สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 236
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่236 ไสหัวออกมา
“โอ้มายก็อด เขาเป็นปีศาจ!”
“ชั่วพริบตาเดียวฆ่าคนมากขนาดนี้เลย……เขายังเป็นคนอีกเหรอ ไร้ความปรานีสุดๆ”
“ไม่มีศีลธรรมเลย รีบแจ้งตำรวจ จับเจ้าปีศาจร้ายนี้เอาไว้”
พนักงานรักษาความปลอดภัยแต่ละคนทยอยกันออกมา พนักงานมากมายตกใจจนขาทั้งสองสั่นเทา สีหน้าซีดเผือด
พวกเขาเห็นมากับตาถึงขั้นตอนที่เฉินเป่ยสังหารตั้งแต่ต้นจนจบ……ในสายตาของพวกเขา……เฉินเป่ยไม่ต่างอะไรกับปีศาจ
เฉินเป่ยก็คือปีศาจน่าสยองขวัญที่ในมือกุมอาวุธไว้
พนักงานบริการและพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ไม่รู้อะไรเหล่านี้ พวกเขาเพียงเชื่อในสิ่งที่พวกเขามองเห็นอยู่ตรงหน้า ในมือของเฉินเป่ยมีอาวุธที่โหดเหี้ยม……ราวกับเป็นยมทูตที่มาจากนรก
พนักงานบริการพนักงานรักษาความปลอดภัยนับไม่ถ้วนตกใจลนลานหลบหนีกัน ส่วนเฉินเป่ย ในมือถือมีดหลงหยา สายตาตกอยู่ที่ระเบียงทางเดิน สีหน้าเฉียบแหลม
ชั่วพริบตาเดียว เฉินเป่ยก็หายตัวไปจากที่เดิม รอตอนที่พนักงานบริการพนักงานรักษาความปลอดภัยเหล่านั้นมีปฏิกิริยาเข้ามา เฉินเป่ยก็หายไป หาไม่เจอแล้ว ไม่รู้ไปทางไหนกัน
…………..
ในห้องเพรสซิเดนท์เชียลสวีท โอลิเวอร์ยืนอยู่ริมหน้าต่าง ทันใดนั้นสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ปีกจมูกขยับ สีหน้าเปลี่ยนไปหนักหน่วงขึ้นมา พูดกับตนเองเสียงต่ำ “กลิ่นคาวเลือด”
โอลิเวอร์มองทางช่องประตูทางหน้าประตูห้องสวีท ท่าทางดุเดือดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ทันใด
กลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ ที่ตลบอบอวลไปในอากาศ เกือบยากที่จะได้กลิ่น แต่การรับรู้กลิ่นของโอลิเวอร์ช่างว่องไวเหลือเกิน ชั่วขณะนั้นจึงวินิจฉัยความผิดปกติผ่านกลิ่นคาวเลือดออกมาได้
และในเวลานี้ เสียงดังสนั่นดังขึ้น ห้องสวีทที่ประตูแน่นหนา คาดไม่ถึงจะโดนแรงมหาศาลกระแทก บุกโจมตีมาทางโอลิเวอร์อย่างรวดเร็ว
โอลิเวอร์ระเบิดหมัดออกทีหนึ่ง ที่ว่างสั่นสะเทือน ประตูห้องแตกแยกไปหมด ราวกับลูกกระสุนที่กระหน่ำยิง ทะลวงเข้าไปที่พื้นผนังรอบด้านของห้อง น่าสยดสยอง
“ใคร!”
