สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 241
บทที่241 รอผมกลับมา
นึกถึงตรงนี้ ซูเหลยรีบลุกขึ้นมา สีหน้าดุเดือด รีบเร่งพุ่งออกจากห้องทำงาน พุ่งเข้าไปในห้องทำงานของเฉินเป่ย มองเห็นเฉินเป่ยเอาขาทั้งคู่พาดอยู่บนโต๊ะ กำลังจ้องแบบจำลองภูมิศาสตร์กรมทหาร จมสู่การครุ่นคิด
ซูเหลยกวาดสายตามองแบบจำลองภูมิศาสตร์กรมทหารใช้อันนั้น ดวงตาทั้งคู่หดทันที เธอคาดไม่ถึงว่าในห้องทำงานของเฉินเป่ย จะยังมองเห็นของแบบนี้ได้
“มาแล้วเหรอ?” เฉินเป่ยเงยหน้า มองซูเหลยแวบหนึ่ง มุมปากฉีกรอยยิ้มหนึ่งขึ้น
“นั่งสิ” เฉินเป่ยเอ่ยปากบอก
ซูเหลยนั่งลงมา มองทางเฉินเป่ย ท่าทางซับซ้อนถามว่า “คุณอยู่ข้างกายประธานหลี สรุปอยากทำอะไร?”
เฉินเป่ยชำเลืองมองซูเหลยที่สีหน้าซับซ้อนทีหนึ่ง ตะลึงครู่หนึ่ง ยิ้มบอก “เธอคิดว่าเธอมีสิทธิ์ถามเรื่องนี้กับฉันมั้ย?”
ซูเหลยสีหน้าอึ้ง “ทำไม ฝีมือของคุณน่าจะไม่อ่อน ทำไมยังต้องให้ฉันอยู่ข้างกายประธานหลี?”
“ฉันคงไม่ได้อยู่ข้างกายของหล่อนตลอด เวลาพวกนี้ก็ต้องการเธอแล้ว” เฉินเป่ยค่อยๆ พ่นควันบุหรี่ออกมา ก่อนจะบอกไป
“น่าจะไม่ใช่แค่เหตุผลนี้หรอกมั้ง?” ซูเหลยมองทางเฉินเป่ย แววตาเปล่งประกาย
เฉินเป่ยมองซูเหลยทีหนึ่ง “เหตุผลอย่างที่สองยิ่งง่ายมาก เธอสามารถกำจัดการระวังตัวของศัตรูได้”
ซูเหลยมึนงง ในใจสั่นสะเทือนเล็กน้อย……การมีตัวตนของเธอ คือต้องทำให้ทุกคนคิดว่าเป็นบอดี้การ์ดของประธานหลีคุ้มครองความปลอดภัยของประธานหลี และเพิกเฉยต่อเฉินเป่ยที่ไม่มีชื่อเสียงทำตัวธรรมดา
“ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเกมที่คุณตั้งใจจัดเตรียมตั้งแต่แรกสินะ?” ซูเหลยมองทางเฉินเป่ย ถามขึ้น
เฉินเป่ยตอบนิ่งๆ “ถือว่าเป็นเกมไม่ได้ เพียงเพื่อความปลอดภัยของหล่อน ฉันไม่ทำแบบนี้ไม่ได้”
“แต่เรื่องมากมายเกิดขึ้นเพราะคุณ” ซูเหลยจ้องเฉินเป่ยแน่น
เฉินเป่ยหัวเราะฮาๆ พูดอธิบาย “นั่นเป็นเพียงที่เธอเห็น เดิมทีเธอไม่รู้ว่ามีผู้มีอิทธิพลมากแค่ไหนจ้องเขมือบบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปอยู่ มือมีดนักฆ่ามากแค่ไหน วางแผนจะลอบฆ่าชิงเยียนอย่างไรอยู่ตลอดเวลา……ฉันเพียงแค่ลงมือกำจัดพวกคุกคามบางส่วนที่แฝงอยู่ก่อนเท่านั้นเอง”
