สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 256
บทที่ 256 ขอให้อภัย!
การเผชิญกับความนิ่งเฉยที่ผิดปกตินี้ และเฉินเป่ยที่ยังคงอยู่สูบบุหรี่และพ่นควันอย่างสบายใจ ซูเหลยจึงอดมองเขาไม่ได้
ยังไงเธอก็อยากมองทะลุความเสแสร้งแกล้งทำของเฉินเป่ย แต่สุดท้ายกลับยากที่จะทำได้
และหลีชิงเยียนมองจางเสี้ยวเทียน สีหน้ายิ่งอยู่ยิ่งเย็นชา แล้วก็พูดด้วยเสียงเข้ม “จางเสี้ยวเทียน แกจะทำอะไรกันแน่? ”
“เข้ามาแล้ว ยังคิดจะรอดชีวิตออกไปอีกหรอ? ” จางเสี้ยวเทียนยิ้มอย่างเยาะเย้ย และเลขาท่านนั้นที่อยู่ข้างจางเสี้ยวเทียน ก็ดันแว่น จากนั้นออกคำสั่ง “ลงมือ! ”
ฉึก!
รปภ.หลายๆ คนเหล่านั้นที่ล้อมรอบหลีชิงเยียนพวกเขาสามคน ต่างก็ทำนัยน์ตาที่เข้มขรึม ในมือของพวกเขาจับกระบองไฟฉายช็อตไฟฟ้าไว้ แล้วทำให้เกิดเสียงแตก “แก๊กๆ ” ดังขึ้น มีกระบองไฟฉายช็อตไฟฟ้าอันน่ากลัวล้อมรอบไว้!
วินาทีต่อไป รปภ.เหล่านี้ทำเสียงเข้ม แล้วขยับเข้าไปใกล้หลีชิงเยียนทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว แล้วเอากระบองไฟฉายช็อตไฟฟ้าแทงออกไปแรงๆ ……
และในตอนนี้ ซูเหลยขยับ เรือนร่างของเธอแวบผ่าน ทำให้ดูเหมือนเงาของผี และกำลังพุ่งเข้าไปอยู่ในท่ามกลางผู้คน รปภ.เหล่านั้นที่ก่อด้วยเป็นฝูงชนก็ถูกจู่โจมจนแตกแยก เรือนร่างแต่ละร่างกระเด็นไปไกล
และกระบองไฟฉายช็อตไฟฟ้าเหล่านั้นแทงไปที่ซูเหลยอย่างบ้าบิ่น สุดท้ายกลับเจอเลยความว่างเปล่า!
ซูเหลยมีเรือนร่างที่เคลื่อนไหวอย่างว่องไว ทำให้จางเสี้ยวเทียนและเลขาทำสีหน้าที่จับตัวเป็นก้อน
“ท่านประธานจาง เธอเหมือนเป็นคนที่เป็นการต่อสู้” เลขาขยับไปใกล้ข้างหูของจางเสี้ยวเทียน แล้วพูดด้วยเสียงเบา
“ไม่ต้องกลัว เรามีกำลังคนเยอะ เธอแค่มามือเปล่า คงยื้อไว้ได้ไม่นานหรอก” จางเสี้ยวเทียนเอ่ยพูดด้วยเสียงเรียบ
“ยื้อไว้ได้ไม่นาน? ” จู่ๆ เฉินเป่ยก็คลี่ยิ้ม เขากวาดสายตามองไปที่จางเสี้ยวเทียนและเลขา นัยน์ตาเคล้าด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ย
จากนั้น เฉินเป่ยก็หันไปมองซูเหลย แล้วสั่งการ “ใช้วิธีรวดเร็วฉับไว”
หลีชิงเยียนที่อยู่ข้างๆ ก็นิ่งงันไปเล็กน้อย เธอมองเฉินเป่ยด้วยความแปลกประหลาด ซูเหลยคือคนของเธอ สุดท้ายเฉินเป่ยต้องเริ่มสั่งการอย่างเป็นธรรมชาติ นี่ไม่เห็นเธอในสายตาเลย!
ทว่าวินาทีต่อไป หลีชิงเยียนทำสีหน้าที่เกร็ง เพราะว่าความว่องไวของซูเหลยว่องไวอย่างยิ่ง ทันใดนั้น รปภ.เหล่านั้นที่พุ่งเข้าไปจากด้านนอกก็ถูกถีบจนตัวปลิวเพียงถีบหนึ่งเดียว!
