สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 252
บทที่ 252 บังเอิญเจอ!
ทำยังไงหลีชิงเยียนก็ไม่เชื่อ เฉินเป่ยไม่เพียงแต่ไม่ออกจากโรงแรม กลับยังจองห้องเตียงเดี่ยวสุดหรู?!
นี่มันเป็นไปได้ยังไง!
สำหรับหลีชิงเยียนแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ได้ยินแล้วน่าตกใจที่สุด!
หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่สงสัย แล้วมองพนักงานหญิงที่อยู่หน้าฟรอน ใบหน้าที่สะสวยก็ซับซ้อนขึ้นมาทันที แล้วยังเคล้าด้วยความตกตะลึง!
“คุณแน่ใจว่าเป็นเขาหรอ? ” หลีชิงเยียนเอ่ยถาม
พนักงานหน้าฟร้อนท์พยักหน้า “เมื่อกี้เห็นว่าเขายืนอยู่ข้างหน้าคุณตลอดเวลา ดิฉันแน่ใจค่ะ ดิฉันน่าจะดูไม่ผิด”
หลีชิงเยียนนิ่งงันอยู่กับที่ นัยน์ตาคู่สวยเปล่งประกายความไม่เข้าใจออกมา……เธอไม่เข้าใจ เฉินเป่ยทำได้ยังไง……ห้องเตียงเดี่ยวสุดหรู……ตามกำลังทรัพย์ของเฉินเป่ย น่าจะทำไม่ได้!
หลังจากที่หลีชิงเยียนได้สติกลับมา จู่ๆ เธอก็เหยียบส้นสูง แล้วเดินไปตรงระเบียง
หลีชิงเยียนพุ่งไปยังหน้าประตูห้องของเฉินเป่ยด้วยความโมโห จากนั้นก็ปังๆๆ เคาะไม่ประตูอย่างใช้แรง
หลีชิงเยียนในตอนนี้ เหมือนเป็นมดที่อยู่บนกระทะร้อน และกำลังต้องการเฉินเป่ยมาคลายข้อสงสัยให้เธอ เธอต้องการคำตอบ!
หลีชิงเยียนนึกถึงตอนแรกที่ทำให้เฉินเป่ยดูย่ำแย่ ทว่าเธอนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ท่าทีแบบนี้ของเฉินเป่ย ทำให้เธอจับต้องไม่ถูก!
หลีชิงเยียนตบบานประตูไปนาน รอจนกว่ามืออันเรียวยาวและขาวผ่องข้างนั้นของเธอกลายเป็นสีแดง ประตูห้องถึงจะเปิดออกเป็นช่องว่างเล็กๆ แล้วก็มีหัวของเฉินเป่ยโผล่ออกมา
“ประธานหลี…..มีเรื่องอะไร ทำไมถึงได้รีบเร่งแบบนี้……” เฉินเป่ยพูดด้วยความขี้เกียจ
และหลีชิงเยียนก็ผลักเฉินเป่ยออก แล้วเข้าไปในห้องของเฉินเป่ย แล้วถามขึ้น “เปิดห้องห้องนี้ นายเอาเงินมาจากไหน? ”
เฉินเป่ยนิ่งงัน แล้วกระตุกมุมปากขึ้น “ประธานหลี……งั้นท่านก็ลองเดาดูสิ ผมเอาเงินมาจากไหน”
“ไอ้บ้า! ” หลีชิงเยียนตะลึงงันเล็กน้อย ใบหน้าดูเย็นชาขึ้นมาทันที
เฉินเป่ยถูมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ประธานหลี นี่คุณเป็นห่วงลูกน้องเกินไปหรือเปล่า? ”
หลีชิงเยียนกำลังจะอธิบาย จู่ๆ นัยน์ตาของเธอก็จับจ้องไปยังเรือนร่างที่เปลือยอยู่ของเฉินเป่ย ใบหน้าสะสวยจับตัวเป็นก้อน ทันใดนั้นก็เขินอายจนแดง ทำให้แสดงออกมาบนใบหน้าของเธอ ใบหน้าของเธอแดงก่ำและร้อนระอุ!
