สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 262
บทที่262 เช็ดให้สะอาด!
ไม่เพียงเท่านี้ ซูเหลยก็มึนงงเช่นกัน มองทางภาพด้านหลังงดงามเดินไปทางโต๊ะอาหารที่อยู่ไม่ไกลนัก หลังตะลึงไปเล็กน้อย กะพริบตานิดหน่อย เผยความหมายที่มีการตรึกตรอง
หล่อนมองทางเฉินเป่ย สีหน้าเปลี่ยนไปสงสัยครุ่นคิดขึ้นมา
หล่อนอยากรอดูมากว่าเฉินเป่ยจะทำอย่างไร
เฉินเป่ยจ้องภาพด้านหลังที่งดงามนั้นของหลีชิงเยียนอย่างหงุดหงิด กัดฟันไว้ ดวงตาทั้งคู่เผยความหมายที่คับแค้นใจออกมา
เฉินเป่ยงงงวยเลย อย่างไรเสียเขาก็คาดไม่ถึง ตัวเองไม่ใช่แค่กินอาหารดูแย่ไปหน่อยหรอกเหรอ……หลีชิงเยียนกลับจะโดนคนอื่นแย่งไปแล้ว แล้วจะทนได้อย่างไรกัน
นี่หลีชิงเยียนจะเอาเขามาสวมบนหัวให้เฉินเป่ยเหรอ เฉินเป่ยย่อมไม่เต็มใจรับไว้
ทันใดนั้นก็จ้องผู้ชายคนนั้นและหลีชิงเยียนที่นั่งลงมากันอย่างไม่พอใจ ทั้งสองคนทั้งคุยทั้งหัวเราะถือมีดและส้อมขึ้น…….
แม่งเอ๊ย! นี่มันยั่วยุกันโจ่งแจ้งเลยทีเดียว
เฉินเป่ยโมโหจนแทบบ้าแล้ว แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยเจอผู้ชายที่กำเริบขนาดนี้ คาดไม่ถึงกล้าแย่งผู้หญิงกับเขา
และเวลานี้ผู้ชายที่มีท่วงทีเป็นสุภาพบุรุษคนนั้นกำลังมองทางหลีชิงเยียนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา ภายในดีใจมาก ความรู้สึกที่ตื่นเต้นดีใจไม่มีทางปิดซ่อน
ถึงแม้เขาจะเคยเจอสาวงาม หญิงสาวที่หน้าตาดูดีมาไม่น้อย แต่คนเหล่านั้นเทียบกับหลีชิงเยียนไม่ได้สักนิด
นางฟ้าผู้สวยมากตรงหน้าคนนี้ เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนั้น ก็ทำให้เขาจิตใจคลุ้มคลั่ง ราวกับกำลังปฏิบัติต่อสิ่งของล้ำค่า เป็นผลงานศิลปะชิ้นหนึ่ง
ประธานนางฟ้าแต่งตัวเป็นมาก ชุดในวันนี้ไม่เพียงขับรูปร่างของเธอออกมาเท่านั้น ยังแสดงเสน่ห์และบุคลิกของเธอออกมาด้วย
และที่บังเอิญคือการแต่งตัวแบบนี้ของหลีชิงเยียน สอดคล้องกับความชอบของสุภาพบุรุษผู้นั้นอีกด้วย ในสายตาของสุภาพบุรุษ ราวกับหลีชิงเยียนตั้งใจแต่งตัวมาเพื่อเขาเลย
นางฟ้าแบบนี้ มีเพียงจะปรากฏตัวในฝัน……แต่ความจริงช่างเหมือนฝันเหลือเกิน คาดไม่ถึงเธอมีตัวตนอยู่จริง
สุภาพบุรุษจิตใจล่องลอยครู่หนึ่ง เขามองทางหลีชิงเยียน ถึงแม้เขาจะหลงใหลหน้าตางดงามของหลีชิงเยียน แต่เขายังคงไม่เสียอาการ เขายิ้มเล็กน้อย “ผมชื่อมอร์มุก วอล์คเกอร์ครับ คุณเรียกผมว่าวอล์คเกอร์ก็ได้ครับ”
หลีชิงเยียนพยักหน้าแล้วพูดเสียงเบา “หลีชิงเยียนค่ะ”
“คุณหลี ชื่อของคุณสวยจริงนะครับ คนช่างสมกับชื่อเลย” สุภาพบุรุษท่านนี้พูดชมเชยด้วยความจริงใจ
หลีชิงเยียนพยักหน้า ลูกครึ่งคนนี้พูดจาภาษาหัวเซี่ยคล่องแคล่วดี ทำให้เธอแปลกใจนิดๆ อยู่ภายใน
