สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 312
บทที่312 การพนันที่เป็นหรือตาย!
หลีชิงเยียนมองทางอวี้ย้งเซวียน มุมปากอวี้ย้งเซวียนวาดเส้นรัศมีวงกลมขึ้น มีการขบคิดแฝงอยู่
ชั่วขณะนั้นหลีชิงเยียนกังวลขึ้นมา ถ้าอวี้ย้งเซวียนไม่อยากปล่อยพวกเขาไป…นั่นต้องเป็นความวุ่นวายที่แก้ยากอย่างแน่นอน
ภายนอกหลีชิงเยียนไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยิ้มอย่างจริงใจ “ถ้าลดไฟโกรธของคุณชายอวี้ลงได้ อย่างนั้นชิงเยียนจะพยายามสุดกำลังแน่นอนค่ะ”
อวี้ย้งเซวียนจ้องใบหน้างดงามที่ไม่มีจุดด่างพร้อยใบนั้นของหลีชิงเยียน สายตายิ่งเร่าร้อนขึ้น มองอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้หลีชิงเยียนขนลุกขนพองขึ้นทั่วร่าง ไม่สบายไปทั้งตัว
“ฉันไม่ใช่คนที่ใจแคบแบบนั้น เข้ามาครั้งนี้ ก็แค่อยากพนันอีกสักตั้ง ถ้าแพ้ ฉันจะรีบออกไปจากงานพนันเพชรพลอยนี้ทันที หลายวันที่เหลือ จะไม่ย่างกรายเข้ามาที่นี่โดยเด็ดขาด แต่ถ้าพวกเธอแพ้…” อวี้ย้งเซวียนมองทางเฉินเป่ย ชั่วขณะนั้นเสียงเย็นเฉียบลงมา สายตาประกายแรงอาฆาตแค้นหนาวเหน็บ “งั้นก็เอาเขามาให้ฉันจัดการ”
“ไม่ได้!” คำพูดของอวี้ย้งเซวียนพึ่งจบลง หลีชิงเยียนปฏิเสธอย่างไม่คิดสักนิด หลีชิงเยียนมองอวี้ย้งเซวียนอยู่ ใบหน้างดงามท่าทางแน่วแน่เฉียบขาด…เธอไม่อาจรับปากเงื่อนไขแบบนี้ได้ นี่เดิมทีเป็นการเอาชีวิตของเฉินเป่ยไปพนัน
ไม่…ดวงตาหลีชิงเยียนมองแวบเดียว มองเห็นผู้อาวุโสหนังหุ้มกระดูกคนนั้นที่อยู่ด้านหลังของอวี้ย้งเซวียน และมองเห็นอวี้ย้งเซวียนที่มั่นใจเป็นพิเศษ…นี่ไม่ใช่การพนัน อวี้ย้งเซวียนเตรียมการมาพร้อม นี่อยากจะเอาชีวิตของเฉินเป่ย
บรรยากาศเงียบงันผิดปกติ…เข็มตกยังได้ยิน……ได้เพียงได้ยินเสียงหายใจของแขกผู้มีเกียรติแต่ละคนที่นั่งอยู่…….
