สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 290
บทที่290 เวลาสำคัญ
ซูเหลยไม่เข้าใจคำพูดประโยคนี้ ดังนั้นตอนที่เฉินเป่ยพูดถึง หล่อนจึงทำหน้างงงวย
แต่หลีชิงเยียนจะไม่เข้าใจได้อย่างไรกัน คำพูดประโยคนี้ ต่อให้ไม่เข้าใจการพนันเพชรพลอย แต่ขอเพียงผ่านประสบการณ์มามาก ล้วนรู้จักคำพูดหนึ่งที่โด่งดังมากในวงการพนันเพชรพลอย
ว่ากันว่าคำพูดนี้เป็นผู้มีความสามารถพิเศษท่านหนึ่งของวงการพนันเพชรพลอยปล่อยออกมา อธิบายอย่างลึกซึ้งถึงความหวาดเสียวและความสยองขวัญในการพนันเพชรพลอย
ส่วนผู้มีความสามารถพิเศษท่านนั้นเป็นใครกัน นี่กลัวว่าแม้แต่ปรมาจารย์ที่อาวุโสที่สุดในวงการพนันเพชรพลอยยังไม่รู้แน่ชัดเลย
หลีชิงเยียนพยักหน้า “รู้แน่นอน สรุปนายหมายความว่าอะไร?”
“รู้ก็พอแล้ว พนันเพชรพลอยครั้งหนึ่ง พอให้พวกเราเล่นที่นี่ได้ตามชอบใจแล้ว” เฉินเป่ยมองทางโซนพนันระดับสูง สายตาสงบลุ่มลึก
ส่วนหลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้าง มองอย่างดูถูกแบบกลั้นไม่ไหว เธอถึงได้เข้าใจความหมายนี้ของเฉินเป่ย คาดไม่ถึงอยากประมูลหินก้อนเดียวตัดออกมาก็มีของดีเลย และขายออกไปเอาเงินมาเป็นทุนของตนเอง?
ไม่มีความเป็นจริงได้เลย
พนันเพชรพลอยที่ตัดออกมาได้ของดีแล้วขายออกไปที่งาน เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ไม่มี แต่คนจำนวนน้อยมากที่จะทำแบบนี้ เพราะแบบนี้กำไรจึงต่ำที่สุด ถ้าหลังจากเอาไปเสริมแต่งที่ข้างนอกเพิ่ม ราคาจะสูงขึ้นอีก
ส่วนเฉินเป่ย ถ้าอยากพนันหินก้อนหนึ่งแล้วตัดออกมาได้ของดีมากพอที่จะเล่นในโซนพนันระดับสูง นั่นต้องเป็นของล้ำค่าที่สุดในโลกเลยล่ะมั้ง?
การพนันเพชรพลอยประเภทนี้ จะปรากฏในโซนพนันระดับสูงได้อย่างไรกัน มันเกิดขึ้นเพียงที่ห้องพนันชั้นยอดของระดับสูง แต่ละก้อนราคาล้านขึ้นไป
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยเหมือนมองคนบ้า เจ้าหมอนี่ช่างหน้าไม่อายเลย ความมั่นใจขยายใหญ่จนเธอทนดูต่อไปไม่ได้
เฉินเป่ยพูดคำนี้ออกมา เดิมทีไม่เหมือนคนที่เข้าใจการพนันเพชรพลอยพูดออกมา เพราะเรื่องบางอย่าง เดิมทีไม่อาจเกิดขึ้นได้
ส่วนสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามของหลีชิงเยียนถูกเฉินเป่ยเพิกเฉยไป สายตาของเขากำลังจ้องโซนพนันระดับสูง ไม่มีความรู้สึกอับอายเพราะคำพูดเมื่อสักครู่ของเขาแม้แต่น้อย ท่าทางนั้นราวกับกำลังพูดเรื่องที่ปกติมากๆ เรื่องหนึ่ง
หลีชิงเยียนย่อมไม่รู้ว่าเฉินเป่ย เขาไม่ทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ส่วนซูเหลยที่อยู่ด้านข้างของหลีชิงเยียน มองเฉินเป่ยอยู่ สายตาเปล่งประกาย ท่าทางมีความสนใจ
หลีชิงเยียนคงไม่เชื่อเฉินเป่ยพูดมาสักประโยค แต่ซูเหลยไม่เหมือนกัน ซูเหลยรู้อะไรมามากกว่าหลีชิงเยียน มองเห็นเฉินเป่ยเรียบเฉยผ่อนคลาย ในใจเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมานิดๆ
บวกกับเมื่อสักครู่ตอนอยู่ที่โซนพนันระดับต่ำ คำพูดสองประโยคง่ายๆ ของเฉินเป่ย ก็คาดคะเนถึงผลลัพธ์ได้แล้ว หลีชิงเยียนอาจจะรู้สึกว่าเป็นเฉินเป่ยดวงดี แต่ซูเหลยไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
หล่อนรอคอยการแสดงของเฉินเป่ยที่เข้าไปโซนพนันระดับสูงมาก จะเหมือนกับที่เขาพูดเอาไว้จริงหรือไม่ ตัดหินเพียงมีดเดียวทำเงินได้ทันที
………….
