สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 309
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่309 พายุโหมขึ้น
จิงหมุนตัว เดินไปที่หน้าลิฟต์
และเลขาฯ สาวส่งเสียงทันใด เรียกจิงเอาไว้แล้ว
“เป็นอะไรเหรอ มีเรื่องอะไรรึเปล่า?” จิงหมุนตัว มองเลขาฯ สาวทีหนึ่ง
เสียงของจิงเต็มไปด้วยแรงดึงดูด บวกกับเสน่ห์ที่แพร่กระจายอยู่ไม่ขาดสาย ต่อให้เป็นเลขาฯ สาวที่สวยหยาดเยิ้มก็อดหัวใจพองโตไม่ได้
ใบหน้าของเลขาฯ สาว มีสีแดงระเรื่อขึ้นมานิดหน่อย พูดเสียงเบา “ท่านคะ ท่านเป็นผู้บงการเมืองจิง ความสงบปลอดภัยของเยี่ยนจิงล้วนพึ่งท่าน…และงานพนันเพชรพลอยมีผู้คนมากมาย คนเยอะเรื่องมาก ฉันกลัวว่า…….” ในน้ำเสียงของเลขาฯ สาวเพิ่มความกังวลมา เธอเป็นห่วงมาก หากจิงปรากฏตัวอยู่ที่งานพนันเพชรพลอย จะเกิดเรื่องอะไรหรือไม่
“ฮ่าๆๆ …….” จิงตะลึงเล็กน้อย จากนั้นหัวเราะเสียงดังฮาๆ บนหน้าปรากฏความทระนงองอาจขึ้นมา “ใครจะกล้าฆ่าฉัน? ใครมีความสามารถฆ่าฉันได้? เตรียมรถเถอะ งานพนันเพชรพลอยนี้ ยิ่งบุคคลยิ่งใหญ่แต่ละที่มากันหมด ศัตรูบางส่วนก็ปรากฏตัวอยู่ที่นั่น จะขาดฉันไปสักคนได้ยังไง?”
จิงจัดเนกไท ภายในสายตาที่ตื่นตกใจของเลขาฯ สาว เดินไปหน้าประตูลิฟต์ เหลือไว้เพียงเสียงหัวเราะสบายใจดังก้องห้องทำงาน
ใต้ตึกของอาคารสูงเสียดฟ้า รถแมคลาเรนสีเงินคันหนึ่งจอดอยู่ที่ข้างทาง มุมปากของจิงวาดรอยยิ้มล้ำลึกขึ้น เข้าไปใกล้รถแมคลาเรน
แมคลาเรนสีเงินคันนี้ หลังจากที่จิงเข้าไปใกล้ ประตูรถเปิดออกขึ้นข้างบนเองโดยอัตโนมัติ เผยห้องโดยสารในรถที่หรูหราออกมา
ภายใต้เสียงร้องตกใจของคนเดินผ่านนับไม่ถ้วน จิงนั่งเข้าไปในรถ เอ่ยปากนิ่งๆ “สตาร์ท”
เสียงของจิงพึ่งจบ แมคลาเรนก็ร้องคำรามดังขึ้น ภายใต้แสงไฟภายในห้องโดยสาร เครื่องยนต์คำรามเสียงทุ้มต่ำ ทำให้สายตาไม่น้อยสั่นไหวอิจฉาอย่างมาก
แมคลาเรนคันนี้ใช้ระบบเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ บวกกับสีเงินที่สะดุดตานี้ มีเพียงรุ่นลิมิเตทใหม่ล่าสุดถึงได้ครอบครอง
และในเมืองจิง คนที่ครอบครองแมคลาเรนคันนี้มีเพียงคนเดียว
ผู้คนข้างทางแต่ละคนสีหน้าเปลี่ยนทันที…….มองทางในรถ สายตามีความตื่นตกใจแบบคาดไม่ถึง
เขาคือ…ท่านจิง? มีเพียงท่านจิงถึงครอบครองรถแมคลาเรนคันนี้
รอให้ผู้คนตอบสนองเข้ามา จิงก็กุมพวงมาลัยไว้แล้วเหยียบคันเร่ง…รถแมคลาเรนสีเงินร้องคำรามออกไปราวลูกธนูที่ออกจากสายธนู