วอล์คเกอร์ยิ้มเล็กน้อย อธิบาย “ผมเป็นลูกครึ่งจีนอังกฤษครับ คุณพ่อของผมเคยเป็นพ่อค้าร่ำรวยของหัวเซี่ย คุณแม่ผมมีเชื้อสายราชวงศ์ หลังคุณพ่อเสียชีวิตเร็วไป ผมก็ถูกคุณแม่รับไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศครับ”
วอล์คเกอร์นิ่งแล้วพูดต่อไป “แต่ผมยังคงลืมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของหัวเซี่ยไม่ลง ดังนั้นเลยกลับมาสืบทอดธุรกิจของคุณพ่อต่อไปครับ”
หลีชิงเยียนพยักหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นยิ้มอ่อนๆ “มิน่าภาษาหัวเซี่ยของคุณถึงได้ชัดขนาดนั้น”
วอล์คเกอร์ยิ้มบอก “สำหรับผม ทั้งหัวเซี่ยและทางตะวันตกต่างก็มีจุดเด่นที่คุ้มค่าให้เรียนรู้ มารยาทของทางตะวันตกมีลีลาการสนทนทพาที ที่ต้องการให้คนหัวเซี่ยมากมายเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาต้องเรียนรู้มากเหลือเกิน” วอล์คเกอร์พูดพลางใช้สายตาชายตามองไปทางเฉินเป่ยแบบไม่สนใจ เขาหยิบมีดและส้อมขึ้น พูดว่า “อย่างเช่นมารยาทบนโต๊ะอาหารนี้ ยังมีคนหยาบคายมากมาย เหมือนเป็นบทเรียนที่ต้องเรียนรู้”
“ถ้าไม่อย่างนั้นจะขายหน้าเอามากๆ เลย”
คำพูดของวอล์คเกอร์ทำให้เฉินเป่ยและซูเหลยที่อยู่โต๊ะบริเวณใกล้ๆ ได้ยินอย่างชัดเจน
ได้ยินวอล์คเกอร์พูดขนาดนี้ มุมปากเฉินเป่ยเริ่มตะคริวกินอย่างบ้าคลั่ง…….แม่งเอ๊ย เห็นได้ชัดว่ากำลังพุ่งเป้ามาที่ตนเอง
คำพูดนี้ของวอล์คเกอร์ไม่ต่างอะไรกับการพูดจาเหน็บแนมในทางไม่ดี
ในใจเฉินเป่ยหัวเราะเยาะอยู่ ส่วนหลีชิงเยียนตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอเป็นคนฉลาดหลักแหลม ย่อมฟังความหมายในคำพูดของวอล์คเกอร์ออก
เธอเผยยิ้มงดงาม พยักหน้าตอบรับด้วยเสียงน่าดึงดูด “คุณวอล์คเกอร์ คุณพูดความจริงได้ถูกต้องเหลือเกินค่ะ”
วอล์คเกอร์หัวเราะนิดหน่อย ทั้งสองคนยกไวน์ลาฟิตที่ราวกับสีทับทิมขึ้นมา ชนแก้วเสียงกังวาน จิบไวน์ลาฟิตไปอึกหนึ่ง
ส่วนด้านข้าง ถึงแม้ว่าเฉินเป่ยจะยังคงกินอย่างมูมมาม แต่สายตาของเขาก็จ้องหลีชิงเยียนทางโต๊ะนั้นด้วยสายตาโหดร้าย ความหึงหวงในใจผุดขึ้น
แม่งเอ๊ย มองหลีชิงเยียนกับผู้ชายคนอื่นนั่งกินข้าวด้วยกันที่โต๊ะอื่น แถมยังพูดจาหัวเราะ……นี่เฉินเป่ยจะทนต่อไปได้อย่างไร
ที่สำคัญที่สุดคือเมื่อสักครู่ทั้งที่หลีชิงเยียนฟังการดูถูกในคำพูดของวอล์คเกอร์ออก แต่เธอยังตอบรับเห็นด้วยไป นี่เห็นได้ชัดว่าจงใจ
“เป็นยังไงบ้าง ผู้หญิงของตัวเองพูดคุยหัวเราะกับผู้ชายคนอื่น นายไม่เตรียมลงมือบ้างเหรอ?” ด้านข้าง ซูเหลยจ้องมองเฉินเป่ยอยู่ตั้งนาน ในที่สุดก็ทนไม่ไหวเอ่ยปากขึ้น
“ลงมือ?” เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออกมา หัวเราะเยาะหึๆ “ให้ฉันลงมือ เขามีค่าเพียงพอเหรอ?”
