย่างดุเดือด “รีบควบคุมเส้นทางบริเวณฉันเดี๋ยวนี้”
ชิงเหนียนในสายนั้นกำลังโอบกอดสาวงามสองคนที่ดื่มเหล้าเป็นเพื่อนไว้ทั้งซ้ายขวา ได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ปกติของเฉินเป่ย จึงรีบเปิดแล็ปท็อปที่อยู่บนโต๊ะออกทันใด กวาดสายตามองวงจรปิดทีหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน
“โอลิเวอร์”
ชิงเหนียนพูดเสียงหนึ่งออกมา สีหน้าหนักหน่วง
“ปัง”
หลังจากรถบรรทุกคันนั้นชนรถไมบัคกระเด็น ถอยไปด้านหลังในระยะหนึ่ง ทันใดนั้นเครื่องยนต์เริ่มคำราม เร่งความเร็วอีกครั้ง พุ่งไปทางรถไมบัค……คล้ายว่าจำเป็นต้องบดรถไมบัคให้เป็นเศษเหล็ก
“อย่า” หลีชิงเยียนมองผ่านหน้าต่างรถ มองรถบรรทุกใหญ่พุ่งเข้ามา หัวใจเต้นเร็ว สีหน้าซีดเผือด
“ปัง” รถไมบัคโดนชนกระเด็นเข้าอีกครั้ง ทั้งสี่แยกเป็นอัมพาตไปหมด สัญญาณไฟจราจรไม่ปกติ และรถยนต์มากมายจอดอยู่ที่เดิม ไม่กล้าขยับ
“แม่งเอ๊ย หนีสิวะ” คนขับรถนับไม่ถ้วนสีหน้าตกใจกลัว หนีกระจายไปทั่วสารทิศ
เดิมทีคนขับรถเหล่านี้คงนึกไม่ได้ว่าสี่แยกแห่งนี้ จะปรากฏการณ์สังหารที่ตั้งใจจัดฉากขึ้นมา
เฉินเป่ยสีหน้าเย็นเฉียบ การสังหารฉากนี้ เห็นได้ชัดว่าคำนวณเวลาเข้าไปเรียบร้อยแล้ว การจัดฉากสังหารครั้งนี้ ต้องเป็นผู้ชำนาญการคนหนึ่งแน่ ถึงนำความรวดเร็วการขับรถไมบัคของพวกเขา…….และเวลาที่มาถึงสี่แยก คำนวณได้อย่างประณีตไม่ผิดเพี้ยน
รถไมบัคลอยหมุนอยู่ในอากาศไม่หยุด ราวกับโดนรถไฟที่ขับด้วยความเร็วสูงชนเข้ามา ร่างกายหลีชิงเยียนสั่นเทา ทั่วทั้งตัวอ่อนระทวยหมดแรง ไม่มีกำลังใดๆ
เธอรู้สึกเหมือนตนเองถูกยัดเข้าในเครื่องซักผ้าฝาหน้า เวียนหัวลายตาไปหมด
“ปึง”
ประตูรถบรรทุกใหญ่เปิดออก ซามูไรที่รูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินลงมาจากรถ ในมือถือปืน ค่อยๆ เข้าไปใกล้รถไมบัคที่เอียงพลิก
รถยนต์ขนาดใหญ่แต่ละคันขับมาจากทั่วสารทิศ ล้อมรอบรถไมบัคคันนี้เอาไว้ทั่ว นั่นล้วนเป็นซามูไรแต่ละคน
ท่านใหญ่ของตระกูลหวังนั่งอยู่ในรถ มองเห็นฉากนี้ ชั่วขณะนั้นสบายใจลงมาไม่น้อย……ตอนแรกที่โอลิเวอร์บอกว่าให้ซามูไรเหล่านี้ไปจัดการ เขายังไม่วางใจอยู่บ้าง แต่เวลานี้มองเห็นความสามารถของซามูไรเหล่านี้ เขาวางใจถึงที่สุดแล้ว
