สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 250
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่250 ซิ่งรถ!
เฉินเป่ยรู้สึกได้ถึงไอสังหารนั้น ในใจก็กลัดกลุ้ม
แม่งเอ้ย…นี่เป็นการเดิมพันที่หลีชิงเยียนเสนอขึ้นมาเอง แพ้ก็คือแพ้ คาดไม่ถึงว่ายังคิดจะเบี้ยวอีก!
ตัวเองก็พูดออกมาลวก ๆ เอง….ใครจะไปรู้ว่าประโยคที่สุ่มพูดออกมาจะเป็นจุดเจ็บของหลีชิงเยียนได้!
หลีชิงเยียนกอดอก ดวงตาคู่สวยจ้องไปที่เฉินเป่ยอย่างขี้เล่น เฉินเป่ยรับรู้ได้อย่างฉับไว ว่าในสายตานั้นมีความเย็นชาอยู่ด้วย
เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียน ท่าทางของเขานั้นอ่อนกว่า….เขาพูดอย่างนุ่มนวล “ประธานหลี…..นั่นน่ะ คุณไม่อยากทำ ก็ไม่ต้องทำก็ได้”
“ไปไกล ๆ เลย!” ใบหน้าสวยของหลีชิงเยียนแดงเรื่อ โพล่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เฉินเป่ยตื่นตัว ไม่กล้าละเลย เขารีบยิ้มแล้วพูด “ประธานหลีคุณใจเย็น ๆ ……”
เพียงแค่เฉินเป่ยเปิดปากพูด หลีชิงเยียนก็ไม่อาจทนได้ กระแทกกล่องเสียบปากกาในมือใส่เฉินเป่ยอย่างแรงโดยฉับพลัน!
“ตูม!”
เฉินเป่ยตอบสนองอย่างรวดเร็ว ขยับหลบกล่องเสียบปากกานั้นได้อย่างง่ายดาย มันกระแทกเข้ากับกรอบประตูอย่างแรง ส่วนหลีชิงเยียนนั้น ลุกขึ้นอย่างหัวเสีย แล้วหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาอีก
ฉากนี้คลับคล้ายคลับคลา ในมุมมองของเฉินเป่ยนั้นเรียกได้ว่าชินตามาก เขาเปลี่ยนท่าที….พอหลีชิงเยียนเถียงสู้เขาไม่ได้ “เทพธิดาหัวรุนแรง” ของเธอก็เริ่มขึ้น
หลีชิงเยียนในสายตาของคนนอกนั้นดูมีมารยาทและสุภาพเรียบร้อย แต่มีแค่เฉินเป่ยเท่านั้นที่รู้ดี ตอนที่อยู่กันสองต่อสอง หลีชิงเยียนหากพูดไม่เข้าหู ก็จะขว้างอะไรสักอย่างใส่เขา!
ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว เดิมทีก็ไม่ใช่ความรุนแรงที่ผู้หญิงควรมีอยู่แล้ว เกินไปแล้วนะหลีชิงเยียน!
แต่เฉินเป่ยก็ไม่กล้าพูดอะไรอยู่แล้ว หลีชิงเยียนเป็นผู้หญิงของเขา พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เขายังไม่ได้ปราบพยศเธอดี
ในเวลานั้นเฉินเป่ยก็ตัดสินใจแน่วแน่…..ว่าพิชิตเสือสาวตัวนี้ได้เมื่อไหร่ เฉินเป่ยจะต้องปราบหลีชิงเยียนให้ได้ ต้องทำให้เธอกลายเป็นลูกแมวเหมียวให้ได้……
หนทางยังยาวไกล…..นี่เป็นงานที่ยากมาก แต่เฉินเป่ยจะไม่ยอมแพ้!
เฉินเป่ยคิดพลาง แวบตัวออกจากห้องทำงาน
โชคดีที่หลีชิงเยียนไม่รู้ความคิดในใจของเขา ถ้าเธอรู้เข้าว่าเขาคิดอะไร คาดว่าคงโมโหจนระเบิดไปเลย!