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่มีใครนึกถึง ซูเหลยก่อนหน้านี้ ไม่ได้ใช้แรงที่มีอยู่จริง ทว่ากลับอยู่ภายใต้คำสั่งของเฉินเป่ย ถึงได้แสดงความเร็วที่แท้จริงออกมา
หลังจากผ่านไปสักพัก ทั้งออฟฟิศเหลือแค่เสียงหายใจที่เย็นเฉียบ ซูเหลยกวาดสายตามองรปภ.แต่ละนายที่นอนอย่างไม่ระเบียบอยู่ตรงใต้เท้าเพียงพริบตาเดียว แล้วถูกเธอถูกยากที่จะลุกขึ้น
ซูเหลยกลับไปอยู่ข้างๆ หลีชิงเยียน และหลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยด้วยความซับซ้อน……เฉินเป่ยและซูเหลยทำให้เธอตกใจมาก เธอนึกไม่ถึงว่า ซูเหลยกลับเลือกที่จะฟังคำสั่งของเฉินเป่ย
เฉินเป่ยมองจางเสี้ยวเทียน ใบหน้าเคล้าด้วยรอยยิ้มบางๆ เธอเดินไปตรงหน้าจางเสี้ยวเทียน แล้วเป่าควันบุหรี่ที่ทำให้มีกลิ่นฉุนออกมาหนึ่งคำ พร้อมพูดด้วยเสียงเรียบเฉย “คนพวกนี้ของแกถึกไม่พอจริงๆ ทีแรกฉันยังคาดไว้ว่าจะใช้เวลาห้านาที นึกไม่ถึงว่าแค่หนึ่งนาทีครึ่งก็จัดการได้แล้ว”
จางเสี้ยวเทียนกัดฟัน แล้วมองรปภ.ที่นอนอยู่บนพื้น สีหน้าดูเกร็ง ทั้งเรือนร่างสั่นเทา
เฉินเป่ยแสดงออกถึงว่ากำลังจะเหยียดหยามเขาอย่างชัดเจน……เขากลับไม่กล้าเชื่อ รปภ.ที่ตนเองใช้ค่าแรงสูงในการจ้างมา กลับอ่อนแอขนาดนี้
“พวกแกต้องการอะไรกันแน่? ” จางเสี้ยวเทียนมองหลีชิงเยียนทั้งสามคน แล้วถามขึ้น
หลีชิงเยียนเพิ่งจะพูด และในตอนนี้ โทรศัพท์ของหลีชิงเยียนก็ดังขึ้นอย่างเร่งรีบ
หลังจากที่หลีชิงเยียนรับสาย ก็ยื่นมือถือให้จางเสี้ยวเทียน พูดขึ้น “รับเถอะ โทรหาแก”
“โทรหาฉัน? ” จางเสี้ยวเทียนรับไป และเพิ่งจะเอามือถือไป ทางสายก็ส่งเสียงก่นด่าอันโมโหมา “จางเสี้ยวเทียน นายทำอะไรลงไปกันแน่! ”
“ท่านประธานหวง? ” จางเสี้ยวเทียนได้ยินเสียงทางสาย หลังจากที่รู้ว่าเป็นกรรมการในบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป จึงนิ่งงันไปทันที
“จางเสี้ยวเทียน นายรู้ไหมว่านายสร้างเรื่องใหญ่ขนาดไหน? ฉันถูกท่านประธานว่ากล่าวสั่งสอน” ทางสายทางโน้น ท่านประธานหวงเอ่ยพูด เขาในตอนนี้ อยากจะปาดคอจางเสี้ยวเทียนโดยทันทีจริงๆ
จางเสี้ยวเทียนพูดอย่างระมัดระวัง “ท่านประธานหวง ผมไม่ได้ทำอะไรนะครับ ตามคำสั่งท่านกับกรรมการท่านอื่นๆ ผมจะสามารถทำเรื่องที่เกินขอบเขตได้ยังไงกันครับ” ต่อหน้าท่านประธานของสำนักงานใหญ่ในหู้ไห่ จางเสี้ยวเทียนไม่ได้หยิ่งและทระนงตัวเหมือนก่อนหน้านี้ ทุกๆ คำพูดระมัดระวัง และเคล้าด้วยการประจบประแจง ไม่เหมือนจางเสี้ยวเทียนในเมื่อกี้นี้
เพราะว่าจางเสี้ยวเทียนรู้ดีในตำแหน่งของตัวเอง ตัวเองแค่ถูกยกย่องว่าเป็นราชาที่มีอำนาจในบริษัทย่อยเยี่ยนจิงเท่านั้น อีกอย่างภายใต้การช่วยเหลือจากกรรมการไม่กี่ท่าน…… ถ้าตัวเองไปสำนักงานใหญ่ในหู้ไห่ ต้องไม่มีตำแหน่งที่ว่างขนาดนี้แล้ว
และในตอนนี้ จางเสี้ยวเทียนก็ไม่เข้าใจ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงได้ทำให้ดึงดูดความสนใจของท่านประธาน? ”
ถึงแม้จะอยู่ในบริษัทย่อยเยี่ยนจิง เขาก็ได้ต่อต้านกับอำนาจและอิทธิพลของคณะกรรมการอีกพรรคพวกหนึ่งตลอดมา ทว่าก็ไม่เคยดึงดูดความสนใจของท่านประธาน
