สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 287
บทที่287 ลงมีดครั้งที่สอง!
ผู้อาวุโสท่านนั้นไม่ได้ทำให้เฉินเป่ยลำบากใจอีก หลังพูดกับเฉินเป่ยสองสามประโยค ตั้งใจรอคอยประมูลหินก้อนต่อไป
สักพักหนึ่ง ผู้ประมูลขายย้ายหินที่เล็กกว่าก้อนหนึ่งมาบนโต๊ะ เอ่ยปากนิ่งๆ “หินก้อนนี้ อยู่ชุดเดียวกันกับหินที่ก้อนหนึ่งราคาถึงสองหมื่นห้า ไม่เคยเจอทางการประเมินค่า ราคาสูงถึงห้าพัน”
เสียงผู้ประมูลขายพึ่งจบ ก็ทำให้ผู้คนที่มุงดูตกใจฮือฮากัน คนมากมายเริ่มถกเถียงขึ้นมา
“เป็นชุดเดียวกันกับหินที่ราคาสองหมื่นนั้น…….อย่างนั้นคุณภาพหินก้อนนี้น่าจะไม่แย่ อัตราจะมีเพชรพลอยไม่ต่ำ ฉันเสนอหกพัน!”
“ถึงแม้เป็นชุดเดียวกัน แต่ไม่รู้ว่าอัตราที่จะมีเพชรพลอยสูงรึเปล่า ดูจากภายนอกไม่มีอะไรต่างกับกับก้อนเมื่อกี้ ไม่คุ้มค่าให้จ่ายเงินมากเท่าไร ฉันเสนอเจ็ดพัน!”
“หนึ่งหมื่น!”
“สองหมื่น!”
ไม่นานหินก้อนนี้ก็ถูกประมูลไปที่ราคาห้าหมื่น
เสียงเคาะครั้งสุดท้ายยังคงเป็นชายวัยกลางคนก่อนหน้านี้ท่านนั้น หลังผ่านประสบการณ์เมื่อสักครู่ ครั้งนี้ถึงเขาจะต้องเสียเงินมากก็ยอม แม้แต่เสียงยังแหบแห้งขึ้นมา “ตัด! ถ้าก้อนนี้ไม่ทำเงินอีก ฉันจะรีบออกไปจากงานพนันเพชรพลอยทันที”
ดวงตาทั้งคู่ของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เห็นได้ว่าการพนันเพชรพลอยมีความกดดันต่อจิตใจคนคนหนึ่งมากเท่าไร
ผู้เชี่ยวชาญด้านการตัดถือเครื่องตัดเดินเข้าไปแล้ว ทั้งหมดกลั้นลมหายใจเอาไว้ จ้องหินก้อนนั้นแน่น โดนตัดช้าๆ
ชายวัยกลางคนกัดฟันแน่น จ้องหินห้าหมื่นก้อนนี้ตาไม่กะพริบ ท่าทางประหม่าเป็นกังวลอย่างยิ่ง
เฉินเป่ยที่ด้านข้างหลีชิงเยียนหัวเราะนิดหน่อย บ่นกับตนเอง “น่าจะทำเงินได้อยู่”
หลีชิงเยียนมองค้อนเฉินเป่ยทีหนึ่ง หินก้อนนี้ราคาห้าหมื่น เทียบกับก้อนเมื่อสักครู่ไม่รู้เพิ่มขึ้นไปกี่เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังจะเล็กกว่าก้อนเมื่อกี้นั้นลงมาก คาดไม่ถึงเฉินเป่ยบอกจะทำเงิน?
เจ้าหมอนี่กำลังพูดจาเหลวไหลอะไร?
ถึงแม้หลีชิงเยียนจะไม่เข้าใจ แต่ที่เฉินเป่ยพูด แม้แต่คนนอกวงการยังไม่เชื่อสักคน
หลีชิงเยียนถลึงตาใส่เฉินเป่ย พูดเสียงหนาวเหน็บ “ที่ควรพูดถึงพูด ที่ไม่ควรพูดอย่าพูด!”