“คุณไม่มีเป้าหมายอื่นกับหล่อนจริงเหรอ?” สีหน้าซูเหลยซับซ้อน หลีชิงเยียนดีต่อเธอมาก เธอไม่อยากโดนคนคนนี้หลอกใช้ ทำร้ายถึงหลีชิงเยียนเข้า
“หล่อนเป็นผู้หญิงของฉัน เป้าหมายที่ฉันมีต่อหล่อน นอกจากขึ้นเตียงมีลูกกัน ยังมีอะไรได้อีก?” มุมปากเฉินเป่ยฉีกยิ้มแบบเล่นแง่ขึ้น
“คำถามสุดท้าย……คุณเป็นใคร?” ดวงตาทั้งคู่ของซูเหลยกะพริบ ถามคำถามที่สำคัญที่สุดออกมา
สายตาซูเหลยจ้องเฉินเป่ยแน่น คำถามข้อนี้พัวพันอยู่ในความคิดของเธอเยอะและนานเหลือเกิน
ลางสังหรณ์ที่แหลมคมที่สุดของซูเหลยบอกกับเธอ เฉินเป่ยต้องไม่ธรรมดาเด็ดขาด
“ฉันเป็นใคร สำคัญด้วยเหรอ? รู้สถานะของฉันแล้ว อาจไม่มีผลดีกับเธอ……” เฉินเป่ยดับก้นบุหรี่ บอกว่า “เธอควรกลับไปแล้ว ต่อไปควรทำยังไง คิดว่าไม่ต้องให้ฉันบอกมั้ง?”
ซูเหลยพยักหน้าอย่างไม่พูดอะไร ค่อยๆ หมุนตัว ร่างกายสั่นเทาเดินออกจากห้องทำงานแล้ว
หลังกลับมาถึงห้องทำงาน ซูเหลยนั่งอึ้งอยู่ที่ห้องทำงานไม่ขยับเขยื้อนตั้งนาน เหมือนเป็นรูปปั้น
เมื่อสักครู่ในห้องทำงานของเฉินเป่ย คำถามพวกนั้นนำความรู้สึกสั่นสะเทือนมาให้เธอมากเหลือเกิน เดิมทีเธอนึกไม่ถึงว่าคนหลอกลวงที่เมื่อก่อนตนเองเคยคิดหาสารพัดวิถีทางอยากเปิดโปงคนนี้ พูดให้เข้าใจง่ายหน่อย คาดไม่ถึงจะเป็นลูกพี่ของลูกพี่ตนเอง
ที่จริงเธอไม่ได้ทายผิด สถานะของเฉินเป่ยไม่ธรรมดาจริง……แต่ถึงปัจจุบันนี้เธอก็ยังไม่ชัดเจนในสถานะของเฉินเป่ย
ผู้ชายที่นิสัยเล่นแง่มากคนนี้ ในสายตาของเธอ ชั่วพริบตาเดียวก็เพิ่มความลึกลับน่าฉงน เธอพบว่า อย่างไรเสียเธอก็ดูเฉินเป่ยไม่ออก
ผ่านไปตั้งนาน ซูเหลยถึงหยิบเสื้อเปื้อนเลือดออกจากลิ้นชัก ก้มหน้ามองแวบหนึ่งด้วยสีหน้าซับซ้อนล้วงไฟแช็กออกมา ค่อยๆ จุดที่มุมเสื้อแล้ว
เปลวไฟลุกไหม้ ไม่นานทั้งเสื้อเชิ้ตก็ถูกเปลวไฟปกคลุม ซูเหลยทิ้งลงในชาม เปลวไฟลุกไหม้โชติช่วง ซูเหลยอึ้งค้างจ้องมองไฟกองนี้ สายตาสลับซับซ้อนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
อากาศในห้องทำงานโดนเปลวไฟเผาไหม้ อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ควันไฟตลบอบอวลไปทั่ว กระตุ้นระบบตรวจจับไฟไหม้ที่พ่นน้ำอยู่บนเพดานห้องให้ทำงานโดยอัตโนมัติ