และตอนนี้ ท่านประธานกลับด่าประธานหวงหนึ่งชุด
“ก็ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องชั่วๆ ที่นายทำเองหรอ” ทางสายฝั่งโน้น น้ำเสียงของประธานหวงที่ฟังเหมือนรู้สึกเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้า “ฉันให้นายไปบริษัทย่อยเยี่ยนจิง นายทำยังไงกับฉัน! นายกลับไปทำเรื่องบาดหมางกับประธานหลี…….นั่นเป็นลูกสาวแท้ๆ ของท่านประธานใหญ่เลยนะ! ”
ท่านประธานหวงพูดขึ้น “หลีชิงเยียนมาถึงเยี่ยนจิง สุดท้ายนายไปต้อนรับเธอยังไง? ”
ท่านประธานหวงพูดคำนี้ออกมา จางเสี้ยวเทียนก็สั่นเทาไปทั้งตัว แล้วนิ่งงันไปชั่วขณะ
เหมือนมีค้อนใหญ่ๆ ที่กระแทกลงตรงหัวสมองของจางเสี้ยวเทียน ทำให้เขานิ่งงันไปครึ่งวัน ก็ยังไม่ได้สติกลับมา
สมองของจางเสี้ยวเทียนเต็มไปด้วยความว่างเปล่า และทางฝั่งโน้นของมือถือ ท่านประธานหวงยังคงพูดขึ้นต่อ “เธอมาบริษัทย่อยที่เยี่ยนจิงก็เพื่อที่จะตรวจสอบดูอย่างเป็นความลับ……แกกลับมีความคิดชั่วๆ กับลูกสาวของท่านประธาน นายบ้าไปแล้วจริงๆ ”
ตอนที่จางเสี้ยวเทียนโทรศัพท์ และได้ยินคำพูดนี้ของท่านประธานหวง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แล้วสายตาที่มองหลีชิงเยียนก็เคล้าด้วยความกลัว!
จางเสี้ยวเทียนเพิ่งจะครุ่นคิดถึงบทสนทนาของซูเหลยและหลีชิงเยียนในเมื่อครู่นี้……สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปซีดขาวทันที แล้วมองพวกหลีชิงเยียน น้ำเสียงดูหวาดผวาก!
ตอนนี้ต่อให้เป็นคนโง่ก็ควรจะเข้าใจในเรื่องทั้งหมดนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันได้แล้ว……จางเสี้ยวเทียนมองหลีชิงเยียน ริมฝีปากจึงสั่นเทาขึ้นมา!
ทางสาย เสียงของท่านประธานหวงส่งเข้าหูของเขา ในหัวสมองของเขาจึงนึกย้อนขึ้นมา “ฉันไม่สนว่านายจะใช้วิธีอะไร ต้องปรนนิบัติเธอให้ดีๆ ให้ได้ ฉันจะรีบจองตั๋วตามไป……ถ้าเกิดเหตุอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น แกคงรู้ว่ามีอะไรตามมาทีหลัง! ”
น้ำเสียงของประธานหวงทั้งโมโหและเลือดเย็น ทำให้จางเสี้ยวเทียนวางสายลงด้วยสีหน้าที่ดูแย่ จางเสี้ยวเทียนกวาดสายตามองพวกหลีชิงเยียน สุดท้ายสายตาจึงมองเฉินเป่ยที่ไม่น่าดึงดูดที่สุด พร้อมพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ประธานหลี”
หลีชิงเยียนทำน้ำเสียงเย็นชา ภายในใจของจางเสี้ยวเทียนสั่นเทา เขานึกไม่ถึงจริงๆ ครั้งนี้คนที่มาเยือนถึงที่ กลับเป็นหลีชิงเยียนที่อยู่ในสำนักงานใหญ่แห่งหู้ไห่ นั่นคือลูกสาวของท่านประธานบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป!
ไม่รู้ว่ามีชายหนุ่มที่มีความสามารถและหล่อเหลา และมาจากตระกูลร่ำรวยและเลื่องชื่อมากแค่ไหน ก็อยากจะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกันตระกูลหลี และจางเสี้ยวเทียน ก็แค่เคยเห็นตามข่าวนิตยสารเพียงไม่กี่แวบตาเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกคุ้นตาในหลีชิงเยียน ทว่าใครจะไปนึกถึง ที่มาของหลีชิงเยียน กลับใหญ่ขนาดนั้น!
จางเสี้ยวเทียนแค่รู้สึกขมขื่นในใจ แล้วสองตาเริ่มมัวหมอง!