พูดถึงเวลานี้ ดวงตาทั้งคู่ของเฉินเป่ยประกายความลุ่มลึกสุขุม ทั้งยังมีความหมายโอหัง ใช่แล้ว มาลงมือเพราะการเสียดสีเล็กๆ นี้ วอล์คเกอร์คนนี้ไม่คู่ควรจริงๆ
เฉินเป่ยมองทางซูเหลย เอ่ยปากอย่างมีความหมายลึกซึ้ง มุมปากฉีกเส้นรัศมีวงกลมลึกลับขึ้น “ผู้หญิงของฉัน แน่นอนว่าฉันต้องแย่งกลับมาอย่างสง่างาม”
พูดจบ เฉินเป่ยก็นั่งลงมา แทะกระดูกชิ้นนั้นที่อยู่ในมืออย่างสบายใจต่อไป
สีหน้าของซูเหลยแข็งค้างกลางอากาศ หล่อนไม่เข้าใจ มาถึงขั้นนี้แล้ว ทำไมเฉินเป่ยถึงยังไม่ลงมือ?
สรุปเฉินเป่ยต้องรอถึงเมื่อไร?
แต่ที่ซูเหลยสังเกตไม่เห็นคือถึงแม้ครั้งนี้เฉินเป่ยจะนั่งลงมา แต่สายตาของเขากลับเปลี่ยนไปลึกล้ำขึ้นมาอย่างคาดเดาไม่ออก
และเวลานี้หลีชิงเยียนที่นั่งอยู่ตรงข้ามของวอล์คเกอร์ หลังจากเห็นเฉินเป่ยลุกขึ้นมา ดวงตางดงามเหมือนประกายคลื่นยักษ์ มีความตื่นเต้นเล็กน้อย
แต่ตอนที่เธอเห็นเฉินเป่ยนั่งลงไปอีก ดวงตาก็หดนิดหน่อย เผยความไม่เข้าใจและสงสัย
เธอหันหน้ามองทางซูเหลย นึกได้ที่ไหนว่าซูเหลยจะยักไหล่ให้เธอ แสดงความหมายว่าไม่มีความสามารถพอ
หลีชิงเยียนตะลึง เจ้าคนเลวนี้ อยากทำอะไรกันแน่?
ในใจหลีชิงเยียนเคยคิดทบทวนอยู่ว่าจะรอเจ้าหมอนี้เข้ามา หรือตนเองจะหาข้ออ้างกลับไป
วอล์คเกอร์คนนี้เดิมทีเธอก็ไม่ได้ชอบพอแต่อย่างไร เพียงแค่ทำให้เฉินเป่ยดู แค่อยากให้บทเรียนอย่างหนึ่งกับเฉินเป่ย
“หลีที่รัก คุณกำลังมองอะไรอยู่ล่ะ?” วอล์คเกอร์ไม่รู้ความคิดในใจของหลีชิงเยียน จึงถามด้วยความสงสัย
“ไม่……ไม่มีอะไร” บนหน้าหลีชิงเยียนปรากฏความสับสนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานก็สงบลงมาแล้ว
“พูดตามตรงนะ ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านที่ถือว่าอยู่ระดับต่ำ ในบรรดาร้านอาหารที่ผมเคยเจอมาเลย น้อยมากที่จะเฉียดเข้าใกล้คำว่าร้านอาหารตะวันตกระดับสูงได้” วอล์คเกอร์ส่ายๆ หน้า “ถ้าไม่สะดวก ผมยินยอมไปทานอาหารที่ไกลกว่านี้ได้ เพราะคนที่นี่ เดิมทีไม่เคารพมารยาทที่จำเป็นของร้านอาหารแบบตะวันตกเลย”
วอล์คเกอร์เอ่ยปากนิ่งๆ ส่วนหลีชิงเยียนท่าทางดูฟังอย่างตั้งใจ แม้แต่สเต๊กในจานยังลืมทาน
“เสื้อผ้ายุ่งเหยิง ไม่แต่งตัวเป็นทางการ นี่เป็นการเหยียดหยามต่อการทานอาหารแบบตะวันตกมากที่สุด” วอล์คเกอร์พูดจาฉะฉาน ทำให้หลีชิงเยียนพยักหน้าไม่ขาดสาย ดูเหมือนว่าวอล์คเกอร์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้
และในเวลานี้ มุมปากเฉินเป่ยฉีกอาการเหน็บแนมขึ้น ลุกขึ้นทันใด
เฉินเป่ยถือน้ำชาแก้วหนึ่งไว้ เดินไปทางวอล์คเกอร์โดยตรง
ซูเหลยตะลึง จากนั้นเผยความสนใจนิดๆ เฉินเป่ย……ในที่สุดนั่งไม่ติดแล้วเหรอ?
