สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 317
บทที่ 317 มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเอง!
เฉินเป่ยยืนตกเป็นเป้าสายตา ทุกสายตาต่างจดจ้องมาที่ตัวของเฉินเป่ย พวกผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น เมื่อได้ยินคำดูถูกดูแคลนของเฉินเป่ย สีหน้าเคร่งขรึม หน้าตาดูไม่ได้
เฉินเป่ยเหล่ตามองไปที่อวี้ย้งเซวียนอยู่แวบหนึ่ง ส่วนพวกผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น มองมาทางเฉินเป่ย สีหน้าดูไม่ได้ใจดีแน่นอน
ชายชราที่เปรียบเสมือนตัวแทนของผู้เชี่ยวชาญนั้น ส่งเสียงงึมงำในลำคอ เมื่อมองมาทางเฉินเป่ย สีหน้าโกรธเกรี้ยวขึ้นกว่าเดิม “แกหมายความว่ายังไง? ในสถานการณ์ที่พวกเราแทบไม่ได้รู้จักกัน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วให้พวกเรากลุ่มผู้เชี่ยวชาญรับสินบนพร้อมกันงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นเลย คุณกินปูนร้อนท้องรับเองแล้วนี่” เฉินเป่ยพ่นควันบุหรี่ออกมาจากปากเป็นกลุ่มวงกลม พลางเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ
“ไอ้แซ่เฉิน แพ้แล้วก็แพ้ไปสิ มึงลงนามเซ็นชื่อว่าถ้าแพ้แล้วโทษในการพนันความเป็นความตายก็คือตาย ทนไม่ไหวกับการที่มึงมาถ่วงเวลาเล่นตุกติกอยู่เนี่ย” อวี้ย้งเซวียนตวาดเสียงใส่อย่างเยือกเย็น ใบหน้าดุดันแข็งทื่อเย็นเฉียบประดับน้ำค้างแข็ง จนปรากฏสีหน้าดูหยิ่งจองหองอย่างได้ใจ
“การที่ผู้เชี่ยวชาญอย่างพวกเราให้ข้อประเมินนั้นถือว่ายุติธรรมที่สุดแล้ว” น้ำเสียงพิธีกรที่อยู่ด้านข้างก็ดูไม่ได้หวังดีสักเท่าไหร่ เห็นได้ชัดว่า คำพูดของเฉินเป่ยที่กล่าวออกมาเมื่อครู่ ทำให้เขารู้สึกไปว่ากำลังดูหมิ่นดูแคลนพวกเขาอยู่
“การเดิมพันด้วยชีวิต มึงแพ้แล้ว” บริกรด้านข้างถือถาดน้ำชาเดินเข้ามาหา อวี้ย้งเซวียนค่อยๆ ยกแก้วน้ำชาพลางลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งจิบเข้าปากหนึ่งอึก
สายตาของอวี้ย้งเซวียนมองมาทางเฉินเป่ย พร้อมทั้งทำท่าทางหยอกล้อ ราวกับเหมือนว่าตนเองกำลังมองสัตว์เลี้ยงอยู่เช่นนั้น
เฉินเป่ยมองมาทางอวี้ย้งเซวียน พลางหรี่ตาลง หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านหลังของเฉินเป่ย หัวคิ้วผูกโบแน่น ไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัว มือเรียวงามดั่งหยกของเธอก็กำหมัดไว้ จนแน่นมาก!
“ประธานหลี อย่ากระวนกระวายใจไปเลย ไม่มีเรื่องเกิดขึ้นหรอก” ซูเหลยที่อยู่ด้านข้างพูดปลอบใจ
ดวงตางดงามหลีชิงเยียนจดจ้องมองเฉินเป่ย สายตาที่จดจ้องมายังไม่มีวินาทีใดที่มองข้ามตัวเฉินเป่ยเลย หลีชิงเยียนมีลางสังหรณ์อย่างแรงกล้าว่า…อีกเดี๋ยว ต้องมีเรื่องที่ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแน่!