เขามองหลีชิงเยียน ท่าทีจึงเปลี่ยนไปทันที ความโอหังและถือตัวในก่อนหน้านี้เลือนรางไป เขาในตอนนี้ น่าสงสารเหมือนสุนัขไร้บ้าน
เลขาที่อยู่ข้างหลังของจางเสี้ยวเทียน สังเกตเห็นจางเสี้ยวเทียนที่คุยโทรศัพท์เสร็จ เขาก็ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ก็รู้สึกตื่นตกใจไปสักพัก จากนั้นก็ขึงตาโตอย่างไม่น่าเชื่อ
“ท่านประธานหลี ผมไม่รู้ว่าท่าน……ได้โปรดท่านอย่าถือสาคนชั้นต่ำเลย……ถือว่าทุกอย่างไม่เคยเกิด……..” จางเสี้ยวเทียนกัดฟันพูด
รปภ.มากมายที่นอนอยู่บนพื้น ได้ยินคำพูดนี้ของจางเสี้ยวเทียน ต่างก็นิ่งงันไป
ในความทรงจำของพวกเขา จางเสี้ยวเทียนไม่เคยขอโทษคนอื่น แค่คนอื่นเท่านั้นที่ต้องขอโทษเขา และไม่เคยให้เขาขอโทษ
และวันนี้พระอาทิตย์คงออกจากทิศตะวันตก……พวกเขาไม่อยากจะเชื่อจริงๆ!
หลีชิงเยียนทำเสียงเย็นชาในลำคอ “แกคิดว่าเรื่องนี้ จะจบลงง่ายๆ งั้นหรอ? บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเป็นของแกทั้งหมดแล้วซิ”
คำพูดของหลีชิงเยียนเคล้าด้วยความเหยียดหยาม ทำให้จางเสี้ยวเทียนทำสีหน้าที่แย่กว่าเดิม “ท่านประธานหลี……ผมไม่รู้ว่าเป็นท่านหนิ ผมแค่พูดไปเรื่อยเปื่อย ท่านอย่าได้เห็นว่าเป็นความจริงเลย”
“พวกเรากลับกันเถอะ” หลีชิงเยียนหันหลัง และจางเสี้ยวเทียนเห็นว่าหลีชิงเยียนจะไป ภายในใจจึงกระวนกระวายขึ้นมาทันที!
เขาจึงข่มใจคุกเข่าลงทันที จากนั้นก็ทั้งกลิ้งและคลานไปจับแข้งขาของหลีชิงเยียนไว้!
เลขาคนนั้นที่อยู่ข้างหลังจางเสี้ยวเทียน ก็รู้สึกตะลึงงัน นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เห็นจางเสี้ยวเทียนน่าสงสารขนาดนี้……กลับคุกเข่าขอร้องคนอื่น!
คนพวกนี้มีที่มาที่ใหญ่ขนาดไหนกัน ถึงทำให้ท่านประธานบริษัทย่อยของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปในเยี่ยนจิงต้องขอร้องอ้อนวอนแบบนี้!
ภายในใจของเลขาตื่นแรงขึ้นมาทันที เซ้นส์อย่างหนึ่งของเขา ถ้าเรื่องนี้กลายเป็นข่าว ต้องทำให้กระทบต่อโลกธุรกิจของเยี่ยนจิงแน่นอน!
สิ่งที่เลขาไม่รู้ จางเสี้ยวเทียนเป็นคนชาญฉลาดมาก ถ้าเทียบกับศักดิ์ศรี……ถ้าท่านประธานหวงมาจัดการกับเขาเอง เขาต้องตายทั้งเป็นแน่นอน!
แม้กระทั่งทั้งบริษัทย่อยเยี่ยนจิงจะต้องตายในมือของเขา ขณะเดียวกันก็ทำให้ประธานหลายๆ ท่านโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ……ผลลัพธ์แบบนี้เขาทนรับไว้ไม่ไหวแน่นอน!
หลีชิงเยียนหยุดชะงักฝีเท้าลง ภายในใจของจางเสี้ยวเทียนดีใจอย่างยิ่ง ท่านประธานเทพธิดาที่หันมา มองจางเสี้ยวเทียนด้วยความเลือดเย็น แล้วพูดขึ้น “ฉันจะให้โอกาสแกได้แก้ตัว”
จางเสี้ยวเทียนมองใบหน้าที่สะสวยนั้น แล้วพยักหน้าทันที จากนั้นก็ตบหน้าตัวเอง ในปากพึมพำขึ้น “ผมผิดไปแล้ว ผมมันต่ำทรามเอง…….”
จางเสี้ยวเทียนตบหน้าตัวเองไปด้วย และรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ทำแบบนี้ลงไป!
ตัวเองไปผิดใจกับใครไม่ผิด กลับไปบังเอิญเจอกับหลีชิงเยียน คนคนนี้ที่เป็นคนหู้ไห่!