สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 286
บทที่286 ยอมแพ้เพื่อนางฟ้า!
หลีผิงมองเฉินเป่ย รอยยิ้มนี้ของเฉินเป่ย เลวทรามได้แค่ไหนก็เลวทรามแค่นั้น
แม้กระทั่งในรอยยิ้มของเฉินเป่ยยังมีความหมายยั่วเย้าอย่างเข้มข้น ทำให้ไฟโกรธของหลีผิง แวบเดียวก็ลุกขึ้นมาแล้ว
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยอย่างอึ้งทึ่ง ในใจมีความอบอุ่นผุดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ความโกรธเคืองความเกลียดที่เธอมีต่อเฉินเป่ยก่อนหน้านี้หายไปเกือบครึ่งโดยไม่รู้ตัว
ส่วนซูเหลยที่อยู่ข้างกายหลีชิงเยียน มุมปากกระตุกอย่างแรงไปครู่หนึ่ง
ในสายตาที่หล่อนมองทางเฉินเป่ยมีความประหลาดใจเพิ่มขึ้นมา……เพราะเมื่อสักครู่นี้ แม้แต่หล่อนยังมองรูปร่างของเฉินเป่ยไม่ชัดเจน
เฉินเป่ยทำเอาซูเหลยตกใจอีกครั้งหนึ่ง
“กล้าเตะฉันเหรอ!” หลีผิงโมโหแล้ว อย่างไรเสียเขาคงนึกไม่ถึงว่าเฉินเป่ยที่มีตัวตนราวคนใช้ผู้นี้ คาดไม่ถึงกล้ามาลงมือกับเขา
แม้แต่หลีชิงเยียนเขายังไม่เอามาใส่ใจ ยิ่งไปกว่านั้นเฉินเป่ยล่ะ?
ส่วนคำพูดของหลีผิงพึ่งจบลง มุมปากเฉินเป่ยวาดความหมายอันธพาลขึ้น
หลังจากนั้นหลีผิงยังไม่ทันมีการตอบสนองเข้ามา เฉินเป่ยก็ปล่อยฝ่ามือหนึ่งออกไปไวราวฟ้าแลบ
“ป๊าบ!”
ฝ่ามือนี้ของเฉินเป่ยตบจนหลีผิงมึนงงแล้ว ตรงหน้ามีดาวหมุนติ้วหึ่งๆ รู้สึกเพียงว่าเกิดอาการเวียนหัว
“แก…….” หลีผิงชี้ไปที่เฉินเป่ย เฉินเป่ยล้วงมือข้างหนึ่งในกระเป๋ากางเกง ผ่อนคลายสบายใจ มืออีกข้างไม่ได้ว่าง ตบหลีผิงจนหน้าบวมเปล่ง
แก้มทั้งสองของหลีผิงบวมสูงขึ้นมา ลักษณะแบบนั้น เศร้าสลดอย่างยิ่ง
“แม่งเอ๊ย แกหาที่ตายรึไง!” หลีผิงตวาด สีหน้าเดือดดาล
“ตึง!”
เฉินเป่ยถีบไปทีหนึ่งอย่างดุเดือด
“ตึง!”
หลีผิงกระแทกลงบนพื้นอย่างรุนแรง สลบไปแล้ว
เฉินเป่ยเดินไปด้านหน้าหลีผิง เอ่ยปากกับหลีผิงที่สลบไปนิ่งๆ “อย่าถามฉันว่าทำไมถึงลงมือโหดขนาดนี้ นี่คือแกหาเรื่องเอง กล้าด่าเมียฉัน ถุย!”