แมคลาเรนทำให้เกิดลมแรงขึ้น กลายเป็นสายฟ้าสีเงินสายหนึ่ง แล่นอย่างรวดเร็วบนถนน
“จุดมุ่งหมาย งานพนันเพชรพลอย” ด้านนอกรถมีเสียงดังโวยวาย แต่แมคลาเรนกลับครอบครองระบบลดเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ ภายในรถเงียบสนิทมาก และหลังจากจิงเอ่ยปาก กระจกหน้ารถของแมคลาเรนก็ปรากฏไอคอนแต่ละอัน…….นั่นปรากฏขึ้นเพียงแค่ในฉากของหนังที่ค่อนข้างใหญ่เป็นพิเศษ เวลานี้กลับปรากฏอยู่ด้านหน้าของจิง
นี่คือเทคโนโลยีขั้นสูงใหม่ล่าสุด เศรษฐีเจ้านายใหญ่ทั่วไปยังไม่มีสิทธิ์ได้ใช้งาน และตอนนี้ปรากฏอยู่ในรถของจิง จิงควบคุมทุกอย่างนี้ด้วยความชำนาญ ควบคุมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ราคาหลายร้อยล้านอยู่
เส้นทางที่ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมงถึงจะไปถึง หลังผ่านโปรแกรมของเอไอ อีกห้านาที หน้าประตูของงานพนันเพชรพลอย มีสายฟ้าสีเงินเส้นหนึ่งคำรามเข้ามาจากที่ที่ไกลออกไป
จนกระทั่งเข้าใกล้งานพนันเพชรพลอย สายฟ้าสีเงินถึงลดความเร็วลง ล่องลอยอย่างสมบูรณ์แบบ บนถนนที่เบียดเสียด หลบผ่านรถยนต์ทั้งหมดได้อย่างงดงาม ภายใต้การจ้องมองของพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนที่ตาค้างปากหวอ แมคลาเรนจอดอยู่ที่ด้านข้างถนน
ประตูรถเปิดออก รองเท้าหนังชั้นสูงที่สั่งตัดด้วยมือข้างหนึ่งเหยียบบนพื้นถนน ภาพเงาคนคนหนึ่งเดินออกมาจากในแมคลาเรน ชั่วขณะหนึ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งหมด
“ตึกๆๆ …….”
รองเท้าหนังกระทบบนพื้นถนน ภาพเงาคนคนนั้นภายใต้การจ้องมองของทุกคน เดินไปตรงหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนนั้น
“ขอบัตรเชิญด้วย” พนักงานรักษาความปลอดภัยยื่นมือ ขวางภาพคนคนนั้นไว้แล้ว
ฝีเท้าของคนนั้นชะงัก มองพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนนั้นแวบหนึ่ง เสียงเผยความลุ่มลึกอย่างน่าประหลาดใจ ทั้งตัวท่วงท่าลึกลับ “หลบไป ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้นายจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ของเยี่ยนจิงอีก”
สองคนนั้นตะลึง มองหน้าซึ่งกันและกันแวบหนึ่ง มองทางภาพคนคนนั้น พูดอย่างเสียดสี “นายเป็นใครกัน ก้าวร้าวขนาดนี้…….”
ทั้งสองคนหน้าตาเยาะเย้ย แต่คำพูดของพวกเขายังไม่จบ ภาพคนคนนั้นก็หัวเราะแบบเย็นยะเยือก ใช้ขาจู่โจมออกไปอย่างดุเดือด ราวกับเหล็กยาว หวดกลางอากาศ มีเสียงดังระเบิดขึ้นมา
“ป๊าบ!”