…………
ยามเย็น ในคฤหาสน์ของหลีหยาง หลีชิงเยียนนั่งอยู่บนโซฟา บอกลาหลีหยางและหลี่เซียงหาน
เฉินเป่ยยืนอยู่ข้าง ๆ หอบกระเป๋าเดินทางสี่ห้าใบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของหลีชิงเยียน
ก่อนไป ใบหน้าขาวผ่องของหลีชิงเยียนแสดงความไม่เต็มใจ หลีหยางและหลี่เซียงหานพูดกับหลีชิงเยียนเยอะแยะมากมาย
หลีชิงเยียนมองไปที่หลี่เซียงหาน พูด “แม่คะ หนูแค่ไปร่วมงานพนันเพชรพลอยเอง ไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกค่ะ”
หลีชิงเยียนพูดไปแบบนั้น แต่ในใจของเธอก็ไม่อาจรู้ ด้วยประสบการณ์ของเธอ ที่ที่มีเฉินเป่ยอยู่เหมือนว่าจะไม่เคยมีเรื่องอะไรดี ๆ เลย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ครั้งนี้ที่เขาเป็นคนนำ ตัวเธอแค่ถูกเขาพาไปเท่านั้น
หลีชิงเยียนคิดแบบนั้น ในใจก็ยิ่งหวั่น ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ
“ลูกไม่ได้กลับไปที่เยี่ยนจิงนานแล้ว ลูกคงไม่ชินกับที่เยี่ยนจิงแล้ว จะต้องระมัดระวังให้ดีนะ ถึงลูกจะเป็นลูกสาวของเรา แต่ก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอใครที่คดในข้องอในกระดูก….”
หลี่เซียงหานไม่ได้พูดออกไป คำใบ้ของเธอชัดเจนเกินไป ให้หลีชิงเยียนระมัดระวังตัวมากขึ้น หลีชิงเยียนไม่คุ้นเคยกับเยี่ยนจิง อาจพบกับอันตรายได้ง่าย
หลีชิงเยียนแม้จะฟังอยู่ แต่ก็เบะปาก ข้างเธอมีซูเหลยปกป้องอยู่ ขอแค่มีซูเหลยอยู่ จะไปมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอได้
ขอแค่โชคดีที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่เฉินเป่ยเจ้าหมอนี่ก็พอแล้ว
หลี่เซียงหานพูดไปมากมาย หลังเธอพูดจบ คำพูดของหลีหยางก็ดูน้อยอย่างชัดเจน เขาเพียงมองหลีชิงเยียน พูดกำชับ “ลูกต้องเชื่อในกำลังของเจ้าเฉินนะ ไปที่เยี่ยนจิงครั้งนี้ หวังว่าพวกลูกจะได้ผลตอบแทนที่ดี”
หลีชิงเยียนส่งเสียงฮึออกมา ในใจเธอยังรู้สึกไม่พอใจหลีหยางเล็กน้อย เธอไม่เข้าใจ ส่งใครไม่ส่ง ทำไมหลีหยางต้องส่งเฉินเป่ยไปด้วย
ในความคิดของเธอ นี่คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของหลีหยาง!
มุมมองของหลีชิงเยียน ให้คนขายเครื่องประดับขั้นต่ำสุด ก็ยังเก่งกว่าเฉินเป่ย!
เจ้าหมอนี่ อาศัยความสัมพันธ์ที่ดีกับหลีหยาง ถึงได้ใจกล้านัก เขาคิดว่างานประชุมพนันจะง่ายดายขนาดนั้นเลยรึไง!
