สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 276
บทที่276 เขามาแล้ว!
ได้ยินหลีหงพูดขนาดนี้ หลีเช่าเทียนจมสู่ความเงียบอย่างอดไม่ได้ หน้าตาเผยการครุ่นคิด
ตำแหน่งของหลีหงที่เยี่ยนจิงไม่ต่ำสักนิด นี่คือตระกูลหลีหลังจากที่หลีหงมีสถานะตำแหน่งสูงอำนาจมาก สาเหตุที่ตระกูลอยู่ที่เยี่ยนจิงจึงไต่ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
ว่ากันตามเหตุผล ถึงแม้บุคคลมากมายของทิศตะวันตกจะมาอยู่ที่หัวเซี่ย ก็ต้องเคารพหลีหงในระดับหนึ่งเช่นกัน
แต่คาดไม่ถึงว่ามีคนทำให้หลีหงต้องรู้สึกกลัว……นี่มีเบื้องหลังอะไรกัน?
หลีเช่าเทียนฉลาดหลักแหลม ในฐานะอัจฉริยะของวงการธุรกิจ เขาย่อมมีสติปัญญาสูง ชั่วขณะนั้นก็เดาได้รางๆ ว่าบุคคลยิ่งใหญ่ทางทิศตะวันตกที่หลีหงพูดถึงท่านนี้ เกรงว่าแม้แต่หลีหงยังไม่มีทางทำอะไรได้
เขามีสถานะอะไรกันแน่ ถึงมองข้ามสถานะของหลีหงไปได้…….ต่อให้อยู่ที่ทิศตะวันตก ชื่อเสียงก็ต้องโด่งดังเป็นแน่
คาดไม่ถึงว่าคนแบบนี้จะเข้าร่วมงานพนันเพชรพลอยด้วย
หลังเห็นว่าหลีเช่าเทียนสีหน้าเปลี่ยน หลีหงจึงพยักหน้า พูดเสียงทุ้ม “ปู่เคยได้ยินมาว่าโชคดีที่บุคคลยิ่งใหญ่ที่มาจากทิศตะวันตกท่านนี้ไม่ได้วิ่งเข้ามางานพนันเพชรพลอย แต่ว่ามีเป้าหมายอื่น เพียงแต่บังเอิญเข้าร่วมงานพนันเพชรพลอย เขาอยากรู้อยากเห็นเลยจะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น……น่าจะไม่มีผลกระทบกับหลาน เพียงแต่ลูกหลานของเขา……”
ได้ยินหลีหงพูดขนาดนี้ ชั่วขณะนั้นสีหน้าของหลีเช่าเทียนดูแย่หลายระดับ……ยังมีลูกหลาน?
ชั่วพริบตาเดียวหลีเช่าเทียนเข้าใจความหมายในคำพูดของหลีหง……บุคคลยิ่งใหญ่ท่านนี้ถือดีในสถานะเกินไป บางทีคงไม่ทำให้หลีเช่าเทียนลำบากใจเปิดเผยสถานะตนเอง……แต่ลูกหลานที่ติดตามเขาย่อมไม่แค่ดูเฉยๆ”
“ปู่ไม่หวังว่าหลานจะได้รับความรู้สึกดีของบุคคลยิ่งใหญ่ท่านนั้น ปู่เพียงหวังว่าหลานอยู่ในนั้น พยายามอย่าให้เกิดการปะทะกับลูกหลานของเขา……”
“วางใจเถอะครับคุณปู่ ผมจะไม่เกิดการปะทะกับเขา” หลีเช่าเทียนถอนหายใจออกทีหนึ่ง ยิ้มเล็กน้อย
หลีหงแววตาลุ่มลึก เขาไม่ได้พูดอะไร โดยเฉพาะหลีเช่าเทียนยังอ่อนหัดอยู่หน่อย……เขาเคยเจอการเปลี่ยนแปลงบนโลกมาเหลือเกิน……ขอเพียงมีการช่วงชิง ย่อมหลีกเลี่ยงการปะทะไม่ได้เป็นธรรมดา
