สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 243
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่243 แรงกดดัน
ภายใต้การคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย เฉินเป่ยตามภาพด้านหลังของเย่ชวงที่อยู่ไม่ไกลนักไปอย่างนิ่งเฉย เดินเข้าสถานีตำรวจ
จากนั้นผ่านระเบียงทางเดินที่ยาวๆ แต่ละเส้น ในที่สุดเย่ชวงก็หยุดลงที่หน้าห้องควบคุมตัวห้องหนึ่ง หมุนตัวมองทางเฉินเป่ย ดวงตาเผยความหมายที่หนาวเย็น ออกคำสั่งด้วยเสียงน่าดึงดูด “เอาเขาเข้าไป”
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองคนลังเลขึ้นก่อน ส่วนเฉินเป่ยยื่นมือไปอย่างเรียบเฉยบอกว่า “ผมเข้าไปเอง ไม่ต้องรบกวนพวกคุณ”
เฉินเป่ยพูดจบ ใส่กุญแจมือไว้เดินเข้าไปในห้องควบคุมตัว นั่งลงมาแบบนิ่งสงบ
เย่ชวงทำเสียงฮึดฮัด “งั้นก็เอาโซ่ตรวนใส่เองด้วยสิ”
เฉินเป่ยตะลึง บอกว่า “หัวหน้าเย่ ไม่ต้องทำเด็ดขาดขนาดนี้ก็ได้มั้ง?”
“ไม่ใช่แค่แสดงละครฉากหนึ่งเองเหรอ ทำซะเหมือนจริงเลย……” เฉินเป่ยบ่นพึมพำ
เสียงพึมพำของเฉินเป่ยลอยเข้าหูของเย่ชวง เย่ชวงทำเสียงฮึดฮัด ยักคิ้วทีหนึ่ง ใบหน้างดงามประกายการหยอกเย้า “นายคิดจริงๆ เหรอว่าครั้งนี้นายจะยังมีชีวิตรอดเดินออกไปได้?”
“ความผิดของนายฉันกุมไว้หมดแล้ว หลักฐานแน่นหนา ไม่ว่าใครมาลบล้างข้อสงสัยของนายล้วนไม่มีประโยชน์ ฉันกุมหลักฐานแน่นหนาไว้ในมือทั้งหมดแล้ว” แต่ละคำของเย่ชวงชัดเจนมีพลัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักแน่น
“ผมมีความผิดอะไร? หัวหน้าเย่ กินข้าวมั่วๆ ได้ แต่จะมาพูดมั่วๆ ไม่ได้นะ” เฉินเป่ยหัวเราะแล้ว พูดจานิ่งๆ
เย่ชวงเอ่ยปากด้วยเสียงน่าดึงดูด “นายจะอธิบายหรือปฏิเสธยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ความจริงวางอยู่ตรงหน้าแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเรามาคอยดูกันเถอะ”
ครั้งนี้เย่ชวงจับเฉินเป่ยด้วยความมั่นใจมาก มีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จ เธอเชื่อว่าต่อให้ไม่ว่าใครมา หลักฐานตรงหน้าที่อยู่ในมือเธอล้วนไม่มีทางลบล้างข้อสงสัยของเฉินเป่ยได้
เฉินเป่ยจะโดนปล่อยออกจากสถานีตำรวจหู้ไห่อีกงั้นหรือ? นี่คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
…………
และเวลานี้ ในอาคารสองชั้นที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีตำรวจหู้ไห่นัก บนฟูกติดสปริงภายในที่อ่อนนุ่ม อธิบดีสถานีตำรวจหู้ไห่กำลังนอนหลับอย่างหอมหวาน เสียงกรนไม่เบา เห็นได้ชัดว่าเขาหลับสบายมากเชียวล่ะ
ทันใดนั้นมือถือที่วางไว้บนชั้นตรงหัวเตียงดังขึ้นกะทันหัน เสียงกริ่งมือถือที่เสียดแก้วหูทำเอาอธิบดีสะดุ้งตื่นทันที
อธิบดีโกรธมาก หยิบมือถือขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด และหลังจากมองเห็นมือถือ สีหน้ากลับฝืดค้างฉับพลัน
เจ้าของหมายเลขนี้ สถานะไม่ธรรมดา หลังเขารับสายโทรศัพท์ น้ำเสียงที่เหนื่อยล้าหายวับไป ยิ้มพูดประจบอย่างระมัดระวัง “เลขาจาง……”
“คุณหาเรื่องใหญ่เข้าแล้ว” ในสายนั้น น้ำเสียงเลขาจางพูดอย่างเคร่งขรึม
อธิบดีได้ยินคำพูดของเลขาจาง สั่นไปทั้งตัวทันที
เวลานี้คือกลางดึกสงัด ปกติหากไม่มีเรื่องด่วนอะไร เป็นไปได้อย่างไรที่จะโทรศัพท์เข้ามาในเวลานี้
และเลขาจางโทรศัพท์เข้ามาในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าคงไม่ได้จะบอกข่าวดีอะไรกับเขา
“มีอะไรแล้วครับ เลขาจาง?” อธิบดีพยายามยิ้มออกมานิดๆ “ใช่ชาต้าหงเผาที่ให้ท่านไปครั้งก่อนนั้นไม่ดีรึเปล่าครับ? ถ้าไม่อย่างนั้นวันหลังผมให้ท่านใหม่อีก?”
