สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 316
บทที่ 316 โมโหจนกระอักเลือด!
ทั้งงาน…ต่างเงียบกริบ เงียบจนทำให้คนรู้สึกเสียวสันหลังตาม ใจสั่นกันเป็นแถว
แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ต่างเงียบปากอย่างเชื่อฟัง หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านหลังของเฉินเป่ย ตกใจจริงๆ จนเงียบขรึมลงไปทันที
จางเป่าเฉิงที่ยืนอยู่ข้างกายเฉินเป่ย ทำหน้าอึ้ง เขายืนมองหยกสือหวงก้อนนั้นอย่างเซ่อซ่า ด้วยความตะลึงพรึงเพริด
ผ่านไปสักพักใหญ่ เขาถึงได้หลุดจากภวังค์…หยกสือหวง…..เขาได้เห็นสักครั้งในงานเช่นนี้…ถือว่าตายตาหลับแล้ว!
หยกสือหวง เป็นหยกที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานในการสำรวจ เคยเจออยู่หลายครั้ง…ทุกก้อน ต่างเป็นเครื่องประดับที่หาได้ยากมาก
ในสมัยโบราณ ฮ่องเต้ทุกพระองค์ ต้องให้คนออกไปเสาะแสวงหาหยกสือหวงมากมายนับครั้งไม่ถ้วน ก็ยากที่จะได้เจอสักครั้ง…ทว่าตอนนี้ คนที่ตนเองหัวเราะเยาะก่อนหน้านี้ว่าแต่ตัวไม่ถูกกาลเทศะ ดันมีหยกสือหวงอยู่ในครอบครองไปซะได้!
สายตาทุกคนต่างจับจ้องมองมาที่เฉินเป่ย พร้อมทั้งความรู้สึกตกใจอย่างแข็งกล้า จนกระทั่งมีบุคคลสำคัญมากมาย เริ่มสอบถามประวัติความเป็นมาของเฉินเป่ยกันแล้ว
แขกเหรื่อผู้มีเกียรติที่อยู่ในเหตุการณ์ มีอยู่หลายคนที่เชื่อว่า เฉินเป่ยโชคช่างเข้าข้างขนาดนี้เลยเหรอไง?
เริ่มแรกก็มีทับทิมที่มูลค่าอย่างโดดเด่น พอมาครั้งที่สองก็เป็นหยกสือหวงออกมา… ความโชคช่วยขนาดนี้ ถึงแม้ว่าถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง ก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงได้!
อวี้ย้งเซวียนมองมองทางเฉินเป่ย เฉินเป่ยมองมาที่หยกสือหวงชิ้นนี้ สีอ่อนๆ ดูน่าสนใจ ด้วยท่าทางปกติไม่มีท่าทางแปลกใจออกมาเลยสักนิด ราวกับรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่ามันคือหยกสือหวง แถมไม่มีอาการตื่นเต้นแสดงออกมาให้เห็นสักนิด
อวี้ย้งเซวียนขาสั่นอ่อนปวกเปียก…เขามองมาที่เฉินเป่ย พร้อมทั้งพยายามเก็บความรู้สึกตกใจเอาใจ พร้อมทั้งถามกลับ “ทำไมมึงถึง เปิดหยกสือหวงชิ้นนี้ออกมาได้ล่ะ?”
น้ำเสียงของอวี้ย้งเซวียนซ่อนความรู้สึกแกมขอร้องออกมา แต่เฉินเป่ยเหล่ตามองเขาแทน ทั้งสองคนสบตากัน นาทีต่อมา เฉินเป่ยเอ่ยปากออกมา “ยังจะมีอะไรได้ล่ะ โชคดีเท่านั้นเอง”
อวี้ย้งเซวียนทำสีหน้าตึงเครียด ราวกับคิดได้ว่า …โชคดี..นี่เป็นความรู้สึกของเขาที่กำลังถากถางเฉินเป่ยก่อนหน้านี้ ตอนนี้ นี่กลายมาเป็นสิ่งที่เฉินเป่ยพูดตบหน้าเขาอย่างจัง
“โชคดี…” จางเป่าเฉิงได้ยินที่เฉินเป่ยอธิบายออกมาทุเรศแบบนี้จนถึงกับหมดคำพูด แค่ครั้งเดียวถือว่าแกโชคดี..แต่ไอ้หมอนี่มันสองครั้งติดแล้ว…ปากยังพูดว่าโชคดีได้ขนาดนี้เหรอไง?! เรื่องเหี้ยๆ ชัดๆ!