เฉินเป่ยนิ่งงัน แล้วก้มหน้าลงมอง พร้อมอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ประธานหลี คุณเป็นคนที่ฝ่าเข้ามาเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม……”
“ไอ้โรคจิต! ” หลีชิงเยียนกัดฟันเรียงสวย แล้วเปล่งคำพูดพวกนี้ออกจากร่องฟัน
เฉินเป่ยแค่สวมใส่กางเกงขาสั้น ตรงคอยังมีผ้าขนหนูหนึ่งผืนแขวนไว้ ท่อนบนเปลือยเปล่า แล้วยังเห็นไอน้ำที่ออกค่อยๆ ออกจากลำตัวของเขาด้วยตาเปล่า
หลีชิงเยียนผ่านการสั่งสอนทางครอบครัวมาอย่างดี หลังจากที่เห็นเรือนร่างของเปลือยเปล่าของเฉินเป่ย ใบหน้าก็แดงเหมือนแอปเปิ้ล
ใบหน้าเหมือนกำลังจะหยดเลือดออกมา!
ไม่เพียงแต่แบบนี้ เฉินเป่ยพูดได้ไม่ผิด หลีชิงเยียนเป็นคนฝ่าเข้ามาเอง!
หลีชิงเยียนเงยหน้า แล้วจับจ้องเฉินเป่ยอย่างรุนแรง นัยน์ตาที่เลือดเย็นนั้น เหมือนกำลังจะสับเนื้อของเขาเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง!
และไม่นาน ตอนที่สายตาของหลีชิงเยียนจับจ้องไปยังเรือนร่างที่เปลือยอยู่ของเฉินเป่ย นัยน์ตาคู่นั้น กลับเคล้าด้วยความตกตะลึงและความแปลกใจทันที!
เรือนร่างของเฉินเป่ยแข็งแกร่งเกินไปแล้ว……หลีชิงเยียนไม่เคยเห็นหุ่นที่แข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน!
บนเรือนร่างของเฉินเป่ย ไม่มีแม้แต่เซลลูไลท์ที่เป็นส่วนเกิน ทั้งหมดเป็นกล้ามแข็งแกร่งเป็นมัดๆ ทุกเส้นทุกลายบนเรือนร่างนั้น เคล้าด้วยความงามอย่างรุนแรง……ทุกๆ มัดของกล้ามเนื้อ มีพลังที่แอบแฝงอยู่กำลังจะระเบิดออกมา!
กล้ามเนื้อบนเรือนร่างของเฉินเป่ยไม่ได้พัฒนามากเกินไป……ทว่ากล้ามเนื้อทุกมัดของเขา กลับเคล้าด้วยความสวยงามที่แปลกประหลาด ทำให้ผู้ที่กำลังจะเล่นกล้ามมากมาย ก็ยิ่งรู้สึกชื่นชม!
ทว่าสิ่งที่ทำให้หลีชิงเยียนตกตะลึงจริงๆ เรือนร่างของเฉินเป่ย มีรอยแผลเป็นที่นับไม่ถ้วน!
และในตอนนี้ เฉินเป่ยที่เคยได้รับบาดเจ็บ ก็ได้ปรากฏตรงหน้าหลีชิงเยียนทั้งหมด!
ปากแดงก่ำของหลีชิงเยียนอ้ากว้าง แล้วมองแผลเป็นเป็นเส้นๆ บนเรือนร่างของเฉินเป่ย ก็มองจนตาค้างปากค้าง!
แผลเป็นบนเรือนร่างของเฉินเป่ยมีมากเกินไปจริงๆ ……แทบจะนับไม่ถ้วน! แผลเป็นเป็นเส้นๆ อยู่บนเรือนร่างของเขา ทำให้มองแล้วตกใจ! และหวาดผวาอย่างมาก!