โอลิเวอร์มองทางหน้าประตูห้อง ตะคอกเสียงดุ
ส่วนสาวงามบนเตียงสองคนนั้นสีหน้าตื่นตระหนก กรีดร้องพุ่งไปทางหน้าประตูห้องพักด้วยความหวาดกลัวตั้งแต่แรก อยากจะหลบหนี
แต่พวกหล่อนพึ่งเดินมาถึงหน้าประตูห้อง ฝีเท้าก็ชะงักฉับพลัน หยุดลงมาแล้วล้มลงที่พื้นดังโครม
ที่ลำคอของพวกหล่อนมีรอยมีดกรีดเพิ่มขึ้นมาสองรอย เลือดสดพุ่งไหลออกมา ไม่มีลมหายใจแล้ว
ภาพเงาคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง ในมือถือมีดหลงหยา จ้องมองโอลิเวอร์ด้วยความเย็นชา
“เฉินเป่ย?” โอลิเวอร์สีหน้าอึมครึม มุมปากฉีกยิ้มเยาะขึ้น ชั่วขณะนั้นจำขึ้นได้ นี่คือเป้าหมายของภารกิจที่ท่านใหญ่ของตระกูลหวังให้ตนเองจัดการ เอ๋อตงเฉิน
อย่างไรเสียโอลิเวอร์ก็นึกไม่ถึงว่าเฉินเป่ยจะมาหาตนเองถึงที่เลย มาหาที่ตายจริงๆ
สายตาเฉินเป่ยหนาวเย็น มองทางโอลิเวอร์ราวกับมองศพร่างหนึ่ง
“นึกไม่ถึงว่าแกจะมาหาถึงที่ด้วยตัวเอง ก็ดี ประหยัดเวลาฉันไม่ต้องตามหาแก” โอลิเวอร์หัวเราะฮาๆ เสียงดัง สายตาหนาวเย็นเสียดสี
เฉินเป่ยจ้องมองโอลิเวอร์อย่างเมินเฉย ไม่พูดสักคำ
“ฉันไม่เคยเจอมาก่อนเลย ยังมีคนเอาตัวเองมาหาที่ตายถึงที่ด้วย” รอยยิ้มโอลิเวอร์ดุร้ายเย็นเฉียบ
“หาที่ตาย? ไม่ใช่แค่หมาตัวหนึ่งเหรอ แกคู่ควรมาพูดจาต่อหน้าฉันรึไง” เฉินเป่ยพูดอย่างเย็นชา
คำพูดของเฉินเป่ยราวกับไปสะกิดประสาทที่อ่อนไหวในใจของโอลิเวอร์ ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าของโอลิเวอร์ก็ดูแย่ขึ้นมา เอ่ยปากแบบแค้นเคือง “ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างนั้นฉันจะส่งแกไปตายก่อนแล้วกัน”
คำพูดโอลิเวอร์พึ่งจบลง เขาก็ก้าวเท้าออกมา ทักษะระเบิดวาร์ป ชั่วพริบตาเดียวก็ปรากฏตัวตรงหน้าของเฉินเป่ยแล้ว
ทันใดนั้นโอลิเวอร์ตะโกนทีหนึ่ง บุกฆ่าไปทางเฉินเป่ยด้วยหมัดหนึ่ง
เฉินเป่ยโบกขยับมีดหลงหยา สีหน้าที่เย็นชืดประกายความดุร้ายผ่านไป
โอลิเวอร์ที่อยู่ตรงหน้า ซามูไรเป็นลูกน้องเขา ซึ่งเกือบจะคุกคามชีวิตของหลีชิงเยียน
“วันนี้แกออกไปจากหน้าประตูนี้ไม่ได้” เฉินเป่ยตะโกนเสียงดุ แววตาโอลิเวอร์ริบหรี่ เฉินเป่ยคลุ้มคลั่งเหลือเกิน คาดไม่ถึงยังกำเริบจนพูดว่าจะให้เขาออกไปจากหน้าประตูห้องนี้ไม่ได้ กำลังยั่วยุอย่างยิ่ง
“ปัง!”
โอลิเวอร์ระเบิดหมัดหนึ่งไปทางเฉินเป่ยที่หน้าประตู แต่โดนเฉินเป่ยหลบลง ขายาวข้างหนึ่งบุกเตะออกไปราวกับเหล็กปล้องยาวฟ้าฟาด โจมตีไปที่ท้องน้อยของโอลิเวอร์
โอลิเวอร์สั่นไปทั้งตัว ทว่ากำลังภายในที่เหลือล้น ทำให้ร่างกายเขาควบคุมไม่ไหวถอยหลังตึกๆๆ ไปหลายก้าว จนพิงอยู่ที่ริมหน้าต่างโดยตรง
โอลิเวอร์จับท้องน้อยไว้ สีหน้ายิ่งล้ำลึกขึ้นมา เขามองทางเฉินเป่ย พูดเสียงเนิบช้า “ในที่สุดฉันก็ได้รู้ ซามูไรที่เก่งกาจที่สุดกลุ่มนั้นของฉัน ทำไมถึงตายในน้ำมือแก……”
“เพราะพวกมันกระทบมาถึงเมียฉันไง” เฉินเป่ยตอบอย่างเย็นชา ก้าวเท้าออกมา มือถือมีดหลงหยาอยู่ กระโจนเข้าไปทางโอลิเวอร์
ชั่วพริบตาเดียวภาพเงาสองคนปะทะกันอย่างดุเดือด การกระทำของสองคนเร็วเหลือเกิน แม้กระทั่งสามารถมองเห็นภาพวืดแบบรางๆ
“ตึง!”