“ผลลัพธ์ที่ได้มานี้ มึงไม่ยอมรับ…ก็ต้องยอมรับ!” อวี้ย้งเซวียนบีบแก้วน้ำชาในมือ จนแก้วน้ำชาที่ใช้หยกมาแกะสลักอย่างประณีตที่อยู่ในมือของอวี้ย้งเซวียนนั้น…มีเสียงแตกจนส่งเสียงดังลั่นในเวลานั้น!
แก้วชาใบนั้น มีรอยแตก…ร้าวจนเป็นรอย…จนแตกละเอียดอย่างเห็นได้ชัด!
“ชีวิตของมึง มันเป็นของกู!” ภายในบ่อนพนัน ต่างหวาดกลัวจนเงียบฉี่ไม่มีใครกล้าเอ่ยสิ่งใดออกมา ทุกสายตาจับจ้องมาที่ตัวอวี้ย้งเซวียน พร้อมทั้งแสดงสายตาตื่นตกใจและไม่อยากจะเชื่อสายตาในสิ่งที่เห็น!
อวี้ย้งเซวียน…ทายาทของตระกูลอวี้ ช่างกล้ามาทำตัวกร่าง ตรงนี้เนี่ยนะ?!
ด้านในห้องก็มีแขกเหรื่อผู้มีเกียรติอยู่ไม่น้อย ที่ใจเต้นโครมคราม ถึงแม้ว่าจะมีหลายคนเป็นบุคคล
สำคัญก็ตาม ทว่าท่ามกลางสถานการณ์บรรยากาศเช่นนี้ ก็ไม่สามารถสงบจิตสงบใจไว้ได้ จนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“เพล้ง!”
อวี้ย้งเซวียนคลายมือออก แก้วชาที่แตกละเอียดร่วงหล่นลงบนพื้น จนมีเสียงสะท้อนไปทั่วภายในบ่อนพนัน จนเสียงทะลุเข้าโสตประสาทหูของทุกคน
อวี้ย้งเซวียนตะคอกใส่อย่างกราดเกรี้ยว จนร่างกายแผ่รัศมีความเย็นยะเยือกออกมา จนทำให้คนรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนตามไปด้วย!
“ตึงๆ!”
เวลานั้นเอง ด้านนอกบ่อนพนัน มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาเป็นระลอก นั่นเป็นเสียงรองเท้าหนังกระทบกับพื้นกระเบื้อง เงาดำกลุ่มหนึ่ง ปรากฏกายอยู่ตรงประตูบ่อนพนัน พร้อมทั้งจ้องมองเข้ามาด้านในบ่อนพนัน พลันเดินซอยเท้าเข้ามาด้านในอย่างรีบเร่ง!
“ไม่นะ!”
หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านหลังของเฉินเป่ย เมื่อเห็นร่างกายของกลุ่มคนเงาดำ สีหน้าของเธอถอดสีทันที พร้อมทั้งลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
กลุ่มเงาดำที่อยู่ด้านนอกพุ่งตัวเข้ามาหาคนที่อยู่ภายในบ่อนพนัน ทุกทิศทุกทาง ต่างเป็นกลุ่มเงาดำอันดุร้ายโหดเหี้ยม…ชุดสูทสีดำ…รองเท้าหนังสีดำ พร้อมทั้งรัศมีความเย็นชาที่เจตนาฆ่าคนอย่างเลือดเย็น!
จนรวมตัวกันเป็นกำแพงมนุษย์แถวยาว ทำให้ทุกคนที่อยู่ในบ่อนถูกห้อมล้อมเอาไว้ทุกทิศทุกทาง…. ขนาดตรงประตูบ่อน ยังมีคนที่ร่างกายกำยำตัวสูงใหญ่สองคนคอยเฝ้าประตูคอยคุ้มกันอีกที!
ในที่สุด เวลานี้มีจำนวนคนไม่น้อยที่ไม่อาจจะสงบจิตสงบใจไว้ได้ เพราะว่าในสถานที่แห่งนี้มีบุคคลที่มีชื่อเสียงอยู่ก็ไม่น้อย เมื่อมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจนอดส่งเสียงถามกลับไม่ไหว “อวี้ย้งเซวียน แกอยากจะทำอะไรกันแน่?!”
“อวี้ย้งเซวียน แกอยากจับตัวพวกเราเรียกค่าไถ่หรือไง!”
