สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 24
บทที่24 วางแผนให้ร้าย
ชายหนุ่มในชุดสูทมองลงมายังเฉินเป่ย มีความเย็นชาอยู่ในรอยยิ้มนั้น เขาแอบคิดในใจว่า ด้วยสภาพคนบ้านนอกอย่างเฉินเป่ย ยังกล้าเข้ามาในร้านอาหารตะวันตกหรูหราเช่นที่นี่อีก!
แขกที่มารับประทานอาหารไม่น้อยมามุงดูอยู่รอบๆต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ ชายหนุ่มในชุดสูท ดูก็รู้ว่าเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคมชนชั้นสูง จะมาเทียบกับคนยากคนจนอย่างเฉินเป่ยได้อย่างไร!
ผู้คนไม่น้อยต่างมีสีหน้าตื่นตะลึง หรือว่าผู้ชายคนนี้ คิดจะสั่งสอนผู้ชายในชุดสูทตรงหน้า
“สิ่งที่คุณควรจะทำตอนนี้คือหลีกทางให้ผมนั่ง ไม่รู้เรื่องอะไรอย่างนาย ยังกล้ามีหน้ามานั่งกินข้าวกับสุภาพสตรีสองท่านนี้ที่นี่อีกเหรอ”ชายหนุ่มในชุดสูทหัวเราะเยาะ
“สเต็กแบบมิเดียวแรก็สั่งมาได้ เกรงว่านายแม้แต่สเต็กก็ยังไม่เคยกินสินะ ถึงไม่รู้ว่าสเต็กแบบที่เกือบสุกนั้น แทบจะไม่มีใครเขาสั่งกัน”ชายในชุดสูทพูดอย่างดูถูกเยาะเย้ย ทำให้หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆมีสีหน้าร้อนรนกระวนกระวาย รู้แค่ว่าสีหน้าไม่มีสง่าราศี
เฉินเป่ยเป็นสามีของเธอ หากเฉินเป่ยถูกทำให้เสียเกียรติศักดิ์ศรี ก็ไม่เท่ากับว่าเป็นการตบหน้าหลีชิงเยียนหรอกหรือ
“เฉินเป่ยไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องมาโต้เถียงอะไรแล้ว พวกเราเปลี่ยนมาสั่งแบบที่สุกหน่อยก็ได้” หลีชิงเยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงดึงดูด
ซูเสี่ยวหยุนที่อยู่ข้างๆ มองเฉินเป่ยด้วยความสนใจ ดวงตางดงามที่เซ็กซี่ทอแสงเปล่งประกาย ราวกับอยากรู้ว่าต่อไปเฉินเป่ยจะทำอย่างไรต่อ
“ท่าทางไอ้บ้านนอกนี่จะแย่แล้ว มากินอาหารที่ร้านอาหารฝรั่งครั้งแรก ก็ทำเรื่องน่าตลกขนาดนี้”
“ฉันกินสเต็กมาก็ตั้งหลายครั้ง นี้ครั้งแรกที่เห็นคนสั่งแบบมิเดียมแรเกรงว่าเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีดกับส้อมจับอย่างไร”
บรรดาลูกค้าที่มารับประทานอาหารก็ต่างซุบซิบนินทากัน สายตาที่มองไปยังเฉินเป่ย เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยถากถาง
ชายในชุดสูทหันกลับมา มองไปยังหลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุน ยิ้มอ่อนๆ “คุณผู้หญิงแสนสวยทั้งสอง ผมขอเชิญพวกคุณไปร่วมโต๊ะกับผมได้มั้ยครับ”
“พวกเราเหรอคะ” หลีชิงเยียนสีหน้าตกใจ คิดไม่ถึงว่าชายชุดสูท จะกล้าจีบพวกหล่อนต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้!
นี่มันเป็นการหยามเกียรติของเฉินเป่ยชัดๆ! ช่างเป็นการหยามเกียรติที่อับยศอดสู!
