สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 314
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่314 ฉันเพียงแค่โชคดี!
ตอนที่ซูเหลยอยากเรียกชิงเหนียนคนนั้นเอาไว้ ก็สายไปเสียแล้ว ไม่นานภาพด้านหลังของชิงเหนียนก็หายไปจากหน้าประตูห้องพนัน
“มีอะไรเหรอ?” หลีชิงเยียนมองเห็นซูเหลยจ้องมองที่หน้าประตูห้องพนันอยู่ตลอด ถามขึ้นอย่างห่วงใย
“ไม่มีอะไรค่ะ” ซูเหลยส่ายๆ หน้า
หลีชิงเยียนมองทางภาพด้านหลังของเฉินเป่ย ใบหน้างดงามเผยความสับสนออกมา ในสมองของเธอเป็นคำพูดเมื่อสักครู่ของชิงเหนียนดังก้องอยู่
“ทั้งสองท่าน ผลลัพธ์ที่เกิดจากการพนันเป็นหรือตายใดๆ ทางงานไม่รับผิดชอบแต่อย่างใด นี่คือใบยินยอม เชิญทั้งสองอ่านดู” ผู้ดำเนินการโบกฝ่ามือ หญิงสาวที่สวยเซ็กซี่คนหนึ่งยกถาดใบหนึ่งขึ้นมา นำใบยินยอมสองฉบับยื่นไปตรงหน้าของเฉินเป่ยและอวี้ย้งเซวียน
อวี้ย้งเซวียนกวาดตามองแวบหนึ่ง มองทางเฉินเป่ย สีหน้าเยาะเย้ย ยิ้มเยาะพูดว่า “เสียใจตอนนี้ยังทันนะ หลังเซ็นใบยินยอมแล้ว ทุกอย่างไม่ได้เป็นแกตัดสินใจแล้ว”
ในปากเฉินเป่ยคาบบุหรี่ไว้ ตวัดปากกา หลังเซ็นชื่อเสร็จ พ่นควันบุหรี่ออกมา พาดเท้าทั้งคู่ไว้บนโต๊ะ อันธพาลอย่างไร้ขอบเขต เอ่ยปากพูดขึ้น “พูดไร้สาระมากขนาดนั้น กลัวแล้วรึไง?”
“ฉันรอแกจะมาคุกเข่าต่อหน้าฉันเหมือนพวกคนต่ำต้อย” อวี้ย้งเซวียนเอ่ยปากเรียบนิ่ง
หลังเซ็นใบยินยอมเสร็จ ผู้ดำเนินการเก็บใบยินยอมสองฉบับไป เอ่ยปากบอก “กติกาน่าจะรู้กันหมดแล้ว งั้นก็เริ่มกันเลยเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน” ในเวลานี้ เฉินเป่ยถามขึ้นกะทันหัน “กติกาคืออะไร?”
ผู้ดำเนินการมองเฉินเป่ยทีหนึ่ง สีหน้าแปลกใจ และแขกผู้มีเกียรติมากมายด้านข้างอดเผยเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
“แม้แต่กติกาของการพนันเป็นหรือตายยังไม่รู้ แกยังกล้ามาเล่นพนันเป็นหรือตาย? เป็นพวกบ้านนอกที่ไม่รู้จักที่ตายเสียจริง!” อวี้ย้งเซวียนหัวเราะฮาๆ สีหน้าเยาะเย้ย
ส่วนอีกด้านหนึ่ง สายตาของแขกผู้มีเกียรติมากมายที่มองทางเฉินเป่ยเพิ่มการดูถูกมาไม่น้อย สำหรับพวกเขา เฉินเป่ยก็คือพวกคนหนุ่มที่ไม่กลัวอะไรอย่างชัดเจน วอนหาที่ตายเท่านั้น
คนที่ไม่รู้ภาษาอะไรแบบเฉินเป่ยนี้ เดาว่าคงทนการพนันเป็นหรือตายไม่ถึงสองรอบ
ส่วนหลีชิงเยียนที่นั่งอยู่ด้านหลังของเฉินเป่ย เอามือประคองหน้าผาก บนหน้าผากที่อวบอิ่มขาวเนียนดูหม่นหมองขึ้นมา ความคิดหนึ่งเดียวในเวลานี้ของเธอคืออยากจะไม่รู้จักเจ้าหมอนี่ใจแทบขาด