เดินเข้าในโถงใหญ่ แสงไฟแวววาว แชนเดอเลียวิบวับขนาดใหญ่ ห้อยลงมาจากที่สูง แสงไฟส่องผ่านคริสทัลมา สาดไปที่พื้น สง่าหรูหรา
กระเบื้องเคลือบมีระดับ ผสมกับวัสดุของหยก ดูขึ้นมาละมุนอย่างยิ่ง บวกกับภาพวาดตามผนังทั้งสองข้างซ้ายขวา ภายในโถงใหญ่ เหลืองทองอร่ามงามตา บรรยากาศสูงศักดิ์
บุคคลที่จิตใจสูงส่งแต่ละคนผ่านโซนพนันระดับต่ำมา ในที่สุดก็มาถึงที่นี่ ภายใต้การนำทางของพนักงานบริการแต่ละคน เดินเข้าแต่ละห้องไปแล้ว
หลีชิงเยียนกับซูเหลยสังเกตที่นี่อยู่ หลีชิงเยียนที่ถึงแม้เคยเห็นโลกกว้างมามากก็ต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้สมบูรณ์แบบ เต็มไปด้วยความรู้สึกชั้นเยี่ยม หากไม่มีนักออกแบบชั้นนำระดับโลกมาออกแบบ เดิมทีไม่อาจมีความสำเร็จได้
หลีชิงเยียนกับซูเหลยรู้สึกหวั่นไหวกับการตกแต่งของที่นี่ ส่วนเฉินเป่ยเบ้ปากอย่างเหยียดหยามอยู่ด้านข้าง ชี้ไปที่สิ่งแวดล้อมสูงสง่าแบบนี้ พูดอย่างอันธพาลมาก “ก็แค่นี้เอง ชิงเยียน ถ้าคุณชอบเหมือนแบบนี้ กลับไปผมมีโอกาส จะสร้างให้คุณเยอะๆ เลย”
ไม่นานคำพูดของเฉินเป่ยก็ดึงดูดความสนใจของคนรวยบางส่วน สายตาแต่ละคนมองเข้ามา ตอนที่มองเห็นเครื่องแต่งกายบนตัวของเฉินเป่ย ค่อยๆ หัวเราะแล้วพูดเสียดสี “เยอะๆ? ต่อให้เป็นทางการเยี่ยนจิงยังไม่กล้าเอ่ยปากขนาดนี้ คนคนนี้เป็นใครกัน ก้าวร้าวขนาดนี้ ท่าทางไม่เข้าใจก็ทำเป็นเข้าใจ”
“ใช่ด้วย ฉันยังเห็นเป็นครั้งแรกที่พูดจาใหญ่โตขนาดนั้น คิดว่านี่คืออะไร? เห็นว่าโถงใหญ่นี้ใช้หลักล้านเลยนะ”
“ราคาสร้างโถงใหญ่นี้ พอที่จะซื้อชุดตัวนี้ได้หลายสิบล้านตัวเลยมั้ง?”