ขาสองข้างของคนนั้นจู่โจมไปที่หน้าอกของพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคน พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนล้มจนลอยออก ราวกับกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงออกด้วยความเร็วสูง ชั่วพริบตาเดียวระเบิดเข้าในฝูงชนมากมาย ตีกระเด็นนับไม่ถ้วน
คนคนนั้นใช้เพียงขาสองข้าง ก็ทำให้เกิดความฮือฮาและตื่นตกใจอย่างยิ่ง
“เป็นไปได้ยังไง!”
“เขาเป็นใครกันแน่ คาดไม่ถึงเก่งกาจขนาดนี้ กล้าหาเรื่องวุ่นที่งานพนันเพชรพลอย บ้าแล้วรึไง!” เสียงแต่ละคนดังขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน สายตามีความตื่นตระหนกอย่างยากจะจินตนาการได้
ในเวลานี้ ทันใดนั้นชายชุดดำหลายคนพุ่งเข้ามาจากอีกทางหนึ่ง เบียดฝูงชนที่แน่นขนัดออก ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของภาพคนคนนั้น
“ท่านครับ เป็นพวกลูกน้องไม่รู้ภาษาเอง ท่านโปรดอย่าได้โกรธ” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของชายชุดดำหลายคนจับไม้เท้าไว้ เดินขากะเผลกออกมา
และการปรากฏตัวของผู้อาวุโสท่านนี้ ชั่วพริบตาเดียวทำเอาคนมากมายตกใจกัน…….ผู้อาวุโสท่านนี้สถานะไม่ธรรมดา แค่มองบุคคลในวงการพนันเพชรพลอยมากมายก็จำสถานะของผู้อาวุโสได้
ประธานใหญ่ในวงการพนันเพชรพลอย หัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยของเยี่ยนจิง งานพนันเพชรพลอยของเยี่ยนจิงในครั้งนี้คือเขาที่จัดขึ้น
ใครจะไปคิดว่าภาพเงาคนคนนี้จะมาถึงที่งานพนันเพชรพลอย คาดไม่ถึงทำให้หัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยของเยี่ยนจิงออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ท่าทียังดูถ่อมตนเคารพขนาดนี้อีกด้วย หรือว่าสถานะของคนคนนี้ ยังใหญ่กว่าหัวหน้าสมาคมท่านนี้อีกเหรอ?
ภาพของคนนั้นกวาดตามองผู้อาวุโสแวบหนึ่ง ใบหน้าที่หล่อเหลาสงบอย่างยิ่ง เอ่ยปากเรียบเฉย “ตอนนี้ที่นี่เป็นยังไงบ้าง?”
“โชคดีที่มีท่าน ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเช้าวันนี้ยังสงบเรียบร้อย ล้วนไม่มีสถานการณ์ต่อสู้บาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้นเลยครับ” หัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยท่านนี้มีท่าทีเคารพนอบน้อมแทบไม่ไหว
ภาพคนคนนั้นพยักหน้าแล้ว เหมือนพอใจการกระทำของผู้อาวุโสมาก ก้าวเท้าหนึ่งไปข้างหน้า เอ่ยปากนิ่งๆ “เรื่องที่ผมมาที่นี่ อย่าปล่อยออกไปโดยเด็ดขาด”
“ครับ” หัวหน้าสมาคมท้องถิ่นท่านนี้ยืนอยู่ด้านข้างของภาพคนนั้น พยักหน้าโค้งตัว ตอบด้วยความระมัดระวัง “ถ้าไม่อย่างนั้นผมพาท่านไปวนโดยรอบดูสักหน่อยไหมครับ?”
“ก็ดี” ภาพคนนั้นพยักหน้าแล้ว
“เชิญตามผมมาครับ” หัวหน้าสมาคมยิ้มหน้าเหยเก รอยยิ้มน้ำเสียงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่เอาอกเอาใจ เขาโบกมือ มีคนไม่น้อยพุ่งออกมาจากด้านข้าง นำฝูงชนมากมายหลบทางให้เส้นหนึ่ง
ด้านข้าง สายตานับไม่ถ้วนตกอยู่บนภาพเงาคนคนนั้น ความซับซ้อนสารพัด ตื่นตกใจ อารมณ์ที่หวาดหวั่นมากมายหลายอย่าง คนนับไม่ถ้วนต่างคาดเดาสถานะของภาพเงาคนคนนั้น ต้องใหญ่ถึงขั้นไหนกัน ถึงทำให้หัวหน้าสมาคมต้องเอาอกเอาใจ?
