สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 295
บทที่295 ของขวัญที่ยิ่งใหญ่
แม้แต่ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ไหวมองเฉินเป่ยเพิ่มเข้ามาอีก แววตามีความหมายลึกซึ้ง ประกายแสงที่ประหลาดใจ เดาไม่ถูกว่าในใจหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่บ้าง
“ของชิ้นนี้ขายออกไปจากในมือของนาย?” หลีชิงเยียนฝืนฟื้นฟูอารมณ์ในใจของตนเอง แกล้งทำเป็นถามอย่างสงบ
เฉินเป่ยพยักหน้าแล้ว สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ไม่เหมือนท่าทางที่กำลังโอ้อวดล้อเล่นเลย ราวกับพูดความจริง
หลีชิงเยียนหัวเราะเยาะ น้ำเสียงเพิ่มการยั่วเย้าเหน็บแนมหลายระดับ ถามเฉินเป่ยต่อไป “งั้นนายรู้มั้ยว่าหยกห้อยชิ้นนี้ราคาเท่าไรกัน?”
“ไม่รู้สิ ตอนนั้นดูโชคร้าย หงอยเหงา กลัวเอาไว้ในมือตัวเองจะซวยเอา ก็เลยรีบเอาออกขายทิ้งไป” เฉินเป่ยสีหน้างงงวย
คำพูดนี้ของเฉินเป่ย ในที่สุดทำให้หลีชิงเยียนก็ไม่ทนอีกต่อไป มองเฉินเป่ยอย่างโมโห บอกว่า “นายคิดว่านายทำอะไรกัน ขโมยสุสาน? นายพูดความจริงสักคำได้ไหม?”
เฉินเป่ยทำหน้าไร้ความผิด ส่วนหลีชิงเยียนโกรธจนทำเสียงฮึดฮัด หันหน้าเข้าไป คุยกับซูเหลยขึ้นมา เดิมทีไม่อยากสนใจเฉินเป่ย
ส่วนซูเหลยน่ะเหรอ สาดสายตาที่เวทนาอย่างยิ่งไปทางเฉินเป่ย เห็นใจสงสารต่อเฉินเป่ย
และเฉินเป่ยก็ทำหน้ามึนงง……ตอนนั้นเขานำทีมองค์กรมังกรไปปฏิบัติภารกิจที่ยุโรป ถือโอกาสนำของล้ำค่าที่เคยเป็นของหัวเซี่ยซึ่งถูกกลุ่มทหารแปดพันธมิตรเข้ารุกรานแย่งชิงไปและหายไปที่ต่างประเทศ นำกลับมาด้วย จากนั้นก็ขายด้วยราคาที่แสนต่ำจนยากจะจินตนาการได้ให้กับพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งไป
โชคดีที่หลีชิงเยียนไม่ได้ถามต่อไป ถ้าเธอรู้ว่าหยกห้อยชิ้นนี้ขายให้กับพิพิธภัณฑ์ด้วยราคาสามร้อย และของมีค่าที่เหลือล้วนขายให้พิพิธภัณฑ์ไปทั้งหมดไม่กี่พัน เดาว่าคงตื่นตกใจจนกระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้
ตอนนั้นที่เฉินเป่ยนำของมีค่ากลับมา ทั้งหมดมูลค่าไม่ธรรมดา แต่ละชิ้นล้วนเป็นของที่ประเมินราคามิได้…….อย่าพูดถึงสามร้อยเลย แม้แต่สามล้าน สามสิบล้านก็ไม่มีทางวัดมูลค่าของมันได้
ดังนั้นถ้าโดนหลีชิงเยียนรู้เข้า เธอคงคิดว่าเฉินเป่ยกำลังทำการกุศลอยู่เป็นแน่ เหมือนมอบของมีค่าให้พิพิธภัณฑ์ไปกลายๆ
เพียงแค่ความลับพวกนี้ เฉินเป่ยย่อมจะไม่บอกหลีชิงเยียน เรื่องนี้ในตอนนั้นอยู่ที่ต่างประเทศทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขึ้น……ตอนที่อิทธิพลเก่าแก่หลายคนของยุโรปคิดจะตามสืบเรื่องนี้จนรู้ว่าราชาหลงเป็นคนทำ คาดไม่ถึงว่าจะหายเข้ากลีบเมฆทั้งหมด คล้ายว่าไม่เคยส่งเสียงออกมาเลย
