สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 305
บทที่308 การปรากฏตัวของจิง
“ได้เลย!” เฉินเป่ยยิ้มตอบรับไป จากนั้นหมุนตัวเดินไปทางโถงทางเดิน
ผลปรากฏว่าเดินไปได้ไม่นาน ทันใดนั้นหลีชิงเยียนก็ร้องโอ๊ยออกมา ลงมาจากบนหลังของเฉินเป่ย
“มีอะไรเหรอ?” เฉินเป่ยมองทางหลีชิงเยียน
หลีชิงเยียนกัดริมฝีปากแดงไว้ ใบหน้าแดงนิดหน่อย พยายามแกล้งทำท่าทางเย็นชา บอกว่า “นายว่าไงล่ะ ขาฉันจะเอาไว้ตรงไหน?”
“ยังวางไว้ตรงไหนได้อีก? วางไว้ที่เอวผมไง” เฉินเป่ยตะลึงเล็กน้อย ไม่นานก็ตอบสนองเข้ามาแล้ว หัวเราะแบบเล่นแง่
“ประสาท” หลีชิงเยียนมองค้อนเฉินเป่ยแวบหนึ่ง ไม่มีวิธีอื่นใด ทำได้เพียงขึ้นหลังไปอีกครั้งอย่างจำใจ ให้เฉินเป่ยแบกเธอเดินไปข้างหน้า
และหลังจากหลีชิงเยียนปีนขึ้นหลังเฉินเป่ย สีหน้าเฉินเป่ยก็เปลี่ยนไป บ่นพึมพำเสียงเบา “เชี้ย ทำไมถึงหนักกว่าก่อนหน้านี้มากเลย”
“นายว่าอะไรนะ?” ใบหน้างดงามของประธานนางฟ้าเปลี่ยนไป คิ้วตั้งขึ้น สีหน้าไม่พอใจ
“ไม่มีอะไร ชิงเยียน รูปร่างคุณยิ่งดีกว่าก่อนหน้านี้ขึ้นอีกนะ” เฉินเป่ยรีบเผยรอยยิ้มที่เหยเกนิดๆ ออกมา พูดจาแบบเอาอกเอาใจ
หลีชิงเยียนทำเสียงฮึดฮัดทีหนึ่ง ถึงเร่งเฉินเป่ยให้รีบเดินไปข้างหน้า
หลังกลับมาถึงห้องพัก เฉินเป่ยยังไม่ได้วางหลีชิงเยียนลง เหมือนทนไม่ได้นักที่จะวางหลีชิงเยียนลงมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบกหลีชิงเยียนไว้ ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ราวกับดอกกล้วยไม้ชื่นใจนั้นบนตัวของหลีชิงเยียน…ทำให้เฉินเป่ยเคลิบเคลิ้มอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย บวกกับร่างกายอ่อนนุ่มหอมละมุนนี้เกาะอยู่บนหลังของตนเองขนาดนี้ นี่เป็นการกระตุ้นแค่ไหนกัน?
“สรุปนายจะวางฉันลงมาเมื่อไรกัน?” เสียงที่หนาวเย็นไม่เป็นมิตรของหลีชิงเยียนลอยมาจากบนหลังของเฉินเป่ย ถึงทำให้เฉินเป่ยวางหลีชิงเยียนอย่างอาลัยอาวรณ์
หลังวางหลีชิงเยียนลง เฉินเป่ยยังดมปลายนิ้วของหลีชิงเยียนเบาๆ ……บนปลายนิ้วยังหลงเหลือกลิ่นหอมที่น่าดึงดูดของหลีชิงเยียนอยู่ด้วย~
“เป็นยังไงบ้าง?” หลีชิงเยียนมองทางซูเหลย
“ที่นี่ไม่มีร่องรอยมากมายแล้วค่ะ” ซูเหลยส่ายๆ หน้า
หลีชิงเยียนขมวดคิ้วแน่น “ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอ?”