แต่ถึงแม้ทุกคนในที่นี้จะคิดกันสามวันสามคืนก็ยังนึกไม่ออก ท่านนี้ที่ทำให้หัวหน้าสมาคมอยู่ด้วยอย่างระมัดระวังก็คือผู้บงการของเยี่ยนจิงในปัจจุบัน……ท่านจิง
นี่คือผู้ควบคุมของทั้งเมืองจิง ถึงแม้จะเป็นพ่อเทพเจ้าเข้ามา ยามอยู่ต่อหน้าเขา ยังต้องก้มหัวศิโรราบ……ที่นี่ เขาคือเจ้าของเยี่ยนจิง
หลังเดินที่โซนพนันระดับต่ำพักหนึ่ง จิงพูดขึ้นเรียบๆ “โซนพนันระดับต่ำไม่มีอะไรน่าสนใจ ไปดูโซนพนันระดับสูงหน่อยแล้วกัน”
“ท่านพูดก็ถูกครับ” หัวหน้าสมาคมกำลังหัวเราะอยู่ด้านข้าง ไม่นานจึงพาท่านจิงเข้าไปโซนพนันระดับสูงแล้ว
“ท่านจิง?” พึ่งเข้ามาที่โซนพนันระดับสูง มีเสียงที่มีน้ำเสียงตกใจเสียงหนึ่งลอยมาจากด้านข้าง ท่านจิงหันหน้า มองเห็นคนคนหนึ่ง ถือแก้วไวน์แดงเดินเข้ามาแล้ว
“นึกไม่ถึงว่าจะเจอท่านจิงจะอยู่ที่นี่ ผมเป็นประธานกรรมการของบริษัทxx……” คนคนนั้นพูดคุยขึ้นก่อนด้วยความดีใจ ส่วนท่านจิงใบหน้าหล่อสง่า ท่วงท่าอ่อนโยนผ่อนตาม หลังทั้งสองคุยกันสักพัก คนคนนั้นก็ยัดนามบัตรให้ท่านจิงใบหนึ่ง “ท่านจิง งั้นต่อไปผมสร้างสาขาที่เยี่ยนจิง คงต้องพึ่งพาท่านแล้วนะครับ”
“ไม่มีปัญหาๆ ……”
หลังจากคนนั้นหมุนตัวจากไป ท่านนั้นก็นำนามบัตรใบนั้นทิ้งลงไปในถังขยะด้านข้าง สีหน้าฟื้นตัวเรียบเฉยดังเดิม “ดูต่อไปหน่อย”
…………
และเวลานี้ ตอนที่จิงเข้าสู่โซนพนันระดับสูงอย่างธรรมดา ในห้องตัดห้องหนึ่ง ซูเหลยกับหลีชิงเยียนมองเฉินเป่ยอยู่ เฉินเป่ยกำลังลูบคลำหินหยาบที่มาจากอวี้ย้งเซวียนทางนั้น สายตาล้ำลึกอย่างมาก
ด้านข้าง จางเป่าเฉิงโค้งตัวอยู่ หลังพินิจพิเคราะห์หินหยาบสองก้อนนี้อย่างละเอียด เงยหน้าขึ้นมา สีหน้าตื่นเต้นดีใจ “ประธานหลีครับ คุณได้ของล้ำค่ามาแล้ว สายตาของอวี้ย้งเซวียนเฉียบแหลมจริงๆ หินหยาบสองก้อนนี้ มีความเป็นไปได้มากที่จะมีของล้ำค่าหายากครับ!”