พอแผลเป็นเก่าและใหม่มาบรรจบกัน……แทบจะมองไม่ออก และนับไม่ถ้วน เรือนร่างของเฉินเป่ยมีแผลเป็นมากเท่าไหร่!
หลีชิงเยียนยื่นมือสวยที่สั่นเทาออกไป แล้วใช้ความกล้าที่มี ค่อยๆ ยื่นไปตรงแขนของเฉินเป่ยอย่างระมัดระวัง
บนแขนของเฉินเป่ย ตั้งแต่ไหล่ไปจนถึงข้อมือ มีแผลเป็นใหญ่ๆ หนึ่งจุดที่ทำให้เห็นแล้วรู้สึกตกใจ!
เฉินเป่ยกวาดสายตามองเพียงพริบตา สีหน้าเคล้าด้วยความนิ่งเฉย ทว่ามีเพียงสายตาของเขา ที่ทรยศความลุ่มลึกในใจของเขา…..แผลเป็นจากมีดนี้ ตอนนั้นตอนที่เขาปกป้องบุคคลใหญ่คนโตท่านหนึ่ง ถูกนักเลงนับสิบๆ คนจู่โจมในเวลาเดียวกัน……เพื่อความปลอดภัยของคนใหญ่คนโต แขนของเขา ถูกดาบสั้นปาดจนกลายเป็นแผลเป็นที่ยากที่จะนึกถึง!
เฉินเป่ยยังคงจำได้…..ตอนนั้นหนังเปิดออกแล้วทำให้เห็นเนื้อข้างใน……นักเลงลงไม้ลงมืออย่างโหดเหี้ยมเกินไป ทำให้เนื้อและเลือดของเขาถูกปาดออก แล้วทำให้เห็นถึงกระดูกขาวๆ ที่อยู่ด้านใน!
แม้กระทั่งเวลานั้นที่ผ่าตัด แม้แต่ยาชายังไม่มี เฉินเป่ยต้องทนกับสถานการณ์ที่ไม่มียาชา……แล้วพึ่งพากำลังที่ตนเองมีในการเสร็จสิ้นการผ่าตัด เป็นสิ่งที่สะเทือนรากฐาน!
“นี่…..มันเกิดอะไรขึ้น? ” หลีชิงเยียนเพิ่งจะรู้ ผู้ชายที่ดูร่าเริงกับเธอมาโดยตลอด บนเรือนร่างมีบาดเจ็บ……ที่เยอะจนนับไม่ถ้วน!
หากเธอไม่ฝ่าเข้ามา……เธอจะได้เห็นฉากฉากนี้ได้ยังไง!
“บอกฉันมา…..แผลเป็นพวกนี้มาได้ยังไง! ” ในคำพูดของหลีชิงเยียน ทันใดนั้นก็เคล้าด้วยความสงสัย!
“แต่ก่อนได้อยู่กับคนกลุ่มหนึ่งในสังคม…..ใช้มีดฟันกันไปมาทุกวัน…..เลยทิ้งพวกนี้ไว้! ” เฉินเป่ยเอ่ยพูดด้วยความเรียบง่าย เหมือนแผลเป็นบนเรือนร่างพวกนี้ ไม่มีค่าพอที่จะพูดถึง
ทว่าตอนนี้ต่อให้คนโง่ก็รู้ แผลทุกแผลที่ทิ้งรอยบนเรือนร่างของเฉินเป่ย นั้นเจ็บปวดแค่ไหน!