ในดวงตาทั้งคู่ของหลีหงมีความกังวลนิดๆ ผ่านไปชั่วครู่……เขาก็เชิญปรมาจารย์พนันเพชรพลอยสองท่านมาแล้ว ทั้งยังส่งกำลังคนไม่น้อยไปทำภารกิจ คุ้มครองหลีเช่าเทียนยี่สิบสี่ชั่วโมง พยายามปูทางของหลีเช่าเทียนให้เรียบร้อย……แต่ที่เกี่ยวกับบุคคลยิ่งใหญ่ของทิศตะวันตกคนนั้น หลีหงกลับไม่มีวิธีตั้งแต่ต้นจนจบ…….นี่เหมือนเป็นสิ่งที่หลีเช่าเทียนต้องประสบ
หลีเช่าเทียนเหมือนมองความกังวลของหลีหงออก ยิ้มนิดหน่อย พูดปลอบใจ “คุณปู่ ท่านวางใจเถอะครับ ผมจะดำเนินการตามโอกาสครับ”
“อืม งั้นก็ดี” หลีหงแอบถอนหายใจทีหนึ่ง กำชับอีกหน่อย “เตรียมพร้อมไว้บ้างนะ วันนี้ก็ออกไปเดินนิดหน่อยได้แล้ว เก็บตัวอยู่ในบ้านมานานขนาดนี้ ถึงเวลาบอกกับเยี่ยนจิงได้แล้วว่าหลานกลับมาแล้ว”
หลีหงมอบหมายไปมากมาย รอให้มอบหมายทุกอย่างนี้หมดแล้วเขาถึงวางใจจากไป
หลังจากหลีหงออกไป หลีเช่าเทียนก็มองภาพเงาที่สูงใหญ่แข็งแรงของหลีหง ก่อนจะเผยความหมายที่ลึกล้ำออกมา พึมพำว่า “ควรกลับคืนแล้ว…….”
ใช่ ในฐานะอัจฉริยะจากสวรรค์ในวงการธุรกิจเยี่ยนจิง เขาจะลืมความรุ่งเรืองและเกียรติยศในอดีตได้อย่างไรกัน
หลังจากซ่อมเสริมรอยร้าวในใจเพราะการปรากฏตัวของเฉินเป่ยแล้ว หลีเช่าเทียนย่อมต้องการปรากฏที่เยี่ยนจิง บอกผู้คนทั้งโลกว่า…….ตำนานในวงการธุรกิจในอดีตคนนั้นกลับมาแล้ว
และครั้งนี้ ความทะเยอทะยานของหลีเช่าเทียนใหญ่ขึ้น ไม่เพียงก้าวเข้าวงการธุรกิจของเยี่ยนจิง
ในตาหลีเช่าเทียนยังดุเดือดและมีความหมายมุ่งหวัง ไม่นานเขาจะต้องเข้าสู่การแข่งขัน ไม่รู้จะเจอคนคนแบบไหนกัน?
“ตามฉันออกไปเดินเล่น” หลีเช่าเทียนลุกขึ้นกะทันหัน เอ่ยปากนิ่งๆ
สาวใช้สองคนมองหน้ากันและกัน สีหน้าเพิ่มความตื่นตกใจแปลกไปนิดๆ
หลีหงพึ่งพูดกับหลีเช่าเทียนไม่มากเท่าไรเอง ก็พูดโน้มน้าวหลีเช่าเทียนได้แล้ว ในที่สุดก็อยากออกไปจากคฤหาสน์นี้แล้ว?
ช่วงวันเวลานี้ หลีเช่าเทียนอยู่ในที่พักมาโดยตลอด แต่ไหนแต่ไรไม่เคยออกไปดูบรรยากาศนอกคฤหาสน์เลย ในที่สุดวันนี้เขาก็อยากออกไปแล้ว
คนใช้สองคนมองทางหลีเช่าเทียน พวกหล่อนมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง เยี่ยนจิงจะโดนมรสุมหมุนผ่านอีกครั้งหนึ่ง
และใจกลางมรสุมนี้ก็คือคุณชายตระกูลหลีของพวกหล่อน
………….
