สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 269
บทที่269 ฆ่าแกด้วยมือเดียว!
ในฐานะหัวหน้าสาขาของสาขาซ่าหลัว เขาไม่เพียงมีความสามารถองอาจห้าวหาญ และชัดเจนต่อพลังของลูกน้องตนเองว่ามีพลังมากน้อยเพียงใด
ดังนั้นเขาจึงเชื่อใจต่อสมาชิกซ่าหลัวเหล่านี้ของเขาอย่างยิ่ง
พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายกับเขามา แต่ละคนต่างก็เคยเสียเลือด เคยได้รับบาดเจ็บกลางถนนมากับเขา ระหว่างความเป็นความตาย เข้าใจรูปแบบการต่อสู้ด้วยอาวุธอย่างมากมาย
นี่คือสาเหตุตอนที่เขายึดอิทธิพลใต้ดินอื่นไว้ รบครั้งใดก็ชนะในครั้งนั้น
สมาชิกซ่าหลัวเหล่านี้เป็นความภูมิใจของเขา ดังนั้นตอนที่สมาชิกซ่าหลัวล้อมเฉินเป่ยไว้ เขาจึงเกือบจะแน่ใจแล้วว่าเฉินเป่ยจบเห่โดยแท้ ต้องโดนมีดฟันขาดแน่
แต่ใครจะไปคิดว่าเขายังประเมินเฉินเป่ยต่ำไป เฉินเป่ยเป็นคนธรรมดารึไง?
สมาชิกซ่าหลัวเหล่านี้ถึงจะโหดร้ายแค่ไหน ยังสามารถเทียบกับเฉินเป่ยได้เหรอ?
ในมือเฉินเป่ยกุมแสงสีดำ แสงสีดำทะลุผ่านอากาศที่ว่าง แทงทะลุผ่านกลางร่างกายแต่ละร่าง เลือดสดกระจายทั่วทิศเผยอยู่บนปลายมีด ทำให้แสงสีดำกำลังร้องคำราม ราวกับกำลังสั่นระริกอย่างตื่นเต้น
มีดแหลมสั่นระริกไม่หยุด มีเสียงเพลงมังกรดังก้องอยู่ในอากาศ ราวกับมีผู้สูงสุดแห่งยุคปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
ในมือเฉินเป่ยกุมแสงสีดำ สมาชิกซ่าหลัวแต่ละคนที่ในมือถือมีดไว้พุ่งเข้ามาอย่างโหดเหี้ยมมาก เฉินเป่ยถอนหายใจนิดหน่อย และปล่อยมือออก
และชั่วขณะที่เขาปล่อยมือออก แสงสีดำในมือของเขาสั่นระริก ร้องคำรามไม่หยุด และสั่นรุนแรงยิ่งขึ้น ราวกับว่ากำลังตื่นเต้น เกือบจะชั่วขณะหนึ่งที่เฉินเป่ยพิทักษ์รักษา แสงสีดำราวกับฟ้าแลบก็ระเบิดยิงออกไปอย่างงดงามละเอียดอ่อน
ในอากาศมีเสียงระเบิดเกิดขึ้น เฉินเป่ยมองแสงสีดำที่รวดเร็วนั้นจนทำให้คนเดือดดาล จากนั้นหรี่ดวงตาทั้งคู่ขึ้น
“บึ้ม!”