หลีชิงเยียนนึกไม่ถึง พวกเธออยู่ในเหตุการณ์ แม้แต่เบาะแสยังได้รับมาไม่เท่าไร……เหมือนว่ามีฝ่ามือใหญ่ ทำลายล้างสิ่งที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ทิ้งทั้งหมดแล้ว
ทันใดนั้นหลีชิงเยียนหันหน้า เฉินเป่ยกำลังหันหลังให้หลีชิงเยียน ยืนอยู่หน้าประตูพ่นความบุหรี่ออกมา
หลีชิงเยียนมองภาพด้านหลังของเฉินเป่ย นึกถึงฉากหนึ่งเมื่อช่วงกลางวันที่เฉินเป่ยและพลเอกหลี่ไม่ยอมอ่อนข้อให้กันโดยไม่รู้ตัว ……เธอแอบรู้สึกว่าเฉินเป่ยเหมือน……ไม่ใช่แบบภายนอกที่ดูธรรมดาขนาดนั้น
“อย่าพึ่งสนใจพวกนี้เลย พรุ่งนี้เปลี่ยนโรงแรม เดี๋ยวตำรวจจะเข้ามา เธอจะไปจัดการสักหน่อย” หลีชิงเยียนพูดกับซูเหลย เธอมองนาฬิกาบนผนังที่เอียงไปเพราะถูกแรงสั่นสะเทือน ใกล้จะเช้าแล้ว
“เวลาก็ดึกมากแล้ว รอหลังจัดการกับตำรวจเสร็จ รีบพักผ่อนเถอะ” หลีชิงเยียนบอกกับซูเหลย
“งั้นผมล่ะ ที่นี่คือห้องผมนะ” เฉินเป่ยถามด้วยหน้าตาขมขื่น
“นายไม่ใช่มีหนทางมากมายรึไง จัดการเอาเองสิ?” หลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยแวบหนึ่ง หัวเราะเยาะหึๆ กอดหน้าอกไว้ เสียดสีไปประโยคหนึ่ง
เฉินเป่ยสีหน้าฝืดค้าง หัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน “ชิงเยียน ถ้าไม่อย่างนั้นฝืนใจสักหน่อย พวกเรานอนเตียงเดียวกันก็ได้…….”
เฉินเป่ยยิ้มบอก หลีชิงเยียนกวาดตามองเฉินเป่ย พูดว่า “ไล่เขาออกไป!”
รอยยิ้มของเฉินเป่ยแข็งตัวแล้ว เขามองหลีชิงเยียนอยู่ ใบหน้างดงามหนาวเหน็บดุจน้ำค้างแข็ง สายตาที่มองเขาเยาะเย้ยอย่างมาก
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เฉินเป่ยก็นั่งยองที่ประตูห้องอย่างกระเซอะกระเซิงสุดจะทน สูบบุหรี่ไปด้วย บ่นพึมพำไปด้วย “แต่งงานกันมาตั้งหลายเดือนแล้ว ยังไม่ให้ขึ้นเตียงอีก ทั้งๆ ที่เรื่องราวมันจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว…ในเมื่อเป็นเมียของฉัน ก็ขาดแค่ตอนนี้…….”
เฉินเป่ยทำได้เพียงฝืนทนปลอบใจตนเอง
…………
กลางดึก ในห้องเพรสซิเดนเชียลสวีท
เปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน ในเวลานี้อวี้ย้งเซวียนอ่อนเพลียหนักไปตั้งนานแล้ว ง่วงจนแทบไม่ไหว แต่วันนี้เป็นข้อยกเว้น
อวี้ย้งเซวียนอารมณ์หงุดหงิดยุ่งเหยิง ต่อให้สาวงามสองคนจะหลบอยู่ด้านในผ้าห่ม รอนอนด้วยกัน แม้กระทั่งเผยไหล่เนียนมีเสน่ห์ออกมา ก็ไม่ทำให้สายตาอวี้ย้งเซวียนเคลื่อนย้ายได้สักนิด
อวี้ย้งเซวียนเดินวนกลับไปกลับมาในห้องพักอย่างร้อนใจ ตามการหมุนเวียนของเวลา ความรู้สึกไม่สงบในใจ นับวันยิ่งรุนแรงขึ้น
“เอ๋อตงเฉิน…….แกต้องตาย!” อวี้ย้งเซวียนกัดฟันไม่หยุด แอบพูดในใจ
สองข้างมีหญิงรับใช้ลูกน้องยืนเป็นสองแถว แต่ละคนจมสู่ความคิด เงียบจนน่ากลัว
พวกเขาใครต่างก็ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ สักนิดออกมาในที่นี้
ทันใดนั้นเสียงประตูห้องถูกเปิดออกมาดังปัง ลูกน้องสี่คนแบกเปลหามอันหนึ่ง รีบร้อนพุ่งเข้ามาแล้ว
“คุณชายอวี้ครับ หาเจอแล้ว หาท่านผู้อาวุโสเจอแล้วครับ!” ลูกน้องหนึ่งในนั้นเอ่ยปากพูดด้วยสีหน้ามีความตื่นตระหนกและเกรงกลัว
“เป็นยังไง?” อวี้ย้งเซวียนมองทางเปลหามอันนั้น สูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ให้ความไม่สบายใจภายในของตนเองสงบลงบ้าง
“พวกเราพบท่านผู้อาวุโสที่หน้าโรงแรมครับ ตอนท้ายขับรถยนต์ออกมาจากโรงแรมยังเจอการปิดกั้นของตำรวจ เจรจาช่วงสั้นๆ ถึงได้รีบมาที่นี่เลยครับ” ลูกน้องคนหนึ่งรายงานตามความเป็นจริงโดยละเอียด
สีหน้าอวี้ย้งเซวียนแข็ง “มีตำรวจเข้ามาจริงเหรอ?”