นี่ช่างขายหน้าเหลือเกิน หลีชิงเยียนเองก็ใกล้ทนดูต่อไปไม่ไหว
จางเป่าเฉิงที่อยู่ด้านข้างเฉินเป่ย แอบถอนใจอยู่ภายใน แอบคิดว่าศักดิ์ศรีของตนเองใกล้โดนเจ้าหนุ่มนี่ทำเสียหายหมดแล้ว
ผู้ดำเนินการสีหน้าแปลกประหลาด แต่ยังอธิบายให้เฉินเป่ยฟังอย่างอดทน “การพนันเป็นหรือตายแบ่งออกเป็นห้ารอบ ทางงานพนันเพชรพลอยจะทยอยนำหินหยาบสิบห้าก้อนออกมา หลังปล่อยให้สองฝ่ายเลือกห้านาที ตัดหินหยาบออก ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดสิบท่านของทางงานจะประมาณราคาหยกที่ตัดออกมาได้ สรุปผู้ได้ราคาสูงสุดชนะไป”
“ที่แท้เป็นแบบนี้” เฉินเป่ยเหมือนกำลังคิดอะไร แต่อวี้ย้งเซวียนหัวเราะเยาะพูดว่า “มีเพียงจางเป่าเฉิงคนเดียว ฉันจะดูว่าพวกแกจะเลือกหินหยาบทันได้ยังไง”
เฉินเป่ยตะลึง มองทางผู้ดำเนินการ ผู้ดำเนินการพูดว่า “เวลาเลือกหินหยาบ มีเพียงสองนาทีครึ่ง”
คำพูดนี้ของผู้ดำเนินการออกไป ชั่วขณะนั้นดึงดูดเสียงฮือฮาไม่น้อย……หินหยาบแต่ละก้อนต่างครอบครองปัจจัยไม่แน่นอนมากมาย ไม่ว่าเป็นการประมูลหรือซื้อหินหยาบ ถึงแม้เป็นปรมาจารย์ที่มีสายตาเฉียบแหลม หินหยาบแต่ละก้อนล้วนต้องดูหลายสิบนาทีขึ้น…แต่นี่เป็นการพนันเป็นหรือตาย หินหยาบสิบห้าก้อน ใช้เพียงเวลาสองนาทีครึ่ง
“กติกาของการพนันเป็นหรือตายคือห้านาที แต่พิจารณาจากที่สองฝ่ายเป็นกลุ่มสองคน ดังนั้นเวลาจึงลดลงครึ่งหนึ่ง” เสียงของผู้ดำเนินการลอยเข้าในหูของแต่ละคนในห้องพนันอย่างชัดแจ๋ว
สีหน้าหลีชิงเยียนยิ่งดูแย่…กติกานี้สำหรับอวี้ย้งเซวียนพวกเขายุติธรรมมาก…แต่เฉินเป่ยเข้าใจการพนันเพชรพลอยจริงเหรอ? ในความเป็นจริง ทางเฉินเป่ยนี้ มีเพียงจางเป่าเฉิงคนเดียว
พอพูดกติกานี้ออกไป มุมปากของจางเป่าเฉิงก็กระตุกอย่างแรงไปหน่อยหนึ่ง ในใจแอบพูด เดาว่าเจตนาสวรรค์คงเป็นเช่นนี้
ผลลัพธ์ที่ต้องพ่ายแพ้สินะ
“สองฝ่าย ฟังกติกาชัดเจนแล้วรึเปล่า?” ผู้ดำเนินการมองเฉินเป่ยกับอวี้ย้งเซวียนทีหนึ่ง
อวี้ย้งเซวียนพยักหน้า มองเฉินเป่ยอยู่ สีหน้าเย็นชาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ มุมปากมีความหนาวเหน็บที่ยากจะปกปิด เขาค่อยๆ ยื่นมือ ทำมือท่าปาดอยู่ที่ระหว่างลำคอ รอยยิ้มเพิ่มความดุร้าย “วันนี้ แกจะไม่มีชีวิตเดินออกจากโถงใหญ่นี้”