หลีชิงเยียนยืนอยู่ที่เดิม ร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ประธานนางฟ้าที่งดงามผู้นี้ กำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลที่ยากจะจินตนาการได้
“คุณชายอวี้ เขาเป็นคนของฉัน นอกจากเขาแล้ว อย่างอื่นเจรจากันได้ทั้งหมดค่ะ” ภายใต้แรงกดดันมหาศาลนั้น หลีชิงเยียนดื้อดึงเงยหน้า สบสายตากับอวี้ย้งเซวียน
สีหน้าอวี้ย้งเซวียนสงบนิ่ง เหมือนคาดการณ์ปฏิกิริยาของหลีชิงเยียนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว น้ำเสียงเผยการหยอกเย้า “ทำไม นี่จะไม่ยอมรับปากเหรอ งั้นเอาเธอมาแลกกับเขาสิ”
สายตาที่มีเลศนัยของอวี้ย้งเซวียนปะทะกับหลีชิงเยียนกลางที่ว่างในอากาศ ดวงตาของอวี้ย้งเซวียนลึกล้ำ ราวกับหลีชิงเยียนอยู่ต่อหน้าเขา…ไม่มีความลับใด
เงียบสนิททั่วทั้งห้อง แขกผู้มีเกียรตินับไม่ถ้วนที่นั่งอยู่ต่างเก็บสายตากลับ เพราะไม่มีความคิดใดๆ ต่อการต่อสู้ฉากนี้ เทียบกับตระกูลพนันเพชรพลอยที่ชื่อเสียงโด่งดัง หลีชิงเยียนถือว่าเป็นอะไร มากที่สุดก็คือประธานตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่มีใครรู้ความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนระหว่างหลีชิงเยียนกับตระกูลหลีแห่งเยี่ยนจิงในอดีต เกือบจะทุกคนล้วนคิดว่าหลีชิงเยียนกำลังไม่ดูกำลังตนเอง
“คุณชายอวี้ ถอยมาสักก้าว แล้วจะเห็นท้องฟ้ากว้างใหญ่” หลีชิงเยียนเอ่ยปากอย่างชัดถ้อยชัดคำ เธอไม่ได้ยอมศิโรราบให้อวี้ย้งเซวียน เธอจะไม่ก้มหัวยอมให้ใครทั้งนั้น
ถึงแม้เธอรู้ว่าจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ต่อให้เธอรู้เครือข่ายเส้นสนกลในของตระกูลอวี้ หรือเอาทั้งบริษัทตระกูลหลีกรุ๊ปมาประกันก็ไม่เพียงพอ…….เธอก็จะไม่มอบเฉินเป่ยให้ เพราะนี่คือขีดจำกัดของเธอ
เธอรู้ว่าคำพูดประโยคนี้เดิมทีไม่มีประโยชน์อันใด แต่คำพูดประโยคนี้แทนท่าทีของเธอ เธอจะไม่ยอมเป็นคนพ่ายพ่ายให้อวี้ย้งเซวียนบีบ ยอมตายดีกว่าเสียศักดิ์ศรี
“น่าสนใจ ม้าที่คึกคะนองอย่างเธอ ฉันไม่ได้เจอมานานมากแล้ว” อวี้ย้งเซวียนยื่นมือมาบีบคางที่งดงามขาวนวลของหลีชิงเยียนไว้ เขาสังเกตจากด้านบนลงมา ราวกับกำลังชื่นชมของเล่นของตนเองอยู่
“ป๊าบ!” หลีชิงเยียนตบมือของอวี้ย้งเซวียนออก ลูกตาที่หยาดเยิ้มใสแจ๋วผุดความหมายโกรธเคือง…….การกระทำเมื่อสักครู่นั้น เดิมทีคือการเหยียดหยามดูหมิ่นต่อเธอ
“สารเลว แค่ไว้หน้าเธออยู่บ้าง คิดว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่” อวี้ย้งเซวียนสีหน้าเย็นชาฉับพลัน ตบฝ่ามือหนึ่งเข้าไปทางหลีชิงเยียน
เดิมทีเขาไม่ได้เห็นหลีชิงเยียนอยู่ในสายตา สำหรับเขานั้น หลีชิงเยียนกับหญิงบริการต่ำต้อยข้างกายเขาพวกนั้นไม่มีอะไรต่างกัน
ในเวลานี้ ด้านหลังหลีชิงเยียน เฉินเป่ยที่นั่งอย่างเอื่อยเฉื่อยบนเก้าอี้ และหรี่ดวงตาเล็กน้อยอยู่ขยับตัวทันใด เขาหายตัวไปจากที่นั่ง แขกผู้มีเกียรติที่นั่งอยู่ได้แต่มองภาพเงาคนที่เลือนรางวาร์ปผ่านไปราวสายฟ้าแลบ ขวางอยู่ตรงหน้าของหลีชิงเยียน
มือข้างนั้นของอวี้ย้งเซวียนชะงักอยู่กลางอากาศ ข้อมือของเขาถูกเฉินเป่ยบีบไว้
อวี้ย้งเซวียนตะลึง หลังมองเห็นเฉินเป่ยขวางอยู่ตรงหน้าหลีชิงเยียน ถึงตอบสนองเข้ามา หัวเราะเยาะหึๆ ยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นอย่างแรง ตบไปบนหน้าของเฉินเป่ยอย่างไม่สนใจอะไรสักนิด
“ป๊าบ!”