ไม่เพียงแค่นี้ ควันไฟหนาก็มุดออกจากช่องประตูของห้องทำงาน ไม่นานก็ดึงดูดความสนใจของพนักงานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปมากมาย
หลินเฉว่ที่กำลังเดินไปทางห้องทำงานประธานเจอเป็นคนแรก ผลักเปิดห้องทำงานของซูเหลย มองเห็นซูเหลยเปียกชื้นไปทั้งตัวยืนอยู่ในห้องงาน
……
ในห้องทำงานประธาน หลีชิงเยียนมองซูเหลย ถามอย่างห่วงใย “ซูเหลย เธอเป็นอะไร? ฉันคิดว่าเกิดไฟไหม้ล่ะ”
ซูเหลยส่ายๆ หน้า หล่อนโดนน้ำเย็นราดจนได้สติขึ้นมา
“ขอบคุณความห่วงใยของประธานหลีค่ะ แต่ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”
“มีความลับไม่สบายใจอะไรอย่าลืมบอกฉัน ฉันอาจจะช่วยได้” หลีชิงเยียนพยักหน้า พูดขึ้น
เวลานี้หลีชิงเยียนไม่รู้ทุกอย่างที่ซูเหลยเจอมา เธอคิดว่าคนในครอบครัวซูเหลยเจอปัญหายุ่งยากอะไรเข้าเสียอีก
“ไม่อย่างนั้นเธอกลับไปพักผ่อนสักสองสามวัน ฉันว่าสภาพจิตใจเธอไม่สู้ดีเอามากๆ” เห็นซูเหลยยังคงอกสั่นขวัญหายอยู่บ้าง หลีชิงเยียนเอ่ยปากด้วยความระมัดระวัง
ซูเหลยส่ายหน้า ปฏิเสธความหวังดีของหลีชิงเยียน จากนั้นกลับไปห้องทำงาน
ช่วงพลบค่ำ สถานีตำรวจหู้ไห่
เย่ชวงทำงานยุ่งอยู่ในห้องสืบสวนคดีอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก บอกกับเย่ชวงว่า “หัวหน้าเย่ พวกเรานำหน้าตาคร่าวๆ ของผู้ต้องสงสัยที่พยานบุคคลเห็นและลอกเลียนออกมาแล้ว…..ฐานข้อมูลของทั้งเมืองหู้ไห่ล้วนไม่มีตัวตนของคนผู้นี้”
เย่ชวงรับรูปภาพเข้ามา กวาดตามองทีหนึ่ง ใบหน้างดงามแข็งทันใด
คนในรูปนี้เธอช่างคุ้นหน้าเหลือเกิน เธอขมวดคิ้วขึ้น เธอจำได้ชัดเจน คนผู้นี้ทิ้งความทรงจำที่ลึกมากไว้ให้เธอ แต่ทันใดนั้นเธอคิดอย่างไรก็นึกชื่อของคนคนนั้นไม่ออก
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นออกไป เย่ชวงนั่งบนเก้าอี้ ดวงตาจ้องมองรูปภาพตั้งนาน หน้าตาของคนผู้นี้เธอคุ้นตามาก แต่บุคลิกกลับทำให้เธอหวาดกลัวมาก
ดวงตาทั้งคู่ของเขาเหมือนซ่อนความล้ำลึกและโหดเหี้ยมไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับที่มืดดำหาขอบเขตไม่ได้ผืนหนึ่ง
เย่ชวงลองเอามือปิดดวงตาทั้งคู่ในรูปเอาไว้……ตอนที่ดวงตาของเขาโดนบดบัง ทันใดนั้นร่างกายเย่ชวงก็สั่น ดวงตาเบิกโต
“เป็นนาย!”