“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่” เฉินเป่ยพูดออกมา จนทำให้สีหน้าของอวี้ย้งเซวียนดูไม่ได้อย่างที่สุด หินหยาบที่ยังไม่ได้ผ่านการเจียระไนทั้งสองชิ้น จนทำให้ความโดดเด่นตัวหินหยาบทั้งสี่ชิ้นของอวี้ย้งเซวียนหมดราคาไปทันที!
อวี้ย้งเซวียนจ้องมองเฉินเป่ยตาแข็งกร้าว ในใจของเขามีความสงสัยอย่างแรงกล้า…หรือว่า ไอ้หมอนี่มันเข้าใจในหลักการการพนันเพชรพลอย?
ทว่าไม่ใช่อวี้ย้งเซวียนคิดแค่คนเดียว แขกร่วมงานหลายคน รวมทั้งจางเป่าเฉิง ก็คิด
แต่ว่าความคิดของเขาเช่นนี้ก็มลายหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีคนคิดว่าวิธีคิดเช่นนี้จะเป็นความจริง.. เพราะยังไงทุกคนต่างเห็นเต็มสองตา… ตอนที่เฉินเป่ยเลือกหินหยาบที่ยังไม่ผ่านการเจียระไนอยู่นั้น ก็แค่มองปุ๊บแล้วเลือกปั๊บ..แทบไม่ได้เลือกพิถีพิถันอะไรเลย แล้วจะเลือกวัสดุที่มีมูลค่าได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
เวลานั้นเอง ฉีซิ่นหัวเราะดังลั่น “เกมพลิกแล้ว …มันเป็นหยกจักรพรรดิมังกร!”
คำพูดของฉีซิ่นดึงสติทุกคนให้กลับมา สายตาต่างมองออกไป เมื่อเห็นว่าฉีซิ่นเอาหินหยาบที่ยังไม่ผ่านการเจียระไนชิ้นสุดท้ายออกมา พร้อมทั้งเสียงหัวเราะอันแหบพร่า เสียงดังจนทะลุเข้าโสตประสาททุกคน
“หยกจักรพรรดิมังกร?! หยกชิ้นนี้ก็เอาออกมาเหรอ พระเจ้า การพนันเพชรพลอยในครั้งนี้มันเกิดอะไรขึ้น?!”
“ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม ถึงขั้นเอาหยกจักรพรรดิมังกรออกมาเลยเหรอ หยกที่เหมือนจะไม่ปรากฏให้เห็นแล้วโผล่ออกมาในเวลานี้ได้!”
ตกตะลึง ตกใจจนไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา อวี้ย้งเซวียนตกใจ สีหน้ายินดีอย่างบ้าคลั่ง พร้อมทั้งมองมาทางเฉินเป่ย พร้อมทั้งเอ่ยปากพูดอย่างได้ใจ
“ฮ่าๆๆ ..หยกสือหวงก็แค่นั้น ของฉันนี่เป็นถึงหยกจักรพรรดิมังกร หายากกว่าของมึงตั้งเยอะ!”
“มึงจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน การเดิมพันด้วยชีวิต มึงนี่มันปลาตายน้ำตื้นชัดๆ!” อวี้ย้งเซวียนแสยะยิ้มออกมา พร้อมทั้งทำสีหน้าได้ใจอย่างเต็มที่
“หยกจักรพรรดิมังกร…พวกเราแพ้แล้ว!” จางเป่าเฉิงที่ยืนอยู่ข้างกายเฉินเป่ย มองไปทางหินหยาบ สีหน้าสลดจนซีดเผือดลงทันที หัวใจหนาวเหน็บ สีหน้าหมดความหวังอีกแล้ว!