ซามูไรเหล่านี้ พอจะฆ่าเฉินเป่ยให้ตายได้อย่างสบายๆ
ในห้องโดยสาร เฉินเป่ยกวาดตามองประตูรถทีหนึ่ง คว้าที่จับประตูเอาไว้ ความอันธพาลทั้งตัวถูกความดุเดือดเข้าแทนที่ฉับพลัน
เฉินเป่ยร้องตะโกนออกมา กล้ามเนื้อบนแขนทั้งคู่โผล่ขึ้น เส้นเลือดแต่ละเส้นผุดขึ้นมาราวกับงูเขียว เป็นที่น่าสยองขวัญ
“เปิดให้ฉัน” เฉินเป่ยคว้าที่จับประตูไว้……เห็นเพียงประตูรถสั่นสะเทือนเล็กน้อย……คาดไม่ถึงเฉินเป่ยจะค่อยๆ ฉีกออก
เฉินเป่ยกัดฟัน……ประตูรถแข็งแรงที่ขึ้นชื่อเรื่องการกันกระสุน คาดไม่ถึงจะโดนเฉินเป่ยฉีกออกไปเฉยๆ
“อยู่ในรถ อย่าออกไป” เฉินเป่ยหันหน้า มองทางหลีชิงเยียนที่นั่งอยู่แถวหลัง พูดกำชับ
“นายจะไปทำอะไร?” หลีชิงเยียนมองทางเฉินเป่ย แต่เฉินเป่ยก็หายไปจากในรถแล้ว ไม่รู้ว่าไปทางไหน
ซามูไรกลุ่มหนึ่ง ในมือกุมปืนยิงเร็ว ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามาใกล้รถไมบัค
ในอากาศเงียบสงบเป็นพิเศษ
ทันใดนั้นสายตาของซามูไรเหล่านั้นก็แข็งค้าง เห็นเพียงภาพคนคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ด้านหน้า
เฉินเป่ยยืนอยู่ที่เดิม ทั่วทั้งตัวมีความดุเดือดเต็มที่ มองทางซามูไรเหล่านี้ด้วยสายตาเย็นชาน่ากลัว
เฉินเป่ยกวาดสายตาผ่านซามูไรเหล่านี้ เอ่ยปากเสียงสบายๆ น้ำเสียงเย็นเฉียบ “ซามูไร……ดูแล้วโอลิเวอร์มาที่หู้ไห่จริงด้วย……”
ซามูไรสีหน้าเรียบเฉย สายตาโหดเหี้ยมดุร้าย กระบอกปืนเล็งไปที่เฉินเป่ย ขอเพียงเฉินเป่ยขยับเคลื่อนไหว ห่ากระสุนปืนที่โหดร้ายแบบไม่ที่สิ้นสุดจะปกคลุมไปที่เฉินเป่ย
“พวกแกที่เป็นหุ่นยนต์ที่รู้จักแต่ฆ่าคน มีอะไรต่างจากซอมบี้กัน……น่าเศร้าจริงๆ” เฉินเป่ยส่ายหน้า “เดิมทีก็เห็นใจพวกแกมากนะ แต่พวกแกทำร้ายเมียฉันแล้ว”
ดวงตาทั้งคู่ของเฉินเป่ยแข็งฉับพลัน ความหมายของการนองเลือดที่เย็นยะเยือกสะท้อนออกมา เสียงดุเดือดเหน็บหนาว “ไม่เหลือไว้สักคน”
“ปังๆๆ ……”
ซามูไรเหล่านั้นลั่นไกปืนทันใด ชั่วขณะนั้นปากกระบอกปืนแต่ละอันเกิดประกายแสงไฟขึ้น เปลวไฟมากมายเชื่อมโยงกันเป็นตาข่ายไฟ กดไปทางเฉินเป่ยอย่างท่วมท้น