พอเฉินเป่ยเอ่ยปาก ทำให้หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างสีหน้าฝืดค้าง แก้มแดงระเรื่อขึ้นมา
“หน้าไม่อาย” หลีชิงเยียนถลึงดวงตาใส่ภาพด้านหลังของเฉินเป่ย บ่นอย่างฉอเลาะ
ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างมองหลีชิงเยียนอยู่ หล่อนคาดไม่ถึงเช่นกันว่าหลีชิงเยียนยังมีช่วงที่ฉอเลาะแบบนี้ด้วย
เฉินเป่ยมองหลีผิงอยู่ นั่งยองลงมา ลูบคลำบนตัวของหลีผิงสักหน่อย ไม่นานก็คลำบัตรผ่านใบหนึ่งออกมาแล้ว
“ไปกันได้แล้ว” เฉินเป่ยมองทางหลีชิงเยียน เผยสีหน้าที่อบอุ่นละมุนออกมา
ใบหน้าหลีชิงเยียนดีใจ นึกได้ขึ้นมาฉับพลันพร้อมกับกับซูเหลย ถึงเข้าใจจุดประสงค์ที่เฉินเป่ยลงมือแล้ว เดิมทีต้องการบัตรผ่านในมือของเขา
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยแวบหนึ่ง ในสีหน้าเต็มไปด้วยการชื่นชม
เธอเองยังรู้สึกว่าเกินคาด นึกไม่ถึงเจ้าหมอนี่ยังมีสมองมากอยู่ ไม่รู้ฉลาดขึ้นตั้งเมื่อไรกัน
เฉินเป่ยพวกเขาสามคนเดินมาถึงตรงหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัย พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนนี้ดูเฉินเป่ยลงมือเมื่อสักครู่อย่างแจ่มชัด เวลานี้ขาทั้งสองสั่นเทากันหมด
คนที่แม้แต่หลีผิงยังกล้าตบ ยังมีใครไม่กล้าลงมืออีก?
พนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นกันชัดเจน เฉินเป่ยต่อยหลีผิงได้อย่างง่ายดาย ส่วนหลีผิงโดนต่อยจนเรียกได้ว่าย่ำแย่ทนดูไม่ได้ ไม่มีแรงโต้กลับสักนิดเดียว
“พวกนาย……..คาดไม่ถึงกล้าต่อยคุณชายหลีผิง……” พนักงานรักษาความปลอดภัยหนึ่งในนั้นพูดเสียงสั่น
เฉินเป่ยกวาดตามองพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนนี้ ส่ายๆ บัตรผ่านที่อยู่ในมือ ถามแบบอันธพาลมาก “ก็ต่อยเขาไง มีอะไรรึเปล่า?”
พนักงานรักษาความปลอดภัยอีกคนหนึ่งรีบดึงพนักงานรักษาความปลอดภัยอีกคนไว้ หัวเราะอย่างอึดอัด ท่าทีเปลี่ยนไปร้อยแปดสิบองศา “ทั้งสามท่าน เมื่อสักครู่พวกผมสองคนมีตาหามีแววไม่ ทั้งสามท่านให้อภัยด้วย ขออภัยครับ”
“งั้นพวกฉันเข้าไปได้รึยัง?” หลีชิงเยียนขี้เกียจมาไร้สาระกับสองคนนี้ ถามขึ้นตรงๆ
“ได้แน่นอนครับ เชิญครับ เชิญเลยครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนหลบทางให้ อย่างกับส่งเทพเจ้าโรคห่า ปล่อยให้เฉินเป่ยพวกเขาสามคนผ่านไปแล้ว
หลังจากทั้งสามคนเข้าไป พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนมองภาพด้านหลังของพวกเขาสามคน เช็ดๆ เหงื่อที่ซึมออกมาบนหน้าผาก “มาจากที่ไหนกัน คาดไม่ถึงแม้แต่ตระกูลหลียังกล้าหาเรื่อง?”
“ฉันได้ยินพวกเขาหลายคนพูดกันเมื่อกี้ เหมือนผู้หญิงคนนั้นเป็นคนของตระกูลหลี?”
“ตระกูลคนรวยขัดแย้งกันเยอะ ในเมื่อยังไงไม่เกี่ยวกับพวกเราเป็นพอ” ทั้งสองคนมองหลีผิงที่สลบไปบนพื้นทีหนึ่ง ถอนหายใจแล้ว “ให้ตระกูลหลีรีบมารับเขาไปเถอะ คนสองกลุ่มนี้ ไม่มีสักคนที่พวกเราหาเรื่องได้”
………….