ด้วยเหตุที่จางเป่าเฉิงเป็นหัวหน้าของสมาคมการพนันเพชรพลอย ถึงได้รู้ราคามูลค่าและน้ำหนักของหยกจักรพรรดิมังกรเป็นอย่างดี!
“ชีวิตของมึง เป็นของฉัน…” อวี้ย้งเซวียนทำเสียงเข้มใส่ เขาในเวลานี้ ราวกับว่ากลายเป็นมัจจุราชที่สามารถมาขีดเส้นความเป็นความตายของเฉินเป่ยได้!
เขาวางใจไปได้ว่า ในการพนันท่ามกลางความเป็นความตายนี้… เฉินเป่ยไม่มีโอกาสใดๆ ในการพลิกเกมไปได้!
“จะรีบร้อนไปไหนกัน?” เฉินเป่ยเหล่ตามองจางเป่าเฉิงอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็เงยศีรษะมองไปทางอวี้ย้งเซวียน พร้อมทั้งกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “หยกจักรพรรดิมังกร…ดูแล้วมันช่างสุดยอดจริงๆ เลย….”
อวี้ย้งเซวียนกล่าวเสียงแข็ง “ไอ้คนบ้านนอกอย่างมึงย่อมไม่เคยได้ยินมาก่อนอยู่แล้ว ด้วยอันดับของหยกจักรพรรดิมังกร ย่อมอยู่เหนือกว่าหยกสือหวงชิ้นนั้นของมึงอีก!”
“ฟู่” เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นวงกลม มุมปากแสยะยิ้มออกมา พลันมองไปทางหินหยาบที่ยังไม่ผ่านการเจียระไนก้อนที่อยู่ลำดับสุดท้าย
ตอนที่สายตาของเฉินเป่ยมองไปทางนั้น หินหยาบก้อนสุดท้ายนั่นแค่ตัดลงไปครั้งเดียว ก็ถูกตัดออกแล้ว
ประกายสีฟ้าดั่งสายน้ำที่ส่องประกายระยิบระยับ ฉายแสงออกมา จนส่องกระทบกับใบหน้าของอวี้ย้งเซวียนและฉีซิ่น
ดวงตาของอวี้ย้งเซวียกระตุกเล็กน้อย เมื่อเห็นหินหยาบก้อนนั้นได้ตัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงได้วางใจ พร้อมทั้งหัวเราะร่า “ก็แค่แซฟไฟร์ก้อนหนึ่ง ยังเทียบทับทิมไม่ได้เลย เฉินเป่ย มึงแพ้แล้ว!”
อวี้ย้งเซวียนไม่ได้ทำหน้าสลดเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ตอนที่มองมาทางเฉินเป่ย ทั้งแสดงอาการเยาะเย้ยและหัวเราะยกใหญ่ “ความโชคดีของมึงล่ะ โชคเข้าข้างมึงมากอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมันไม่ได้ผลไปซะแล้วล่ะ?”
“ไอ้โง่” เฉินเป่ยพูดลอยๆ พร้อมทั้งมองมาทางอวี้ย้งเซวียนอย่างดูถูกอยู่แวบหนึ่ง พลันพูดต่อ “ตามึงบอดหรือไงวะ?”