ไม่เพียงแค่นี้ เวลานี้ ในโรงแรมระดับห้าดาว ภาพเงาของคนที่จิตใจสูงส่งแต่ละคนค่อยๆ เดินออกมา ในนั้นมีคนไม่น้อยใส่ทองใส่หยก บนตัวยังมีเครื่องประดับหยกอัญมณีไม่น้อย ทั้งหมดรวมกันแล้วยังประเมินค่าไม่ได้ แสดงถึงความไม่ธรรมดาของสถานะพวกเขา
โรงแรมระดับสูงจำนวนมากของเยี่ยนจิงเต็มกันหมด ไม่เพียงแค่นี้ยังคงมีรถหรูแต่ละคันจอดอยู่หน้าประตูโรงแรม มีลูกน้องมากมายเดินเข้าโรงแรม สอบถามว่ามีห้องพักชั่วคราวหรือไม่
ตามด้วยการมาถึงของงานพนันเพชรพลอย ยังไม่ทันรู้ตัวเยี่ยนจิงก็มีบุคคลมากมายเข้าร่วมแล้ว เยี่ยนจิงในช่วงเวลานี้พิเศษต่างออกไปจากในช่วงวันปกติจนอธิบายไม่ถูกอยู่บ้าง
เหมือนก่อนหน้านี้ล้วนพูดถึงพาดหัวข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่นานคนเยี่ยนจิงต่างก็ลืมข่าวการสังหารหมู่ก่อนหน้าไป สายตาค่อยๆ ตกมาบนข่าวของงานพนันเพชรพลอยเรื่องนี้กันแล้ว
เพราะแม้แต่บนหนังสือพิมพ์ยังรายงานออกมาว่าเทศกาลวัฒนธรรมพนันเพชรพลอยของครั้งนี้ ไม่เหมือนครั้งที่แล้วมา ไม่เพียงแค่สมาคมผู้ค้าอัญมณีจัดขึ้น แม้แต่ผู้นำของเยี่ยนจิงเมืองนี้ จิงยังเข้าร่วมเทศกาลวัฒนธรรมครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
เทศกาลวัฒนธรรมพนันเพชรพลอย หนังสือพิมพ์ เว็บไซต์สื่อใหญ่แต่ละที่ล้วนพูดถึงกันอย่างค่อนข้างเป็นทางการ แต่ในความเป็นจริง ที่วงใน คนที่เคยเข้าร่วมพนันเพชรพลอยมากมายล้วนไม่ใช้คำว่าเทศกาลวัฒนธรรมอะไรมาเรียกกัน
แต่เป็นเพียงแค่การปิดบังอำพรางเท่านั้น
ผลกระทบงานพนันเพชรพลอยในครั้งนี้ใหญ่หลวงมาก ทำคนมากมายตกใจ แวบเดียวก็กระตุ้นจินตนาการของผู้คนมากมาย เป็นเพราะสาเหตุอะไรกันแน่ คาดไม่ถึงจะทำให้จิงในตำนานถึงกับก้าวก่ายเข้ามาในนั้น?
เพียงแค่งานพนันเพชรพลอยเล็กๆ งานหนึ่ง กลับมีการมาเยือนของบุคคลมากขนาดนั้น สำหรับคนที่มีความคิด ไม่นานก็ได้กลิ่นที่ไม่ปกติกันแล้ว
……..