แต่หลีหยางที่อยู่ในโลกธุรกิจมานานนับทศวรรษ ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป สายตาของนั้นเฉียบคม เพียงปราดเดียวก็มองออกถึงความคิดของหลีชิงเยียน
หลีหยางยิ้ม “พอถึงเยี่ยนจิง ลูกจะเข้าใจเอง”
หลังอาหารเย็น เฉินเป่ยหลีชิงเยียนก็บอกลากับพ่อแม่ของหลีชิงเยียน แล้วเดินทางออกจากคฤหาสน์
ที่ประตูคฤหาสน์ รถไมบัคคันนั้นรออยู่พักใหญ่
หลีชิงเยียนก้าวรองเท้าส้นสูงเดินลงมาจากคฤหาสน์ ส่วนเฉินเป่ย หอบกระเป๋าเดินทางสี่ห้าใบตามอยู่ข้างหลังอย่างยากลำบาก
ในรถ ซูเหลยนั่งในตำแหน่งคนขับ มองไปที่เฉินเป่ยที่อยู่ข้างหลังหลีชิงเยียน ลากกระเป๋าเดินทางสี่ห้าใบ ก็กระอักกระอ่วนใจ
เฉินเป่ยในตอนนั้น ไม่เหลือลุคแบบนั้นที่อยู่กับเธอในห้องทำงานก่อนหน้านี้อีก
เฉินเป่ยในตอนนั้น ทำให้ซูเหลยรู้สึกถึงเพียงความลุ่มลึกไร้สิ้นสุด ซูเหลยไม่อาจมองข้ามชายคนนี้ได้เลย
แต่ตอนนี้ เฉินเป่ยดูอย่างกับคนรับใช้ เธอไม่เคยเห็นด้าน ๆ นี้ของเฉินเป่ย
ขณะมองเฉินเป่ย สีหน้าของซูเหลยก็แสดงออกอย่างซับซ้อน จนถึงขณะนี้เธอก็รู้แล้ว…..เฉินเป่ยนิ่งนอนอยู่ที่หู้ไห่ แท้จริงต้องการทำอะไรกันแน่
เธอไม่สามารถเข้าใจได้ ในมุมมองของเธอ พื้นเพของเฉินเป่ยยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ต้องไม่ธรรมดาแน่
แต่เธอจะรู้ได้ยังไง ชายที่เยี่ยมยอดไม่มีที่ติคนนั้น จะเหนื่อยกับสมรภูมิแล้วเพียงแค่อยากกลับมาจบชีวิตที่หัวเซี่ย
ประตูรถเปิดออก หลีชิงเยียนขึ้นนั่งบนรถอย่างแผ่วเบา เอ่ยกับซูเหลยด้วยน้ำเสียงมีเสน่ห์ “สนามบินหงเฉียว”
ซูเหลยพยักหน้า เหยียบคันเร่ง รถไมบัคส่งเสียงคำราม ก่อนค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไป
“เอ้ย ๆ ๆ รอฉันด้วย….” ด้านนอกของรถไมบัค เฉินเป่ยตะโกนเสียงดังขณะพุ่งตามเข้ามา
หลังจากเฉินเป่ยเข้ามาในรถได้ ก็ถอนหายใจเฮือก ก่อนตบหน้าอกแล้วพูด “บ้าเอ้ย อีกนิดก็ไม่ได้ขึ้นแล้ว”
ซูเหลยเหลือบมองเฉินเป่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย…..เฉินเป่ยจะขึ้นมาไม่ได้ได้ยังไง….แม้แต่ชิงเหนียนนั่นยังขึ้นมาได้สบาย ๆ แล้วความสามารถอย่างเฉินเป่ย ก็ควรจะแกร่งกว่าชิงเหนียนสิ
แต่ซูเหลยก็ยังไม่เคยเห็นฝีมือของเฉินเป่ย…..ยังไม่เคยเห็นเฉินเป่ยลงมือแม้แต่ครั้งเดียว….เธอไม่เข้าใจเฉินเป่ยเลยสักนิด จึงไม่สามารถประเมินได้
ไมบัคเร่งเครื่อง เครื่องยนต์สมรรถนะสูง เพิ่มความเร็วขึ้นในพริบตา รถไมบัคกลายเป็นสายฟ้าดำ ราวม้าที่ควบผ่านถนนสว่างจ้า
เมืองหู้ไห่ในขณะนี้ การจราจรบนถนนในชั่วโมงเร่งด่วนตอนเย็น ความแออัดของรถที่มุ่งกลับบ้านมากมายราวกับห่าฝน
บนถนนทั้งสาย แทบจะไม่มีที่ให้รถวิ่งผ่านได้อย่างราบรื่นเลย
แต่ในตอนนั้นเอง สายฟ้าสีดำหนึ่งเส้นกลับปรากฏขึ้นบนถนน เสียงเครื่องยนต์คำราม สายฟ้าทมิฬทะยานด้วยความเร็วยากจะจินตนาการ เร่งไปตามระยะทาง
ชั่วโมงเร่งด่วนยามเย็นของหู้ไห่ ในความแออัดของรถก็มักเกิดอุบัติเหตุขึ้น
ที่ทางสี่แยก ตำรวจจราจรยืนอยู่ตรงกลางนั้น กำลังเคลียร์การจราจรให้เป็นระเบียบเรียบร้อย …
ทันใดนั้น สุดทางถนนก็มีเสียงคำรามดังมาจากระยะไกล!
เสียงนั้นดังมาก กึกก้องสั่นสะเทือนอากาศราวกับเสียงคำรามของมังกร!