เย่ชวงเอ่ยปากพึมพำโดยจิตใต้สำนึก ใบหน้าหนักหน่วง
รูปภาพใบนี้ก็คือเฉินเป่ย เพียงแต่ว่าเฉินเป่ยในรูปเวลานี้ ราวกับเป็นคนละคนกับเฉินเป่ยในเวลาปกติ
เฉินเป่ยที่เย่ชวงเคยเจอก่อนหน้านี้ช่างไร้ยางอาย พูดจาปลิ้นปล้อน เป็นอันธพาลเล่นแง่คนหนึ่งโดยสิ้นเชิง……ส่วนในรูปที่เหมือนเฉินเป่ยมากนั้น แววตาหนาวเย็น ไม่เหมือนจิตวิญญาณเดียวกันโดยสิ้นเชิง
“นี่ถึงเป็นนายที่แท้จริงสินะ……” เย่ชวงพึมพำ เธอเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแบบลางๆ บางทีเฉินเป่ยที่เธอเคยเจอก่อนหน้านี้อาจเป็นการเสแสร้ง……และสังหารหมู่โหดเหี้ยมนับไม่ถ้วน ถึงเป็นลักษณะที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้
“เสี่ยวจาง!” เย่ชวงตะโกนเรียก
“หัวหน้าเย่ มีอะไรครับ?” เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ชื่อเสี่ยวจางคนนั้นรีบเดินเข้ามาจากด้านนอก
“นำข้อมูลอื่นๆ ของผู้ต้องสงสัย ส่วนสูงน้ำหนัก ขนาดของรอยเท้าทั้งหมดมาให้ฉัน” น้ำเสียงเย่ชวงจริงจังเคร่งขรึม “เรียกทีมรวมตัว เตรียมออกเดินทางทุกเวลา จับกุมผู้ต้องสงสัย”
ไม่นาน กระดาษที่เขียนข้อมูลไว้เต็มแผ่นหนึ่งยื่นให้เย่ชวงแล้ว
เย่ชวงกวาดสายตามองทีหนึ่ง สีหน้าดุเดือด……ที่แท้ข้อมูลพวกนี้สอดคล้องกับเฉินเป่ยทั้งหมด
“ออกเดินทางไปบ้านหลี รีบจับกุมผู้ต้องสงสัยเฉินเป่ย” เสียงของเย่ชวงดุเดือดรุนแรง จริงจังน่าเชื่อถือ
…………
ภายใต้ฉากยามค่ำที่ลุ่มลึก ไฟของสถานีหู้ไห่สว่างไสว เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละคนพุ่งออกจากในสถานีตำรวจ นั่งเข้าในรถตำรวจ สัญญาณไฟของรถตำรวจประกาย เสียงไซเรนเสียดแก้วหูดังขึ้นไปทั่ว ดังก้องไม่หยุด แผดเสียงก้องออกไปยังที่ไกลๆ
เวลานี้ ณ คฤหาสน์หรูบ้านหลี ในห้องอาหาร เฉินเป่ยพึ่งทำอาหารที่ร้อนกรุ่นจานหนึ่งเสร็จ ยกจากในห้องครัวมาวางที่โต๊ะ
ซูเสี่ยวหยุนมองอาหารแต่ละเมนูที่สีสันและกลิ่นน่าทานบนโต๊ะนี้ พลางยิ้มบอก “โอ๊ะ ฝีมือทำอาหารของนายดีขึ้นทุกวันเลยนะ”
เดิมทีเมนูอาหารที่เฉินเป่ยทำก็รสเลิศมากอยู่แล้ว ช่วงเวลานี้เพื่อให้ได้รับการยกโทษของหลีชิงเยียน เฉินเป่ยสามารถใช้พลังมหาศาล คิดจนสุดกำลังสมองในการทำอาหารรูปแบบใหม่สารพัดออกมา
ต่อให้เป็นหลีชิงเยียนที่เคยชิมอาหารอร่อยมานับไม่ถ้วนตั้งแต่เด็ก เมื่อเผชิญหน้ากับอาหารใหม่ๆ ที่เฉินเป่ยพัฒนาขึ้นมา ก็อดใจไม่ไหวอยากจะลองทาน