“ยังคิดมาดื่มชาอีกเหรอ?” เลขาจางกัดฟัน ทำลักษณะเข้มงวดหวังให้เขาดีขึ้น “คุณรู้รึเปล่าว่าคุณหาเรื่องใหญ่เข้าแล้ว แม้แต่สำนักภาษีของพวกผมยังวุ่นวายเพราะคุณ”
“มีอะไรเหรอครับ?” อธิบดีสีหน้าแข็งทื่อ เลขาจางอยู่ที่สำนักภาษีตำแหน่งสูง และที่เขาพูดมานี้ ทำให้ในใจอธิบดีไม่สงบขึ้นมาอย่างรุนแรงในชั่วขณะหนึ่ง
มีเลขาจางอยู่ เดิมทีเขาคิดว่าทุกอย่างจะสบายไร้กังวล แต่ตอนนี้เลขาจางกลับโทรศัพท์เข้ามา……
“เมื่อกี้อธิบดีโทรศัพท์เข้ามา ให้ผมแจ้งคุณให้คุณรีบปล่อยตัวคน ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้เช้า เขาจะค้นหาเรื่องที่ไม่ควรค้นบางอย่างออกมาจากหลายๆ ที่” เลขาจางพูดเสียงทุ้ม สีหน้าหนักหน่วง
“ปล่อยตัวคน?” อธิบดีมึนงงมาก “ช่วงนี้ความสงบเรียบร้อยของหู้ไห่ถือว่าไม่เลว ผมไม่ได้จับใครมานี่ครับ?”
อธิบดีรู้ดีมาก บุคคลยิ่งใหญ่เหล่านั้น อธิบดีไม่ไปแตะต้องเด็ดขาด ไม่เพียงเช่นนี้เขายังให้ลูกน้องพวกนั้นอย่าไปแตะต้องเช่นกัน ลดเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นฉับพลันบางอย่างลง
“ยังไม่ได้จับอีก? สามีของประธานหลีโดนพวกคุณจับไปคุณยังไม่รู้เหรอ?” ในสายนั้น เลขาจางหัวเราะเยาะ “ตระกูลหลีใกล้จะบ้าแล้ว คุณดูแลตัวเองให้ดีเถอะ ผมช่วยคุณได้ถึงแค่ตรงนี้”
เลขาจางพึ่งพูดจบ ไม่รอให้อธิบดีเอ่ยปากพูดอะไรก็ตัดสายไปอย่างรวดเร็ว
หลังวางโทรศัพท์ลง สีหน้าอธิบดีเปลี่ยนไม่หยุด สีหน้าของเขาดูแย่มาก…..ถ้าพรุ่งนี้เช้าเรื่องสกปรกพวกนั้นของตนเองแดงขึ้น เลขาจางไม่ได้ปิดไว้ให้เขา…..อย่าพูดถึงตำแหน่งนี้เลย……ไม่แน่ว่าศีรษะเขาอาจจะหลุดไปด้วย
อย่างไรเสียอธิบดีก็คาดไม่ถึง เฉินเป่ยจะโดนจับเข้ามาอย่างน่าประหลาดใจ ตนเองไม่รู้เรื่องสักนิด……ถ้าไม่ใช่เลขาจางเตือนสติเขา ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้เช้าเขาคงโดนตรวจสอบเป็นพิเศษแน่
ตนเองไม่ใช่เพียงนอนไม่กี่ชั่วโมงเองเหรอ สรุปสถานีตำรวจหู้ไห่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
อธิบดีท่าทางหนักหน่วง เขาสำนึกได้รางๆ สถานีตำรวจเหมือนเกิดเรื่องใหญ่แล้ว
ตนเองเคยเตือนลูกน้องเหล่านั้น เฉินเป่ยมีที่มาไม่ธรรมดา ให้พวกเขาอย่าหาเรื่องเจ้าหมอนี่…..ผลลัพธ์เฉินเป่ยยังโดนจับเข้ามาจนได้
อธิบดีจิตใจสับสน ในใจเขาเต็มไปด้วยไฟโกรธ
อธิบดีลุกขึ้น รีบใส่เสื้อผ้า เขาต้องรีบไปที่สถานีตำรวจ เขาต้องเข้าใจเรื่องราวให้ชัดเจนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
………..