ฮอลล์จัดงานพนันเพชรพลอยใหญ่เหลือเกิน ผู้คนมากหน้าหลายตา มองดูสุดลูกหูลูกตา ไม่แพ้ระดับฝูงชนแน่นขนาดที่ไปท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเลย
สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือคนที่มาที่ฮอลล์นี้ได้ ไม่มีสักคนเป็นคนธรรมดา ส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งไม่ธรรมดาของหัวเซี่ย
ผู้มีความสามารถพิเศษแต่ละด้านปรากฏตัวขึ้นทั้งหมด จำนวนมากมาย ยากจะจินตนาการ
มีคนสมมุติขึ้น ถ้าที่นี่มีการโจมตีที่สยองขวัญเกิดขึ้น คงกลายเป็นเรื่องใหญ่สะเทือนหัวเซี่ยแน่
หลีชิงเยียนมองซ้ายมองขวา สุดท้ายมองเฉินเป่ยไปทีหนึ่ง เอ่ยปากนิ่งๆ “เลือกมาสักที่ แสดงความสามารถของนายออกมาหน่อยสิ”
เฉินเป่ยกวาดสายตา มองทางหลีชิงเยียน มุมปากอมยิ้มไว้ “ประธานหลี ไว้เลือกช่วงที่เหมาะสม ผมแสดงฉากปิดท้ายจะดีกว่ามั้ง”
หลีชิงเยียนทำเสียงฮึดฮัด ดวงตางดงามจ้องเฉินเป่ยอยู่ ราวกับจะมองเฉินเป่ยจนทะลุได้ บอกว่า “หรือว่านายไม่กล้ากันแน่?”
“นี่มีอะไรไม่กล้ากัน ไม่ใช่แค่พนันก้อนหินกากๆ ไม่กี่ก้อนเองเหรอ กลัวอะไร” คำพูดของหลีชิงเยียนเหมือนกระตุ้นเฉินเป่ยให้โมโหแล้วทำปากยื่น
ส่วนหลีชิงเยียนได้ยินคำพูดของเฉินเป่ย หัวเราะเยาะ “หินกากๆ ไม่กี่ก้อน? การพนันเพชรพลอยเปลี่ยนแปลงมากมาย ถึงแม้คนที่พนันเพชรพลอยระดับหนึ่งในตอนนี้ ยังไม่กล้าพูดเพ้อเจ้อว่าตัวเองจะทำลายความลี้ลับด้านในได้เลย…….สรุปนายเข้าใจการพนันเพชรพลอยรึเปล่า?”
เฉินเป่ยได้ยินหลีชิงเยียนเหน็บแนม จึงหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน หน้าแดงขึ้น “อะไรกัน…….ผมไม่ใช่แค่พูดไปเรื่อยเองหรอกเหรอ……ชิงเยียนคุณอย่าเอาไปใส่ใจเลย”
คาดไม่ถึงท่าทางแบบนี้ของเฉินเป่ย กลับกลายเป็นวัวสันหลังหวะในสายตาของหลีชิงเยียนแล้ว
หลีชิงเยียนหัวเราะเย้ยหยัน มั่นใจความคิดหนึ่งเรียบร้อย คิดว่าเฉินเป่ยคงแกล้งแสดงออกมา พอคิดแบบนี้ หลีชิงเยียนจึงหันหน้า พูดกับซูเหลยที่ด้านข้าง “พวกเราไปดูที่ด้านข้างกันหน่อยเถอะ ไม่ต้องสนใจพวกคนหลอกลวงหรอก”
หลีชิงเยียนพูดจบ ดึงซูเหลยเดินไปอีกข้าง ทิ้งเฉินเป่ยที่หน้าตามึนงงไว้ที่เดิม
“ผมกลายเป็นคนหลอกลวงแล้วได้ยังไงกัน?” เฉินเป่ยลูบจมูกอย่างไม่เข้าใจ
รอตอนที่เฉินเป่ยเดินตามหลีชิงเยียนพวกเธอไป หลีชิงเยียนกับซูเหลยกำลังเบียดในฝูงชน มองหินก้อนใหญ่ที่จัดวางไว้บนโต๊ะ ดวงตาเปล่งประกาย ท่าทางตื่นเต้นฮึกเหิมคันไม้คันมืออยากลองทำดู
เฉินเป่ยตามเข้าไปแล้ว มองเห็นฝูงชนมุงดู กำลังเสนอราคาไม่ขาดสาย ปรารถนาจะซื้อหินก้อนนี้มา
“ห้าร้อย!”