“ก็อีแค่แซฟไฟร์ก้อนหนึ่ง ยังจะก่อเรื่องห่าอะไรให้มันวุ่นวายอีก” ฉีซิ่นหัวเราะอย่างเย็นชาใส่
เฉินเป่ยกวาดตามองอวี้ย้งเซวียนและฉีซิ่นอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นก็พูดโพล่งๆ ออกมา “ไอ้โง่สองตัวตาบอดทั้งคู่”
“มึง….” อวี้ย้งเซวียนทำหน้าตึง ส่วนใบหน้าฉีซิ่นเคร่งขรึมลงทันที เมื่อมองมาทางจางเป่าเฉิง พลางกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไป “จางเป่าเฉิง คุณต้องการช่วยไอ้เวรตะลัยนี่ อีกเดี๋ยว รอให้มีดอยู่บนคอของมัน ดูสิว่ามันจะลงไปนั่งกองคุกเข่าคำนับพื้นเพื่อขอร้องชีวิตหรือเปล่า”
สีหน้าของจางเป่าเฉิงยังคงนิ่งค้างเติ่งอยู่ พร้อมทั้งมองมาทางเฉินเป่ย พร้อมทั้งพูดเกลี้ยกล่อม “คุณพูดอะไรดีๆ ออกมาสักหน่อยเถอะ ราคาของแซฟไฟร์ กับหยกหยกจักรพรรดิมังกรมันไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบได้เลย”
“พวกเขาตาบอด คุณก็ตาบอดตามไปด้วยเหรอไง?” เฉินเป่ยกวาดตามองจางเป่าเฉิง จนจางเป่าเฉิงเองก็ตะลึงไปชั่วขณะ ไอ้หนุ่มนี่ หรือว่าไม่รู้จักความเป็นความตายที่อยู่ตรงหน้าจริงๆ
“ไม่ใช่ มันไม่ใช่แซฟไฟร์!”
เวลานั้นเอง พิธีกรที่เดินมาถึงตัวหินหยาบพร้อมทั้งพินิจพิจารณาอย่างละเอียดดูแล้ว พลันส่งเสียงร้องอย่างตกใจ
วินาทีนั้น สีหน้าของอวี้ย้งเซวียนกระตุกทันที ส่วนฉีซิ่น เขาขมวดหัวคิ้ว พลางเอ่ยถาม “เป็นไปได้ยังไง นี่มันเป็นแซฟไฟร์”
“นี่มันไม่ใช่แซฟไฟร์” พิธีกรยังคงส่ายหน้าปฏิเสธอย่างหนักแน่น น้ำเสียงแสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
“นี่มันไม่ใช่แซฟไฟร์ ยังจะเป็นห่าอะไรได้….” อวี้ย้งเซวียนยังพูดไม่จบประโยค เพราะคำพูดที่เหลือนั้นติดอยู่ที่ริมฝีปาก
เพราะว่าตรงปากรอยผ่าของหินหยาบก้อนนี้ บนตัวหินที่มีสีฟ้าอ่อนนั้น ยังมีสีแดงทองปะปนออกมาด้วย!
ถ้าพิจารณามองอย่างละเอียดแล้ว จึงจะเห็นว่าสีแดงทองที่อยู่บนหินสีฟ้าอ่อนนั้น มันปรากฏเป็นรูปมังกร!
“นี่มัน…..” ขนาดอวี้ย้งเซวียนยังอ้าปากค้าง ความจริงแล้ว เขาเองก็ไม่มั่นใจอยู่แล้ว เพราะว่าเพชรพลอยชนิดนี้ก็พบได้น้อยมาก ขนาดตัวเขาเองยังสับสนด้วยซ้ำ ในความทรงจำของเขาไม่เคยมีบันทึกเกี่ยวกับหยกประเภทนี้มาก่อนเลย!
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉีซิ่นก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นแซฟไฟร์สีฟ้าอ่อนก้อนนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“เป็นไปไม่ได้….” ฉีซิ่นอ้าปากเพ้อ แววตาฉายความตกใจมากอยู่ลึกๆ!
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้… มึงเองที่มีความรู้เพียงน้อยนิดแล้วยังอวดฉลาด” เฉินเป่ยพูดออกมาตามปกติ น้ำเสียงดูถูกดูแคลนอย่างเต็มที่ ทั้งเน้นย้ำตอกกลับทุกคำทุกพยางค์ อย่างทรงพลัง!