เฉินเป่ยหดๆ ศีรษะแล้วบ่นพึมพำ กลับไม่กล้าพูดอีก
ท่าทางยอมแพ้ของเฉินเป่ยนี้ ถ้าชิงเหนียนอยู่ที่นี่ เห็นเข้าคงตกใจเป็นแน่
เพราะแม้แต่ชิงเหนียนยังไม่เคยเห็นมาก่อน เฉินเป่ยจะยอมแพ้ใคร
ราชาหลงที่น่าเกรงขามยอมแพ้ใครคนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็นผู้หญิง นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างยิ่ง ไม่มีใครเชื่อหรอก
ส่วนหลีชิงเยียนย่อมไม่รู้เรื่องพวกนี้ เธอเพียงคิดว่าให้เฉินเป่ยเจ้าหมอนี่อย่าทำขายหน้าต่อไปอีก เธอใกล้จะทนดูไม่ไหวแล้ว เธอกลัวว่าหากเฉินเป่ยพูดต่อไปอีก จะทำให้ผู้คนมากมายยิ่งไม่พอใจ
โดยเฉพาะเจ้าหมอนี่ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เขากับหลีหยางมีความสัมพันธ์ที่ดี ถึงแม้หลีหยางจะเลอะเลือนแค่ไหนคงไม่ให้เขามาเข้าร่วมงานพนันเพชรพลอย ทำลายชื่อเสียงของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปแน่
หลีชิงเยียนคิดอยู่ ในใจแอบทอดถอนใจ ถ้าหลีหยางรู้ว่าเฉินเป่ยเป็นแบบนี้ คงเสียใจแทบตายหรือเปล่า?
เวลานี้หลีชิงเยียนตัดสินใจเรื่องหนึ่งแล้ว คืนนี้กลับไปถึงโรงแรม จะต้องคุยกับพ่อเธอ พูดกับหลีหยางดีๆ ถึงสถานการณ์นี้ ดูว่ายังพอมีโอกาสกอบกู้บางส่วนได้หรือไม่
“ถึงตอนนี้ยังไม่เห็นสี น่าจะไม่มีแล้วล่ะ” มีดแรกลงไป ชั่วขณะหนึ่งสีหน้าชายวัยกลางคนผู้นั้นซีดไม่น้อย ได้ยินฝูงชนที่มุงดูแสดงความคิดเห็น ทำให้เราร่างกายโงนเงนอยู่บ้าง เกือบจะเป็นลมไป
“คงไม่เหมือนกันกับก้อนที่แล้วหรอกมั้ง? ก้อนที่แล้วแค่ไม่กี่พัน นี่ตั้งห้าหมื่นเลยล่ะ ถ้าขาดทุน นั่นก็ขาดทุนเยอะเลย”
“หินก้อนใหญ่ขนาดนั้นยังไม่มี หินก้อนเล็กขนาดนี้ต้องไม่มีอยู่แล้ว”
ฝูงชนที่ล้อมดูค่อยๆ ถกเถียงกัน สีหน้าชายวัยกลางคนยิ่งซีดเผือด หน้าผากเหงื่อซึมออก
“ยังตัดอีกมั้ย?” ผู้เชี่ยวชาญการตัดมองทางชายวัยกลางคน พูดแนะนำ “จากประสบการณ์ตัดมาหลายปีของผม อันนี้น่าจะเป็นของเสีย ไม่ต้องเปลืองเงินมีดที่สองแล้ว”
ผู้เชี่ยวชาญการตัดมองทางชายวัยกลางคน สายตาเต็มไปด้วยความเวทนา เขาเริ่มเห็นใจสงสารชายวัยกลางคน แม้แต่สองก้อนล้วนเป็นของเสีย
ตอนที่ชายวัยกลางคนลังเลว่าจะตัดดีหรือไม่ ในเวลานี้ มีเสียงหนึ่งลอยมาจากฝูงชนด้านหลังของเขา “ตัดเลย! ในเมื่อขาดทุนมามากขนาดนี้แล้ว ตัดอีกครั้งจะเป็นไรไป!”
ซู่!
ฝูงชนที่มุงดูเกรียวกราวกัน ชายวัยกลางคนหันหน้า สายตาแต่ละคนค่อยๆ มองไปตามเสียง มองเห็นเฉินเป่ยที่อยู่ข้างกายหลีชิงเยียนเอ่ยปากเสียงดัง บนหน้ายังมีรอยยิ้มบางอย่าง เห็นได้ชัดว่าลึกลับมาก
“เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ทั้งๆ ที่นี่เป็นของเสียก้อนหนึ่ง นายยังให้เขาตัด นี่นายไม่ใช่ทำลายเขาอยู่เหรอ!”
“มีดแรกตัดลงไปมากขนาดนี้ยังไม่มีอะไรเลย เห็นชัดว่าไม่ต้องลงมีดที่สองแล้ว ฉันพนันเพชรพลอยมาหลายปีขนาดนั้น ความรู้เล็กน้อยนี้ยังเข้าใจดี ของเสียแบบนี้ มีดเดียวก็พอแล้ว”
และผู้อาวุโสท่านก่อนหน้านี้นั้นมองทางเฉินเป่ย พูดเสียงดุ “พ่อหนุ่ม นายไม่เข้าใจการพนันเพชรพลอยก็ไม่ต้องมาแกล้งเข้าใจที่นี่หรอก ของเสียก้อนหนึ่ง ถ้านายอยากดูให้ได้ งั้นนายออกเงินลงมีดสองนี้ไหม? เพื่อนท่านนั้นก็ขาดทุนหนักแล้ว นายยังอยากให้คนอื่นเขาเสียเงินก้อนนี้อีกรึไง?”