ทันใดนั้นเฉินเป่ยจู่โจมที่หน้าอกของโอลิเวอร์หมัดหนึ่ง โอลิเวอร์พ่ายแพ้ถอยหนีติดต่อกัน สีหน้าเผยความตกใจออกมา
ถ้าเวลานี้ท่านใหญ่ของตระกูลหวังอยู่ที่นี่ มองเห็นฉากนี้ คงคาดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้โดยเด็ดขาด
ผู้ยิ่งใหญ่ที่เขาเชิญมาจากโลกชั่วร้ายทิศตะวันตก ไม่สามารถสู้เอ๋อตงเฉินคนนี้ได้
นี่ช่างเย้ยหยันเหลือเกิน กำลังล้อเล่นบ้าบออย่างยิ่ง
“สรุปนายเป็นใครกัน…..ความสามารถนาย……ถึงแกร่งขนาดนี้”
ท่าทางโอลิเวอร์ตื่นตกใจ……เขามองทางเฉินเป่ย แววตายากจะเชื่อ อย่างไรเสียเขาก็คาดไม่ถึงว่าที่หัวเซี่ยจะยังมีผู้แข็งแกร่งแบบนี้ออกมาได้
ในสายตาเขา หัวเซี่ยที่กันดารนี้ ให้กำเนิดผู้แข็งแกร่งอะไรไม่ได้ ผลสุดท้ายเฉินเป่ยเหมือนตบหน้าเขามาแรงๆ แบบเปิดเผยมาก
เขามาจากโลกชั่วร้าย หัวเซี่ยสถานที่เล็กๆ แห่งหนึ่ง นึกไม่ถึงจะเอาชนะคนหัวเซี่ยไม่ได้
“ไม่ใช่ความสามารถของฉันแกร่งเกินไป แต่ว่าแกอ่อนเกินไปต่างหาก” เฉินเป่ยเอ่ยปากเรียบนิ่ง ข้อมือสั่น แสงสีดำสายหนึ่ง ระเบิดยิงออกมาราวกับฟ้าแลบ
ร่างกายโอลิเวอร์สั่นเทา แสงสีดำกรีดผ่านแขน ข้อแขนซ้ายของเขาปรากฏรอยเลือด ไม่นานรอยเลือดก็กลายเป็นบาดแผลที่ราบเรียบ……แขนซ้ายถูกตัดขาดทันใด
ความเจ็บปวดที่รุนแรงทะลักเต็มไปหมดราวกับกระแสน้ำ ทำให้เขาเจ็บจนเหงื่อบนหน้าผากซึมออก เกือบจะสลบ
“แกกล้า แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นใคร กล้าตัดแขนฉัน ฉันจะไม่ให้แกอยู่ดีเด็ดขาด” โอลิเวอร์ตะคอกเสียงแหลม สีหน้าดูแย่เขียวปัด
“ไม่ใช่แค่หมาตัวหนึ่งของAresเหรอ มีอะไรน่าอวดกัน” เฉินเป่ยเก็บมีดหลงหยาขึ้น พูดเยาะเย้ยอย่างเหยียดหยาม
“ทำไมแกถึงรู้……ชื่อเจ้านายฉัน?” ร่างกายโอลิเวอร์สั่น แม้แต่ความเจ็บยังลืมไปชั่วคราว มองเฉินเป่ยด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ในใจเกิดคลื่นความหวาดกลัวลูกใหญ่ขึ้นมา
แววตาโอลิเวอร์ตื่นตระหนก……เขามองทางเฉินเป่ย เขาไม่เข้าใจ เฉินเป่ยรู้จักผู้มีชื่อเสียงน่าเกรงขามอย่างAresได้อย่างไร หรือว่าเฉินเป่ยก็คือคนของโลกชั่วร้าย?