“งานพนันเพชรพลอยครั้งนี้ นับวันยิ่งแปลกขึ้น” หลีชิงเยียนวางสายโทรศัพท์ลง ขมวดคิ้วถอนหายใจทีหนึ่ง
ที่อยู่ในมือเธอถือคือหนังสือพิมพ์ที่ซูเหลยพึ่งซื้อมาจากข้างนอก
เฉินเป่ยที่อยู่ด้านข้าง พิงที่ขอบหน้าต่าง ดูดบุหรี่ มองเมืองตึกสูงด้านนอกหน้าต่าง พ่นควันพวยพุ่งด้วยความนิ่งเฉย เหมือนไม่ได้ฟังคำพูดของหลีชิงเยียนเข้าหูเลยสักนิด
“พรุ่งนี้ก็ต้องเข้าร่วมงานพนันเพชรพลอยแล้ว นายมองว่ายังไง?” ทันใดนั้นหลีชิงเยียนหันหน้า ขมวดคิ้วมองทางเฉินเป่ย
เฉินเป่ยมึนงง ตามมาด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบผิดปกติ “ยังจะยังไงได้อีก ฝ่ายตรงข้ามใช้วิธีอะไรมาเราก็ใช้วิธีนั้นกลับไปสิ งานพนันเพชรพลอยไม่ปกติแค่ไหน พวกเราก็ต้องเข้าร่วม”
หลีชิงเยียนยักๆ คิ้ว ยิ้มเยาะบอก “แค่นายไม่ทำฉันขายขี้หน้าก็ไม่เลวแล้ว ยังจะเข้าร่วมอีกรึไง”
เฉินเป่ยแสยะมุมปาก ทันใดนั้นมองทางหลีชิงเยียน เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้งออกมา บอกว่า “ชิงเยียน ความจริงผมพนันเพชรพลอยเก่งมากนะ”
หลีชิงเยียนมองเขาตาค้อนแบบเย็นชา ทำให้เฉินเป่ยตะลึง ประธานนางฟ้าที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง เวลานี้มองตาค้อน คาดไม่ถึงเต็มไปด้วยความเซ็กซี่และอารมณ์ ทำให้เฉินเป่ยจิตใจเคลิบเคลิ้ม เกือบจะหลงใหลแล้ว
“ฉันเชื่อนาย ถ้าครั้งนี้แม้แต่ประตูงานนายยังเข้าไม่ได้ ต่อไปประตูบ้านของพวกเรา นายอย่าคิดจะเข้ามาอีก” หลีชิงเยียนเอ่ยปากนิ่งๆ
ส่วนดวงตาทั้งคู่ของเฉินเป่ยแข็งตัว เดิมทีไม่ได้จับจุดสำคัญ ทันใดนั้นมองทางหลีชิงเยียน สีหน้าค่อนข้างตื่นเต้น พูดจาเสียงสั่นเครือไปหมด “บ้านพวกเรา?”
หลีชิงเยียนตะลึง จากนั้นเขินอายจนโมโห รีบพูดเสริมไปอีก “ฉันหมายถึงบ้านของฉันกับซูเหลย นายอย่ามาหลงตัวเองเกินไปจะได้มั้ย?”
เฉินเป่ยอึ้ง หัวเราะกระอักกระอ่วนบอก “ชิงเยียน……คุณวางใจได้ ผมจะเป็นตัวแทนของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป หาทางออกจากความยุ่งยากได้แน่”
หลีชิงเยียนทำเสียงฮึดฮัด ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอไม่รู้ว่าทำไมนึกถึงคำพูดที่ตนเองพูดเมื่อสักครู่ ช่างมีความหมายแฝงที่กำกวมเหลือเกิน หรือว่าตนเองเห็นเขาเป็นคนกันเองโดยไม่รู้ตัวแล้ว?
นึกถึงตรงนี้ ใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนเผยสีแดงระเรื่อขึ้นมา
ส่วนเฉินเป่ยมองเห็นหลีชิงเยียนที่แต่ไหนแต่ไรสีหน้าเรียบเฉย เวลานี้คาดไม่ถึงก้มหน้าอยู่ เขินอายราวกับเด็กสาวคนหนึ่ง
“ชิงเยียน นับวันคุณยิ่งมีความเป็นผู้หญิงขึ้นนะ” เฉินเป่ยชื่นชมใบหน้างดงามของหลีชิงเยียนอยู่ กล่าวชมเชย
คาดไม่ถึงว่าคำพูดนี้ของเฉินเป่ยจะลอยเข้าหูของหลีชิงเยียน ชั่วพริบตาเดียวเธอเงยหน้าขึ้น จ้องเฉินเป่ยอย่างเย็นชา ตวาดเสียงโมโห “ไสหัวไปเลยนะ!”
…………..