สมาชิกคนหนึ่งในนั้นกุมมีดไว้ในมือ ถลึงตาโตด้วยความแค้นเคือง ตามองเห็นว่าเข้าใกล้เฉินเป่ยได้แล้ว ตอนที่อยากไปทางที่เฉินเป่ยร่วงลง ทันใดนั้นฟ้าแลบสีดำสายหนึ่งก็แลบผ่าน
หลังจากนั้นสมาชิกคนนี้ก็พบทันทีว่าแสงสีดำที่แลบผ่านนี้……เหมือนแลบผ่านจากในร่างกายของตนเอง ทั้งยังเอาของอะไรไปด้วย
ไม่นานสีหน้าของเขาก็ซีดขาวขึ้นมา ล้มลงพื้นฉับพลัน หมดสิ้นพลัง
หน้าอกของเขามีรูเลือดที่ใหญ่เท่าชามขนาดนั้น หัวใจโดนแสงสีดำทะลวงราวกับมีมีดมาเสียบไว้ ชีวิตหนึ่งย่อมหมดลมลง
เขาที่อุณหภูมิร่างกายกำลังลดลง นอนอยู่บนพื้น ดวงตายังเบิกโต เหมือนก่อนหน้านี้ไม่ยินยอมเผชิญต่อความตาย
ความเร็วของแสงสีดำนั้นไวเหลือเกิน ทะลุผ่านอากาศว่างเปล่า เสียง “ปุๆๆ” ดังขึ้นมาติดต่อกัน แต่ละเสียงได้นำชีวิตหนึ่งไปด้วย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ชายล่ำสันคนนั้นสับสนถึงที่สุด สีท้องฟ้ามืดมิด ถึงแม้สายตาพวกเขาจะดีมาก แต่เดิมทีมองไม่เห็นว่าอะไรกำลังก่อเรื่อง คนเหล่านี้ถึงได้ล้มลงกันทั้งหมด
ตรงที่ที่เฉินเป่ยผ่านไป ศพล้วนแล้วแต่ล้มลงทั้งนั้น
พอราชาหลงโกรธ ผู้คนก็บาดเจ็บล้มตายเป็นเบือ
และวินาทีนี้เฉินเป่ยยังไม่ทันระเบิดความโกรธ สถานการณ์ก็เป็นแบบนี้แล้ว แค่คิดก็รู้ว่าถ้าผู้มีตัวตนในตำนานท่านนี้ระเบิดความโกรธ จะเป็นภาพที่น่ากลัวแค่ไหนกัน?
“ตาย!”
สมาชิกซ่าหลัวคนหนึ่งฟันฆ่าไปทางด้านหลังของเฉินเป่ย และในเวลานี้เฉินเป่ยหมุนตัวกะทันหัน ราวกับคาดการณ์ไว้แต่แรกแล้ว ดวงตาที่สงบหนาวเย็นคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเขาอย่างเย็นชา
มีดในมือคนคนนั้นค้างกลางอากาศทันที สายตาจ้องมองกัน สมาชิกซ่าหลัวคนนั้นสั่นไปทั้งตัว จากในสายตาของเฉินเป่ย เขารู้สึกถึงความเหี้ยมโหดและเย็นยะเยือกบ้าคลั่งแบบไม่มีที่สิ้นสุด
ตรงหน้านี้เดิมทีไม่ใช่คนทั่วไป…….นี่แม่งคือปีศาจตนหนึ่ง ปีศาจร้ายสินะ
สมาชิกซ่าหลัวเคยเจอคนที่ดุร้ายชั่วช้าพวกนั้น แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยเจอสายตาแบบของเฉินเป่ยนี้ที่ทำให้หัวใจของเขาห่อเหี่ยวลงหมด ราวกับหลังถูกโจมตีก็แข็งทื่อไป
เรื่องราวเกิดขึ้นไวมาก แทบจะบรรยายตามไม่ทัน เพียงชั่วพริบตาเขาก็รู้สึกถึงอะไรมากมาย…….ส่วนเฉินเป่ยเพียงแค่เตะมาทีหนึ่ง ก็ถีบเขากระเด็นไปไกล ถีบออกจากสนามรบที่หนาวเย็นและเต็มไปด้วยคาวเลือดแห่งนี้ไป
เขาล้มอยู่บนพื้น ดิ้นรนอยากจะปีนขึ้นมา แต่เขาพบว่าทั่วทั้งตัวของตนเองปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงแล้ว ขาทั้งสองใช้การไม่ได้ ลุกอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้น
เขาเงยหน้า มองทางที่ไกลออกไป หนังศีรษะชาอย่างอดไม่ไหว
เขามองเห็นอะไร? ต่อให้เป็นค่ำคืนมืดมิดที่ยื่นมือออกไปจนมองไม่เห็นแม้แต่นิ้วทั้งห้า เขาก็ยังมองเห็นอย่างแจ่มแจ้ง เสียงร้องโหยหวนที่เจ็บปวดทุกข์ทนเหล่านั้น คาวเลือดที่ฟุ้งกระจาย ทั้งยังมีภาพเงาคนคนหนึ่งที่ลงมือสังหารอย่างโหดเหี้ยม
และสิ่งที่ยิ่งทำให้ในใจเขาสั่นสะเทือนคือภาพเงาคนคนนั้นช่างเกรียงไกรเหลือเกิน เกือบจะเป็นการสังหารหมู่ที่รุนแรงมาก เลือดบนตัวของเขา เดาว่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นของสมาชิกซ่าหลัว……
“ปีศาจ! เป็นปีศาจแน่นอน!” มีสมาชิกซ่าหลัวที่ควบคุมความตื่นตระหนกตกใจไว้ไม่อยู่ ตะโกนออกมา
และคำพูดนี้พึ่งจบลง เสียงพรึ่บของแสงดำสายหนึ่งก็ทะลุผ่านอากาศ แทงทะลุหน้าอกของเขา ก่อนจะมีเลือดพุ่งขึ้น
“เฮือก!”