“ลูกน้องขี้แพ้คนหนึ่งเท่านั้น รู้จักชื่อน่าแปลกใจมากเหรอ?” ดวงตาทั้งคู่ของเฉินเป่ยทอประกาย เจตนาอยากฆ่าเย็นยะเยือกสาดออกมา ตลบอบอวลไปในห้องพัก ปกคลุมโอลิเวอร์ไว้
“ถ้าฉันเป็นAres ฉันคงไม่อนุญาตให้แกมาหัวเซี่ยเด็ดขาด” เฉินเป่ยพูดอย่างเย็นชา
“เป็นไปไม่ได้ เจ้านายมีกำลังเกรียงไกรมาก……และเป็นเทพเจ้าแห่งสงครามผู้ไม่เคยพ่ายแพ้” โอลิเวอร์ส่ายหน้าไม่หยุด Ares……นั่นคือเทพเจ้าแห่งสงครามที่ชื่อเสียงโด่งดัง สถานการณ์ไม่สงบของโลกชั่วร้ายทิศตะวันตกในตอนแรก Aresก็เป็นคนเริ่มต้น
“หึ…..ดูแล้วAresนี่ปิดซ่อนไว้ดีมากเลย เรื่องตอนนั้นที่โดนฉันต่อยจนร้องขอชีวิต ดูแล้วฉันต้องเตือนสติเขาดีๆ สักหน่อยแล้ว” มุมปากเฉินเป่ยฉีกรอยยิ้มหนึ่งขึ้น พูดเสียงเย็นเฉียบ
“แก……สรุปเป็นใคร?” โอลิเวอร์เอ่ยปาก ตอนที่สายตาเขาตกอยู่ที่มีดหลงหยาในมือของเฉินเป่ย ทันใดนั้นรู้สึกว่ามีดหลงหยาคุ้นตาอยู่บ้าง
สมองโอลิเวอร์ค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมีดหลงหยาอย่างว่องไว……จากนั้นคิดออกขึ้นมาทันที ก่อนจะแสดงความหวาดกลัว มองทางเฉินเป่ย สายตาเผยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง
“ราชา……คุณเป็นราชา……หลง?” โอลิเวอร์สั่นเทาไปทั้งตัว น้ำเสียงสั่นเครือ เขามองทางเฉินเป่ย อย่างไรก็ไม่อยากจะเชื่อ นี่คือราชาหลง!
น้อยคนมากที่จะเคยเจอหน้าแท้จริงของราชาหลง แต่มีดหลงหยาในมือของราชาหลง……กลับมีผู้คนมากมายรู้จัก
มีดหลงหยาในมือของราชาหลง……ดูดเลือดสดมานับไม่ถ้วน……ด้านล่างปลายมีด ไม่รู้ว่าสังหารผู้คนมามากเท่าไร
มีดหลงหยา ในบรรดามีดช่างพิเศษเหลือเกิน เหมือนว่าจะลอกเลียนแบบออกมาไม่ได้
โอลิเวอร์รู้จักสถานะของเฉินเป่ยผ่านมีดหลงหยา แววตาเหลือมีเพียงความตื่นตกใจอย่างรุนแรง
“ราชาหลง…..คุณไม่ใช่ปลดเกษียณแล้วเหรอ ทำไมถึงปรากฏตัวที่นี่?” โอลิเวอร์ถามอย่างเสียงสั่น เวลานี้เขาใกล้ร้องไห้แล้ว มีเพียงความเสียใจ
หลังจากรู้สถานะของเฉินเป่ย สมองของโอลิเวอร์ว่างเปล่า……คาดไม่ถึงตนเองอยากไปฆ่าราชาหลง นี่ตนเองบ้าไปแล้วรึไง ผิดใจบุคคลระดับนี้ได้
“มีสภาพชีวิตสุขสบายครบถ้วนไม่ได้เหรอ ยังต้องโดนพวกแกมารบกวนวันเวลาอันสงบ” เฉินเป่ยหัวเราะเยาะ เอ่ยปากนิ่งๆ
“ราชาหลง……ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นความเข้าใจผิด……คุณฟังผมอธิบายก่อน ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้ว่าเป็นคุณ……” โอลิเวอร์เอ่ยปากอธิบายอย่างสั่นเทาไม่หยุด ตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขาอ่อนไปหมด……เป้ากางเกงเปียกเป็นดวงใหญ่ เสียวสันหลังวาบ
ในที่สุดโอลิเวอร์เชื่อที่เฉินเป่ยพูดแล้ว……ราชาหลง……นั่นคือการมีตัวตนที่อยู่ยอดของพีระมิด เขาไม่จำเป็นต้องพูดหลอก
แม้แต่เจ้านายของตนเองยังไม่ใช่คู่แข่งของราชาหลง ตนเองใช้กำลังต้านทานแค่ไหน ยังมีความหมายอะไร?