มองไปที่ไกลๆ นั่นเกือบเป็นเปลวไฟรวมกันเป็นตาข่ายไฟที่จะสังหารไปรอบด้าน
“ปัง”
เฉินเป่ยใช้ทักษะขยับว่องไว เปลวไฟมากมายที่ไล่กวาดยิงภาพเงาของเขา ได้แต่โจมตีภาพวืดที่เขาเหลือไว้
“ตายซะ”
เฉินเป่ยในมือกุมมีดหลงหยา โจมตีไปยังซามูไรคนหนึ่ง
ซามูไรเล็งปากกระบอกปืนไปทางเฉินเป่ย ปืนยิงเร็วลูกกระสุนไหลทะลักอย่างบ้าคลั่ง
“ปังๆๆ”
เฉินเป่ยบุกเข้าจู่โจมอย่างรวดเร็ว มีดหลงหยาในมือผ่าฟันอย่างรวดเร็ว สกัดกระสุนที่ยิงรัวๆ เข้ามาทางเขาแต่ละลูกจนตัดเป็นสองท่อน
ที่ที่ไม่ไกลออกไป ในรถเบนท์ลีย์ที่จอดอยู่ข้างทาง ท่านใหญ่ของตระกูลหวังจ้องมองฉากนี้อยู่ ดวงตาทั้งคู่หดเล็กน้อย สายตามีความหวาดผวาอยู่บ้าง
คาดไม่ถึงว่าความสามารถของเฉินเป่ยจะแกร่งขนาดนั้น……ครั้งที่แล้วเหมือนว่าท่านใหญ่ของตระกูลหวังไม่เห็นความสามารถแท้จริงของเขา
แต่ในตอนนี้ความสามารถที่แท้จริงของเฉินเป่ยเผยออกมาแล้ว ความเร็วว่องไวขนาดนั้น
แม้แต่คนทั่วไปยังไม่สามารถหลบลูกกระสุนได้ คาดไม่ถึงเฉินเป่ยจะหลบได้อย่างสบาย
นี่เป็นความสามารถน่าหวาดกลัวอะไรกัน?
ในใจท่านใหญ่ของตระกูลหวังชัดเจนมาก……อย่างน้อยเขาก็ทำไม่ได้
ทว่าท่านใหญ่ของตระกูลหวังก็ถอนหายใจยาว ตอนนั้นถ้าเฉินเป่ยแสดงฝีมือที่แท้จริง ท่านใหญ่ของตระกูลหวังคงไม่รอดไปตั้งนานแล้ว……โชคดีที่ครั้งนี้มีซามูไรอยู่ ต่อให้เฉินเป่ยจะแข็งแกร่งอย่างไร ซามูไรเป็นผู้ติดตามที่แกร่งที่สุดข้างกายของโอลิเวอร์ ไม่กลัวความเจ็บปวดความตาย สามารถแสดงความสามารถออกมาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
เฉินเป่ยจะแกร่งแค่ไหน ก็ยากที่จะหนีพ้นเงื้อมมือของซามูไรเหล่านี้
พอท่านใหญ่ของตระกูลหวังคิดแบบนี้ มุมปากโค้งรอยยิ้มหนึ่งขึ้น เขาอยากดูเฉินเป่ยโดนซามูไรกำจัดทิ้งกับตาตนเอง
แต่ในเวลานี้ สายตาของท่านใหญ่ตระกูลหวังก็แข็งทื่อฉับพลัน
จากนั้นสีหน้าของท่านใหญ่ตระกูลหวังเผยความหมายที่ยากจะเชื่อออกมา
“นี่เป็นไปไม่ได้” ท่านใหญ่ตระกูลหวังร้องตกใจโดยจิตใต้สำนึก เหมือนมองเห็นเรื่องอะไรที่ทำให้คนตกใจหวาดกลัว