เฉินเป่ยสีหน้าสงบ เขาไม่รู้ว่าทำไมหยกห้อยชิ้นนี้ถึงมาอยู่ในมือของชายหนุ่ม แต่เทียบกับชิงเยียน เขายังนิ่งเฉยกว่ามาก
ไม่ใช่เป็นแค่หยกห้อยที่ค่อนข้างมีมูลค่าชิ้นหนึ่งเท่านั้นเองเหรอ ของล้ำค่าแบบนี้ เฉินเป่ยเห็นมามากเหลือเกิน ในพิพิธภัณฑ์แต่ละที่ของต่างประเทศ ผลในการอันโหดเหี้ยมของกลุ่มทหารแปดพันธมิตรในตอนนั้น ปรากฏตัวในพิพิธภัณฑ์ของประเทศต่างๆ พวกนั้นล้วนเป็นประวัติศาสตร์ที่หัวเซี่ยเคยอ่อนแอและเจ็บปวดอย่างมากจากการรุกราน
ของแบบนี้เฉินเป่ยเคยเห็นมาเยอะแล้ว ย่อมนิ่งเฉยเป็นธรรมดา ของล้ำค่าพวกนี้ สำหรับเฉินเป่ยล้วนเป็นการพรรณนาภาพพจน์ของประวัติศาสตร์ เบื้องหลังของล้ำค่าที่ประณีตงดงาม ล้วนเป็นประวัติศาสตร์ที่มืดมนและหนักอึ้งแต่ละอย่าง
ดังนั้นสำหรับเขานั้น ของพวกนี้มีอะไรให้น่าศึกษาวิจัยกัน? และมีมูลค่าอะไรด้วย?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ระหว่างที่หลีชิงเยียนกับซูเหลยพูดคุยกัน สายตายังมองไปที่ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวที่อยู่ด้านข้างไม่ขาดสาย สายตาของเธอตกอยู่บนหยกห้อยของชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวคนนั้น เปล่งประกายแสงรุ่งโรจน์อย่างน่าประหลาด
ไม่มีใครรู้ว่าในใจเธอกำลังคิดอะไร ซูเหลยที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอก็เช่นกัน
การประมูลรอบที่สองเริ่มต้นขึ้น ห้องพนันแห่งนี้เทียบกับห้องก่อนระดับสูงกว่ามาก สถานะของแขกผู้มีเกียรติใหญ่จนน่ากลัว ส่วนการพนันเพชรพลอยที่ประมูลไปแต่ละครั้ง ไม่มีตรงจุดพิเศษ ก็มาจากที่ที่ไม่ธรรมดา
หลังจากพนันเพชรพลอยสามก้อน หลีชิงเยียนแสดงสีหน้าเล็กน้อย สายตามองไปที่ชายหนุ่มเสื้อคลุมขาวคนนั้นไม่หยุด เพราะในสามก้อน มีสองก้อนคาดไม่ถึงถูกเขาได้ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งดูท่าทางเขาผ่อนคลายเรียบเฉย ไม่มีอาการว่าจะออกไปจากห้อง เหมือนหินสองก้อนนี้สำหรับเขานั้น ไม่นับว่าเท่าไร
ที่ยิ่งทำให้หลีชิงเยียนรู้สึกสงสัยคือหลังเขาประมูลหินแร่ได้ไปกลับไม่เลือกที่จะตัดในงาน แต่เลือกนำกลับไป
แบบนี้ จึงไม่มีใครรู้ว่าหินสองก้อนที่เขาจ่ายเงินมากมายประมูลไป สรุปได้หรือเสีย
ส่วนเฉินเป่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างหลีชิงเยียน ตั้งนานยังไม่ได้ส่งเสียงออกไปสักนิด แต่มองการประมูลบนเวทีอย่างสงบ
หลีชิงเยียนมองทางเฉินเป่ย ในที่สุดอดทนไม่ไหว ถามแบบหยอกล้อ “นายไม่ใช่อยากประมูลเหรอ? ทำไมไม่ลงมือ?”
เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียนทีหนึ่ง “คุณไม่ใช่ไม่ให้เหรอ? หรือว่าผมขัดขืนคำสั่งของคุณเหรอ?”
หลีชิงเยียนเงียบสงัด ถลึงดวงตาใส่เฉินเป่ยอย่างแรง เจ้าหมอนี่ ดูเหมือนจะซื่อและเงียบขรึม แต่ในใจหลีชิงเยียนชัดเจนมาก เจ้าหมอนี่ ถ้าพูดว่าขัดขืนคำสั่ง แล้วที่เขาขัดขืนไปยังน้อยอยู่รึไง?
หลังจากพิจารณารอบหนึ่ง หลีชิงเยียนพูดว่า “บริษัทก่อนหน้านี้ลงทุนที่สาขาเยี่ยนจิงไปไม่น้อย เงินทุนหมุนเวียนรัดแน่นอยู่บ้าง จากขอบเขตอำนาจของฉัน พอจะย้ายมาได้สิบล้าน”
สิบล้าน ในงานพนันเพชรพลอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโซนพนันระดับสูง ได้แต่ถือว่าเป็นจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น และจุดนี้ภายในใจหลีชิงเยียนรู้แจ่มแจ้งอย่างมาก
เธอให้เฉินเป่ยดำเนินการไปตามกำลังของตนเอง
เฉินเป่ยตบๆ หน้าอกของตนเอง ยิ้มพูดแบบเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริงน่าเชื่อถือ “วางใจเถอะ ชิงเยียน ผมมีความมั่นใจเต็มร้อย”
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยอยู่ ถึงแม้เธอจะไม่เชื่อเฉินเป่ย แต่เวลานี้มีเพียงพึ่งเจ้าหมอนี่แล้ว
หลีชิงเยียนพยักหน้า เฉินเป่ยมองทางเวทีประมูล ชูป้ายขึ้นอย่างไม่ลังเลสักนิด พูดเสียงดัง “สามล้าน!”
หลีชิงเยียนสีหน้าตะลึง แสดงความประหม่าและตกใจออกมา เธอมองทางเฉินเป่ย ดวงตาเบิกโต เจ้าหมอนี่ พอเสนอราคาออกไป ก็เป็นหนึ่งในสามของเงินทุนตนเองเลย
หลีชิงเยียนมองทางเฉินเป่ย สีหน้าหงุดหงิด เจ้าคนนี้ เขาอยากทำอะไรกันแน่ ตนเองก็บอกเขาแล้วว่าเอาออกมาได้แค่สิบล้าน
หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยอย่างโมโห ใบหน้าหนาวเหน็บราวน้ำค้างแข็ง
หลีชิงเยียนกังวลใจขึ้นมาทันใด ถ้าเกิดหินก้อนนี้โดนประมูลมาที่ราคาสามล้านจริง แวบเดียวก็สูญเสียไปสามล้านเลย
สามล้านแลกกับหินมาก้อนหนึ่ง คำนวณอย่างไรว่าขาดทุนเท่าไร
แต่เรื่องที่ทำให้หลีชิงเยียนกังวลยังคงไม่เกิดขึ้น แขกผู้มีเกียรติที่นั่งอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสถานะและความร่ำรวยล้วนไม่ด้อยไปกว่าคนทั่วไป ไม่นานก็มีแขกผู้มีเกียรติหลายคนลงมือ ทำให้ราคาหินก้อนนี้สูงถึงห้าล้าน
หลีชิงเยียนตกใจกับราคาที่สูงของหินก้อนนี้ หัวใจที่ประหม่าดวงนั้นผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ในที่สุดหินแร่ก้อนที่สี่นี้ก็ถูกชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวคนนั้นประมูลไปอีกครั้ง
หลีชิงเยียนมองทางชายหนุ่มเสื้อคลุมขาวคนนั้น ดวงตาเปล่งประกายหวั่นไหว ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
ในเวลานี้ เสียงของเฉินเป่ยดังขึ้นที่ข้างหูหลีชิงเยียน “ตัวเลือกในใจคุณคือเขา?”