เขายังอยากพูดอะไรอีกสักนิด แต่มีเพียงเลือดสดที่พ่นออกมา ร่างกายนั้นไม่นานก็อ่อนยวบล้มลงไปแล้ว
“สรุปเขาเป็นใคร…….ฝีมือการสังหารอันนี้ เหนือขั้นและเต็มไปด้วยความรู้สึกศิลปะ” ซูเหลยกำลังต่อสู้ด้วยอาวุธ แต่ตอนที่หล่อนมองเห็นเฉินเป่ย ยังคงโดนเฉินเป่ยทำเอาตกใจจนได้ ในใจเหน็บหนาว
เฉินเป่ยกำจัดศัตรูราบคาบ สมาชิกซ่าหลัวพวกนั้นไม่มีท่วงท่าจะรุกเข้ามาโจมตีโดยสิ้นเชิง ต่างพ่ายแพ้ล่าถอยไปครั้งแล้วครั้งเล่า
โดยรอบของเฉินเป่ย ทุกที่ล้วนเป็นศพที่ล้มลงจมกองเลือด……เฉินเป่ยที่ฆ่าอย่างกระหายเลือด ท่วงทีไร้ศัตรูไต่ขึ้นมาทีละนิด
ไม่มีใครเห็นหน้าของเฉินเป่ยได้ชัด ทั้งตัวเฉินเป่ยล้วนเป็นเลือดสด พวกเขามองเห็นเพียงในลูกตาคู่นั้นของเฉินเป่ย มีเพียงเจตนาที่จะฆ่าเย็นยะเยือกอยู่เต็มเปี่ยม
เฉินเป่ยราวกับหุ่นยนต์สังหารที่ไม่มีความรู้สึกตัวหนึ่ง มีเพียงช่วงเวลาบางครั้ง ในแววตาของเขาถึงจะเผยการหยอกล้อที่ไร้เยื่อใยขึ้นฉับพลัน
ที่ที่ไม่ไกลนัก หลีชิงเยียนมองฉากนี้อย่างอึ้งทึ่ง หมดแรงอยู่บนพื้นไปตั้งแต่แรก เธอไม่เคยเจอภาพเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ภาพนรกในโลกมนุษย์แสดงอยู่ตรงหน้าของเธออย่างโจ่งแจ้ง
ร่างกายของหลีชิงเยียนที่เรียวขาวสั่นเทาไม่หยุด ใบหน้างดงามของเธอซีดขาวราวกับกระดาษ เธอมองซูเหลยอยู่ ในใจเกิดความปั่นป่วนยิ่งใหญ่ขึ้น
เธอไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ตอนที่เธอเห็นร่างกายของซูเหลยสั่นไหวอย่างรวดเร็ว เธอถึงนึกขึ้นได้ว่าซูเหลยมาจากทีมรบพิเศษของหัวเซี่ย ย่อมมีฝีมือความสามารถไม่ธรรมดาแน่นอน
เพียงแต่ยามปกติหล่อนช่างธรรมดาเหลือเกิน เดิมทีไม่จำเป็นให้หล่อนแสดงฝีมือใหญ่โต แต่ในที่สุดวันนี้หล่อนก็ได้ปลดปล่อยด้านที่แข็งแกร่งดุเดือดที่สุดของตนเองออกมา ราวกับดาบแหลมคม ทำให้ซ่าหลัวตกใจ
และตอนที่หลีชิงเยียนกวาดสายตามองผ่าน ทันใดนั้นดวงตาเธอก็แข็งค้าง สายตาตกบนภาพเงาคนที่อาบเลือดสู้อย่างกล้าหาญคนนั้น
หลีชิงเยียนร้องตกใจเบาๆ ภาพเงาคนคนนี้ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยและแปลกหน้ากับเธอ
ภาพเงาคนคนนั้น ทั่วทั้งตัวล้วนเป็นเลือด แม้แต่ใบหน้ายังมองไม่ชัด แต่ศพที่นอนอยู่ข้างกายเขาเยอะกว่าซูเหลยตั้งมาก เกือบจะเป็นภูเขาศพทะเลเลือดผืนหนึ่ง
สมาชิกซ่าหลัวเหล่านั้น เห็นได้ชัดว่าถูกเขาฆ่าจนไม่มีจิตใจจะต่อสู้ เหลือเพียงความพ่ายแพ้ตื่นตะลึงกัน
เขาเป็นใคร?