สายตาแต่ละคนตกอยู่บนตัวเฉินเป่ย เยาะเย้ยถากถาง ทุกที่ล้วนเป็นการประณามเสียงดุ
ส่วนหลีชิงเยียนที่โดนสายตาจับจ้องยิ่งกระอักกระอ่วน เส้นเลือดบนหน้าผากขาวเนียนกระตุก มือเรียวสวยข้างนั้น กุมหมัดไว้แน่น
เธอยืนอยู่ด้านข้างของเฉินเป่ย ฟังคนเหล่านั้นซุบซิบวิจารณ์คนอื่น คำพูดแต่ละประโยคถึงแม้ด่าเฉินเป่ย แต่กลับทำให้หลีชิงเยียนไม่ได้รู้สึกดี
เฉินเป่ยหนังหน้าหนาเกินจะทน ทำหน้าเป็นทองไม่รู้ร้อน แต่หลีชิงเยียนทนไม่ไหวแล้ว ใบหน้าร้อนฉ่าจนลวก ใบหน้าสวยสดงดงามแดงฉาน
“มีแล้ว มีแล้ว!”
ตอนที่ทุกคนเริ่มประณามกัน ทันใดนั้นเสียงที่ฮึกเหิมสุดๆ และมีความตื่นเต้นแบบดีใจแทบบ้าดังขึ้น ชั่วพริบตาเดียวขัดจังหวะเสียงของทุกคนลง
ชั่วขณะหนึ่งสายตาเหล่านั้นที่หยุดบนตัวเฉินเป่ยเปลี่ยนทิศทางแล้ว มองไปตามเสียง เห็นเพียงชายวัยกลางคนตื่นเต้นจนหน้าแดงไปหมด กอดหินก้อนนั้นไว้ ดีใจจนดวงตาทั้งสองเปล่งประกาย
เขากำลังสั่นระริกไปทั้งตัว ทั้งห้องโถงเงียบสงบ ส่วนเฉินเป่ยยื่นๆ ปาก เผยรอยยิ้มล้ำลึกออกมา
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? หรือว่ามีจริงๆ แล้ว?” มองเห็นชายวัยกลางคน
เลื่อมใสเช่นนี้ ในที่สุดก็มีคนเริ่มหวั่นไหวขึ้นมา
“เป็นไปได้ยังไง…….ของเสียก้อนนี้จะมีของได้ยังไงกัน?”
“หรือว่าเป็นพวกเราเข้าใจเจ้าหนุ่มนั้นผิดไปแล้ว? มีดที่สองไม่ขาดทุนนี่!”
เสียงแต่ละคนดังขึ้นมาติดๆ ส่วนผู้ประมูลขายขัดจังหวะชายวัยกลางคนที่ดีใจอยู่เข้า “คุณผู้ชาย ให้พวกเราดูสักหน่อยได้หรือไม่”
ชายวัยกลางคนอ้าแขน ฝูงชนที่ล้อมดูมองไป ชั่วพริบตาเดียวอารมณ์พลุ่งพล่าน
สายตาแต่ละคนแข็งทื่อไปชั่วขณะนั้น อึ้งทึ่ง ตามมาด้วยความรู้สึกยากที่จะเชื่อ
ในหินก้อนนี้จะมีหยกที่ใหญ่ขนาดนั้น พอๆ กันกับศีรษะเด็กทารก มีเพียงเปลือกหินชั้นหนึ่งบางๆ ห่อหุ้มหยกก้อนนี้เอาไว้
“คุณภาพของหยกนี้ดีมาก และมีปริมาณมากขนาดนั้นด้วย เพียงแค่ตัวหยกที่ยังไม่เสริมแต่งก็ขายได้หนึ่งแสนขึ้นไปแล้ว!”