หลีชิงเยียนหันหน้า เฉินเป่ยมองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง มุมปากวาดเส้นรัศมีวงกลมที่มีการขบคิดขึ้น
“มีปัญหารึไง?” หลีชิงเยียนน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่มี เพียงแค่ความหวังไม่มาก” เฉินเป่ยมองชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวคนนั้นแวบหนึ่ง หัวเราะนิดหน่อย
หลีชิงเยียนสีหน้าเผยความฉงนออกมา…….ความหวังไม่มาก……ทำไม? เธอไม่เข้าใจ หรือว่าเฉินเป่ยรู้จักชายหนุ่มเสื้อคลุมขาวคนนั้น?
ในเวลานี้ หลังชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวคนนั้นประมูลหินก้อนที่สี่ได้ ผู้อาวุโสที่ประมูลขายท่านนั้นพูดว่า “คุณผู้ชาย ก้อนนี้ก็ห่อกลับไปด้วยหรือเปล่าครับ?”
ชายหนุ่มเสื้อคลุมขาวส่ายหน้า ทันใดนั้นมองทางหลีชิงเยียน มีรอยยิ้มอ่อนๆ “ไม่ ผมอยากมอบให้สุภาพสตรีท่านนี้ แสดงถึงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของผม”
ซู่!
หลีชิงเยียนตะลึง ชั่วขณะนั้นใบหน้าแข็งทื่อ เธอมองทางชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวคนนั้น เมื่อสักครู่เธอยังโต้เถียงกับเฉินเป่ยอยู่ แต่ตอนนี้ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวกลับอยากนำหินก้อนนี้มอบให้กับเธอด้วยตนเอง
“คุณผู้ชาย คุณแน่ใจว่าจะมอบหินราคาเจ็ดล้านให้กับคุณผู้หญิงท่านนี้เหรอครับ?” พิธีกรประมูลขายหลังตะลึงไปเล็กน้อย ไม่นาน สีหน้ากลับดูกังวล
“แน่ใจ” ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวพยักหน้าแล้ว
ส่วนข้างหูหลีชิงเยียนอื้ออึง สมองวิงเวียนอยู่บ้าง ตอบสนองกลับมาไม่ทันเท่าไร
นี่เป็นหินที่มูลค่าเจ็ดล้านเลยนะ นี่เป็นของขวัญที่มีค่ามากจนยากจะจินตนาการได้ชิ้นหนึ่งด้วย มูลค่าของมัน ไม่มีทางประเมินได้
หลีชิงเยียนมองทางชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาว ก่อนหน้านี้เธอยังคิดว่าจะเข้าใกล้เข้าอย่างไรกัน กลับนึกไม่ถึงชายหนุ่มเสื้อคลุมขาวคนนี้แสดงมิตรภาพต่อเธอก่อน นี่ทำให้เธอไม่แปลกใจได้อย่างไร
สายตาแต่ละคนที่อยู่โดยรอบตกอยู่บนตัวหลีชิงเยียน เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนยากจะอธิบายสารพัด
หลีชิงเยียนหายใจเร่งรีบ เธอย่อมไม่มีทางรับได้อยู่บ้าง นี่เป็นเซอร์ไพรส์ที่กะหันทันเหลือเกิน
ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวมองทางหลีชิงเยียน เขาที่หน้าตาหล่อเหลารอยยิ้มสง่างดงาม หน้าตาแบบนี้ พอจะทำให้ผู้หญิงมากมายหลงใหล
หลังเห็นหลีชิงเยียนมองเขาแวบหนึ่ง ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวพยักหน้า ถือว่าทักทายแล้ว
ไม่นาน ภายใต้การอนุญาตของพิธีกร หินยักษ์ที่ใหญ่ครึ่งหนึ่งของคนก้อนหนึ่งก็ถูกย้ายเข้ามาวางอยู่ตรงหน้าของหลีชิงเยียน
พิธีกรมองทางหลีชิงเยียน ถามว่า “คุณผู้หญิง หินก้อนนี้ คุณคิดจะจัดการอย่างไรครับ?”