“เป็นตระกูลหวัง……ท่านใหญ่ตระกูลหวังให้ผมทำแบบนี้ ไม่เกี่ยวกับผมสักนิด…..” โอลิเวอร์คุกเข่าลงที่พื้น ตกใจลนลานถึงขั้นสุดแล้ว คำนับศีรษะไม่หยุด อ้อนวอนขออภัย
“คนที่ทำร้ายเมียฉัน ต้องฆ่าทิ้งไม่ให้อภัย” เฉินเป่ยเอ่ยปากอย่างเย็นชา “ถ้าจะโทษก็โทษแกที่ทำให้เมียฉันได้รับอันตรายแล้ว”
คำพูดเฉินเป่ยออกไป มีดหลงหยาในมือโบกผ่าน คาวเลือดกระจาย
…………
หลังจากเฉินเป่ยเดินออกจากห้องพัก ทุกที่ที่ผ่าน กล้องวงจรปิดแต่ละตัวปิดโดยอัตโนมัติ ภาพวงจรปิดช่วงหนึ่งชั่วโมงนี้ถูกสับเปลี่ยนหมด ในภาพวงจรปิดที่โรงแรมไม่มีอะไรเกิดขึ้น เงียบสงบ
เฉินเป่ยเดินออกจากโรงแรม หลังนั่งเข้าในรถ เสียงของชิงเหนียนก็ดังออกมาจากในรถ “ต่อไปไปที่ไหน?”
“ตระกูลหวัง” เฉินเป่ยเอ่ยปาก ในแววตาแรงอาฆาตสาดมา ท่านใหญ่ตระกูลหวังต่างหากที่เป็นผู้บงการเบื้องหลัง คนที่เขาไม่อาจปล่อยผ่านมากที่สุดก็คือตระกูลหวัง
…………
เมืองหู้ไห่ ตระกูลหวัง
ท่านใหญ่ของตระกูลหวังยืนที่ริมหน้าต่าง มือไพล่หลัง มองทางทิวทัศน์ยามค่ำของหู้ไห่ จิตใจรุ่มร้อนกระสับกระส่าย
ช่วงนี้หัวใจของเขาเต้นเร็วมาตลอด มักมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี แต่กลับพูดไม่ออกว่าไม่ปกติตรงไหน
“ท่านผู้อาวุโส” คนในตระกูลหวังคนหนึ่งเข้ามา ท่านใหญ่ของตระกูลหวังมองที่ตัวคนในตระกูลหวังคนนี้ พยักหน้า “หวังห้าว”
คนในตระกูลหวังผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น คือหวังห้าวที่ก่อนหน้านี้โดนเฉินเป่ยคว้าเสื้อไว้
“ท่านผู้อาวุโสกำลังกังวลอะไรครับ?” หวังห้าวเอ่ยปากปลอบใจ “ท่านเชิญผู้ยิ่งใหญ่มาจากโลกชั่วร้ายตะวันตกแล้ว กำจัดเฉินเป่ยทิ้งย่อมเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ยังมีอะไรน่ากังวลกันอีกครับ?”