เสียงฝ่ามือที่กังวานเสียงนั้นยังดังขึ้นแล้ว สายตาของผู้คนทั้งหมดในห้องโฟกัสอยู่บนตัวของเฉินเป่ย
เฉินเป่ยลูบผ่านแก้มของตนเองอย่างช้าๆ มองทางอวี้ย้งเซวียน มุมปากวาดเส้นรัศมีวงกลมขึ้น เห็นได้ชัดว่าน่าสะพรึงกลัวผิดปกติ
“นายเจ๋งมากเหรอ?” เฉินเป่ยเอ่ยปากพูด
มุมปากอวี้ย้งเซวียนขยับหน่อยหนึ่ง ถามอย่างเรียบนิ่ง “นายจะทำอะไรฉันได้?”
เฉินเป่ยยกมุมปากขึ้น ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่ของเขาหดลง มือที่จับข้อมืออวี้ย้งเซวียนไว้คลายออก ตามมาด้วย ปล่อยตบหนึ่งออก ฟาดลงบนแก้มของอวี้ย้งเซวียนแล้ว
พลังที่น่าสยองขวัญระเบิดออกทันใด แขนของเฉินเป่ยมีเส้นเลือดเขียวปูดขึ้น ระเบิดพลังน่าหวาดกลัวที่ยากจะจินตนาการได้ออกมา
“ป๊าบ!” เสียงระเบิดราวฟ้าผ่าดังสะท้อนอยู่ในห้องพนัน ทำเอาข้างหูแขกผู้มีเกียรติแต่ละคนดังหึ่งๆ …….เสียงฝ่ามือนี้ช่างดังเหลือเกิน สามารถพูดได้ว่าสั่นสะเทือนเลือนลั่น
แม้แต่ซูเหลยได้ยินเสียงระเบิดดังกังวานนี้ยังสับสนตกใจเลย…….นี่เป็นพลังอะไรกันถึงทำให้ตบพลังเช่นนี้ออกมาได้?
ทั้งตัวของอวี้ย้งเซวียนโดนตบนี้เข้าไปหมุนสามร้อยหกสิบองศาอยู่ที่เดิม…หมุนไปหลายรอบอย่างบ้าคลั่ง อย่างกับลูกข่างรูปคนที่ไม่รู้ว่าหมุนวนไปกี่รอบกัน จากนั้นถึงหยุดลงมา ชนจนล้มลงบนพื้น พ่นเลือดสดออกมา
“ตบฉันมาทีหนึ่ง คืนให้นายทีหนึ่ง” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ …เสียงของเขาไม่ดัง และลอยเข้าในหูของแต่ละคน กลับทำให้ท่าทางบนหน้าของพวกเขามหัศจรรย์อย่างยิ่ง
ตบหน้าทีหนึ่งเหมือนกัน…ทว่ากลับมีอานุภาพที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว……แต่ละคนสั่นสะเทือนอย่างลุ่มลึก สายตาที่พวกเขามองทางเฉินเป่ยก็มีความหมายลึกซึ้งขึ้นมา…ฝ่ามือนี้ไม่เพียงตบลงบนหน้าของอวี้ย้งเซวียนเท่านั้น ยังเป็นการตบบนหน้าของทั้งตระกูลอวี้ด้วย…เจ้าหนุ่มคนนี้ คาดไม่ถึงจะกล้าทำขนาดนี้จริงๆ
“แกกล้า! แกรู้มั้ยว่าเขาเป็นใคร เขาคือลูกหลานของตระกูลอวี้!” ผู้อาวุโสหนังหุ้มกระดูกคนนั้นสีหน้ามืดครึ้มเอ่ยปากขึ้น
เฉินเป่ยตอบแบบอันธพาลอย่างมาก “ก็เพราะเขาเป็นลูกหลานตระกูลอวี้ไง ดังนั้นฉันถึงยั้งมือไม่ได้ตบจนตาย……”
“แก…….” ผู้อาวุโสที่หนังหุ้มกระดูกคนนั้นถูกคำพูดของเฉินเป่ยทำให้สั่นไหวและหวาดกลัว…หมดคำจะพูดแล้ว
ส่วนทั้งห้องมึนงงกันหมด คำพูดของเฉินเป่ยเขย่าผู้คนทั้งหมดในห้องแล้ว…สายตาที่มีความตื่นตกใจแต่ละคนตกอยู่บนตัวเฉินเป่ย…แขกผู้มีเกียรติไม่น้อยเริ่มสงสัย นี่ศักดิ์สิทธิ์มาจากที่ไหนกัน คาดไม่ถึงกล้ากำเริบเสิบสานขนาดนี้