ผู้อาวุโสที่ประณามสั่งสอนเฉินเป่ยด้วยเสียงดุท่านนั้นก่อนหน้านี้ จับไม้เท้าไว้อย่างตื่นเต้น ใช้ไม้เท้าเคาะที่พื้นไปเต็มกำลัง บนหน้าประกายสีแดงที่แปลกประหลาด
“นึกไม่ถึง จินตนาการไม่ถึงเลย ลงมีดครั้งที่สองนี้จะมีหยกก้อนใหญ่ขนาดนี้ออกมา ทำเงิน……ทำเงินได้มากแล้ว” ฝูงชนที่ล้อมดูอยู่ไม่นิ่งมาก ชายวัยกลางคนไม่เพียงได้ทุนของหินสองก้อนนี้กลับมา ยังทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ
ฝูงชนโดยรอบตื่นเต้นกันยกใหญ่ แม้กระทั่งเฉยเมยต่อคำพูดเมื่อสักครู่ของเฉินเป่ย พวกเขาแต่ละคนล้อมตรงหน้าหินก้อนนี้ พินิจพิเคราะห์ชื่นชมอย่างละเอียด
“ถ้าไม่มีการลงมีดครั้งที่สองนี้ หินก้อนนี้คงจัดการแบบของเสีย นั่นเป็นความเสียหายที่ยากจะรับได้เลย” ผู้ประมูลขายกล่าวอย่างทอดถอนใจ
หลีชิงเยียนมองหินที่ครอบครองหยกก้อนใหญ่ไว้อย่างตาค้าง สมองว่างเปล่า
อย่างไรเสียเธอก็ตอบสนองไปไม่ทัน เมื่อสักครู่เธอยังว่าเฉินเป่ยอยู่เลย……ผลปรากฏว่าลงมีดครั้งที่สอง กลับทำเงินได้จริงๆ
ข้างหูของเธอมีเสียงที่มีความหมายลึกซึ้งของเฉินเป่ยดังก้อง “น่าจะต้องทำเงินได้สิ……”
หรือว่าเขาเข้าใจจริง?
ในสมองของหลีชิงเยียนพึ่งโผล่ความคิดหนึ่งออกมา ก็โดนเธอขีดฆ่าไปอย่างไม่สงสัยสักนิด……..ให้ตายเธอก็ไม่เชื่อ ว่าเฉินเป่ยจะเข้าใจการพนันเพชรพลอย
ศาสตร์การพนันเพชรพลอยกว้างขวางลึกซึ้ง เธอยินยอมเชื่อว่าเฉินเป่ยเพียงแค่ดวงดีเท่านั้น
“ใช่สิ เมื่อกี้ถ้าไม่ลงมีดที่สองไป หยกก้อนนี้คงไม่โผล่ออกมาแน่ คงโดนกำจัดทิ้งไปแล้ว”
โดนกำจัดทิ้ง ก็นำหินทั้งก้อนไปจัดการเป็นหินชิ้นเล็กๆ ถึงตอนนั้นหากตัวหยกถูกพบเข้า ก็คงสายเกินไปแล้ว
ชายวัยกลางคนหัวเราะเสียงดัง บนหน้ามีความตื่นเต้นดีใจอย่างบ้าคลั่ง เขาหันหน้าทันที มองทางเฉินเป่ย เดินไปทางเฉินเป่ยอย่างจริงจัง เดินมาที่ตรงหน้าของเฉินเป่ย เขาคำนับด้วยความเคารพ “เพื่อน ถ้าไม่มีคำเตือนของนาย ครั้งนี้ฉันจะต้องขาดทุนแน่”
“โดนเขาทายถูกแล้ว? นี่มันดวงอะไรกัน?” สายตาแต่ละคนที่มีความตื่นตกใจ มองทางเฉินเป่ย
ผู้อาวุโสมองเฉินเป่ยอยู่ สีหน้าค่อยๆ ซับซ้อนขึ้นมา ก่อนหน้าเขายังตำหนิเฉินเป่ยอยู่เลย พอตามหลังลงมีดที่สองไปยังมีเพชรพลอยจริง
นี่เป็นการหักหน้าผู้อาวุโสแบบโจ่งแจ้งอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ปรานีสักนิดเดียว
นึกถึงตรงนี้ ผู้อาวุโสก็ถอนหายใจทีหนึ่ง ยิ้มให้เฉินเป่ยอย่างอ่อนโยน “พ่อหนุ่ม เมื่อกี้ฉันดูผิดไป ฉันขอโทษนายด้วยนะ”
เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ “ไม่ต้องหรอก ในการพนันเพชรพลอยดูผิดไปก็ช่างปกติเหลือเกิน” ท่วงทีแบบผ่อนคลายของเฉินเป่ย ทำให้ผู้อาวุโสสายตาค่อยๆ ล้ำลึกขึ้นมา
ส่วนหลีชิงเยียน ในใจสั่นสะเทือน ใบหน้างดงามยิ่งดูซับซ้อน เธอแอบคาดเดาบางอย่าง เฉินเป่ยเหมือนเข้าใจพวกนี้จริงๆ
ในเวลานี้ ร่างกายหลีชิงเยียนสั่นอย่างฉับพลัน กรงเล็บคู่หนึ่งไต่ขึ้นมาที่เอวอ่อนช้อยทันที โอบเอวบางของเธอเอาไว้
ลมหายใจที่อบอุ่นกระโจนตีแก้มของหลีชิงเยียน เสียงที่เจ้าเล่ห์หยอกเย้าดังขึ้นที่ข้างหูเธอ “ชิงเยียน คุณทายสิว่าสรุปผมเข้าใจรึเปล่าล่ะ?”