เยี่ยนจิง ในบ้านที่สร้างล้อมรอบสี่ด้าน
บ้านแบบสร้างล้อมสี่ด้านแห่งนี้ ไม่เหมือนบ้านที่เต็มไปด้วยความหรูหราของบ้านหลี ถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายอึมครึมหนาวเย็น พอเดินเข้ามาด้านใน ยังสัมผัสอารมณ์ด้านลบที่แพร่กระจายในอากาศอย่างรุนแรงได้ เกือบจะกระทบต่อสติปัญญาของคนเข้าแล้ว
โหดร้ายทารุณ……เหี้ยมโหด…….ดุร้าย……และในเวลานี้ รถยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความรวดเร็ว จอดลงทันใดที่หน้าบ้านสร้างล้อมสี่ด้านแล้ว
ประตูรถเปิดออก ชายกำยำสองคนลากคนคนหนึ่งที่ดิ้นรนไม่หยุดเดินเข้าด้านในลานบ้าน
บนศีรษะคนนี้คลุมด้วยผ้าดำ จนกระทั่งเดินมาถึงลานบ้าน ถึงดึงผ้าดำที่คลุมหน้าเขาลง
“วีรบุรุษทุกคน พวกคุณอยากได้อะไรบอกมาตรงๆ …….ผมจะพยายามให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่……” คนนั้นสีหน้าตื่นตระหนก มองสำรวจรอบด้าน พบว่าในลานบ้านมีชายกำยำหลายคนยืนอยู่ เงียบขรึมไม่พูดไม่จาราวกับเป็นรูปสลักแต่ละตัว
ส่วนสีหน้าดุร้ายบนหน้าของพวกเขากลับเหมือนปีศาจร้าย ทำให้จิตใจเขาหวาดกลัว
ตอนที่สายตาคนคนนั้นตกอยู่ท่อนบนเปลือยเปล่าของพวกเขา ทันใดนั้นก็แสดงความกลัวออกมา สีหน้าบิดเบี้ยว ตื่นตกใจถึงขีดสุด……..
“สำนักซ่าหลัว…….” จิตใจเขาสั่นไหว พูดพึมพำ “ผมไปหาเรื่องตั้งแต่เมื่อไร…….”
ทันใดนั้นมีเสียงล้ำลึกลอยออกมาจากในห้องหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าลานบ้านพอดี และแฝงด้วยความหนาวเย็นผิดปกติ “เมื่อคืนนี้ นายมองเห็นอะไร?”
“ผมมองไม่เห็นอะไรเลย ผมแค่ผ่านไปโดยบังเอิญ……” คนคนนั้นพูดอธิบายอย่างสยองขวัญ
“หนึ่ง!”
จากในห้อง มีเสียงหนึ่งลอยออกมา
ชั่วขณะนั้นทั้งสองคนก็ขยับเข้ามา กดมือของคนคนนั้นลงบนโต๊ะ
คนคนนั้นแอบรู้สึกถึงอะไรได้ แวบหนึ่งเสียงร้องโหยหวนที่น่าสังเวชใจก็ดังก้องอยู่ภายในลานบ้าน แม้กระทั่งลอยออกมาด้วย
มีดสับลงอย่างรวดเร็ว เลือดสดกระจายเต็มโต๊ะ นิ้วหัวแม่มือด้านซ้ายของคนคนนั้นถูกตัดทิ้งไปดื้อๆ
คนคนนั้นลูกตาเบิกโต เขามองเห็นเลือดเนื้อและกระดูกที่ตัดขาดนั้นอย่างชัดเจน
ความเจ็บปวดที่ท่วมท้นราวกับกระแสน้ำไหล ทั้งตัวเขาเจ็บจนเหงื่อไหลท่วม
“สอง!”