ตลอดสายถนน รถทุกคันล้วนได้ยินเสียงคำรามนั้น คนขับรถนับไม่ถ้วนพลันรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น…..นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!” หลายคนเริ่มไม่สบายใจและตื่นตระหนก
ตำรวจจราจรที่กำลังเป่านกหวีดในปากหันไปช้า ๆ มองไปยังที่ที่เสียงคำรามดังมา ก่อนจะแข็งค้าง!
สายฟ้าสีดำพุ่งมาจากระยะไกล ความเร็วของสายฟ้านั้นเร็วมากราวกับพายุโหม!
พื้นดินสั่นสะเทือน ความเร็วของยางที่หมุนอย่างรวดเร็วถูไปกับพื้นอย่างแรง อุณหภูมิของพื้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว!
“พระเจ้า นั่นคือรถเหรอ? ขับเร็วอะไรอย่างนั้น เขาเป็นเทพรึไง?!” ลุงคนขับรถมากประสบการณ์ มองสายฟ้าสีดำที่หายไปอย่างรวดเร็ว พึมพำด้วยสีหน้าตกตะลึง!
ในรถไมบัค หลีชิงเยียนพูดอย่างตกใจ “ซูเหลย เธอกล้าขับรถเร็วขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน?”
ซูเหลยยิ้มบาง ๆ “ฉันก็ขับเร็วขนาดนี้มาตลอดนะคะ”
หลีชิงเยียนแสดงความชื่นชม “ซูเหลย เธอสุดยอดมาก”
“แค่ตอบสนองต่อความเร็วเร็วขึ้นนิดหน่อยเองค่ะ” ซูเหลยพูดเนิบ ๆ ขณะที่พูดก็พลางมองเฉินเป่ยเล็กน้อย
เฉินเป่ยที่นั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับสีหน้านิ่งสงบ ไม่ตกใจกับความเร็วนี้เลยแม้แต่น้อย
ซูเหลยอดคิดในใจไม่ได้ ความเร็วนี้ ยังทำให้เฉินเป่ยมีปฏิกิริยาไม่ได้ นี่แทบจะเป็นความเร็วสูงสุดในระดับความปลอดภัยของไมบัคแล้วนะ!
ในตอนนั้นเอง เฉินเป่ยก็พูดขึ้น “ที่จริง เธอขับได้เร็วกว่านี้อีก”
ซูเหลยสีหน้านิ่งอึ้ง เฉินเป่ยมองเธอเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเรียบ ๆ “ด้วยทักษะของเธอ สามารถขับได้เร็วกว่านี้ ไม่ต้องกังวลขับเร็วกว่านี้จะปลอดภัยมั้ย การออกแบบของไมบัค ต่อให้ขับเร็วจนบินได้ ก็ไม่มีปัญหาหรอก”
เฉินเป่ยพูด
ดวงตาของซูเหลยหรี่ลงเล็กน้อย มองไปที่เฉินเป่ยแล้วถาม “คุณรู้เรื่องไมบัคดีจังนะคะ?”
เฉินเป่ยยิ้มบาง ๆ ไม่ได้อธิบายความสงสัยของซูเหลย
ในความจริงแล้ว รถหรูของไมบัค…..เฉินเป่ยมีอยู่ในโรงรถที่วิลล่าหรูตอนที่อยู่เบลเยียมเยอะแยะมากมาย …..ไมบัคSคลาสคันนี้ ปกติแล้วจะจอดอยู่ที่ลานจอดรถแบบเปิดด้านนอกวิลล่าเท่านั้นเอง
ส่วนโรงจอดรถด้านในนั้น เฉพาะรถหรูหรายากของโลกเท่านั้นที่สมควรจอดอยู่ในนั้น
ถ้าหากให้เฉินเป่ยพูด จะให้เขาขับไมบัค….ไมบัคSคลาสคันนี้ยังไม่ถึงขั้น
“ไม่ต้องไปสนใจเขา เขาขับรถอย่างกับคนบ้า” หลีชิงเยียนกลอกตา เธอจำได้อย่างชัดเจน เมื่อครั้งก่อน เฉินเป่ยคลั่งไคล้ถนนเหมือนคนบ้า เธอรู้สึกได้ว่ารถนั้นเร็วมาก แต่มันก็ไม่เสถียรมาก ๆ ด้วยเช่นกัน
แต่ซูเหลยแตกต่างออกไป ขับรถได้ยิ่งเร็วยิ่งมั่นคง เฉินเป่ยจะไปเก่งกว่าได้ยังไงกันล่ะ