“แกก็ไม่ชีวิตรอดเดินออกจากห้องนี้เหมือนกัน” เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออกอย่างไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น ตอบกลับนิ่งๆ
นี่คือคำตอบของเขา พออวี้ย้งเซวียนได้ยินคำตอบของเฉินเป่ย หัวเราะกะทันหัน…ตั้งแต่เขาอยู่ในวงการพนันเพชรพลอยมา นี่เป็นเรื่องตลกมากที่สุด
ในห้องพนัน พอแขกผู้มีเกียรติคนอื่นได้ยินเฉินเป่ยปล่อยคำพูดโหดร้ายออกมา ก็แสดงรอยยิ้มที่ถากถางออกมาเช่นกัน
ในวงการพนันเพชรพลอย ใครกล้าพูดแบบนี้กับอวี้ย้งเซวียนบ้าง แต่ไหนแต่ไรอวี้ย้งเซวียนไม่เคยล้อเล่น ไม่นาน คำพูดแต่ละคำของเขาล้วนกลายเป็นความจริง
ผู้ดำเนินการโบกมือ พนักงานแต่ละคนยกถาดแต่ละใบเดินขึ้นมาแล้ว วางไว้บนโต๊ะยาว
หินหยาบในถาดแต่ละใบผ่านการขัดให้เงาด้วยมือคนแล้ว ขนาดไม่เกินศีรษะคน
แสงไฟที่ขาวจ้า โฟกัสไปบนหินหยาบแต่ละก้อน ส่องผ่านหินหยาบพวกนี้ สามารถมองเห็นสีสารพัดของด้านใน
“ซู่!”
แขกผู้มีเกียรติมากมายไม่สงบลงมา ตอนที่มองเห็นหินหยาบพวกนี้ เผยสีที่น่าตกใจออกมา
ในเสียงที่สงบ แม้แต่ผู้ดำเนินการก็เผยความภาคภูมิใจกระหยิ่มยิ้มย่องด้วย “หินหยาบสิบห้าก้อนนี้ ผ่านการประเมินขัดให้เงาผู้เชี่ยวชาญหลายสิบท่านของพวกเรา ลึกลับยิ่งกว่าหินหยาบทั่วไป เต็มไปด้วยปัจจัยที่ไม่แน่นอน แม้แต่หัวหน้าสมาคมสองท่านก็น่าจะไม่มีความมั่นใจเต็มร้อยด้วยมั้ง?”
อวี้ย้งเซวียนสีหน้าเรียบเฉย ส่วนจางเป่าเฉิงที่อยู่ด้านข้างเฉินเป่ยสีหน้าหนักหน่วง ราวกับเจอศัตรูใหญ่
“สองนาทีครึ่ง นับถอยหลัง เริ่ม” ผู้ดำเนินการออกคำสั่ง มุมปากของอวี้ย้งเซวียนและฉีซิ่นยกรอยยิ้มที่เก็บซ่อนไม่อยู่ขึ้น
“ก้อนที่สอง ก้อนที่ห้า……” อวี้ย้งเซวียนกับฉีซิ่นกวาดสายตาแวบเดียว ตะโกนบอกหินหยาบที่เลือกไว้ไป ส่วนเฉินเป่ยด้านนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เฉินเป่ยแผ่อยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน เหมือนกำลังพักผ่อนร่างกาย
จางเป่าเฉิงที่อยู่ด้านข้างร้อนใจมาก เขากำลังเลือกหินหยาบ แค่ความเร็วจะเทียบกับอวี้ย้งเซวียนและฉีซิ่นได้อย่างไร…ในด้านความเร็วค่อยๆ ดึงระยะห่างถ่างออกมา
จนกระทั่งตอนสามสิบวินาทีสุดท้าย อวี้ย้งเซวียนและฉีซิ่นเลือกหินหยาบเสร็จแล้ว มองเฉินเป่ยทางนี้ยังขาดหินหยาบสามก้อน บนหน้าผากของจางเป่าเฉิงเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ
“ยังมีสามสิบวินาที แกมีแค่สองก้อน แกจะเอาอะไรมาเทียบกับฉัน” อวี้ย้งเซวียนเอ่ยปากนิ่งๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาและนิ่งเฉย เฉินเป่ยในสายตาของเขา ไม่มีอะไรแตกต่างกัน กับพวกต่ำต้อย
ฉีซิ่นที่อยู่ด้านหลังของอวี้ย้งเซวียนมองเฉินเป่ยและจางเป่าเฉิงด้วยความสนใจ รอยยิ้มหนาวเย็นเยาะเย้ย
จางเป่าเฉิงร้อนใจจนเหงื่อออกเต็มหน้า เขาชายตามองเฉินเป่ยที่สงบนิ่งเฉยอยู่ด้านข้าง ส่ายๆ หน้า……การพนันเป็นหรือตายครั้งนี้ แพ้แน่เลย
ต่อให้ตนเองเก่งกาจแค่ไหนก็คงไม่มีความสามารถพอ ใครให้เฉินเป่ยเป็นเพียงคนที่ไม่รู้อะไรทั้งนั้นเลย…บางทีเขาก็แค่เข้าใจด้านการตัดมานิดหน่อย เพียงเท่านั้นเอง
จางเป่าเฉิงมองหินหยาบแต่ละก้อนอย่างละเอียด พยายามอยากทำให้ตนเองไวขึ้นบ้าง…แต่พอผู้ดำเนินการนับถอยหลัง กลับลอยเข้าข้างหูของเขาอย่างชัดแจ๋ว รีบจนเขายุ่งเหยิงบีบคั้น
“สิบห้า สิบสี่……” ตอนสิบห้าวินาทีสุดท้าย ทันในนั้นเฉินเป่ยลืมตาขึ้น เขาขยี้ดวงตาที่สะลึมสะลือ บนหน้ายังมีความง่วง
เฉินเป่ยหลังกวาดสายตามองหินหยาบที่ถูกเลือกเสร็จเหลือไว้บนโต๊ะแวบเดียวอย่างเอื่อยเฉื่อย ภายใต้สายตาที่ตกใจของหลีชิงเยียน ชี้หินหยาบในนั้นที่บนโต๊ะด้วยความเร็วสูง บิดขี้เกียจอย่างเหนื่อยหน่าย พูดว่า “สองสามก้อนนี้แล้วกัน”
ชั่วขณะนั้น ผู้คนทั้งหมดในงานต่างตกตะลึง
ผู้ดำเนินการยังมึนงงด้วย เขามองหินหยาบบนโต๊ะแวบเดียว น้ำเสียงมีความตกใจนิดๆ ถามว่า “คุณผู้ชาย คุณเลือกเสร็จแล้วเหรอ?”
เฉินเป่ยพยักหน้า เอ่ยปากช้าๆ น้ำเสียงเผยความสบายใจที่พูดไม่ถูก “ใช่ ดูเสร็จแล้ว บวกกับสองก้อนนั้น ทั้งหมดห้าก้อน”
พึบ!
อวี้ย้งเซวียนลุกขึ้น เดินอ้อมโต๊ะยาวรอบหนึ่ง สังเกตเฉินเป่ยแล้ว พูดเสียงดัง “ที่แท้ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย พนันเป็นหรือตายยังทำเป็นเล่น…เลือกมาสามก้อนแบบลวกๆ ก็บอกว่าเลือกเสร็จแล้ว……”
“แกคิดว่าเป็นการจับสลากเหรอ” อวี้ย้งเซวียนหัวเราะเสียงดังอย่างถากถาง
“พนันเพชรพลอยไม่ใช่พึ่งดวงเท่านั้นเหรอ ฉันบอกว่าเลือกเสร็จ ก็คือเลือกเสร็จไง……” เฉินเป่ยเอ่ยปากนิ่งๆ ส่วนจางเป่าเฉิงที่ด้านข้างรีบส่งเสียงพูดเตือน “เฉินเป่ย เรื่องนี้เกี่ยวกับความเป็นความตายของนาย ทำเป็นเล่นไม่ได้!”
“ได้ สองฝ่ายเลือกเสร็จแล้ว เชิญอาจารย์ด้านการตัดมาเถอะ” ผู้ดำเนินการไม่ให้โอกาสจางเป่าเฉิงพูดมากมาย
ภาพเงาคนมีประสบการณ์โชกโชนขึ้นมา ใช้เครื่องตัด ตัดหินหยาบแต่ละก้อนออก
“ออกแล้ว ออกแล้ว!”