“จริงเหรอคะ?” หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้าง มองเห็นจางเป่าเฉิงที่ดีใจเป็นพิเศษ สีหน้าก็อดตื้นตันไม่ได้เช่นกัน
ถ้าผ่าของล้ำค่าหายากออกมาได้จริง……ถ้าบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปสามารถเชิญปรมาจารย์แกะสลักมาทำงาน นำไปประมูลขายที่งานประมูลระดับสูงบางที่ของหัวเซี่ย ต้องเป็นรางวัลก้อนโตอย่างแน่นอน
“งั้นตอนนี้จะให้ฉันไปเชิญผู้เชี่ยวชาญการตัดเข้ามา หรือว่าขนกลับหู้ไห่?” หลีชิงเยียนสอบถามขึ้น
จางเป่าเฉิงครุ่นคิดสักครู่ ตอบว่า “ขนกลับไปหู้ไห่ดีกว่าครับ โดยเฉพาะเงื่อนไขสภาพแวดล้อมของที่นี่ไม่ค่อยดีเท่าไร”
“ไม่ต้องหรอก พวกเราโดนตระกูลอวี้หมายหัวแล้ว ถ้าต้องขนกลับไปหู้ไห่ มีความเป็นไปได้มากว่าจะโดนอวี้ย้งเซวียนแย่งไปกลางทาง” ทันใดนั้นเฉินเป่ยที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากแบบนิ่งๆ
เฉินเป่ยพูดขนาดนี้ จึงทำให้ภาพในห้องเงียบลงมา พอจางเป่าเฉิงกับหลีชิงเยียนคิดอย่างรอบคอบ สิ่งที่เฉินเป่ยพูดก็มีเหตุผลจริงๆ
“งั้นนายว่าทำยังไงดี?” หลีชิงเยียนมองทางเฉินเป่ย
เฉินเป่ยกวาดสายตาผ่านสองสามคนนี้ เผยรอยยิ้มลึกลับออกมา “พวกคุณออกไปก่อน เดี๋ยวพวกคุณก็รู้กันเอง
“ออกไป?” หลีชิงเยียนตกตะลึง ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ…ออกไปจากห้องนี้ จะสามารถแก้ไขปัญหาได้เหรอ?
แม้จะยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่หลีชิงเยียนกับซูเหลยก็เดินออกจากห้องแล้ว เหลือเพียงเฉินเป่ยกับจางเป่าเฉิงที่อยู่ในห้อง
“เจ้าหนุ่ม สรุปนายคิดจะทำอะไรกันแน่?” จางเป่าเฉิงแก่ถึงขั้นที่ไม่มีอะไรไม่รู้ แต่ก็มองไม่ออกว่าสรุปเฉินเป่ยอยากทำอะไร
เฉินเป่ยเบ้ๆ ปาก “หัวหน้าสมาคมจาง คุณคิดว่าผมอยากทำอะไรล่ะ?”
จางเป่าเฉิงส่ายหน้าแล้ว ทันใดนั้น สายตาเขาแข็งทื่อ มองเห็นเฉินเป่ยเอาหลงหยาสีดำเล่มหนึ่งมาเล่นในมือ
“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่านายอยากทำอะไร……” จางเป่าเฉิงพูดได้ครั้งหนึ่ง เสียงกังวานดังขึ้น ทันใดนั้นขัดจังหวะคำพูดของเขา และทำให้เขาสีหน้าแข็งทื่อด้วย
สีหน้าจางเป่าเฉิงเปลี่ยนไปมากในชั่วขณะนั้น กลายเป็นยากจะเชื่อ
เขามองเฉินเป่ยอยู่ และเหมือนเห็นผีเลย
“เป็นไปไม่ได้! นี่นายกำลังทำลายของให้เสียหายตามอำเภอใจอยู่นะ! หยุดเดี๋ยวนี้!” แวบเดียวจางเป่าเฉิงก็โกรธเดือดดาล ตะคอกใส่อย่างโมโหมาก
เฉินเป่ยยืนอยู่หน้าหินหยาบ คาดไม่ถึงอยากใช้หลงหยาตัดหินหยาบออกมาแบบบุ่มบ่าม