ท่านใหญ่ตระกูลหวังพยักหน้า “ถึงจะพูดขนาดนี้ แต่ฉันมักจะมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี”
ในเวลานี้ โทรศัพท์ของท่านใหญ่ตระกูลหวังดังขึ้นเร่งด่วน
ท่านใหญ่ของตระกูลหวังรับสาย ในสายนั้นมีเสียงที่ตกใจลนลานของคนในตระกูลหวังดังขึ้น “ท่านผู้อาวุโส เกิดเรื่องใหญ่ไม่ดีแล้ว ที่ห้องเพรสซิเดนท์เชียลสวีท เมื่อกี้ถูกเฉินเป่ยบุกโจมตีแล้วครับ”
“นายว่าอะไรนะ” ท่านใหญ่ของตระกูลหวังสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย……ห้องเพรสซิเดนท์เชียลสวีท โอลิเวอร์ก็พักอยู่ที่นั่น
“ห้องเพรสซิเดนท์เชียลสวีท เมื้อกี้มีคนสังหารเข้าไปแล้ว……”
“โอลิเวอร์อยู่มั้ย?” ท่านใหญ่ตระกูลหวังถามอย่างร้อนใจ
“โอลิเวอร์อยู่ครับ”
“งั้นก็ดี” ท่านใหญ่ของตระกูลหวังยิ้มนิดหน่อย ขอเพียงโอลิเวอร์อยู่ที่โรงแรม เขาสามารถนอนหลับอย่างสบายไม่ต้องกลัวใดๆ ได้แล้ว
ด้วยความสามารถของโอลิเวอร์ ขอเพียงเฉินเป่ยกล้าบุกเข้ามา นั่นเท่ากับว่ากำลังหาที่ตาย
“เฉินเป่ยตายหรือยัง? ดีที่สุดเอาแบบยังรอด แบบนี้ฉันจะได้มอบหมายกับตระกูลหลีที่เยี่ยนจิงง่ายหน่อย” ท่านใหญ่ของตระกูลหวังเอ่ยปากนิ่งๆ
“ท่านผู้อาวุโส……ที่ตายไม่ใช่เฉินเป่ย……” ในสายนั้น คนในตระกูลหวังเอ่ยปากแบบถามมาตอบไป เสียงมีความสั่นเครือและตกใจ
ท่านใหญ่ของตระกูลหวังตะลึง “นี่นายหมายความว่าอะไร?”
“ผมอยู่ในห้องเพรสซิเดนท์เชียลสวีท พบศพของท่านผู้ยิ่งใหญ่นั้นแล้วครับ”
ตึง!
คำพูดนี้ราวกับค้อนอันใหญ่ กระแทกสมองของท่านใหญ่ตระกูลหวังอย่างรุนแรง ทำให้สมองของเขาว่างเปล่า
“นายว่าอะไรนะ?” ท่านใหญ่ของตระกูลหวังสีหน้าเปลี่ยนไปมาก พูดเสียงดุ “นายรู้มั้ยว่าตัวนายเองกำลังพูดอะไรอยู่?”
“ท่านผู้อาวุโสครับ……เป็นศพของท่านผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นจริงๆ ครับ เดิมทีไม่มีศพของเฉินเป่ย”
ท่านใหญ่ของตระกูลหวังท่าทางเปลี่ยนมาก ตกใจอย่างยิ่ง เขาสั่นเทาไปทั้งตัว……หลุดปากออกมาโดยจิตใต้สำนึก “เป็นไปไม่ได้…..ท่านผู้นั้นไม่อาจตายได้”
ท่านใหญ่ของตระกูลหวังหนาวเย็นไปทั้งตัว ส่วนหวังห้าวก็เดาอะไรจากในคำพูดไม่กี่ประโยคออกเช่นกัน ใบหน้าซีดขาว “ถ้าท่านผู้นั้นตายแล้ว งั้นเฉินเป่ย……เป้าหมายต่อไปก็คือพวกเรา”
ชั่วขณะนั้นท่านใหญ่ของตระกูลหวังตอบสนองเข้ามา ตะโกนเสียงดัง ออกคำสั่ง “สั่งคนของตระกูลหวังทั้งหมด รีบเก็บข้าวของ ออกไปจากที่นี่”
และคำพูดของท่านใหญ่ตระกูลหวังพึ่งจบลง ก็มีเสียงหนึ่งลอยเข้ามาจากด้านนอกคฤหาสน์หรู “ตระกูลหวัง ไสหัวออกมา”
“ตระกูลหวัง ไสหัวออกมา!”
“ตระกูลหวัง ไสหัวออกมา!”
เสียงที่เรียบง่ายมีพลังและหนาวเย็นนั้น เผยความรู้สึกที่ดุเดือด โหมซัดสาดไล่หลังมาราวกับฟ้าผ่า ดังก้องอยู่กลางคฤหาสน์หรู ลอยเข้าในหูคนในตระกูลหวังแต่ละคนที่อยู่ในคฤหาสน์อย่างชัดเจน
ร่างกายท่านใหญ่ของตระกูลหวังสั่น แววตาประกายความหมดหวังตื่นตระหนกผ่านไป