ทันใดนั้นเสียงนั้นก็ลอยมาจากในห้องอีก เหมือนเสียงที่ลอยออกมาจากเหวนรก
“ผมรู้…..ผมรู้……มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ทั้งตัวเป็นเลือดสด ฆ่าผู้ชายไปมากมาย จากนั้นกลับไปที่โรงแรมแล้ว……ยังมีอีกคนหนึ่งที่เป็นชายเป็นหญิงก็มองไม่ชัด ทั้งตัวเปื้อนเลือดเหมือนกัน แต่ไม่รู้ไปที่ไหนแล้ว……” คนคนนั้นพูดไปด้วย ในใจเสียใจถึงที่สุดไปด้วย เขาเสียใจที่ผ่านไปทางนั้น เสียใจที่ทำไมต้องผ่านไปสถานที่นั้นด้วย
“เขาไปทางไหนแล้ว?” ในห้องเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง และมีเสียงหนึ่งลอยมาอีกครั้ง
“ผมไม่รู้จริงๆ ท่านไว้ชีวิตผมเถอะ……” คนคนนั้นร้องไห้แล้ว ตกใจจนขาทั้งสองสั่นเทา เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เคยเจอโลกแบบนี้ที่ไหน
เขาย่อมไม่รู้ว่าตอนที่เฉินเป่ยนั่งรถนั้น หลังจากอ้อมไปวนรอบใหญ่ ถึงกลับมาที่โรงแรม
“นายแน่ใจว่าอยากให้ฉันไว้ชีวิตนาย?” ในห้องมีเสียงที่หยอกเย้าเย็นยะเยือกลอยออกมา
ครู่เดียวเสียง “ก๊อกแก๊ก” ที่เป็นเสียงประตูห้องก็เปิดออก ผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากในห้อง
เขาใส่แว่นตาดำไว้ ไม่มีใครสามารถมองเห็นดวงตาที่ลุ่มลึกของเขาผ่านแว่นตาดำที่ดำมืดนั้นได้
ทั่วทั้งตัวเขาแพร่กระจายกลิ่นอายที่อึมครึมเย็นชา ราวกับมาจากขุมนรก เดิมทีไม่เหมือนกับคนเป็น
และในมือของเขากำลังถือมีดด้ามหนึ่ง คนคนนั้นมองทางมีดด้ามนั้น ชั่วพริบตาเดียวหวาดผวาขึ้นมา
เลือดบนมีดนั้นยังไม่ทันแห้ง มีเลือดหยดแล้วหยดเล่ากำลังไหลลงตามปลายมีดที่แหลมคม ก่อนจะหยดลงที่พื้น
คาวเลือดที่ไร้เสียง ทำให้ผู้คนหนังศีรษะชา
ในอากาศมีกลิ่นคาวเลือดที่ค่อยๆ กระเพื่อมขึ้นมา คละคลุ้งเต็มอากาศ
คนคนนั้นสูดหายใจเข้าลึกๆ เหมือนกำลังดื่มด่ำ…….กลิ่นคาวเลือดแบบหนึ่งที่ทำให้คนสะอิดสะเอียน
“อย่า อย่า……อย่า” คนคนนั้นตกใจงงไปหมด ขาสองข้างอ่อนยวบ นั่งลงที่พื้น เขาอยากจะวิ่งหนี แต่เดิมทีเขาไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกขึ้นยืนหนีตายแล้ว
เขาไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ แต่เกือบชั่วพริบตาเดียวก็เดาสถานะของผู้ชายคนนี้ได้
หัวหน้าสำนักซ่าหลัว คุณจี้
“นายน่าจะรู้ว่าวิธีไว้ชีวิตของฉันกับคนอื่นไม่เหมือนกันอยู่หน่อย……” ผู้ชายฉีกมุมปากขึ้นฉับพลัน หัวเราะหนาวเหน็บ
“ฉันใช้มีดมาไว้ชีวิตคน!”
เสียงของผู้ชายพึ่งจบลง มีดในมือนั้นก็คำรามเข้าไป ศีรษะกระเด็นขึ้น กระแทกที่พื้นอย่างแรง
“ไป ไปจ้องที่โรงแรมนั้นไว้” ผู้ชายคนนั้นไม่มองศพนั้นสักนิด พูดกำชับอย่างเย็นชา “รองานพนันเพชรพลอยจบลง ล้อมโรงแรมไว้ให้ฉัน ฉันจะฆ่าที่โรงแรม กล้ามาทำลายสาขาของฉัน……เห็นฉันไม่มีตัวตนหรือไง…..เหอะ!”
ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างรับปากไป คุณจี้ยังกลัวเบื้องบนอยู่ ดังนั้นจึงไม่สังหารโหดในช่วงระหว่างงานพนันเพชรพลอย
โดยเฉพาะ……ผู้นำเมืองแห่งนี้ยังเข้าร่วมด้วย……ใครจะกล้าลงมือมั่วซั่ว?
“อืม……คนคนนี้ยังยากที่จะคลายความแค้นในใจฉัน…..ฉันจะต้องฆ่าคนที่มาสังหารหมู่คนซ่าหลัวของฉันเอง” คุณจี้พูดกับตนเอง แต่ละประโยคเย็นชาจนทำให้ก้นบึ้งหัวใจหนาวเหน็บ