“กินอาหารฝรั่งไปไม่กี่ครั้ง ก็ถือว่าตัวเองเป็นชนชั้นสูงเสียแล้วเหรอ” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ทำลายบรรยากาศที่อึดอัดนั้น
ชายในชุดสูทหันกลับไปมอง เห็นเฉินเป่ยที่มีสีหน้าเรียบเฉยมองมาที่เขา ดวงตาคู่นั้น ลึกล้ำราวกับทะเลที่ลึกสุดลูกหูลูกตา…… ทำให้ชายในชุดสูท รู้สึกเย็นวูบในใจแปลกๆ! วินาทีนั้นชายในชุดสูท ก็รู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมา……ดูเหมือนว่าเขาที่อยู่ตรงหน้า จะไม่ใช่คนบ้านนอกเชยๆคนเก่า เฉินเป่ยรัศมีบนร่างของเขานั้น ราวกับว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไปอย่างบอกไม่ถูก
“สเต็กในแบบเวลดันแม้จะกำจัดกลิ่นคาวออกไปแล้ว คงความชุ่มฉ่ำเอาไว้ แต่รสสัมผัสก็แข็งกระด้างไป ไม่มีความชุ่มฉ่ำแบบมิเดียมแร ที่สัมผัสละมุนนุ่มลิ้น เชฟผู้มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างกอร์ดอน แรมซี บอกว่าสเต็กมิเดียมแรให้รสสัมผัสที่นุ่มละมุนแทรกซึมไปทั้งปาก ให้รสสัมผัสที่มากกว่ามิเดียมเวลกับเวลดัน” เฉินเป่ยเอ่ยอย่างเรียบๆ “หรือคุณคิดว่าฝีมือการทำอาหารของคุณจะดีกว่าแรมซี่”
ชายในชุดสูทอึ้งจนเป็นใบ้พูดไม่ออก เขาอยากจะโต้แย้ง แต่เขากลับพูดอะไรไม่ออก
หนึ่งในบรรดาลูกค้าของร้านที่มามุงดูอยู่นั้น จู่ๆก็พูดขึ้นว่า “ผมคิดออกแล้ว ในรายการทำอาหารรายการหนึ่ง กอร์ดอนเคยพูดแบบนั้นจริงสเต็กมิเดียมแรเป็นเนื้อสเต็กที่มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนที่สุด ยังคงรสชาติของความเป็นสเต็กมากที่สุด”
ลูกค้าหลายคนมองเฉินเป่ยด้วยความแปลกใจ หลายคนก็ตกใจ ไอ้คนบ้านนอกนี่รู้จักเชฟที่มีชื่อเสียงอย่างกอร์ดอนด้วยหรือ
“จะว่าไปแล้ว ฉันก็ไม่เคยได้ยินเชฟกอร์ดอนพูดแบบนี้เลย”สีหน้าของชายชุดสูทย่ำแย่ เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า คนบ้านนอกเชยๆที่แม้แต่มีดกับส้อมยังจับไม่ค่อยถูกอย่างเขา จะสามารถใช้คำพูดเกี่ยวกับการทำอาหารได้อย่างคล่องแคล่ว!
“โอ้ ในเมื่อคุณไม่เคยได้ยินประโยคนี้ เช่นนั้นแม้แต่คงไม่ใช่ว่าราชินีอังกฤษชอบเสวยสเต็กแบบไหนคุณก็ยังไม่รู้หรอกนะ” เฉินเป่ยถามอย่างกวนประสาท ทำให้ชายในสุดสูทนั้นมีสีหน้าย่ำแย่ลงอีก
สิ่งที่ราชินีอังกฤษทรงโปรดนั้นหลายคนต่างก็รู้ดี แม้ว่าตัวจะอยู่หัวเซี่ย แต่หากอ่านหนังสือพิมพ์ต่างชาติเป็นประจำ ก็จะรู้ว่าราชินีทรงโปรดปรานสเต็กสุก30%เป็นพิเศษ
“ความหมายของคุณคือ แม้แต่ราชินีอังกฤษก็เป็นคนบ้านนอกเชยๆหรือ”เฉินเป่ยหัวเราะออกมา ชายในชุดสูทอ้ำอึ้งพูดไม่ออก สีหน้ายิ่งแย่มากกว่าเดิม!
คำพูดของเฉินเป่ย ราวกับเป็นการตบหน้าเขาหนึ่งฉาด ภายใต้สายตาของผู้คน ฟาดลงอย่างแรงบนใบหน้าชายในชุดสูท!
