สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 277
บทที่277 นายพลหลง!
ในห้องพักของโรงแรม เฉินเป่ยว่างงานอยู่ เขานอนอยู่บนเตียง ส่งข้อความไปหาหนิงหรัว ถามไถ่หนิงหรัวสักหน่อย
เฉินเป่ยถามไถ่ความเป็นอยู่ของหนิงหรัว ที่หู้ไห่ห่างไกลออกไป ทำให้หนิงหรัวที่กำลังทำงาน ซึ่งนั่งอยู่ในห้องทำงาน หยิบมือถือขึ้น อ่านข้อความแล้วทำหน้างุนงง
เธอไม่เข้าใจ เฉินเป่ยส่งข้อความหาเธอกะทันหัน คิดจะทำอะไรกันแน่?
เธอยังตอบสนองตามไม่ทัน ขมวดคิ้วไว้ จ้องข้อความของเฉินเป่ยอยู่ อ่านไปตั้งนาน ครุ่นคิดสักพักใหญ่ ถึงตอบกลับอย่างระมัดระวัง
คาดไม่ถึงเฉินเป่ยที่อยู่อีกฟากหนึ่งนั้นจะตอบกลับฉับไว ทำให้หนิงหรัวตกใจไป ใบหน้าที่ดูดีเผยความสงสัยที่เข้มข้น
และตอนที่เธอกำลังสงสัย ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเฉินเป่ยก็โทรเข้ามาแล้ว
หลังหนิงหรัวรับสาย ในสายนั้นเป็นเสียงผู้ชายที่คุ้นเคย เต็มไปด้วยแรงดึงดูดลอยเข้าหูของหนิงหรัวมา “หนิงหรัว กำลังทำงานอยู่เหรอ?”
“ใช่ค่ะ ประธานเฉิน คุณอยู่ทางนั้นราบรื่นดีรึเปล่าคะ?”
“มีเธอห่วงใย หรือว่ายังไม่ราบรื่นอีกเหรอ?” ในสายนั้นเฉินเป่ยหัวเราะนิ่งๆ มีน้ำเสียงเจ้าเล่ห์หลายระดับที่ทำให้หนิงหรัวตะลึงเล็กน้อย มือที่บีบมือถือไว้สั่นเทาเบาๆ ใบหน้าแดงไปหมด
“อืม…….ประธานเฉินมีธุระอะไรให้ฉันทำรึเปล่าคะ?” หนิงหรัวถามขึ้น
“แน่นอน”
ถ้าฟังแค่เสียงของเฉินเป่ย เสียงของเฉินเป่ยนั้นยังมีเสน่ห์มาก ทำให้เด็กสาวจิตใจหวั่นไหวหลงใหลได้ง่ายมาก
หนิงหรัวได้ยินเฉินเป่ยโทรหาเธอว่ามีธุระ ชั่วขณะนั้นตัวตรงดิ่งขึ้นมา ทำท่าทางที่เตรียมฟังคำสั่ง
“ดูแลตัวเองให้ดี อย่าเป็นหวัดล่ะ” เฉินเป่ยพูดอย่างกะทันหัน “ฉันดูอากาศของหู้ไห่ในช่วงนี้แล้ว อุณหภูมิต่างกันค่อนข้างมาก จะต้องรักษาตัวให้อุ่นนะ”
เฉินเป่ยพูดกำชับอย่างอ่อนโยน ทำให้ชั่วขณะนั้นหนิงหรัวไม่เข้าใจ มึนงงอยู่บ้าง
เธออึ้งค้างอยู่ครู่หนึ่ง บอกว่า “ประธานเฉินคะ ไม่ใช่ว่ามีธุระกับฉันเหรอคะ? ทำไมพูดเรื่องนี้กัน”
“นี่คือธุระที่ฉันโทรหาเธอไง” ในสายนั้น เสียงของเฉินเป่ยสบายจนเรียบเฉยมาก
“หา?” หนิงหรัวตกใจ เฉินเป่ยหัวเราะฮาๆ พูดอธิบาย “ถ้าไม่ดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี รอฉันกลับไปหู้ไห่ จะมาช่วยเหลือประธานหลีด้วยกันได้ยังไง? ตอนนี้เธอกับหลินเฉว่เป็นผู้ช่วยใหญ่สุดของท่านประธานกรรมการหลี ถ้าเธอไม่สบายแล้ว ประธานกรรมการหลีกับหลินเฉว่คงรับมือไม่ไหว”
ได้ยินเฉินเป่ยอธิบาย ใบหน้าหนิงหรัวก็แดงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เผชิญหน้ากับบทสนทนากับเฉินเป่ยที่กึ่งห่วงใหญ่กึ่งหยอกล้อ หนิงหรัวไม่สบายไปทั้งตัว แม้กระทั่งรู้สึกร้อนแห้งสุดๆ
“ขอโทษค่ะ ประธานเฉิน ฉันทราบแล้วค่ะ” หนิงหรัวพูดเสียงต่ำ
ทั้งสองคนคุยกันต่ออีกสักพัก ทันใดนั้นเฉินเป่ยก็ถามอย่างคาดไม่ถึง “เธอมีแฟนมั้ย?”