“นี่มัน….” สีหน้าของอวี้ย้งเซวียนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุด ส่วนจางเป่าเฉิงตาที่จ้องมองไปที่แซฟไฟร์ พลันเสียงสั่นติดๆ ขัดๆ “เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า ถ้าในหินหยาบปรากฏเรดแซฟไฟร์….นั่นย่อมเป็นที่พบเจอได้น้อยมาก”
สามารถประมาณการได้เลยว่าเป็นอัญมณีที่มีเอกลักษณ์เป็นพิเศษ …ทว่าวิธีการพูดเช่นนี้ไม่มีคนเห็นด้วย เพราะว่า ในหินหยาบนั้นน้อยมากนักที่จะเจอเรดแซฟไฟร์อยู่ด้วย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงลักษณะพิเศษของอัญมณีทั้งสองชนิดด้วยซ้ำ….
ฉีซิ่นเงยหน้าขึ้นอย่างทันควัน พร้อมทั้งหันไปมองจางเป่าเฉิง
ขวับ ขวับ ขวับ!
ทุกสายตา ตางจดจ้องมองไปที่ตัวจางเป่าเฉิง
จางเป่าเฉิงจ้องมองไปที่หินแซฟไฟร์ก้อนนี้ “ไม่ว่าจะยังไง การพูดด้วยวิธีนี้ถือว่าเป็นการคาดเดาทั้งเพ ไม่เพียงแต่ตัวเรดแซฟไฟร์สามารถเปลี่ยนลักษณะเป็นแบบนี้ได้ ส่วนตัวหินหยกอันอื่นก็เช่นเดียวกัน….”
“ไม่คิดเลยว่า ชีวิตของฉันนั้นโชคดีมากนั้น ที่ได้พบเจอกับเหตุการณ์นี้ได้…มูลค่าของมัน มากมายเหลือคณาจนไม่สามารถประเมินค่าได้!” จางเป่าเฉิงทำหน้าตื่นเต้น “อัญมณีชิ้นนี้ สามารถพิสูจน์ถึงการมีตัวตนของคำพูดนั้นได้! เมื่อเอาเรื่องมูลค่าราคามาเปรียบเทียบกันแล้ว หยกจักรพรรดิมังกรมันจะแค่ไหนเชียว เรื่องนี้ต้องเรียกเสียงฮือฮาได้ทั้งเมือง จนเกิดการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว!”
“มันเป็นไปไม่ได้ ทำไมฉันยังไม่เคยได้ยินวิธีพูดเช่นนี้ผ่านหูมาก่อนเลย!” ฉีซิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า สีหน้าตกใจหวาดหวั่นพรั่นพรึง
“มึงคงไม่เคยได้ยินมาก่อน เพราะว่าคนที่เป็นคนพูดวิธีการคาดเดาเช่นนี้ มึงเองคงไม่เคยได้ยินมาก่อนอยู่แล้ว” เฉินเป่ยกล่าวอย่างปกติ ฉีซิ่นหน้าค้างเติ่ง หน้าตาดูไม่ได้!