“ชิงเยียน คุณดูเมนูนี้ของผม เป็นยังไงบ้าง?” เฉินเป่ยยิ้ม สายตามองทางหลีชิงเยียนเต็มไปด้วยความหมายเอาอกเอาใจ
“เฉยๆ” หลีชิงเยียนทำสีหน้าเฉื่อยเนือยใส่เฉินเป่ย เอ่ยปากนิ่งๆ
ถึงแม้คำพูดจะบอกไปแบบนี้ แต่เมนูอาหารนี้ หลีชิงเยียนไม่ได้ทานน้อยแต่อย่างใด
“เฉยๆ งั้นเธอก็อย่ากินสิ” ซูเสี่ยวหยุนมองตาค้อนแบบน่าดึงดูดไปทางหลีชิงเยียนทีหนึ่ง
ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างจ้องมองเฉินเป่ย มองรอยยิ้มที่เอาใจของเฉินเป่ยแล้วอดนึกถึงบทสนทนาตอนกลางวันของหล่อนกับเฉินเป่ยไม่ได้ ยิ่งเงียบลงอย่างอดไม่ได้
“ยังมีซุปร้อนอีกอย่าง ผมจะไปยกมาให้พวกคุณ” เฉินเป่ยพูดขึ้น
“ถึงตอนนี้นายยังไม่ได้กินข้าวสักคำ นั่งลงกินข้าวก่อนเถอะ” ซูเสี่ยวหยุนเรียกไว้
เฉินเป่ยปัดๆ มือ ยิ้มกริ่มบอก “พวกคุณกินอิ่ม ผมถึงวางใจกินได้”
เวลานี้ ด้านนอกคฤหาสน์ที่สนุกครึกครื้น มีรถตำรวจแต่ละคนแผดเสียงก้องมาจากที่ไกลออกไป
“เอี๊ยด!”
รถตำรวจหลังเข้ามาใกล้คฤหาสน์ตระกูลหลี ค่อยลดความเร็วลงมา ล้อรถกับพื้นเสียดสีกัน เกิดเสียงที่ทำให้คนเสียวฟันแสบแก้วหูขึ้นมา
ประตูรถของตำรวจเปิดออก ขาเรียวยาวข้างหนึ่งที่ใส่กางเกงหนังและรองเท้าบูตหนังเหยียบลงพื้น เสียงดังกังวาน
เย่ชวงและเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินออกจากในรถ มุ่งหน้าไปทางคฤหาสน์หรูเสียงตึกๆๆ
หน้าประตู บอดี้การ์ดสองคนขวางเย่ชวงเอาไว้
“พวกเรามาจากสถานีตำรวจหู้ไห่ รบกวนกรุณาหลบให้ด้วย” เย่ชวงสีหน้าเย็นชาจริงจัง น้ำเสียงน่าเชื่อถือ
บอดี้การ์ดทั้งสองคนมองหน้ากันและกัน หลังเย่ชวงแสดงเอกสาร ย่อมไม่กล้าขัดขวางอีก ให้เย่ชวงนำทีมเดินเข้าไป
กริ่งประตูดังขึ้น ซูเสี่ยวหยุนและหลีชิงเยียนมองหน้ากัน
หลีชิงเยียนลุกขึ้น พูดด้วยเสียงน่าดึงดูด “ฉันไปเปิดประตูเอง”
หลีชิงเยียนเดินมาถึงหน้าประตู เปิดประตูบ้านออก กลับเห็นเย่ชวงยืนอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ ท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง ทำให้ในใจหลีชิงเยียนเกิดความรู้สึกไม่ดีนิดๆ ขึ้น
“ประธานหลี รบกวนคุณพักผ่อนแล้ว” เย่ชวงพูดขึ้น
หลีชิงเยียนมองเจ้าหน้าที่ตำรวจด้านหลังเย่ชวงทีหนึ่ง ถามว่า “หัวหน้าเย่มาบ้านฉันดึกขนาดนี้ทำไมกัน? ยังพาคนมามากขนาดนี้ด้วย”