“เวลาก็ดึกมากแล้ว ชายโสดหญิงโสดอยู่ด้วยกัน ง่ายต่อการถูกคนเข้าใจผิด” จู่ๆ เฉินเป่ยก็พูดถึง และถือโอกาสตอนที่หลีชิงเยียนกำลังตกตะลึง ก็ได้ผลักหลีชิงเยียนออกจากห้อง
และเขาก็กลับไปในห้องนอน แล้วมองตัวเองในกระจก หลังจากที่กวาดสายตามองไปยังแผลเป็นเป็นเส้นๆ ก็หัวเราะเยาะตัวเอง
จริงๆ แล้ว…….บาดแผลที่อยู่บนเรือนร่างของเขาพวกนี้จะมีความเป็นไปได้ที่เป็นทิ้งรอยเพราะมีดหั่นผักได้ยังไง……ถูกm4ทะลุในระยะประชิด……เศษปูนแตกกระจายเพราะโดนระเบิดจู่โจม……เสียงคำรามของกระสุนที่นับไม่ถ้วน ทำให้เขากลายเป็นเรือนร่างนี้เป็นเหล็ก!
ถ้าพูดแบบนี้ไม่เกินจริง แผลที่เฉินเป่ยได้รับ มันเยอะกว่าแผลที่หลีชิงเยียนเห็นอย่างมาก!
และบาดแผลทุกแผล กำลังสื่อว่า เฉินเป่ยเคยผ่านสถานการณ์อันวุ่นวาย เป็นดินแดนที่ถูกสงครามลุกลาม!
หลีชิงเยียนผลักประตูออกด้วยความรุนแรง แล้วมองห้องนอนด้วยความสงสัย ใบหน้าเต็มไปด้วยความเลือดเย็น
……
ตอนกลางดึก ณ หู้ไห่
ในห้องเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีลูกน้องคนหนึ่งเดินไปตรงหน้าห้องห้องหนึ่ง แล้วก็ตะโกนคุยกับคนที่อยู่ข้างใน “หัวหน้าหลี่ครับ เฉินเป่ยกับหลีชิงเยียน พวกเขามาถึงเยี่ยนจิงแล้วครับ”
หลังจากประตูห้องเปิดออก หัวหน้าหลี่ก็ยืนอยู่ตรงประตูห้อง แล้วมองลูกน้อง นัยน์ตาดูลุ่มลึกอย่างมาก “พวกเขาไปทำอะไรที่เยี่ยนจิง? ”
“งานพนันเพชรพลอยของเยี่ยนจิงใกล้จะเปิดงานแล้ว บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปที่เป็นหนึ่งในบริษัทอัญมณี ต้องไม่พลาดงานครั้งนี้แน่นอน พวกเขาอาจจะไปร่วมงานพนันเพชรพลอยครับ…….” ลูกน้องนิ่งงันไป แล้วพูดขึ้น “หัวหน้าหลี่ เขาเหมือนจะไม่ได้สนใจตระกูลจางและตระกูลตู้นะครับ”
“ไปดูว่าสถานการณ์เป็นยังไงค่อยว่ากัน ตามนิสัยของเขา น้อยมากที่จะไม่ยุ่งอะไรเลย…..ต่อให้เราไม่ยุ่งจริงๆ งั้นเราก็ลงมือปฏิบัติ”
“ครับ”
ลูกน้องหันหลังจากไปอย่างเร่งรีบ และหัวหน้าหลี่ ก็ค่อยๆ ลุกขึ้น พร้อมกับยืนตรงข้างหน้าต่าง แล้วเงยหน้ามองฟ้าตอนกลางคืนของหู้ไห่ และมองพระจันทร์ที่ส่องสว่าง พร้อมพร่ำบ่น “แกจะทำยังไง……หรือว่าจะเฝ้าดูอย่างนิ่งดูดายจริงๆ หรอ? ”
……
เช้าตรู่ของวันถัดไป เฉินเป่ยตื่นตอนแต่เช้า แล้ววิ่งรอบๆ โรงแรมไปยี่สิบรอย เพื่อที่จะอุ่นร่างกาย และวิดพื้นไปสองร้อยห้าสิบครั้งเพื่อฝึกฝนไปสักพัก เหมือนมีก๊าซสีขาวกำลังนึ่งทั้งเรือนร่างอยู่