เย่ชวงจ้องเฉินเป่ยอย่างเย็นชา ในดวงตางดงามประกายความได้ใจผ่านไป
ต่อให้ก่อนหน้านี้เฉินเป่ยจะกำเริบเสิบสานอย่างไร หลักฐานก่อนหน้านี้ก็ยังไม่ครบ บวกกับเฉินเป่ยมีเบื้องหลังอยู่บ้าง จึงหนีรอดไปจากมือเย่ชวงครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน เย่ชวงมีหลักฐานแน่นหนา เฉินเป่ยอยู่ในกำมือของเธอ เจอเรื่องลำบากจนแสดงความสามารถอะไรออกมาไม่ได้อีก
“ดูเขาไว้” เย่ชวงหมุนตัว บิดสะโพกงอนที่โดนกางเกงหนังห่อหุ้มแน่น ใส่รองเท้าบูตหนังอยู่ เดินไปที่ปลายระเบียงทางเดินไกลๆ นั้น
เฉินเป่ยจ้องภาพด้านหลังของเย่ชวงแบบขบคิด สายตาเร่าร้อน พินิจพิเคราะห์บนร่างกายเย่ชวงอย่างกำเริบเสิบสาน สายตาโจ่งแจ้ง ไม่ปิดซ่อนสักนิด
เวลานี้ ภายนอกสถานีตำรวจที่แสงไฟสว่าง รถยนต์สีดำคันหนึ่งขับเข้ามาด้วยความเร็ว จอดที่หน้าประตูสถานีตำรวจหู้ไห่แล้ว
จากบนรถ มีภาพเงาคนคนหนึ่งรีบเดินลงมา พุ่งเข้าไปในสถานีตำรวจ
“อธิบดี?” เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนท่าทางตื่นตกใจ เวลานี้เป็นช่วงกลางดึกสงัด พวกเขาเหล่านี้เข้าเวรกัน เป็นครั้งแรกที่เห็นอธิบดีตาสะลึมสะลือรีบเร่งเดินมา
อธิบดีขมวดคิ้วอยู่ พอนึกถึงคำพูดที่เลขาจางพูดกับเขานั้น ทำให้สีหน้าเขาไม่สบายใจที่สุด
หลังพุ่งเข้าในห้องทำงานอธิบดี อธิบดีพึ่งนั่งลง เจ้าหน้าที่ตำรวจยื่นกาแฟร้อนแก้วหนึ่งมาให้อย่างเอาใจ
หลังอธิบดีดื่มไปอึกหนึ่ง บอกว่า “ใครเป็นคนจับเฉินเป่ยเข้ามา?”
เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นตะลึง หลังลังเลครู่หนึ่งจึงตอบว่า “ไม่รู้ครับ แต่ว่าเมื่อกี้ผมมองเห็นหัวหน้าเย่จับคนคนหนึ่งเข้ามา”
อธิบดียักคิ้วขึ้น “ให้เย่ชวงรีบเข้ามา เดี๋ยวนี้ ทันที!”