เสียงเหน็บแนมแต่ละคนดังขึ้น เฉินเป่ยสีหน้านิ่งเฉย แต่หลีชิงเยียนทนฟังไม่ได้อยู่บ้าง ใบหน้าแดงนิดหน่อย ถลึงตาใส่เฉินเป่ยอย่างรุนแรง
เฉินเป่ยทำหน้าไร้ความผิด แม้กระทั่งนิ่งสงบผิดปกติ ท่าทางนั้นเหมือนว่าไม่ใช่เขาเลย
“พูดเพ้อเจ้ออะไร หุบปาก” หลีชิงเยียนถลึงตาใส่เฉินเป่ยแบบโหดเหี้ยม
เฉินเป่ยหัวเราะเล็กน้อย ส่วนคนร่ำรวยผู้หนึ่งที่อยู่ด้านข้างมองการตกแต่งในโถงใหญ่อยู่ พูดอย่างประหลาดใจ “นี่น่าจะถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของหัวเซี่ยเลยมั้ง คาดไม่ถึงมีคนยังอยากทำเลียนแบบมันอย่างไม่ละอาย”
เฉินเป่ยที่อยู่ด้านข้าง ในที่สุดทนไม่ไหว หัวเราะขึ้นมา
“นายหัวเราะอะไร?”
คนคนนั้นรับรู้ได้ถึงเสียงหัวเราะของเฉินเป่ย สีหน้าดูไม่ดีมากๆ เผยความโกรธออกมา
“นี่ยังเรียกว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของหัวเซี่ย? แม้แต่พระราชวังสีเคลือบของทิศตะวันตก หอไอเฟล หอเอนเมืองปิซายังสู้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวังแห่งปัญญาของเทพธิดาแห่งภูมิปัญญาเลย นี่คู่ควรจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์?” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ ในความเป็นจริง เฉินเป่ยยังมีคำพูดครึ่งหลังที่ไม่ได้พูดออกมา เพราะที่นี่ สำหรับเขายังไม่ยิ่งใหญ่อลังการเท่าฐานทัพสถานที่ต้องห้ามสิ่งมีชีวิตใดเข้ามา เพราะนั่นคือผลงานเอกของธรรมชาติสร้างอย่างประณีตละเอียดอ่อน ไม่มีร่องรอยของคนทำใดๆ
ดังนั้นหลังมองเห็นการตกแต่งของโถงใหญ่ เฉินเป่ยจึงไม่ได้ตื่นเต้น แม้กระทั่งในใจยังเต็มไปด้วยการเหยียดหยามเบาๆ
ส่วนคำพูดนี้ของเฉินเป่ย เหมือนยั่วโมโหคนร่ำรวยมากมายเข้า สายตาโกรธเคืองหนาวเย็นของแต่ละคนส่งมาทางเฉินเป่ย ประธานบริษัทท่านหนึ่งกระโดดออกมาก่อนใครมองเฉินเป่ยพลางพูดเสียดสี “พระราชวังสีเคลือบบ้าบออะไร ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน กล้าเรียกว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์?”