“เมื่อคืนนี้เกิดคดีฆาตกรรมที่เดียวกันขึ้น พวกเราสงสัยว่าเฉินเป่ยจะเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เลยมาจับกุมเขา รบกวนคุณหลบหน่อย” เย่ชวงพูดขึ้น
ใบหน้าท่าทางของหลีชิงเยียนเปลี่ยนเล็กน้อย ในใจสั่นสะเทือน
ที่แท้! ดวงตาหลีชิงเยียนประกายสีที่ซับซ้อนผ่านไป ซูเหลยพูดไม่มีผิดสักนิดเดียว……ที่แท้เฉินเป่ยหนีไม่พ้นความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
“เจอเขาได้ แต่ถ้าจะพาเขาไป ฉันไม่อนุญาต” ทันใดนั้นดวงตางดงามของหลีชิงเยียนเผยความหมายแน่วแน่ ตอบกลับ
เย่ชวงสีหน้าเย็นชา “ประธานหลี พวกเรากำลังทำงานยึดหลักตามความเป็นธรรมอยู่ คงไม่ยอมให้คุณปฏิเสธได้”
“อยากเอาเขาไป งั้นก็พาฉันไปด้วยกันเถอะ” หลีชิงเยียนขวางหน้าประตูไว้ บอกไป
บนโต๊ะอาหาร ซูเหลยมองทางเฉินเป่ย ภายในแอบถอนใจ ความจริงกำลังจะปรากฏออก
หลังเฉินเป่ยวางซุปร้อนลง มองที่หน้าประตู ดวงตาทั้งคู่สงบล้ำลึก
เย่ชวงมองทางหลีชิงเยียน ผู้หญิงที่งดงามเหมือนกันสองคนจ้องหน้ากัน สายตาปะทะ ในอากาศที่ว่างระเบิดสายฟ้าแลบที่ไร้รูปร่างออกมา
หญิงสาวทั้งสองต่อสู้ซึ่งหน้า ในอากาศมีสภาวะที่พร้อมปะทะอย่างดุเดือดคลุ้งกระจายแบบเลือนราง
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ด้านหลังเย่ชวงมองหน้ากัน สีหน้าพวกเขากระอักกระอ่วน สถานการณ์แบบนี้ ใครก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
“ไม่ต้องหรอก ผมจะไปกับพวกคุณ”
ในเวลานี้ ด้านหลังหลีชิงเยียนมีเสียงเรียบเฉยหนึ่งดังขึ้น เฉินเป่ยถอดผ้ากันเปื้อนออก มือทั้งคู่ล้วงกระเป๋ากางเกง ท่าทางนิ่งสงบ เหมือนการมาของเย่ชวง มีลางสังหรณ์มาแต่แรกแล้ว
ใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนค้าง หันหน้ามองทางเฉินเป่ย ดวงตาประกายความไม่เข้าใจนิดๆ ……เธอไม่เข้าใจ เฉินเป่ยยังกล้าออกไปกับเย่ชวง?
ทั้งๆ ที่เขามีความเกี่ยวข้องอย่างลึกลับซับซ้อนกับเรื่องนี้ เย่ชวงคงไม่อาจปล่อยเขาไป
เขาเอาความมั่นใจมาจากไหน? ใครให้เขามา? ?
“ไม่ได้ ฉันไม่ยอม” หลีชิงเยียนพูดจาเย็นชา
“คนดี ไม่ดื้อนะ รอผมกลับมา” ทันใดนั้นเฉินเป่ยมองทางหลีชิงเยียน พูดเสียงละมุนประโยคหนึ่ง
หลีชิงเยียนใบหน้าตะลึง รอเธอตอบสนองเข้ามา เฉินเป่ยก็เดินออกจากคฤหาสน์แล้ว ตามเย่ชวงนั่งเข้าไปในรถตำรวจ
แก้มที่ขาวนวลของหลีชิงเยียน เมื่อสักครู่โดนเฉินเป่ยหยอกล้อกะทันหัน แดงระเรื่อขึ้นมาฉับพลัน ยากที่นางฟ้าผู้นี้จะหน้าแดง