ในบ่อนเริ่มส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย บรรดาบอดี้การ์ดที่ติดสอยห้อยตามของบุคคลสำคัญหลายคนต่างเริ่มขยับตัว พร้อมทั้งเริ่มเผชิญหน้าต่อกรกับกลุ่มเงาดำพวกนี้อย่างดุร้าย!
“อวี้ย้งเซวียน แกอยากจะทำห่าอะไร!” สีหน้าพิธีกรเริ่มถอดสีไปเล็กน้อย พร้อมทั้งส่งเสียงตะคอกใส่
“ไม่ได้ทำอะไร ทุกท่าน ฉันมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการ รบกวนทุกท่านออกไปจากที่นี่ก่อน” มุมปากอวี้ย้งเซวียนกระดกขึ้น พร้อมทั้งแสยะยิ้มให้อย่างร้ายกาจ
ทว่าเฉินเป่ยยังคงยืนอยู่ที่เดิม แถมยืนสูบบุหรี่พ่นควันออกมาปุ๋ยๆ เป็นก้อนเมฆอย่างสงบเสงี่ยม ท่าทางหยอกล้อ…ในที่สุด ก็ทนไม่ไหวแล้วใช่ไหม?
เวลานั้นเอง หลีเช่าเทียนที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ยิ้มเล็กน้อย…จุดประสงค์ของเขาก็ประสบความสำเร็จไปแล้ว….เลยหันตัวเดินออกไป…
ทันใดนั้น ดวงตาของเฉินเป่ย ก็เห็นด้านหลังของหลีเช่าเทียน!
เฉินเป่ยใจเต้น …พร้อมทั้งเข้าใจในทันที…คอยใส่ไฟเติมเชื้อเพลิง…จนถึงขั้นยืมมือฆ่าคน เรื่องทั้งหมดนี่หลีเช่าเทียนเป็นคนวางแผนการจัดฉากเอาไว้ทั้งหมด!
อวี้ย้งเซวียน เป็นหมากให้หลีเช่าเทียนอย่างไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัว!
“ไอ้โง่” เฉินเป่ยมองมาทางอวี้ย้งเซวียน พร้อมทั้งแสยะยิ้มให้อยากเยาะเย้ย
อวี้ย้งเซวียนหน้าชา พลันมองมาทางเฉินเป่ย ด้วยทั้งแสดงท่าทางเจตนาฆ่าอย่างมาก!
อวี้ย้งเซวียนชูมือทั้งสองข้างขึ้น พร้อมทั้งปรบมือสามครั้ง….กลุ่มคนชุดดำที่ยืนตั้งแถวเป็นกำแพงเหล่านั้น พลันก้าวเท้าออก พร้อมทั้งเปลี่ยนเป็นล้อมคนในกลุ่มเล็กๆ แทน!
นี่มัน….การข่มขู่กันชัดๆ! อวี้ย้งเซวียนกำลังบีบบังคับพวกเขาอย่างโจ่งแจ้ง เพื่อบีบให้พวกเขาออกไปจากบ่อนอย่างไร้เหตุผล
คุณชายตระกูลอวี้ท่านนี้ ในที่สุดก็ไม่อาจปิดบังพฤติกรรมชั่วช้าสารเลวของเขาเอาไว้ได้ เขาต้องการที่จะเริ่มลงมือแล้ว!
ความหยิ่งจองหองกราดเกรี้ยวของอวี้ย้งเซวียน ในช่วงเวลานั้นระเบิดความกร่างอย่างเต็มเปี่ยม!
“มันเกินไปแล้วมั้ย!” ในที่สุดบุคคลที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นก็อดทนไม่ไหวแล้ว พร้อมทั้งลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธเคือง พร้อมทั้งก้าวเท้าเดินออกไป
ถึงแม้ว่าจะถูกพฤติกรรมของอวี้ย้งเซวียนทำให้ต้องโมโหก็ตาม ทว่าพวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะลงมือที่นี่….การที่อวี้ย้งเซวียนพากลุ่มคนพวกนี้มาด้วย เห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว อีกอย่างบรรดาบอดี้การ์ดที่ติดตามบุคคลสำคัญพวกนี้นั้น เป็นเพียงแค่ผู้ติดตามเท่านั้นเอง ย่อมไม่มีใครหน้าไหนกล้าต่อกรเผชิญหน้าจริงจังกับอวี้ย้งเซวียน!