มีแขกท่านหนึ่งสายตาแหลมเอ่ยปาก อวี้ย้งเซวียนทางนี้มีออกมาก่อน แสงสีเขียวที่ใสแจ๋วลุ่มลึกสาดส่องออกมา นี่เป็นหยกชั้นยอดเป็นแน่
ส่วนเฉินเป่ยทางนี้ก็มีออกมาติดๆ เช่นกัน แต่เทียบกับอวี้ย้งเซวียนทางนี้ ดูจะด้อยกว่าไม่น้อย
จางเป่าเฉิงสีหน้าหมอง ก้อนแรกถูกคนอื่นนำหน้าไปแล้ว…….
“ฉันจะดูว่าห้าก้อนที่แกมองแวบเดียวก็เลือกมาจะตัดของกากอะไรออกมาได้!” อวี้ย้งเซวียนหัวเราะเยาะเย้ย ราวกับได้ข้อสรุปที่แน่นอนแล้ว
ส่วนเฉินเป่ยยังคงไม่สะทกสะท้าน มือข้างหนึ่งแตะๆ จางเป่าเฉิงที่ไม่มีทางสงบลง เอ่ยปากบอกช้าๆ “ไม่ต้องกังวล พวกเราชนะแน่”
จางเป่าเฉิงมองหินหยาบห้าก้อนที่เฉินเป่ยเลือกมาลวกๆ ใกล้จะร้องไห้แล้ว…นี่แม่งจะชนะยังไง เอาหัวไปชนะเหรอ หินหยาบสองสามก้อนนั้นที่เฉินเป่ยสักแต่เลือกมา ดูจากภายนอก พอมองก็เหมือนว่าคนนอกวงการที่ไม่เข้าใจยังดูออกว่าแม้แต่หินสองก่อนที่ตนเองเลือกมายังสู้ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหินหยาบหลายก้อนนั้นในมือของอวี้ย้งเซวียนและฉีซิ่นเลย
อวี้ย้งเซวียนมองจางเป่าเฉิงที่หน้าตาโศกเศร้า กับเฉินเป่ยที่ยังคงเรียบเฉยจนทำให้คนรู้สึกผิดปกติ ยิ้มเยาะบอก “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ”
ไม่นานเท่าไร เสียงร้องตกใจแต่ละคนก็ดังขึ้น อวี้ย้งเซวียนทางนี้มีหยกออกมาติดต่อกัน ตาชั่งของชัยชนะเกือบจะกดบนอวี้ย้งเซวียนมาเต็มๆ
และจางเป่าเฉิงเอามือปิดหน้าไว้ เขาเป็นหัวหน้าสมาคมการพนันเพชรพลอยของหัวเซี่ยนะ ผลสุดท้ายศักดิ์ศรีของตนเองล้วนถูกเจ้าหมอนี่ทำขายหน้าไปหมดเลย
เฉินเป่ยกับยังคงพักผ่อนร่างกาย…สายตาที่แปลกประหลาดพวกนั้นโดยรอบตกอยู่บนตัวเขา ราวกับถูกเขาเพิกเฉยไปแล้ว
แต่ตอนที่จางเป่าเฉิงเกือบยอมแพ้ไป ทันใดนั้นเฉินเป่ยที่กำลังพักผ่อนก็ลืมตาทั้งคู่ขึ้น
ในแววตาของเฉินเป่ยมีการหยอกล้อดุเดือดสาดส่องออกมา พรึบ! เขาลุกขึ้นกะทันหัน มองทางอวี้ย้งเซวียน ถามกลับ “มีสีเขียวห่วยๆ ออกมาไม่กี่อันก็เก่งกาจแล้วเหรอ?”
สีหน้าอวี้ย้งเซวียนฝืด บรรยากาศสงบทันใด…เงียบกริบ สีหน้าของอวี้ย้งเซวียน ไม่นานเผยความหนาวเย็นจางๆ ออกมา ส่วนฉีซิ่นที่ด้านหลังของอวี้ย้งเซวียนเสียงแหบแห้ง “ของพวกฉันมีแต่ของชั้นยอดประเภทมรกตทั้งนั้น นายดูของตัวเองหน่อยว่านี่คือสีของขยะอะไรกัน”
จางเป่าเฉิงสีหน้าโกรธเคือง คำพูดแต่ละประโยคของฉีซิ่นพูดตรงจุดสำคัญแล้ว สองก้อนที่พึ่งตัดออกมานี้คือที่เขาเลือก
กลับไม่คิดว่าเฉินเป่ยจะพูดเสียดสี “มรกต ขยะอะไรวะ ไม่เห็นเคยได้ยินเลย?