ในใจอวี้ย้งเซวียนสั่นเทา เฉินเป่ยแจ้งตำรวจจริงๆ แล้ว เจ้าหมอนี่ไม่ได้แค่ขู่ตนเองหรอกเหรอ
ลูกน้องหลายคนพยักหน้า ชี้ไปที่เปลหาม ร่างกายที่คลุมผ้าขาวไว้นั้น บอกว่า “ท่านผู้อาวุโสอยู่ที่นี่ครับ”
“ดึงออก” อวี้ย้งเซวียนเพียงกวาดสายตาผ่าน สีหน้าดูแย่ขึ้นมาฉับพลัน
ผ้าสีขาวถูกดึงออกแล้ว หลังอวี้ย้งเซวียนมองเห็นศพของท่านผู้อาวุโส สีหน้าเปลี่ยนไปยกใหญ่ ถูกแรงอาฆาตแค้นที่หนาวเหน็บเข้าแทนที่
“สารเลว!” อวี้ย้งเซวียนกำลังสั่นเทาไปทั้งตัว มือทั้งคู่ของเขากุมหมัด เล็บจิกเข้าเนื้ออย่างลึก เลือดสดไหลออกมา
อวี้ย้งเซวียนมองเห็นรูเลือดขนาดใหญ่ที่หน้าอกท่านผู้อาวุโสนั้น…….แทบหยุดหายใจ หัวใจเต้นอยู่ภายในชั่วพริบตาเดียวเหมือนจะหยุดการสั่นไหว
“เฉินเป่ย!” อวี้ย้งเซวียนหายใจเร่งรีบ ดวงตาทั้งคู่แดงฉาน
ความสัมพันธ์ของท่านผู้อาวุโสคนนี้กับอวี้ย้งเซวียนสนิทสนมกันดีมาก เห็นอวี้ย้งเซวียนเติบโตมาตั้งแต่เด็ก ไม่รู้ว่าสักกี่ครั้งที่ช่วยอวี้ย้งเซวียนที่ตกอยู่ในอันตราย……อวี้ย้งเซวียนกับเขาจึงมีความผูกพันกัน
ครั้งนี้มาที่เยี่ยนจิงเพื่อเข้าร่วมงานพนันเพชรพลอย เดิมไม่จำเป็นต้องพาท่านผู้อาวุโสมาด้วย แต่เพื่อป้องกันความปลอดภัย ท้ายที่สุดท่านผู้อาวุโสยืนยันที่จะตามอวี้ย้งเซวียนมาที่เยี่ยนจิงด้วย
เริ่มแรกอวี้ย้งเซวียนไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้…ท่านผู้อาวุโสกลับนอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าของเขา
เขาไม่เพียงต้องรับโทษหนักของตระกูล……ยิ่งสูญเสียผู้ใหญ่ที่สามารถไว้วางใจได้ท่านหนึ่งไปด้วย
แววตาที่ล้ำลึกของอวี้ย้งเซวียนถูกความบ้าคลั่งดุเดือดเข้าแทนที่ ความแค้นเคืองอันมหาศาลระเบิดออกจากบนตัวของอวี้ย้งเซวียนโดยฉับพลัน
เขาลืมไปแล้วว่าทำไมต้องส่งท่านผู้อาวุโสจัดการเฉินเป่ย เขาลืมแล้วว่าเขาเกิดความคิดอยากฆ่าเฉินเป่ยก่อน ตอนนี้เขาเพียงแต่อยากให้เฉินเป่ย ให้หลีชิงเยียนตายกันทั้งหมด แม้กระทั่งเขายังอยากให้ตระกูลหลีวอดวายทั้งบ้าน