“สเต็กมิเดียมแรแม้จะแฝงกลิ่นคาวอยู่บ้าง แต่สามารถใช้ไข่ไก่ที่อยู่ข้างเนื้อสเต็กนั้นกลบเกลื่อนได้ ไม่อย่างนั้นคุณคิดว่าไข่ไก่ที่วางข้างๆเอามาทำอะไรกันหรือ” เฉินเป่ยเอ่ยเรียบๆ ทำให้ชายในชุดสูทหน้าถอดสี อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
เพราะบนโต๊ะอาหารที่อยู่ไม่ไกลนั้น ชาวตะวันตกสองคนสั่งสเต็กมิเดียมแรสองที่ หั่นออกมาเป็นเนื้อวัวสีแดง ราดไข่ใส่ลงไป ตักเข้าปาก ค่อยๆเคี้ยว
ขั้นตอนทั้งหมดนี้ เหมือนกับที่เฉินเป่ยพูดทุกอย่าง วินาทีนั้นทำให้บรรดาลูกค้าที่มามุงดูอยู่ สีหน้าแปลกประหลาดใจ ตกตะลึงอย่างมาก
คนบ้านนอกเชยๆอย่างนี้ กลับรู้และเข้าใจการกินสเต็กจริงๆหรือ วิธีที่พวกเขาใช้กินสเต็กมาตลอด กลับเป็นวิธีที่ผิดเหรอ
หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก รู้สึกว่าลมหายตัวเองติดขัดเล็กน้อย มองไปยังเฉินเป่ย ภายในใจไม่อาจสงบลงได้
ดวงตาคู่สวยนั้น มองแผ่นหลังของเฉินเป่ยอย่างสงสัย นัยน์ตาลึกล้ำ ไม่เข้าใจและสงสัย ยิ่งนับวันเธอยิ่ง ดูเหมือนว่ามองผู้ชายตรงหน้าไม่ออกเลย……
มุมปากซูเสี่ยวหยุนยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ที่เย้ายวนชวนหลงใหล เฉินเป่ยนับวันยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกสนใจในตัวเขามากขึ้น……หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่า ผู้ชายตัวเล็กอย่างเขา จะใช้วิธีนี้จัดการแก้ไขปัญหา
“ฉันฝากไว้ก่อนเถอะ……”สีหน้าชายในชุดสูทโกรธจนไฟแทบลุก ทำให้เขาทนไม่ไหว กล่าวทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค จากนั้นก็วิ่งพรวดพราดออกจากร้านไป
“ทานกันเถอะ สเต็กเย็นหมดแล้ว”มือทั้งสองข้างของเฉินเป่ยล้วงในกระเป๋ากางเกง หมุนตัวเดินกลับไปตรงหน้าของหลีชิงเยียนและซูเสี่ยวหยุน พร้อมเอ่ยเรียบๆ
“คุณไปรู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”หลีชิงเยียนถามอย่างสงสัย
“เดิมก็พอรู้อยู่บ้างครับ ครั้งก่อนหลังจากทำหารเสร็จผมก็ไปค้นหาข้อมูลดู ไม่อย่างนั้นจะมาแกล้งเขาได้อย่างไรครับ”เฉินเป่ยรีบอธิบาย
ได้ยินคำอธิบายของเฉินเป่ย,หลีชิงเยียนก็ยังไม่เชื่อเสียทีเดียว ไม่รู้เพราะอะไร ผู้ชายที่ปลิ้นปล้อนแถไปเรื่อยตรงหน้า ดูลึกลับซับซ้อนมากกว่าแต่ก่อนมาก……
“รีบกินเถอะ สเต็กเย็นชืดรสชาติก็ไม่อร่อยแล้ว”ซูเสี่ยวหยุนเอ่ยเตือน
“ผมออกไปสูบบุหรี่ก่อนนะ”เฉินเป่ยยิ้ม
“ไปๆๆ รีบไปเลย”หลีชิงเยียนถลึงตาใส่เฉินเป่ย ให้เขาอยู่ห่างตนยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น
เฉินเป่ยเดินออกมาด้านนอกร้านอาหาร เขาคลำแท่งบุหรี่ เพิ่งจะจุดบุหรี่ ทันใดนั้นก็มีรถตู้คันหนึ่งขับบึ่งเข้ามา ความรวดเร็วของล้อที่หมุนบดเสียดสีกับพื้นถนน เกิดเป็นเสียงแหลมบาดหู
รถตู้จอดสนิท ประตูรถเปิดออก ชายร่างสูงใหญ่กำยำหลายคน กระโดดลงมาจากบนรถ ในมือถือมีด พุ่งตัวมาทางเฉินเป่ย!
รุมฆ่า!นี่มันคือการลอบฆ่าเฉินเป่ย!
ประตูร้านอาหาร บรรดาลูกค้าสีหน้าตื่นกลัว พากันวิ่งหนีชุลมุนทั่วทั้งร้าน!
พวกเขาเป็นแค่คนธรรมดา พวกเขารู้ดีว่า อีกสักครู่ต้องเกิดเหตุการณ์นองเลือดที่น่ากลัวขึ้นแน่!
เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างเอื่อยๆ สายตาชำเลืองมองคนกลุ่มนั้น แววตาเรียบเฉย
ทันใดนั้น เขาก็ทิ้งก้นบุหรี่ แววตาลึกล้ำดำดิ่ง ที่จู่ก็ฉายความน่ากลัวดุดันออกมา
จากนั้น เขาก็หมุนตัววิ่งเข้าไปในซอยโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ตามไป! จับตัวมันมาให้ได้ ตายก็ต้องได้เห็นศพ!”บรรดาชายฉกรรจ์โบกมีดในมือ สีหน้าเหี้ยมโหดดุดัน!
หลังจากนั้นชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็วิ่งตามกันเข้าไปในซอย จู่ๆก็มีเงาดำทะมึนที่เหมือนตกลงมาจากฟ้า ทำให้ชายฉกรรจ์เหล่านั้นไม่ทันได้ป้องกันตัว!
“เฮ้ย—”หนึ่งในชายฉกรรจ์ร้องตะโกน มีดในมือฟันลงไปที่คอของร่างนั้น!
มีดฟันลงไปในอากาศ,คลื่นอากาศกลิ้งไปมาอย่างดุเดือด รังสีดาบทำให้คนกลัว!
วินาทีต่อมา มีดดาบกลับถูกคนผู้นั้นจับยึดเอาไว้ พวกชายฉกรรจ์หยีตามอง แทบไม่อยากจะเชื่อสายตา!
“เพล้ง—”มีดกลับถูกหัก พวกชายฉกรรจ์เหล้านั้นแม้แต่เงาของเขายังเห็นไม่ชัด ถูกขาถีบเข้ามาที่หน้าอก ล้มลงกับพื้นลุกไม่ขึ้น!
“วิ่ง!”บรรดาชายฉกรรจ์เหล่านั้นพากันวิ่งกรูกันมาที่ปากซอย มีเสียงรถตำรวจดังมาไม่ไกลจากตรงนั้น!
รถตำรวจ!
รถตำรวจจอดปิดกั้นอยู่ปากซอย ร่างสวยงามของผู้หญิงคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ ในมือถือปืนสั้นแบบ92 หันกระบอกปืนไปที่กลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้น ตะโกนว่า “นี่ตำรวจ ทุกคนยกมือขึ้นห้ามขยับ!”
บรรดาชายฉกรรจ์เหล่านั้นหน้าตาฟกช้ำดำเขียวตัวสั่น ต่างพากันทิ้งมีด นั่งยองๆอยู่ที่พื้น
เฉินเป่ยค่อยๆเดินออกมาจากซอย มองเห็นร่างสวย ดวงตาคู่นั้นก็พลันมีเลศนัยขึ้นมา
“คุณ! เอามือกุมศีรษะแล้วนั่งยองๆ!” เงาร่างที่สวยงามนั้นเห็นเฉินเป่ยเดินออกมา ก็ตะโกนสั่งอย่างไม่ไว้หน้า
“คุณตำรวจ นี่มันไม่เกี่ยวกับผมนะครับ พวกเขาจะมาทำร้ายผม จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นแบบนี้……”เฉินเป่ยพูดด้วยท่าทางน่าสงสาร
แต่ร่างสวยนั้นกลับไม่สนใจฟัง ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก ปืนสั้นแบบ92จ่อไปที่หน้าผากของเขา“หากไม่นั่งยองๆลงฉันก็จะลั่นไก!”