“มูลค่าของอัญมณีชิ้นนี้ มันสูงลิบลิ่วกว่าทุกอย่างที่มึงเอามารวมกันอีก” เฉินเป่ยเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงปกติ อวี้ย้งเซวียนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า สีหน้าท่าทางเย็นชาแข็งทื่อ
“พอแล้ว เลือกกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ถึงขั้นตอนการประเมินแล้ว” พิธีกรกล่าว ทางด้านประตูทางเข้าสมาคมการพนันเพชรพลอย มีผู้เชี่ยวชาญเดินเข้ามาด้านในยาวเป็นแถว
“ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดเก้าท่าน จะเป็นผู้ประเมินด้วยวิธีการของตนเอง” พิธีกรพูดจบ ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็เริ่มพูดกระซิบกระซาบ พร้อมทั้งถกเถียงเรื่องนี้กันอย่างรวดเร็วมาก
หลังจากนั้นไม่นาน หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านก็ปรึกษากันเสร็จเรียบร้อย มีผู้เชี่ยวชาญที่ชราภาพอยู่ท่านหนึ่งลุกขึ้นยืน พลันมองมาทางเฉินเป่ยและอวี้ย้งเซวียน จากนั้นก็กล่าวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป “ถึงแม้ว่าตัวแซฟไฟร์ชิ้นนั้นมีลักษณะโดดเด่นอย่างแปลกไป ทว่าจากการที่พวกเราได้พูดคุยกันแล้ว มูลค่าตามความเป็นจริงของมันนั้น มูลค่าของมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับทับทิมหรือแซฟไฟร์ตามแบบเดิมได้ มูลค่าของมันให้ราคาที่สูงที่สุดก็เหนือกว่าตัวหยกอยู่นิดหน่อย ดังนั้นผลสรุปที่ออกมาจากการประเมินนั้น พวกเราคิดว่ามูลค่ารวมทั้งหมดของหินหยาบจำนวนห้าชิ้นของอวี้ย้งเซวียนสูงกว่ามากนัก”
ครืน! บรรยากาศเงียบกริบ!
หลีชิงเยียนหนักใจ ดวงตาเฉินเป่ยกระตุกเล็กน้อย พลันหันมามองทางบรรดาผู้เชี่ยวชาญ
ส่วนใบหน้าจางเป่าเฉิงหน้าถอดสีทันที ถึงขั้นถอนหายใจยาว พร้อมทั้งส่ายศีรษะไปมา เขาก็ไร้ความสามารถจริงๆ
“เฉินเป่ย มึงแพ้แล้ว” ความหนักใจที่อยู่ในใจอวี้ย้งเซวียนสามารถปล่อยวางได้แล้ว เมื่อมองมาทางเฉินเป่ยแล้ว พลันแสยะยิ้มอย่างเย็นชาออกมา
“รอรับผลกรรมได้เลย มึงห่างจากความตายอยู่ไม่ไกลแล้ว”
เฉินเป่ยมองอวี้ย้งเซวียนด้วยอาการดูถูก พลันเหล่ตามองไปที่ผู้เชี่ยวชาญสิบกว่าคนนั้น จนถึงกับต้องยิ้มออกมา พร้อมทั้งจ้องมองไปยังผู้เชี่ยวชาญทั้งสิบกว่าคนนี้ ถึงได้เข้าใจถ่องแท้ขึ้นมาทันที
ที่แท้ผู้เชี่ยวชาญทั้งสิบกว่าคนนี้ ถูกซื้อตัวไปตั้งแต่แรกแล้ว พร้อมทั้งหมายหัวให้เขาตายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!
“ผู้เชี่ยวชาญทั้งสิบกว่าคนนี้…เกรงว่าจะผู้เชี่ยวชาญจอมปลอมละมั้ง! ถึงได้เอาเรื่องนี้มาข่มขู่ฉันได้เนี่ย” เฉินเป่ยพูดดูถูก จนทำให้บรรยากาศเงียบงัน
อากาศที่รายล้อมรอบตัวราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ มันเงียบซะจนทำให้คนแปลกใจ
เฉินเป่ยเอามือทั้งสองเข้าไปไว้ในกระเป๋าเสื้อ ท่าทางสงบนิ่ง ทว่าเมื่อท่าทางนั้นตกอยู่ในสายตาของคนจำนวนมาก มันกลับเป็นแปรเปลี่ยนเป็นท่าทางดูถูกอย่างเต็มกำลัง
“เฉินเป่ย เวลาตายของมึงมาถึงแล้ว หรือว่าจะฉีกสัญญาของทิ้งเหรอ สัญญานี่มึงเซ็นเองว่าเป็นสัญญาความเป็นความตาย”
อวี้ยังเซวียนหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดังลั่น สีหน้าท่าทางแสดงการเยาะเย้ยถากถางออกมาอย่างเต็มเปี่ยม