“ใช่ วังแห่งปัญญา พอฟังชื่อนี้ก็ดูต่ำเหลือเกิน ต้องเป็นเจ้าหมอนี่แต่งขึ้นเองแน่”
คำถกเถียงแต่ละเสียงดังขึ้น เฉินเป่ยสีหน้าสงบ คนเหล่านี้ด่าแรงแค่ไหน ล้วนไม่ทำให้ในใจเฉินเป่ยเกิดความฮึกเหิมสักนิด
“นายจะพอได้รึยัง รู้แต่แรกฉันคงไม่พานายมาร่วมงานพนันเพชรพลอยแล้ว” หลีชิงเยียนดึงๆ เฉินเป่ย พูดเสียงดุ
เฉินเป่ยถึงหุบปากอย่างเชื่อฟัง กวาดตามองคนเหล่านี้ หัวเราะกระอักกระอ่วนพูดกับหลีชิงเยียน “ชิงเยียน ผมไม่ใช่กำลังให้ความรู้อยู่เหรอ”
ให้ความรู้บ้าบออะไร
หลีชิงเยียนถลึงตาใส่เฉินเป่ยอย่างแรง เธอมักมีความรู้สึกบางอย่าง เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ช้าหรือเร็วเจ้าหมอนี่ต้องทำให้คนกลุ่มนี้ทั้งหมดผิดใจตายแน่ เดี๋ยวตนเองจะอยู่ในโซนพนันระดับสูงต่อได้อย่างไร
เฉินเป่ยถอยไปด้านหลังหลีชิงเยียน หลีชิงเยียนทำหน้ายิ้มเข้าสู้อธิบายกับทุกคนสักรอบว่าลูกน้องของตนเองไม่รู้ภาษา เข้ามาโซนพนันระดับสูงนี้ได้ โดยพื้นฐานเป็นบุคคลที่มีหน้ามีตาแต่ละที่ของหัวเซี่ย เวลานี้ให้หลีชิงเยียนบุคคลระดับนางฟ้าที่สวยสดงดงามออกมาขอโทษ ไม่นานบุคคลยิ่งใหญ่เหล่านี้ก็ไม่สนใจเฉินเป่ยอีก ทว่านำความสนใจมาอยู่ที่ตัวของหลีชิงเยียน ค่อยๆ ทิ้งวิธีติดต่อกับหลีชิงเยียนไว้
ทันใดนั้นซูเหลยที่อยู่ด้านข้างหลีชิงเยียนมองทางเฉินเป่ย เอ่ยปากถาม “ทำไมนายถึงรู้วังแห่งปัญญา?”
เฉินเป่ยมองซูเหลยแวบหนึ่ง วังแห่งปัญญาเป็นวังหลักของเทพธิดาแห่งภูมิปัญญาของโลกชั่วร้ายทิศตะวันตก ส่วนคนตะวันตกถึงรู้จักเทพธิดาแห่งภูมิปัญญา แต่มีคนจำนวนน้อยถึงรู้ชื่อวังของเทพธิดาแห่งภูมิปัญญา
เฉินเป่ยสีหน้าเรียบเฉย เดิมทีเขาย่อมไม่รู้ชื่อวังหลักของเทพธิดาแห่งภูมิปัญญา แต่ค่ำคืนหนึ่งที่ไร้จันทร์ลมแรง หลัง หลังเทพธิดาแห่งภูมิปัญญาโดนเขาพิชิตราบคาบ ถึงเขาอยากลืมชื่อวังก็ทำได้ยาก
สำหรับเขาแล้วจำคำพูดนั้นของเทพธิดาแห่งภูมิปัญญาได้เหมือนพึ่งเกิดขึ้น เช้าตรู่หลังผ่านคืนนั้นมา ขาทั้งคู่ของเทพธิดาแห่งภูมิปัญญาอ่อนยวบ มองเฉินเป่ยไกลออกไป กัดฟันพูดเสียงดึงดูด “ราชาหลง ต้องมีสักวัน ฉันจะจัดการนายที่วังแห่งปัญญาด้วยมือตัวเอง”
คิดๆ อยู่ มุมปากเฉินเป่ยก็ฉีกขึ้นเล็กน้อย พูดเสียงต่ำ “ในนี้มีเรื่องราวอยู่”
“เรื่องราว?” ซูเหลยสงสัย แต่เฉินเป่ยไม่ได้พูดต่อไปอีก
เพราะถึงแม้เขาจะบอกซูเหลย เดาว่าซูเหลยคงไม่เชื่อ เทพธิดาแห่งภูมิปัญญาที่ชื่อเสียงโด่งดัง ที่ได้รับความเคารพนับถือจากคนนับไม่ถ้วน ผลสุดท้ายพอถูกเจ้าหมอนี่ที่ราวกับนักเลงพูดถึง กลับกลายเป็นคนมีจุดอ่อน ถึงแม้จะเป็นเทพธิดาที่มีปัญญามากมาย ก็ต้องโดนเขาพิชิตจนเชื่อฟัง กลายเป็นการมีตัวตนแบบลูกแมวเหมียว
ตอนกลางวัน เธอเป็นเทพธิดาแห่งภูมิปัญญา……กลางคืน เธอได้แต่ร้องเสียงใสนุ่มนวลอย่างยิ่ง ความแตกต่างแบบนี้ ใครจะเชื่อ?