เฉินเป่ยสายตาชะงักมองปืนสั้นแบบ92ที่จ่ออยู่ตรงหน้าผาก นัยน์ตาที่ดุดันค่อยๆอ่อนลง……
โครงสร้างส่วนประกอบของปืน92นั้นเรียบง่ายมาก หากเขาคิดจะทำ สามารถใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาถอดชิ้นส่วนของมัน ……ปืนแบบนี้ สำหรับเขาแล้ว ข่มขู่เขาไม่ได้เลย
สุดท้าย เฉินเป่ยก็เอามือกุมหัวนั่งยองๆ นั่งยองๆอยู่กับคนพวกนั้นอยู่ที่มุมกำแพง
“หัวหน้าคะ เมื่อครู่ได้รับแจ้งว่ามีการก่อการทะเลาะวิวาท ฉันจับไว้ได้ทั้งหมดแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังจะกลับไปที่กรมค่ะ”ใบหน้าเรียวสวยนั้นพูดกับวิทยุสื่อสารจบ ก็เตะเฉินเป่ยหนึ่งครั้ง“ขึ้นรถ”
…………
ภายในห้องสอบสวนของสถานีตำรวจเมืองเมืองหู้ไห่ เฉินเป่ยถูกจับใส่กุญแจมือนั่งบนเก้าอี้ กุญแจมือที่ล็อคแน่นอยู่ที่มือ สีเงินเงาสะท้อนนั้น ทำให้เฉินเป่ยรู้สึกรำคาญมาก
“ชื่อนามสกุล” ตำรวจนายหนึ่งสีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึกถามขึ้น
“เฉินเป่ย”
“เพศ”
“คุณตำรวจ คุณเห็นผมเป็นผู้หญิงเหรอ” เฉินเป่ยหัวเราะ
“อย่าพูดมาก ผมถามคุณว่าเพศอะไร!” ตำรวจนายนั้นตบโต๊ะอย่างแรง
“ชาย……”
ด้านหลังกระจกที่อยู่ข้างห้องสอบสวน สายตาคู่สวยกำลังจ้องผ่านกระจกบานนี้ จ้องมองเฉินเป่ยอย่างเยือกเย็น
เกี่ยวกับเรื่องที่สายรายงานทางโทรศัพท์ ชายหนุ่มร่างเล็กผิวแทนคนนี้ กลับสามารถทำให้คนพวกนี้ที่ตัวใหญ่กว่าเขาบาดเจ็บได้
ร่างสวยนั้นกอดอก สายตาเยือกเย็นสงสัยมองไปยังเฉินเป่ย คิดอยากจะหาให้เจอเบาะแสอะไรบางอย่าง
สุดท้าย ไม่ว่าเธอจะมองอย่างไร ก็รู้สึกว่าเฉินเป่ยไม่เหมือนนักสู้ที่ถูกฝึกฝนมา
”คุณตำรวจ ผมไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ผมสูบบุหรี่อยู่ดีๆ อยู่ๆคนพวกนี้ก็วิ่งพรวดพราดเข้มาจะฟันผม ผมก็วิ่งหนีเข้าไปในซอย สุดท้ายก็ไม่รู้มีคนลึกลับมาจากไหนปรากฏตัวขึ้น จัดการกับพวกเขาแล้ว“เฉินเป่ยทำหน้าตาน่าสงสาร ดูแล้วไม่เหมือนกำลังเสแสร้ง
“ปึง——”
ประตูห้องสอบสวนถูกผลักออก เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นเดินเข้ามา พูดกับนายตำรวจที่กำลังสอบปากคำเฉินเป่ยอยู่ว่า “ฉันสอบเขาเอง คุณไปพักผ่อนได้แล้ว ”
“ครับหัวหน้าเย่ ”
ร่างที่มีใบหน้าเรียวสวยนั้นเดินไปเดินมาด้านหน้าของ เฉินเป่ย สายตาของเฉินเป่ยมองไปที่ร่างงดงามนั้น
ใบหน้าสวยรูปไข่ เครื่องแบบตำรวจสีน้ำเงินแนบร่างแน่น ทว่าน่าเสียดายที่ใบหน้าสวยงามเรียวเป็นรูปไข่นั้นแสดงออกถึงความเย็นชาอยู่ตลอดเวลา ท่าทางไม่เป็นมิตรกับใคร
“ฉันขอแนะนำตัวเองนะ ฉันชื่อเย่ชวง เป็นหัวหน้ากองของสถานีตำรวจ เมื่อครู่มีคนแจ้งเบาะแสว่าคุณก่อเหตุทะเลาะวิวาท คุณมีอะไรจะพูดมั้ย” เย่ชวงถาม
“มีผู้คนแจ้งเบาะแส……” เฉินเป่ยบ่นพึมพำ มุมปากกระดกขึ้นทำมุม “น่าสนใจ……”
“อะไรน่าสนใจ”เย่ชวงส่งเสียงฮึ่มในลำคอ
“หัวหน้าเย่ ผมถูกใส่ร้าย……” เฉินเป่ยเอ่ยออกมาเบาๆ แต่กลับถูกเย่ชวงขัดขึ้นว่า “ใส่ร้ายเหรอ คนหนึ่งกระดูกหักสี่ท่อน คนหนึ่งศีรษะกระทบกระเทือน ยังมีคนที่เลือดออกในอวัยวะภายในอีก นี่เรียกว่าถูกใส่ร้ายหรือ!”
ใบหน้างดงามมีเสน่ห์ของเอ่ยอย่างน่ากลัวว่า “หากคุณไม่สามารถให้เหตุผลที่มันฟังดูสมเหตุสมผลได้ ฉันคงต้องฝากขังคุณไว้15วันก่อน!”
เฉินเป่ยมองเย่ชวงอย่างสนใจ……จะขังเขา 15วันอย่างนั้นหรือ