เฉินเป่ยเดินไปทางวอล์คเกอร์กับหลีชิงเยียนที่โต๊ะนั้นอย่างรวดเร็ว ส่วนวอล์คเกอร์กำลังพูดจาอย่างเร่าร้อนมาก…….ไม่ได้สังเกตถึงการเข้าใกล้ของเฉินเป่ยเลยสักนิดเดียว
ในความเป็นจริง เขาก็คาดไม่ถึงว่าเฉินเป่ยจะกล้าเข้าใกล้เขา
ในใจของเขา ตั้งแต่ต้นจนจบมีความรู้สึกเหนือกว่าคนอื่นที่มีตำแหน่งได้เปรียบมากกว่า โดยเฉพาะคนที่สกปรกมอมแมมอย่างเฉินเป่ย ความรู้สึกเหนือกว่าคนอื่นในใจของวอล์คเกอร์ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
แม้กระทั่งเฉินเป่ยยังนึกไม่ถึงว่าวอล์คเกอร์จะกล้าพูดว่าเลือดในตัวคนหัวเซี่ยมากมายล้วนไม่ใช่สายเลือดของหัวเซี่ย ล้วนเป็นคนชั้นต่ำ ส่วนเขานั้นครอบครองสายเลือดราชวงศ์ของทางตะวันตก ย่อมเกิดมาสูงส่งโดยธรรมชาติ
ดังนั้นตอนที่เขาเจอหลีชิงเยียนเข้า คุยโวถึงสายเลือดราชวงศ์ไม่หยุด ถึงตอนท้าย แม้แต่หลีชิงเยียน ยังรับไม่ได้อยู่บ้าง
เฉินเป่ยถือแก้วน้ำใบนั้นไว้ เหมือนเข้าใกล้อย่างไม่สนใจ สิ่งที่เขาใส่ไว้ใต้เท้าคือรองเท้าแตะ แต่พอเขาเดินขึ้นมา กลับไร้เสียงสนิท……
ตอนที่เฉินเป่ยเกือบจะเข้าใกล้วอล์คเกอร์ ทันใดนั้นมือเฉินเป่ยก็สั่น น้ำที่อยู่ในแก้วจึงสาดออกไปทั้งหมด
ชั่วขณะนั้นผ้าปูบนโต๊ะอาหารของวอล์คเกอร์ยุ่งเหยิงอย่างมาก สิ่งที่ทำให้วอล์คเกอร์ยากจะรับได้คือ สูทที่ราคาแพงตัวนั้นของเขาเปียกชื้นไปหมดแล้ว
วอล์คเกอร์ตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นเส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุบๆ เขาโกรธแล้ว ราคาของสูทตัวนี้น่าจะทำให้เขาปวดใจน่าดู
วอล์คเกอร์รีบลุกขึ้นมาทันที สีหน้าเขียวปัดดุร้าย เขาในยามนี้ไม่สนใจท่วงทีสุภาพบุรุษในเวลานี้แล้ว และที่เอาแต่พูดถึงมารยาทแบบตะวันตกนั่นอีก แววตาเขาหนาวเย็น จ้องเฉินเป่ยอย่างเย็นชา ท่าทางดูไม่ดีเอาเสียเลย
ในร้านอาหารตะวันตกที่เงียบสงบ ชั่วขณะนั้นมีลูกค้าไม่น้อยสังเกตถึงการเคลื่อนไหวของที่นี่ และส่งสายตาเข้ามาแล้ว
“นายทำสูทของฉันเปื้อน” วอล์คเกอร์พยายามทำให้ตนเองนิ่งลงมา น้ำเสียงของเขาเหน็บหนาวถึงที่สุด แม้กระทั่งเผยแรงอาฆาตที่ทำให้คนหวาดกลัวมากด้วย
แม้แต่หลีชิงเยียนยังรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของท่วงทีบนตัววอล์คเกอร์ ใบหน้างดงามซีดเซียว
เธอมองทางเฉินเป่ย กัดริมฝีปากแดงไว้ เธอรู้ว่ามีเจ้าหมอนี้อยู่ ต้องไม่มีเรื่องดีแน่……
ส่วนซูเหลยที่อยู่ด้านหลังเฉินเป่ยนั้น หลังจากลุกขึ้น สายตาเปล่งประกายไม่หยุด สีหน้าเปลี่ยนแปลง