หลีชิงเยียนหัวใจเต้นแรง ดวงตางดงามจ้องภาพเงาคนนั้นแน่น ในใจเผยชื่อหนึ่งขึ้นมาทันที
ผู้ลึกลับ! หรือว่าเขาคือผู้ลึกลับคนนั้นที่ก่อนหน้านี้เคยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด
ใบหน้าของหลีชิงเยียนเผยสีหน้าที่ประหม่าออกมา ถ้าเขาเป็นผู้ลึกลับจริง คาดไม่ถึงว่าเขาจะปรากฏตัวขึ้นที่เยี่ยนจิง……หรือว่าเขาจะตามตนเองมา?
หลีชิงเยียนไม่เข้าใจ ผู้ลึกลับคนนี้ทำได้อย่างไรกัน มักจะมาปรากฏตัวในช่วงที่สำคัญ ช่วยหลีชิงเยียนให้รอดพ้นจากอันตราย
ผู้ลึกลับเหมือนล่วงรู้ได้ ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเขาทำได้อย่างไร สามารถปกป้องความปลอดภัยของหลีชิงเยียนมาได้ตลอด
เทียบผู้ลึกลับคนนี้กับสามีของหลีชิงเยียนแล้ว เห็นได้ชัดว่าเดิมทีเฉินเป่ยไม่เหมือนกับผู้ชายที่ได้มาตรฐาน หลีชิงเยียนเองไม่มีทางยอมรับได้ เจ้าหมอนี้ ในช่วงเวลานี้ที่สำคัญแบบนี้ก็ถือโอกาสหนีหายไปเลย
เฉินเป่ยก็เหมือนกับผี หายตัวอย่างไรสาเหตุ ไม่เหลือเงาหรือร่องรอย แม้แต่หลีชิงเยียนยังไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน
ผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบคนนี้ ผีถึงรู้ว่าเขาไปที่ไหน
ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของหลีชิงเยียนอยู่ที่ผู้ลึกลับด้านบนคนนั้น ในใจของเธอเต้นแรงตุบๆ เธอเริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้ลึกลับขึ้นอย่างอดไม่ได้……
เวลานี้ หน้าประตูโรงแรม ภาพเงาคนหลายคนยืนอยู่ที่หน้าประตู มองออกไปยังภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นราวกับนรกในโลกมนุษย์ สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไร
ทันใดนั้นหนึ่งในนั้นเอ่ยปากว่า “นึกไม่ถึงว่าเยี่ยนจิงของหัวเซี่ยยังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น……ดูแล้วความหวังที่เขามีชีวิตอยู่คงไม่มากแล้ว”
อีกคนหนึ่งพยักหน้า “อาจจะเป็นเรื่องที่เขามีแบล็กการ์ดลำดับหนึ่งถูกเปิดเผยออกไปแล้ว เลยเจอพวกคนเลวรุมโจมตีเข้า ดูจากไกลๆ เลือดโชกขนาดนั้น เขาคงไม่อาจมีชีวิตรอดได้”
มีคนส่ายหน้า “ตายแต่ยังหนุ่มยังแน่น น่าเสียดาย ผู้ครอบครองแบล็กการ์ดลำดับหนึ่งถูกพวกคนเลวรุมฆ่าตายข้างถนน เดาว่าข่าวนี้ต้องดึงดูดความสนใจได้หลายที่เลยมั้ง?”
คนเหล่านี้ไม่ได้เข้าไปมองใกล้ๆ พวกเขามองจากที่ไกลๆ ย่อมมองไม่เห็นเฉินเป่ย แต่มองเห็นภาพเลือดโชกขนาดนี้ หัวใจพวกเขาก็ห่อเหี่ยวไปหมดแล้ว ไม่มีความหวังแต่อย่างใด
ไม่นานคนเหล่านั้นก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรมอีกแล้ว ค่อยๆ กลับไปที่ห้องพักของตนเอง
สำหรับพวกเขาแล้ว คนเป็นยังพอมีค่าอยู่หน่อย แต่คนหัวเซี่ยที่พวกเขาสนใจคนนี้ ถึงแม้ตอนนี้ไม่ตาย ก็อยู่ไม่ไกลจากความตายแล้ว
……
ในรถอาวดี้ จางเสี้ยวเทียนมองผ่านหน้าต่างรถ จ้องฉากนี้อย่างเย็นชา สีหน้ายิ่งหนาวเย็นดูแย่
เลขาฯ ที่อยู่ด้านข้างเงียบขรึม หลังจากนั้นตั้งนานถึงเอ่ยปากขึ้น “ผมค้นมาแล้ว ตอนแรกคิดว่ามีเพียงซูเหลยคนนั้นที่เป็นปัญหา แต่ผู้ชายที่แซ่เฉินคนนั้นเป็นเพียงลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านของหลีชิงเยียน ยากจนข้นแค้น ไม่มีเบื้องหลังอะไร…….”