หลีชิงเยียนพึ่งอยากเอ่ยปาก ทันใดนั้นเฉินเป่ยที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากฉับพลัน ขัดจังหวะคำพูดของเธอ “ช้าก่อน หินก้อนนี้พวกเราไม่รับ”
หลีชิงเยียนหันหน้า มองทางเฉินเป่ย เวลานี้เฉินเป่ยเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ พูดคำนี้ออกมา ชั่วขณะนั้นทำให้ฮือฮากันไม่น้อยเลย
แขกผู้มีเกียรติรอบด้านสีหน้าเปลี่ยน ค่อยๆ ถกเถียงกันขึ้นมาด้วยเสียงต่ำ
ดวงตาของหลีชิงเยียนเผยไฟโกรธ……..หินเจ็ดล้าน บอกไม่เอาก็ไม่เอาแล้วรึไง? หลีชิงเยียนไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธของขวัญยิ่งใหญ่ราคาเจ็ดล้านนี้ เธออยากทดสอบความสามารถการพนันเพชรพลอยของชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาว อยากเชิญเขามาเป็นที่ปรึกษาการพนันเพชรพลอยของบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ป……แต่แผนการทุกอย่างนี้ ล้วนพังทลายลงเพราะคำพูดประโยคนี้ของเฉินเป่ย
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินเป่ยถึงพูดประโยคนี้ออกมา แต่เวลานี้ ความโกรธที่เธอมีต่อเฉินเป่ยยากจะสงบลง
หลังชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวโดนเฉินเป่ยปฏิเสธ ตะลึงนิดหน่อย มองทางเฉินเป่ย สีหน้าสงสัย ราวกับกำลังถามว่าทำไมเฉินเป่ยถึงปฏิเสธ
เฉินเป่ยเอ่ยปากบอกแบบนิ่งๆ “ของขวัญมีค่าชิ้นนี้ช่างล้ำค่าเกินไป พวกเรารับไว้ไม่ได้”
“ไม่เป็นไร ผมไม่ได้เห็นมันเป็นของขวัญมีค่าอะไร เพียงแค่ให้ของขวัญพบหน้ากับคุณผู้หญิงคนนี้” ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวมองเฉินเป่ย ในแววตาประกายความละโมบร้อนแรงที่คนอื่นยากจะเห็นนิดๆ
“ขอบคุณค่ะ” หลีชิงเยียนเอ่ยปากก่อนเฉินเป่ยก้าวหนึ่ง
เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียนแวบหนึ่ง และส่ายๆ หน้า เผยเสียงหัวเราะขมขื่นที่จำใจออกมา
“ในเมื่อเป็นคุณผู้ชายคนนั้นส่งให้ฉัน อย่างนั้นก็ตัดมันออกเถอะค่ะ” หลีชิงเยียนรวบรวมความกล้า มองทางพิธีกร
หลีชิงเยียนคิดว่าลงมือก่อนได้เปรียบกว่า จะได้ไม่ต้องคิดเพ้อฝันทีหลัง ถึงตอนนั้นเฉินเป่ยเจ้าหมอนี่ยังพูดอะไรได้อีก?
ในเวลานี้ เฉินเป่ยหรี่ตาเล็กน้อย เอ่ยปากบอกทันที “ไม่ต้องตัดหรอก ในนี้ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
ซู่!
ทั้งห้องเงียบสงบ กลัวจนไม่กล้าส่งเสียง สงบอย่างผิดปกติ