เขาในฐานะลูกหลานที่ดีเลิศที่สุดของตระกูลการพนันเพชรพลอยย่อมมีความสามารถอันนี้ ขอเพียงตระกูลเห็นด้วย ในสายตาของเขา ตระกูลหลีเมืองหู้ไห่ก็เป็นแค่พวกต่ำต้อย
ความหยิ่งยโสในกระดูกเขา…ถูกทำลายอย่างถึงที่สุด เขาจำความอันธพาลก้าวร้าวของเฉินเป่ยในโทรศัพท์สายนั้นได้อย่างแจ่มแจ้ง ทำให้เขาโกรธแค้นจนเบ้าตาแทบแตก
“เข้ามา!” อวี้ย้งเซวียนตะโกนทันใด
“คุณชายอวี้!” นอกห้องพัก ลูกน้องแต่ละคนพุ่งเข้าไปในห้อง ปรากฏตัวตรงหน้าของอวี้ย้งเซวียน
“พรุ่งนี้ฉันต้องการอยู่ต่อหน้าทุกคน ให้มันเสียใจ ใช้หัวของมันมาเซ่นไหว้ท่านผู้อาวุโส!” อวี้ย้งเซวียนเอ่ยปากอย่างชัดถ้อยชัดคำ แต่ละประโยคสั่นสะเทือนที่ว่างในอากาศ ดังก้องไม่หยุด
“ครับ!”
………….
เช้าวันต่อมา หลีชิงเยียนขยี้ดวงตาปรือ เดินออกจากห้องนอน แวบหนึ่งก็มองเห็นบนโต๊ะที่ห้องรับแขกมีกล่องพลาสติกสองใบวางอยู่ ด้านข้างยังมีกระดาษโน้ตใบหนึ่ง
หลีชิงเยียนเดินเข้าไปด้วยความสงสัย นั่งลงบนโซฟา หยิบกระดาษโน้ตใบนั้นขึ้นมา
เห็นตัวอักษรเล็กแถวหนึ่งที่เขียนไว้ด้านบนกระดาษ มีชีวิตชีวา หลีชิงเยียนกวาดสายตาผ่าน คาดไม่ถึงเป็นกระดาษโน้ตที่เฉินเป่ยทิ้งไว้ ความหมายคือตอนเช้าเฉินเป่ยไปที่ร้านเป็ดย่างที่ดั้งเดิมสุดในเยี่ยนจิง นำแป้งบางและหนังเป็ดกลับมาให้หลีชิงเยียน
หลีชิงเยียนเปิดกล่องออก มองเห็นหนังเป็ดและเครื่องเคียงส่วนหนึ่ง วางอยู่ในกล่องอย่างเป็นระเบียบ อีกกล่องหนึ่งคือหนังเป็ดและแป้งบาง
หลีชิงเยียนหยิบแผ่นแป้งบางออกมา หลังนำหนังเป็ดและเครื่องเคียงใส่และม้วนเรียบร้อย อ้าริมฝีปากแดงออก กัดไปคำหนึ่ง บางราวกับปีกจักจั่น หนังของเป็ดย่างกรอบอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อยู่ในช่องปาก เสียงกรอบที่กังวานดังขึ้น ทำให้ดวงตาที่ใสแจ๋วนิ่งสงบของหลีชิงเยียนประกายหยาดเยิ้มนิดๆ มองกล่องสองใบนี้อยู่ มุมปากที่แดงฉ่ำยกเส้นรัศมีวงกลมขึ้น……..
………….