“หนึ่งพัน!”
“หนึ่งพันห้า!”
หินขนาดใหญ่ก้อนนี้ มืดมน ไม่มีความมันวาว เห็นได้ชัดว่าธรรมดาที่สุด แต่ราคาของมัน กลับพุ่งสูง
เพราะทุกอย่างนี้ล้วนมาจากคำพูดของผู้ขายของประมูลคนนั้น “หินก้อนนี้ ผ่านทางการงานพนันเพชรพลอยวินิจฉัยและประเมินค่ามา มีความเป็นไปได้มากว่าจะมีหยกเขียว”
คำพูดที่เรียบง่ายของผู้อาวุโสคนนี้ ชั่วพริบตาเดียวกระตุ้นบรรยากาศทั้งงานแล้ว
ผู้คนนับไม่ถ้วนแย่งกันประมูล หินที่ธรรมดาที่สุดพวกนี้ ปกติจะผ่านการวินิจฉัยและประเมินค่าชั้นต้นจากทางการงานพนันเพชรพลอย เพราะถึงแม้จะมีหยกเขียว ก็คงไม่ได้คุณภาพที่ดีเท่าไร แต่เพียงแค่เช่นนี้ คนเหล่านี้ยังคงตะโกนเสนอราคากันอย่างบ้าคลั่ง โดยเฉพาะหินก้อนใหญ่ขนาดนี้ ขอเพียงมีเพชรพลอย ก็แสดงว่าจะต้องทำเงินได้แน่นอน
สำหรับผู้คนมากมาย นี่เกือบเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้แน่นอน เทียบกันกับการพนันเพชรพลอยราคาสูงลิบพวกนั้น ความเสี่ยงย่อมน้อยกว่ามาก
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ ก็ยังคงทำให้เฉินเป่ยที่อยู่ข้างหลีชิงเยียนบ่นไม่หยุด “แม่งเอ๊ย แพงขนาดนี้ หินก้อนนี้ต้องออกของดีไม่ได้แน่”
หลีชิงเยียนมองค้อนเฉินเป่ย “ในเมื่อผ่านการวินิจฉัยประเมินค่ามาแล้ว หินก้อนนี้ใหญ่ขนาดนี้จะออกของดีไม่ได้งั้นเหรอ นายเห็นคนอื่นโง่รึไง?”
ส่วนเฉินเป่ยเห็นหลีชิงเยียนมองค้อน สีหน้าอึดอัด แต่ยังยืนหยัดอย่างมาก
สุดท้ายหินก้อนนี้ก็ถูกชายวัยกลางคนท่านหนึ่งประมูลไปในราคาสามพันห้า หลังได้รับความเห็นชอบของชายวัยกลางคน ผู้ประมูลขายเรียกผู้เชี่ยวชาญการเข้ามาตัดแล้ว ค่อยๆ ตัดหินก้อนนี้ออกมา
ชายวัยกลางคนถูมืออยู่ จ้องหินก้อนนี้ด้วยหน้าตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่รอจนหินนี้โดนตัดลงมา ก็ไม่มีหยกเขียว ทำให้สีหน้าเขาซีดไปในชั่วขณะนั้น
“ไม่ต้องรีบร้อน ของด้านในอาจจะค่อนข้างเล็ก แต่ขอเพียงมีแล้วก็จะทำกำไรได้ ยังจะตัดอยู่รึเปล่า?” ผู้เชี่ยวชาญการตัดด้านข้างพูดปลอบใจ
“ตัด!”