อีกอย่างอวี้ย้งเซวียนทำให้บุคคลสำคัญเหล่านี้โกรธเคืองมาก็นับครั้งไม่ถ้วน เขาจดจ้องมองมาที่เฉินเป่ยอย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกยั่วยุให้โกรธแค้น!
เฉินเป่ยเหมือนเป็นหนามยอกอกเขา เขาตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้วว่า ต้องจัดการเฉินเป่ยให้สิ้นซากในงานพนันเพชรพลอย และจะไม่เสียดายถึงผลลัพธ์ที่ตามมาทุกอย่าง!
ส่วนเอ๋อตงเฉินนั้น ตนเองถูกเลี้ยงดูท่ามกลางสิ่งแวดล้อมมั่งคั่งผู้ดีมาตั้งแต่เด็กจนโต ยังไม่เคยต้องมาอัปยศอดสูขนาดนี้เลยสักครั้ง…ส่วนเฉินเป่ย ทำให้ตนเองอวี้ย้งเซวียนต้องแบกรับความอับอายขายหน้ามากมายถึงขนาดนี้ เช่นนั้นเขาจึงต้องไม่ตายดีย่อมเป็นเรื่องปกติ!
บุคคลสำคัญต่างเดินทยอยออกจากบ่อนไปเรื่อยๆ ภายในบ่อนคนเริ่มน้อยลงไปทุกที มุมปากอวี้ย้งเซวียนกระดกขึ้นจนแสยะยิ้มรอยยิ้มอย่างได้ใจ เขาวางแผนรอคอยมาเป็นเวลานานแล้ว วันนี้เขาไม่มีทางปล่อยให้เอ๋อตงเฉิน มีชีวิตรอดไปจากที่นี่ได้!
เฉินเป่ยนั่งลงตามปกติ เขานั่งลงบนเก้าอี้ แถมยังหลับตาพักสายตาอีกต่างหาก หลีชิงเยียนที่อยู่ด้านข้างถึงกับทนต่อไปไม่ไหว พลันลุกขึ้น แถมเดินลงเท้าจนเสียงรองเท้าส้นสูงดังตึงตังมาหาเฉินเป่ย พลันพูดเสียงกระซิบถามไถ่ “ตกลงทำไงดี คุณคิดวิธีออกหรือยังเนี่ย?”
เฉินเป่ยอ้าปากพูดอย่างคนขี้เกียจ น้ำเสียงสงบนิ่ง ราวกับไม่มีท่าทางหวาดกลัวอวี้ย้งเซวียนสักนิด “จะทำยังไงได้ ข้าศึกบุกก็ต้องออกรบ น้ำมาก็เอาดินมาปิดไว้นะสิ”
“คุณนี่มัน!” หลีชิงเยียนมองว่าบุคคลสำคัญต่างทยอยเดินออกจากห้องกัน กลุ่มชายวัยกลางคนที่เกาะกันเป็นกลุ่มแถวยาวเป็นกำแพงมนุษย์เหมือนเครื่องจักรสังหารมนุษย์ ตนเองทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว จนร่างกายอรชรสั่นเทา ขาสองข้างสั่นเป็นเจ้าเข้า
ทั้งๆ ที่เผชิญหน้าตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์อันตราย ไอ้หมอนี่ยังสงบได้ขนาดนี้ ความตายอยู่ตรงหน้าแล้วเขายังไม่ตื่นตระหนกบ้างเลยหรือยังไง?