“แก…แกวอนหาที่ตาย!” อวี้ย้งเซวียนดิ้นรนปีนขึ้นมา…….ร่างกายของเขาสั่นเทา ท่วงท่าที่เรียบนิ่งไม่สะทกสะท้านนั้นไม่เสแสร้งอีกต่อไปแล้ว เขามองทางเฉินเป่ยกัดฟันแน่น
นี่เป็นความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง เขาอวี้ย้งเซวียนเดินไปที่ไหน ไม่ใช่มีตัวตนแบบที่ผู้คนเกรงขามกันเหรอ…ใครกล้าทำกับเขาขนาดนี้ บนหน้าอวี้ย้งเซวียนร้อนแผดเผา…แขกผู้มีเกียรติมากขนาดนี้ คนเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา ถึงตอนนั้นที่งานพนันเพชรพลอยสิ้นสุดลง บุคคลเหล่านี้กลับไปถิ่นฐานของแต่ละคน……ต้องนำเรื่องฉาวโฉ่ในวันนี้เผยแพร่ออกมาแน่นอน
เขาอวี้ย้งเซวียนถ้าไม่กอบกู้ศักดิ์ศรีกลับ จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหน หน้าตาของทั้งตระกูลอวี้ล้วนต้องโดนเขาทำพังลง
เขาจ้องเฉินเป่ยอย่างเดือดดาล ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เอ่ยปากอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ตั้งแต่เด็กจนโต…ยังไม่มีใครกล้าเหยียบย่ำฉันขนาดนี้…เอ๋อตงเฉิน แกเป็นคนแรก!”
“ตั้งแต่เด็กจนโตไม่มีที่บ้านอบรมขนาดนี้ งั้นต่อไปฉันสั่งสอนนายมากหน่อยได้นะ” เฉินเป่ยเบ้ๆ ปาก น้ำเสียงเผยการเล่นแง่อย่างก้าวร้าว ทำให้สีหน้าของทุกคนตื่นตกใจอย่างมาก
“นายไม่ใช่อยากพนันรึไง งั้นฉันร่วมด้วย” เฉินเป่ยมองทางอวี้ย้งเซวียน ค่อยๆ พูดขึ้น
“นี่ ฉันไม่เห็นด้วย!” หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างได้ยินเฉินเป่ยอยากพนันขึ้นเอง ก็งงไปหมด รีบส่งเสียงคัดค้าน
“คุณไม่เห็นด้วยก็ต้องเห็นด้วย ไม่ดื้อนะ!” น้ำเสียงเฉินเป่ยเผยความแน่วแน่
หลีชิงเยียนขมวดคิ้วแน่น กัดริมฝีปากแน่น…ใบหน้างดงามเย็นยะเยือก ดวงตาใกล้พ่นไฟออกมาแล้ว…เจ้าหมอนี่ตัดสินใจเองโดยพลการอีกแล้ว
เขาเห็นตนเองเป็นใครกัน? เทพพนันเหรอ? ไม่รู้จักที่ตาย
ในใจหลีชิงเยียนด่าเฉินเป่ยหลายตลบ ถึงสุดท้ายภายใต้ความจำใจ ได้แต่ขอร้องจางเป่าเฉิงที่อยู่ด้านข้าง บอกว่า “หัวหน้าสมาคมจางคะ ทำได้เพียงพึ่งคุณแล้วนะคะ”
จางเป่าเฉิงถอนหายใจทีหนึ่ง เขาไม่อยากวุ่นวายกับปัญหาเกี่ยวกับตระกูลอวี้ แต่พอนึกถึงที่ชิงเหนียนพูดแล้วได้แต่พยักหน้าอย่างจำใจ “ก็ได้ครับ ผมทำได้เพียงพยายาม”
จางเป่าเฉิงก้าวเท้าออกมา เดินเข้าไปหาเฉินเป่ย กลับนึกไม่ถึงว่าเฉินเป่ยจะตะโกนออกมาอย่างอันธพาลมาก “ผู้เฒ่า คุณอย่าเข้ามา ผมคนเดียวจัดการได้”
จางเป่าเฉิงตะลึง หลีชิงเยียนโมโหทันที ทั้งโมโหทั้งรีบกระทืบเท้า ต่อว่า “นายกล้าไม่ให้เขาเข้าไป ต่อไปก็ไสหัวออกจากตระกูลหลี!”