“หือ?” ครั้งนี้หนิงหรัวยิ่งงงงวยเพิ่มขึ้นอีก ใกล้โง่ไปแล้ว
“ไม่……..มีค่ะ” หนิงหรัวตอบสนองเข้ามา แล้วตอบไป
“อ่อ งั้นก็ดี” หลังเฉินเป่ยพูดจบ วางสายโทรศัพท์ ปล่อยให้หนิงหรัวถือมือถือไว้ ฉงนสนเท่ห์อย่างมาก
เธอใคร่ครวญคำพูดประโยคสุดท้ายของเฉินเป่ยอย่างละเอียด ทันใดนั้นเหมือนเข้าใจอะไรแล้ว ชั่วขณะนั้นใบหน้าแดงไปหมด
ในห้องพักของโรงแรม เฉินเป่ยวางมือถือลงแล้วยืดเส้นยืดสายไป
ที่เขาคุยกับหนิงหรัวหลายประโยค จึงได้ฟังสถานการณ์ของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปสักหน่อยพอดี
ตามที่หนิงหรัวบอก พอไม่มีหลีชิงเยียน ภารกิจของพวกเธอก็เพิ่มขึ้นกว่าปกติไม่น้อย แต่บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปสถานการณ์ตอนนี้ยังดีมาก ประธานกรรมการกำลังดำเนินการจัดระบบใหม่กับคณะกรรมการ เธอยังไม่ทันได้บอกหลีชิงเยียน เลยให้เขาส่งข่าวต่อไปให้ประธานหลีด้วย
เฉินเป่ยเดินไปที่ขอบหน้าต่าง คลำบุหรี่มวนหนึ่งออกมา หลังสูบเสร็จ ทันใดนั้นแววตาเขาก็สั่นไหว มองเห็นนอกหน้าต่าง โรลส์-รอยซ์แฟนทอมคันหนึ่งค่อยๆ จอดที่หน้าประตู
ไม่นานเท่าไรประตูห้องก็โดนเคาะดังขึ้น เฉินเป่ยเปิดประตูห้องออก ภาพเงาคนคนหนึ่งแวบเข้าไปแล้ว
ความเร็วของชิงเหนียนไวมาก ฝีมือไม่แย่เลยสักนิด ถ้าเวลานี้ซูเหลยอยู่ที่นี่ จะต้องจำสถานะของชิงเหนียนออกมาได้แน่
“เจ้านาย” ของซูเหลย ไม่มีชิงเหนียน เดิมทีซูเหลยไม่อาจเข้ามาอยู่ในสายตาของหลีชิงเยียนได้
ชิงเหนียนเหมือนกับเมื่อก่อน ใส่สูทลายสก๊อตสั่งตัดด้วยมือที่ราคาแพงตัวหนึ่ง คีบซิการ์ไว้ เดินเข้าห้องพักของเฉินเป่ยแล้ว จากนั้นมองไปรอบห้อง แล้วพูดอย่างตำหนิ “ลูกพี่ ที่นี่ยังสู้ฐานทัพไม่ได้เลยล่ะ”
ต้องรู้ว่าถ้าหลีชิงเยียนอยู่ที่นี่ต้องรู้สึกมหัศจรรย์ใจแน่ ห้องพักนี้เป็นห้องเดี่ยวหรูหราในโรงแรมระดับสูงแล้ว ระดับสูงมาก คนที่พักได้ต้องร่ำรวยมาก
คนมีเงินทั่วไป เดิมทีเข้าพักไม่ได้ ดังนั้นหลีชิงเยียนจึงสงสัยอย่างแรงว่าเฉินเป่ยจ่ายไหวได้อย่างไรกัน…….คาดไม่ถึงจะพักห้องแบบนี้
แต่ที่ชิงเหนียนพูดมา เหยียดหยามต่อสถานที่นี่อย่างมาก แม้กระทั่งในน้ำเสียงยังมีความรังเกียจด้วย
“นายมาได้ยังไงกัน?” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ
ชิงเหนียนนั่งลงบนโซฟา ควักกล่องซิการ์ในหน้าอกออกมา ยื่นให้เฉินเป่ย บอกว่า “ลูกพี่ พี่ไม่คิดถึงรสชาติของมันบ้างเหรอ นี่ก็หลายเดือนมาแล้วนะ”