หลังจากที่เฉินเป่ยอุ่นร่างกายเสร็จ ก็ยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องนอนหลีชิงเยียน กำลังจะเคาะประตูปลุกหลีชิงเยียน กลับนึกไม่ถึงว่าประตูห้องนอนของหลีชิงเยียนถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน หลีชิงเยียนปรากฏอยู่ตรงประตูห้องนอน
ทันใดนั้น พวกเขาจึงสบตากัน บรรยากาศเกิดความอึดอัดใจขึ้นมา
ยังดีที่เฉินเป่ยได้สติกลับมาอย่างว่องไว แล้วคลายยิ้มอันสดใส “ประธานหลี ทีแรกผมกำลังจะปลุกคุณตื่น”
หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่เย็นชา แล้วไม่ได้ให้สีหน้าที่ดีกับเฉินเป่ย “ฉันไม่ต้องให้นายปลุก”
หลีชิงเยียนพูดจบ ก็ผลักเฉินเป่ยออก จากนั้นก็เดินไปตรงประตูห้องของซูเหลย และในตอนนี้ จู่ๆ ประตูห้องของซูเหลยก็เปิดออก
ซูเหลยยืนอยู่ตรงประตู และแต่งกายอย่างเรียบร้อย ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าบทสนทนาของเฉินเป่ยและหลีชิงเยียนได้ส่งเข้าไปในหูของซูเหลยโดยไม่หลุดแม้แต่คำเดียว
“ซูเหลย เธอคุ้นเคยกับที่นี่ไหม? ” หลีชิงเยียนถามด้วยเสียงเข้ม
ซูเหลยพยักหน้า “แต่ก่อนดิฉันเคยเป็นคนของกองกำลังพิเศษเยี่ยนจิง……จึงคุ้นเคยกับเยี่ยนจิงมาก”
“เธอมาขับรถเถอะ เราจะไปบริษัทย่อยของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปที่เยี่ยนจิง” หลีชิงเยียนพูดด้วยเสียงเข้ม ทั้งสามก็เดินออกจากโรงแรม
และตอนนี้ พนักงานหญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าฟร้อนท์ทำสีหน้าที่เคารพ หลังจากที่เกิดเรื่องเมื่อคืน เธอก็มีมุมมองที่มองเฉินเป่ยเปลี่ยนไปทันที…..และไม่กล้าดูถูกคนเหล่านั้นที่แต่งกายที่แตกต่างจากคนอื่นอีก
ถ้าเมื่อคืนเฉินเป่ยจับแบล็คการ์ด แล้วไปหาผู้จัดการที่ห้องโถง……ตอนนี้เธอก็คงต้องเก็บข้าวของ และเตรียมตัวไสหัวออกจากที่นี่แล้ว!
หลังจากที่ออกจากโรงแรม หลีชิงเยียนพวกเขาก็เรียกแท็กซี่หนึ่งคัน ซูเหลยถามขึ้น “ประธานหลีคะ แจ้งให้บริษัทย่อยมารับก็ได้ไม่ใช่หรอคะ? ”
“ครั้งนี้ฉันมาดูงานที่บริษัทย่อย พวกเขาไม่รู้ ฉันให้หลินเฉว่ปิดข่าว” หลีชิงเยียนอธิบายขึ้น
ซูเหลยจึงนิ่งไปอย่างฉับพลัน แล้วเฉินเป่ยก็ยังไม่ได้สติกลับมา “ทำไมถึงปิดข่าว ไม่ให้บริษัทย่อยรู้”
“ไอ้โง่” หลีชิงเยียนกวาดสายตามองเฉินเป่ยด้วยความดูหมิ่น
ซูเหลยที่อยู่ข้างๆ นิ่งเงียบ…..ตอนนี้เธอกลับแยกแยะได้ไม่ค่อยเข้าใจ การแสดงของเฉินเป่ยดีเกินไป เธอกลับแยกไม่ออกว่าเมื่อกี้เฉินเป่ยกำลังแกล้งทำหรือเปล่า