หล่อนมองวอล์คเกอร์กับหลีชิงเยียนอย่างละเอียด เหมือนนึกอะไรได้ จากนั้นสายตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
น้ำในแก้วสาดออกมา หยดน้ำทั้งหมดสาดไปที่วอล์คเกอร์และบนโต๊ะอาหาร แต่ที่น่าแปลกก็คือหลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้าง คาดไม่ถึงจะไม่เปื้อนหยดน้ำแม้แต่นิดเดียว
หยดน้ำพวกนั้นเหมือนมีจิตสำนึก ไม่มีตกอยู่บนตัวหลีชิงเยียนสักหยด หรือทำชุดกระโปรงยาวของเธอเปียกชื้น
นี่สามารถอธิบายอะไรได้บ้าง? ซูเหลยเป็นคนในวงการ ย่อมเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร
คนที่สามารถทำถึงขั้นนี้ได้ มีเพียงบุคคลที่ควบคุมพลังอย่างดี และเกือบจะเหมือนปีศาจเท่านั้น และบุคคลแบบนี้ ที่หัวเซี่ย…….จะมีตัวตนยืนอยู่บนยอดสุดทั้งนั้น
ชั่วขณะนั้นซูเหลยหายใจเร่งรีบขึ้นมา ในใจหล่อนชัดเจนมาก ถึงแม้ว่าหล่อนจะทำไม่ได้ แม้กระทั่งหล่อนยังรู้สึกว่าตนเองตาลายมองผิดไปแล้ว
ซูเหลยมองทางเฉินเป่ย หล่อนยิ่งเกิดความสงสัยต่อสถานะของเฉินเป่ย เฉินเป่ยเป็นใครกันแน่ สถานะของเขานับวันยิ่งสลับซับซ้อน……
และเวลานี้หลีชิงเยียนมองทางวอล์คเกอร์ที่สีหน้าดูแย่ ในที่สุดก็เอ่ยปากด้วยเสียงมีเสน่ห์ ขมวดคิ้วขึ้น มองทางเฉินเป่ย “แค่น้ำแก้วเดียวยังทำหกได้อีก!”
เสียงหลีชิงเยียนตวาดไป เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียนทีหนึ่ง มุมปากฉีกเส้นรัศมีวงกลมขึ้น รีบเผยรอยยิ้มที่เอาอกเอาใจออกมา “เป็นผมมือเท้างุ่มง่ามเอง ทุกอย่างเป็นความผิดของผม”
หลีชิงเยียนมองทางวอล์คเกอร์ เธอไม่ชัดเจนว่าวอล์คเกอร์อยากจะทำอะไร แต่เธอก็ไม่อาจให้วอล์คเกอร์ทำอะไรกับเฉินเป่ยได้
“วอล์คเกอร์ ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นความผิดพลาดของเขา ฉันขอโทษคุณแทนเขาด้วย ได้รึเปล่า?”
หลีชิงเยียนเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเสียใจ มองทางวอล์คเกอร์ แล้วขออภัยทางเขา
วอล์คเกอร์ลูบผ่านสูทที่เปียกชื้น บนสูทมีรอยน้ำดวงใหญ่ๆ ล้วนเป็นร่องรอยที่โดนน้ำทำให้เปียกโชก ทำให้เขาสีหน้าเย็นยะเยือก ความโกรธมหาศาลเหมือนจะระเบิดออกมา
วอล์คเกอร์กวาดตามองหลีชิงเยียนทีหนึ่ง จากนั้นสายตาตกอยู่ที่ตัวของเฉินเป่ย แสยะมุมปากหน่อยหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยเส้นรัศมีวงกลมที่หนาวเย็น
เขามองทางเฉินเป่ย แววตาเผยการหยอกเย้าที่เหน็บหนาว “ให้ผมอภัยให้เขา? ได้สิ แต่ให้ไอ้ขี้โรคแห่งเอเชียคนนี้เช็ดให้ผมให้สะอาดก่อน”
วอล์คเกอร์ชี้ไปที่สูทของตนเอง บนหน้าหนาวเย็นยั่วเย้า ไม่ปิดซ่อนเลยสักนิด