“ไปเถอะ” พอผ่านไปสักพัก หลีชิงเยียนหมุนตัวเดินกลับมา เพียงช่วงครู่เดียวก็ทำให้ประธานนางฟ้าดูเหมือนเหนื่อยล้ามาก
แต่ในดวงตาของเธอกลับประกายตื่นเต้น ดูแล้วเมื่อสักครู่ที่เจรจากับบุคคลยิ่งใหญ่พวกนั้น ทำให้เธอได้เครือข่ายมากมายแล้ว อนาคตมีความเป็นไปได้มากว่าจะได้ใช้
“ทั้งสามท่านต้องการนำทางหรือเปล่าครับ?” ในเวลานี้ พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามา หลังทำความเคารพอย่างนอบน้อม ถามด้วยเสียงเบา
หลีชิงเยียนพยักหน้า พนักงานยิ้มตอบเสียงเบา “เชิญตามผมมาครับ”
เดินผ่านแต่ละห้อง พนักงานบอกว่า “ห้องพวกนี้ล้วนจัดเรียงตามระดับการพนันเพชรพลอยครับ ยิ่งเดินไปด้านหลัง ระดับการพนันเพชรพลอยจะยิ่งใหญ่ขึ้นครับ”
และในเวลานี้ เฉินเป่ยพูดขึ้นกะทันหัน “งั้นพนันเพชรพลอยห้องท้ายสุดล่ะ”
พนักงานคนนั้นตะลึงนิดหน่อย “ห้องหลังสุด ถ้าไม่มีบริษัทยักษ์ใหญ่สนับสนุน ดีที่สุดอย่าเข้าไปครับ เพราะนั่นล้วนเป็นศึกของตัวเลขประเมินค่าไม่ได้”
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยอย่างดูถูกแวบหนึ่ง บ่นอย่างโมโห พูดวิจารณ์ “คนที่ไม่รู้จักพอ มักจะตายเอาได้เพราะความโลภของตัวเอง”
จากนั้นหลีชิงเยียนจึงมองทางพนักงานบริการ ยิ้มจริงใจ “รบกวนคุณพาพวกเราไปห้องแรกด้วย”
“ชิงเยียน อย่าเลย ครั้งนี้พวกเราไม่ใช่จะมาทำชื่อเสียงให้บริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปเหรอ ห้องแรกจะมีประโยชน์อะไร?” เฉินเป่ยพูดอย่างไม่ยินยอม
หลีชิงเยียนกวาดตามองเฉินเป่ยนิ่งๆ บอกว่า “ถ้านายมีเงินก้อนนี้ นายไปที่ห้องสุดท้ายได้”
เฉินเป่ยอ้าปาก พึ่งอยากควักแบล็คการ์ดใบนั้นออกมา แต่คิดแล้วกลัวแบล็คการ์ดใบนี้จะทำให้หลีชิงเยียนสงสัย เลยได้แต่เก็บกลับไป
โดยเฉพาะจิตใจสงสัยของผู้หญิงหนักที่สุด
ตอนเดินถึงหน้าประตูห้อง หลีชิงเยียนมองทางเฉินเป่ย พูดว่า “นายไม่ใช่บอกว่านายเก่งกาจมากเหรอ ถึงเวลาที่นายต้องแสดงฝีมือแท้จริงแล้ว”
หลีชิงเยียนพูดไป น้ำเสียงยังมีการเหยียดหยามหลายระดับ ถึงตอนนี้เธอก็ไม่เชื่อว่าเฉินเป่ยจะเก่งกาจมากด้านการพนันเพชรพลอย