เฉินเป่ยมองชิงเหนียนแบบมีความหมายลึกซึ้ง ชิงเหนียนหัวเราะหึๆ มีความเอาใจ พูดว่า “นี่ไม่ใช่เห็นว่าลูกพี่ไม่ได้สูบอันนี้มาหลายเดือนแล้วเหรอ พี่บอกว่าคฤหาสน์หรูบ้านหลีที่หู้ไห่สูบบุหรี่ไม่ได้ แต่ที่นี่เป็นโรงแรมนะ”
“ถือว่านายฉลาด” มุมปากเฉินเป่ยฉีกรอยยิ้มขึ้น รับซิการ์และกรรไกรมา ตัดขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว
ชิงเหนียนกวาดตามองทีหนึ่ง พูดแบบตำหนิ “ลูกพี่ หลายเดือนนี้ไม่ได้แตะของเล่นนี้ นึกไม่ถึงว่าฝีมือพี่ไม่ถดถอยสักนิดเลยนะ”
ใครจะไปคิดว่าเฉินเป่ยแต่งตัวมอมแมม สกปรกสุดจะทน ทำตัวเหมือนขอทานพเนจร แต่ตอนที่ตัดซิการ์ขึ้นมา กลับคล่องแคล่วอย่างยิ่ง เป็นผู้ชำนาญในการสูบซิการ์บ่อยคนหนึ่งเป็นแน่
ถ้าเกิดคนตะวันตกที่มีใจคิดตีสนิทเฉินเป่ยในสมัยก่อนพวกนั้นอยู่ที่นี่ เกิดพวกเขามองเห็นฝีมือที่ชำนาญของเฉินเป่ย จะต้องแปลกใจอย่างมากแน่ เพราะฝีมือของพวกเขาห่างไกลเทียบชั้นกับเฉินเป่ยไม่ได้เลย
หลังตัดซิการ์เสร็จ ชิงเหนียนก็ยื่นไม้ขีดไฟก้านหนึ่งออกมา เฉินเป่ยกวาดตามอง เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ดาวิดอฟฟ์ น่าดื่มด่ำมากเลย”
ซิการ์จำเป็นต้องใช้ไม้ขีดไฟ ถ้าใช้ไฟแช็กธรรมดาจะทำลายกลิ่นหอมแท้เข้มข้นของตัวซิการ์ไป และคุณค่าของไม้ขีดไฟพวกนี้ ยิ่งยากจะจินตนาการได้
ชิงเหนียนยื่นๆ ปาก พูดกับเฉินเป่ย “ก็ไม่ใช่เรียนมาจากลูกพี่เหรอ”
“ตอนนี้ฉันกลับสู่ชีวิตที่เรียบง่ายแล้ว รู้จักขยันและประหยัดตามเมียฉัน” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ พูดจาเหลวไหลแบบหน้าตาเฉย
มุมปากชิงเหนียนหดลง บ่นพึมพำเสียงเบา “ดูไม่เห็นออกเลย เรื่องที่หน้าไม่อายกลับดูโตขึ้น”
“นายว่าอะไรนะ?” เฉินเป่ยยักคิ้ว
ชิงเหนียนสั่นไปทั้งตัว จุดไม้ขีดไฟขึ้น ยื่นเข้าไปให้เฉินเป่ย
หลังเฉินเป่ยสูบทีหนึ่ง พ่นควันบุหรี่ออกมา มองทางชิงเหนียน เอ่ยปากนิ่งๆ “ว่ามา มีอะไรแล้ว”
ชิงเหนียนยักคิ้วขึ้น สีหน้าตกใจอยู่บ้าง “พี่รู้ว่าผมมาหาพี่เพราะมีธุระ?”
“ฉันยังรู้สาเหตุอะไรที่ทำให้นายมาหาฉันด้วย” เฉินเป่ยสีหน้าสงบ ดวงตาคู่นั้นราวกับมีความสามารถทะลุผ่าน พอดูก็มองความลับใดๆ ของชิงเหนียนออกได้หมด
“เป็นเพราะพวกเขาสามคนสินะ” เฉินเป่ยพูดขึ้น
ชิงเหนียนพยักหน้า ที่เขาพูดไม่ใช่ใครอื่น คือนายพลหลงสามคนที่มีชื่อเสียงนั้น