หลีชิงเยียนไม่รู้ว่าเพราะเป็นห่วงเฉินเป่ยหรือไม่ มักจะทำให้เธอโกรธเคืองจริงๆ เลย เฉินเป่ยมองหลีชิงเยียนอย่างอึ้งทึ่ง ได้แต่รับปากไป
“พนันกับฉัน?” อวี้ย้งเซวียนลุกขึ้นมาแล้ว มองจางเป่าเฉิงแวบหนึ่ง “หัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยหัวเซี่ยเก่งกาจมากเหรอ?”
อวี้ย้งเซวียนเอ่ยปากนิ่งๆ “ท่านใหญ่ฉี”
อวี้ย้งเซวียนกล่าวคำนี้ออกมา ผู้อาวุโสที่หนังหุ้มกระดูกคนนั้นอยู่ด้านหลังของอวี้ย้งเซวียนก็ก้าวขึ้นมาด้านหน้า มองทางจางเป่าเฉิง เอ่ยปากโดยใช้เสียงแหบแห้งไม่เหมือนใคร “จางเป่าเฉิง ไว้หน้าฉันสักครั้ง ออกไปตอนนี้ ฉันจะยังเห็นว่านายเป็นลูกศิษย์ของฉัน”
จางเป่าเฉิงสีหน้าดูแย่ “อาจารย์ครับ หลังท่านหายตัวไป ผมตามหาท่านตลอด แต่ว่าท่านมาตามเขาได้ยังไง…..”
จางเป่าเฉิงยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกผู้อาวุโสหนังหุ้มกระดูกคนนั้นขัดจังหวะ “เหตุผลพวกนี้นายไม่จำเป็นต้องรู้ ตอนนี้ที่นายต้องทำเพียงแค่รีบออกไป อย่าเข้ามาพัวพันในเรื่องนี้”
จางเป่าเฉิงเงียบงันครู่หนึ่ง นึกถึงตำแหน่งชิงเหนียนที่ให้ตนเองตามติดหลีชิงเยียน จึงส่ายหน้า “อาจารย์ครับ ศิษย์ก็จำใจเช่นกัน ขอให้ท่านอภัย”
“พอแล้ว ท่านใหญ่ฉี พวกเราร่วมมือกัน จัดการพวกไม่เจียมตัวสองคนนี้ ก็เหลือเฟือ” อวี้ย้งเซวียนมองเฉินเป่ยและจางเป่าเฉิง สีหน้าหยอกเย้า ราวกับอยู่ในสถานการณ์ที่ชนะแน่แล้ว
ไม่นานพนักงานก็เดินเข้ามา จัดเตรียมห้องพนันเดี่ยวห้องหนึ่งให้หลายคนนี้ เพื่อให้ทั้งสองคนพนันกัน
ผลปรากฏว่าแขกผู้มีเกียรติบางส่วนที่อยู่ในห้องพนันก่อนหน้านี้ได้เผยแพร่ออกไป ไม่นานก็มีผู้มีเกียรติหลายคนที่ได้ยินมากัน
ข่าวนี้แพร่รวดเร็ว ปากต่อปาก ผ่านไปไม่นานข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วโซนพนันระดับสูง
ลูกหลานตระกูลอวี้ที่ชื่อเสียงโด่งดังร่วมมือกับหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยคนก่อน อยากพนันเป็นหรือตายกับผู้ชายแต่งเข้าบ้านของฝ่ายหญิงของตระกูลหลีที่กระจอกคนหนึ่ง