ในเวลาเดียวกัน บ้านหลี
หลีเช่าเทียนสวมเสื้อคลุมสีขาวตัวหนึ่ง เดินออกมาจากในห้องหนึ่ง ด้านหลังมีสาวใช้สองคนถือเสื้อคลุมด้านนอกตัวหนึ่ง เดินมาที่ด้านหน้าของหลีเช่าเทียน พลางบอกว่า “คุณชายคะ ช่วงนี้ที่เยี่ยนจิงอุณหภูมิลดลงกะทันหัน ใส่มันกันหนาวไว้ดีกว่าค่ะ ระวังเป็นหวัด”
หลีเช่าเทียนกวาดตาแวบหนึ่ง พยักหน้า หลังคลุมเสื้อตัวใหญ่ ที่ไม่ไกลนัก หลีหงเดินหน้าเข้ามา หลีเช่าเทียนมองเห็นหลีหง พูดอย่างเคารพ “นายใหญ่”
หลีหงพยักหน้า “วันนี้เป็นงานพนันเพชรพลอยวันที่สอง แต่จะมีผู้ยิ่งใหญ่มาเพิ่มอีก”
หลีเช่าเทียนตะลึงนิดหน่อย ถามว่า “งั้นเมื่อวานล่ะครับ?”
“เมื่อวานเป็นวันแรก บุคคลยิ่งใหญ่มาถึงไม่ครบ แต่วันนี้บุคคลยิ่งใหญ่เกือบหมดจะมาถึง หรือพูดได้ว่าเมื่อวาน ถือว่าเป็นเพียงงานพนันเพชรพลอยของคนธรรมดา แต่วันนี้ ไม่เหมือนกันแล้ว” หลีหงพูดแบบจริงจัง
หลีเช่าเทียนพยักหน้า “ผมรู้แล้วครับ วันนี้ผมจะต้องกุมโอกาสนี้เอาไว้”
หลีหงพยักหน้า เผยรอยยิ้มออกมา เขายื่นมือตบๆ ไหล่ของหลีเช่าเทียน แววตาเผยความหมายที่ชื่นชมออกมา “สู้ๆ นี่คือโอกาสดีที่สุดของหลาน ปู่ปูทางให้หลานไว้ดีแล้ว ต่อไปก็ต้องดูว่าหลานจะเดินยังไง”
หลังหลีหงออกไป หลีเช่าเทียนจ้องมองภาพด้านหลังของหลีหง ในสมองปรากฏรอยยิ้มของเฉินเป่ยออกมาอย่างไม่รู้ตัว สีหน้าอดหนาวเย็นขึ้นมาไม่ได้
หลีเช่าเทียนกุมหมัด มีเสียงกรอบๆ ดังก้อง เขาก้มหน้า ใช้เสียงที่มีเพียงตนเองสามารถได้ยินพูดพึมพำ “เอ๋อตงเฉิน ฉันใกล้ความสำเร็จขึ้นอีกก้าว การฆ่าแกใกล้ขึ้นมาอีกก้าว”
…………
เยี่ยนจิง อาคารสูงระฟ้าแห่งหนึ่ง
ที่ชั้นบนสุด ผู้ชายสูงใหญ่ที่หล่อสง่าท่านหนึ่งกำลังยืนอยู่ที่หน้ากระจกชมวิว ก้มมองสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
ในเวลานี้ เลขาสาวที่รูปร่างงดงามอ่อนช้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานสองร้อยตารางเมตรนี้ มองเห็นภาพด้านหลังของผู้ชายหล่อสง่าท่านนี้ จึงก้มตัวพูด “ท่านคะ เตรียมรถเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ผู้ชายที่สูงใหญ่สง่าผ่าเผยท่านนี้หมุนตัว แววตาที่ลุ่มลึกนั้นเหมือนซ่อนดวงดาวเอาไว้ ล้ำลึกและแวววาว บวกกับใบหน้าที่มีพลังโดดเด่นนั้น ทำให้เลขาสาวฯ หลงใหล เผยความหมายเคลิบเคลิ้ม
“ไปเถอะ ยากจะได้ไปดูงานพนันเพชรพลอยสักหน่อย” ผู้ชายเอ่ยปากเรียบนิ่ง ในคำพูดแฝงด้วยความหมายที่เผด็จการอานุภาพยิ่งใหญ่
เขาเป็นผู้นำของที่นี่ เขาคือจิง
เลขาฯ สาวจิตใจสั่นสะเทือน คาดไม่ถึงเลือกออกเดินทาง มุ่งหน้าที่ยังงานพนันเพชรพลอย