เลขาฯ ยังพูดไม่จบ ก็โดนจางเสี้ยวเทียนขัดจังหวะด้วยเสียงดุ “เป็นเขาแน่ๆ ฉันดูไม่ผิด”
จางเสี้ยวเทียนจ้องเฉินเป่ยอย่างเย็นชา พูดกับตนเองเสียงหนาวเหน็บ “ลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงคนหนึ่ง…….คาดไม่ถึงจะเก่งกาจขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้”
สีหน้าของจางเสี้ยวเทียนตอนนี้ ดูแย่มากแค่ไหนก็ดูแย่มากแค่นั้น
เขาจ่ายเงินมากมายเพื่อจ้างซ่าหลัวลงมือ ใครจะไปคิดว่าเดิมทีสมาชิกซ่าหลัวยังต้านทานเฉินเป่ยไว้ไม่ไหว
“พวกสวะกลุ่มหนึ่ง!” จางเสี้ยวเทียนตวาดเสียงดุ ที่ว่างในรถสะท้อนไฟโกรธของเขาที่ระบายออกมาอย่างไม่ที่สิ้นสุด
“ไปโทรศัพท์หาหัวหน้าสาขา เจ้าหมอนั่นดีแต่ใช้กำลังไม่มีสมอง บอกมันไปว่าถ้าคุมตัวชายโฉดหญิงชั่วคู่นั้นมาอยู่ตรงหน้าฉันไม่ได้ ฉันจะไม่ให้เงินสักแดงเดียว” จางเสี้ยวเทียนพูดเสียงดุ
และเวลานี้ หัวหน้าสาขามองเฉินเป่ยและซูเหลยอยู่ สีหน้าหม่นหมอง ดูแย่อย่างยิ่ง
บนหน้าของเขาปกคลุมด้วยพยับเมฆน้ำค้างแข็งบางๆ ชั้นหนึ่ง มองทางเฉินเป่ยกับซูเหลย เหมือนจะระเบิดกำลังลงมือขึ้นได้ทุกเมื่อ
แต่เขาทำเพียงแค่มองดูสมาชิกซ่าหลัวแต่ละคนโดนสังหาร หน้าของเขาก็เหมือนโดนหวดมาอย่างรุนแรง
ช่างเสียศักดิ์ศรีเหลือเกิน
สมาชิกซ่าหลัวที่เขาพามาเหล่านี้ คาดไม่ถึงแม้แต่ชายคนหญิงคนยังจัดการไม่ได้
และในเวลานี้ เสียงมือถือที่กังวานเร่งด่วนดังขึ้น หลังชายล่ำสันรับสายโทรศัพท์ ได้ยินคำสั่งของเลขาฯ ในสายนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
แวบหนึ่ง หน้าชายล่ำสันเผยความดุร้ายอัปลักษณ์ บีบมือถือจนกลายเป็นเศษผง จากนั้นทิ้งลง
เขาเดินไปทางเฉินเป่ยทีละก้าว ท่วงท่าทั้งตัวผุดขึ้นไม่หยุด
“ดูแล้วต้องให้ฉันลงมือ ถึงจะจัดการพวกแกที่ต่ำต้อยสองคนได้สินะ”
ชายล่ำสันเอ่ยปากเสียงดัง ตอนแรกท่วงท่าของเขาแข็งแกร่ง เวลานี้กุมมีดไว้ ยิ่งทำให้หน้าตาดุดันไปหมด
เขาสามารถขึ้นเป็นหัวหน้าสาขาของสาขาซ่าหลัวได้ เรียกได้ว่าแตกต่างกันมาก
“จัดการพวกฉันสองคน?” เฉินเป่ยยืนอยู่กลางกองเลือด หัวเราะเยาะเย้ย
เขาหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “แกคู่ควรแล้วเหรอ?”
“เข้ามาเถอะ ฉันฆ่าแกมือเดียวก็พอแล้ว” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ สีหน้าผ่อนคลายสบายๆ แต่กลับไม่เหมือนล้อเล่น เหมือนพูดอย่างจริงจัง
เพราะเขาเป็นราชา……หลง!