ชายวัยกลางคนปาดเหงื่อเต็มหน้าออก กัดฟันไว้ ตัดสินใจไป
ปลายมีดที่ใช้ตัดหมุนวนรวดเร็ว ตอนที่เครื่องตัดนำหินทั้งก้อนตัดออก ฝูงชนที่มุงดูค่อยๆ แสดงความคิดเห็น มีเสียงถอนหายใจดังขึ้น
ไม่มีหยกเขียว ไม่มีเลยสักนิด
แวบหนึ่งสีหน้าชายวัยกลางคนซีดขาว สามพันห้าละลายแม่น้ำไป ไม่ให้เขาปวดใจได้อย่างไรกัน?
ในเวลานี้ เฉินเป่ยหัวเราะเบาๆ อย่างได้ใจ “ผมบอกแล้ว ด้านในไม่มีอะไรสักอย่าง”
หลีชิงเยียนพึ่งอยากจะพูดอะไร กลับคาดไม่ถึงว่าคำพูดของเฉินเป่ยจะมีผู้อาวุโสคนหนึ่งได้ยินแล้ว ผู้อาวุโสทำเสียงฮึดฮัด มองทางเฉินเป่ย พูดอย่างเย็นชา “พ่อหนุ่ม คนที่มาบอกว่ารู้ดีหลังเรื่องเกิดแล้วไม่มีอะไรน่าโอ้อวด ทุกคนล้วนรู้ดีหลังเรื่องเกิดแล้ว ถ้านายมีความสามารถจริง งั้นเลือกหินสักก้อนออกมาพนันดูหน่อยสิ?”
พอผู้อาวุโสเอ่ยปาก ชั่วขณะนั้นได้รับเสียงร้องสนับสนุนจากคนไม่น้อย สายตาที่มองทางเฉินเป่ย เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
“ลูกน้องฉันไม่รู้ภาษา ทำให้ทุกท่านหัวเราะเยาะแล้ว” ในตอนนี้ หลีชิงเยียนหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน รีบแก้หน้าให้เฉินเป่ย
ผู้อาวุโสทำเสียงฮึดฮัด “การพนันเพชรพลอยเดิมทีมีเรื่องดวงดีรวบไว้ในนั้นด้วย ถ้าเขาเก่งกาจขนาดนี้จริงก็คงไม่มาเล่นที่โซนระดับต่ำนี้หรอก”
“ขอโทษด้วยค่ะ” หลีชิงเยียนมองทางเฉินเป่ย สีหน้าเคร่งขรึม
เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียนแวบหนึ่ง ภายใต้ผู้คนมากมาย คำสั่งของหลีชิงเยียนเขาไม่กล้าขัดขืน ได้เพียงมองทางผู้อาวุโส หัวเราะอย่างอึดอัด “ท่านผู้เฒ่า เป็นความผิดผมเอง”
“รู้จักผิดก็ดี รู้จักผิดแล้วแก้ไขใหม่เป็นเรื่องดี การพนันเพชรพลอยไม่ใช่นายจะมาเล่นได้แบบตุ๊กตา รีบออกไปจะดีกว่า” เหมือนว่าเป็นเพราะเฉินเป่ยขอโทษทำให้ผู้อาวุโสเหลิงอยู่บ้าง ผู้อาวุโสจึงพยักหน้า พูดโน้มน้าวด้วยใบหน้าอ่อนโยน
เฉินเป่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างหลีชิงเยียนได้ยินผู้อาวุโสสั่งสอน มุมปากยกเส้นรัศมีวงกลมที่เหยียดหยามนิดๆ ขึ้น……..
รอยยิ้มของเขาลุ่มลึกอยู่บ้าง ทำให้คนรู้สึกว่าคาดเดาไม่ออกขนาดนั้น..