นอกห้องทำงานอธิบดี ไม่นานเสียงรองเท้าส้นสูงที่ดังกังวานก็ดังขึ้น “ตึกๆ” ภาพเงาที่สูงเพรียวของเย่ชวงปรากฏตัวขึ้นหน้าประตูห้องทำงาน
หลังเย่ชวงเดินเข้ามา มองเห็นอธิบดี ใบหน้างดงามตะลึงเล็กน้อย “อธิบดี คุณไม่ใช่พักผ่อนอยู่ที่บ้านเหรอคะ ทำไมกลางดึกถึงมาที่สถานีตำรวจกัน?”
“เหลวไหล! ฉันนอนอยู่ดีๆ ก็โดนโทรศัพท์ปลุกให้ตื่นกะทันหัน ไม่มีทางเลือกถึงได้รีบเข้ามานี่ไงล่ะ” อธิบดีตบโต๊ะอย่างแรง ตะคอกด้วยเสียงโมโห “เธอจับเจ้าตัวปัญหานั้นเข้ามาอีกแล้วใช่มั้ย?”
“ท่านรู้แล้ว?” เย่ชวงพยักหน้า มองทางอธิบดีถามขึ้น
“ฉันรู้กับผีอะไร” น้อยมากที่อธิบดีจะสบถคำหยาบ “เธอไม่รู้ว่านั่นคือตัวปัญหารึไง ฉันบอกกับเธอไปตั้งกี่ครั้งแล้ว ไปหาเรื่องคนที่เป็นตัวปัญหาแบบนี้ให้น้อยๆ หน่อย เธอไม่หาเรื่องเขา เขาย่อมไม่หาเรื่องเธอ เธอต้องให้ฉันรักษาตำแหน่งบนไหล่นี้ไว้ไม่ได้ถึงจะพอใช่มั้ย”
อธิบดีท่าทางเต็มไปด้วยความโกรธเคือง “ฉันเห็นแก่หน้าของพ่อเธอ อบรมอดกลั้นเหมือนเธอเป็นลูกสาวบุญธรรม ที่สถานีตำรวจ ใครไม่รู้ว่าฉันดูแลเธอเหมือนเป็นลูกบุญธรรมบ้าง แต่เธอก็หาเรื่องให้ฉันขนาดนี้เหรอ”
คำพูดอธิบดียังไม่ทันจบ โทรศัพท์ในห้องทำงานดังขึ้นกะทันหัน ขัดจังหวะคำพูดของอธิบดี
อธิบดีกวาดตามองโทรศัพท์ทีหนึ่ง กดปุ่มรับสายโทรศัพท์ ในสายนั้น มีเสียงที่เต็มไปด้วยการข่มขู่แบบนิ่งๆ ลอยเข้ามา “ฉันคือผู้อำนวยการจางของกรมตำรวจเยี่ยนจิง ฉันขอสั่งนายให้ปล่อยเฉินเป่ยได้”
“ถ้าพรุ่งนี้เช้าฉันยังได้รับข่าวว่าเฉินเป่ยไม่ได้กลับไปบ้าน……นายดูว่าจะทำยังไงเองก็แล้วกัน”
ในสายนั้น ผู้อำนวยการจางเอ่ยปาก น้ำเสียงลุ่มลึก ทำให้อธิบดีขมวดคิ้วแน่น อากาศที่ว่างราวกับจะแข็งตัวหมดแล้ว ในอากาศเต็มไปด้วยความรู้สึกหนาวเหน็บอ่อนๆ
ในสายนั้น น้ำเสียงผู้อำนวยการจางตามมาด้วยการข่มขู่กดดันจางๆ ทำให้ในใจอธิบดีหัวใจเต้นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง และเหมือนจะหยุดเต้นแล้ว
เสียงวางสายโทรศัพท์ดังปึง ส่วนอธิบดีพึ่งถอนหายใจไปทีหนึ่ง เสียงกริ่งมือถือดังขึ้นสุดฤทธิ์ตามมาติดๆ ไม่มีเวลาให้อธิบดีได้หายใจใดๆ สักนิดเดียว ไม่เพียงแค่นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจากนอกห้องทำงาน รีบบอกว่า “อธิบดี มีโทรศัพท์ของท่านครับ บอกว่าเป็นประธานกรรมการของกรุ๊ปป๋อจิน อยากไหว้วานท่านเรื่องหนึ่ง”
เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้พึ่งพูดจบ และมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งเข้ามา พูดด้วยสีหน้าประหม่า “อธิบดี มีโทรศัพท์ของผู้ไม่เปิดเผยชื่อกลุ่มหนึ่ง ให้ทางสถานีตำรวจรีบปล่อยตัวเฉินเป่ยครับ ถ้าไม่อย่างนั้นพาดหัวข่าววันพรุ่งนี้จะเป็นข่าวฉาวสารพัดของสถานีตำรวจ”
“อธิบดี ประธานกรรมการของบริษัทยาชีวภาพแห่งหนึ่งมาหาท่านครับ บอกว่าสายโทรศัพท์ไม่ว่าง เขาโทรเข้าโทรศัพท์ของท่านไม่ติด…..”
เจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละคนพุ่งเข้าห้องทำงาน เสียงกริ่งมือถือและโทรศัพท์ในห้องทำงานอธิบดีเกือบไม่เคยขาดสาย หน้าผากที่แห้งผากมีเหงื่อซึมออกมา
พวกนี้เป็นผลงานชิ้นเอกของตระกูลหลี ล้วนเป็นกำลังของตระกูลหลี
หลังเฉินเป่ยเข้ามาที่สถานีตำรวจ หลีชิงเยียนกับหลีหยางรวบรวมกำลังออกมา ใช้เส้นสายความสัมพันธ์ทุกอย่าง อยากคุ้มครองเฉินเป่ยออกมา
เวลานี้เป็นช่วงกลางดึก แต่เจ้านายใหญ่บริษัทกิจการชั้นนำนับไม่ถ้วนค่อยๆ ออกหน้า ใช้สารพัดวิธีถ่ายทอดข่าวสาร แม้กระทั่งยังมีการส่งเสียงไปทุกที่ ให้อธิบดีปล่อยตัวคน
เย่ชวงกำลังอยู่หน้าอธิบดี สีหน้ายิ่งหนาวเย็นดูแย่…..เย่ชวงก็คิดไม่ถึงว่าการจับกุมครั้งนี้จะกระตุ้นความไม่มั่นคงใหญ่ขนาดนี้
ส่วนอธิบดีนั่งอยู่ในห้องทำงาน จิตใจไม่สงบนั่งเฉยไม่ได้ หน้าผากมีเหงื่อผุดออก เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล นี่คือสิ่งที่ตระกูลหลีนำมาให้เขา
อธิบดีกับเย่ชวงล้วนดูถูกความสามารถของหลีหยางและหลีชิงเยียนไป คนหนึ่งเป็นเจ้านายใหญ่ในวงการธุรกิจ เป็นลูกค้าประจำของบรรดาเจ้านายใหญ่ อีกคนก็เป็นคนดังในวงการธุรกิจ
ความนิยมในหู้ไห่ไม่แพ้ให้ความนิยมของดาราเหล่านั้นสักนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังอิทธิพลของหลีชิงเยียนยิ่งมากกว่าวงการชั้นสูงบางส่วน รู้จักคนไม่น้อย ล้วนเป็นเจ้านายที่ตำแหน่งสูงอำนาจมาก
ไม่รู้ว่ามีคนมากเท่าไรเลื่อมใสในหน้าตาสวยของหลีชิงเยียน ตอนที่หลีชิงเยียนขอร้องไป เจ้านายเหล่านั้นต่างยินยอมยื่นมือช่วยเหลือ สามารถผูกกรรมดีกับนางฟ้าได้ ทำไมจะไม่ยินยอมทำล่ะ?
โทรศัพท์แต่ละเครื่องดังขึ้นติดกัน มือถือก็ได้รับข้อความสั่นไหวบ้าคลั่ง ทั้งในสถานีตำรวจหู้ไห่วุ่นวายไปหมด นอกจากโทรศัพท์สายภายในสถานีตำรวจ โทรศัพท์ของที่อื่นก็ติดต่อกับโลกภายนอกดังขึ้นไม่หยุด เจ้านายแต่ละด้านต่างพยายามหาทางติดต่อโทรเข้ามาทุกช่องทาง เพิ่มแรงกดดันทางสถานีตำรวจ
ทั้งๆ ที่เวลานี้เป็นกลางดึก แต่บรรยากาศภายในสถานีตำรวจหู้ไห่กลับหนักหน่วงยุ่งวุ่นวายกว่าช่วงกลางวันเสียอีก
ทั้งสถานีตำรวจหู้ไห่ล้วนวุ่นวายไปหมดแล้ว