หลีชิงเยียนย่อมไม่สามารถรับรู้ได้ว่า กล้ามเนื้อทุกอณูของเฉินเป่ยนั้นต่างบีบรัดจนแน่น พลังในตัวของเขาทุกอณู มันกำลังเปลี่ยนสภาพไปจากเดิม
“เฉินเป่ย….เอ๋อตงเฉิน….” เวลานี้ ท่ามกลางฝูงชน มีคนคนหนึ่งพูดชื่อออกมา สายตาจับจ้องมาที่เฉินเป่ย แฝงความหมายอย่างลึกซึ้ง
“เจ้านาย พวกเราต้องไปจากที่นี่มั้ย?” บริเวณด้านข้าง มีคนคนหนึ่งเอ่ยปากถามอย่างเคารพ
จิงมองมาที่เฉินเป่ยและอวี้ยังเซวียน เมื่อสายตามองมาที่ตัวของเฉินเป่ยนั้น คิ้วขมวดหากันเล็กน้อย น้ำเสียงแฝงความหมายลึกซึ้งอะไรบางอย่างออกมา “หึ ฉันอยากจะเห็นการต่อสู้ที่ยุติธรรมสักครั้ง แต่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ยุติธรรมที่กำลังทำเหมือนตอนนี้…เข้าใจหรือยัง?”
ลูกน้องที่อยู่ด้านข้างเป็นคนฉลาดเฉลียว พลันเข้าใจความหมายทันที จากนั้นก็โค้งคำนับพร้อมทั้งพูดเสียงต่ำให้ “เข้าใจแล้วครับ กระผมขอตัวไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย”
ลูกน้องคนนั้นก้าวเท้า เดินออกไปท่ามกลางกลุ่มฝูงชน จนเดินมาถึงด้านหน้าของพิธีกรในงาน แล้วเขาก็หยุดเท้าลง พลันกล่าวอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว “มันยุติธรรมแล้วใช่ไหม?”
พิธีกรมองมาทางลูกน้องคนนั้น พลันกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่ของการพนันเพชรพลอยต่างยึดหลักความยุติธรรมอย่างแน่นอน…”
พิธีกรยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกลูกน้องของจิงคนนั้นตัดบทซะก่อน “เจ้านายของฉันให้ความสนใจกับการพนันเพชรพลอยอยู่มาก เขาพูดว่า การพนันความเป็นความตายในวันนี้ถือว่าเป็นโมฆะ เพราะว่ามันเลยไม่มีความยุติธรรมตรงไหนเลยสักนิด”
“เจ้านายของคุณ ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน?” พิธีกรท่าทางตึงเครียด จนทำให้การแสดงออกทางสีหน้าดูเคร่งเครียด น้ำเสียงสอดแทรกการสอบถามกลับมาด้วย
“ชื่อของเขา คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้” ลูกน้องคนนั้นจ้องมองพิธีกรคนนั้นอย่างสงบนิ่ง
“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลีชิงเยียนมองเห็นการปรากฏตัวของลูกน้องคนนั้น ใบหน้าสวยถึงกับค้างเติ่งทันที
เฉินเป่ยเบิกตาโต พร้อมทั้งเหล่ตามองลูกน้องคนนั้น พลันสายตากวาดตามองไปท่ามกลางกลุ่มฝูงชน
ส่วนจิงนั้น ก็ได้หายไปตั้งแต่แรกแล้ว…เฉินเป่ยกวาดตามองตามหลังไป จนได้แค่ส่ายหน้าไปมา “ไม่มั่นใจ”
“ตลกแล้ว เจ้านายของคุณพูดว่าอะไรทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้นสิ? ขนาดชื่อแซ่ยังไม่กล้าบอกชื่อมาตรงๆ เลย” อวี้ย้งเซวียนได้แต่แสยะยิ้มให้อย่างดูถูกดูแคลน
ลูกน้องคนนั้นหันศีรษะกลับมา พลันมองมาทางอวี้ย้งเซวียน จากนั้นก็ตะคอกเสียงดังลั่น “หุบปากมึงซะ!”
“ถ้าไม่มีเจ้านายของฉัน งานการพนันเพชรพลอยยังอยากจะจัดในหนานจิงได้อีกไหม?” ลูกน้องกวาดตามองไปหาทุกคน สีหน้าโอ้อวด
ส่วนฉีซิ่น เมื่อได้ยินประโยคนี้แล้ว หัวใจถึงกลับเต้นโครมคราม
“เจ้านายของฉันอยู่ที่นี่ เขามีฉายา…คนอื่นต่างให้สมญานามเขาว่า…จิง”
เขาคือจิง!
ท่าทางของอวี้ย้งเซวียนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ดวงตาเบิกโต พร้อมทั้งมองลูกน้องคนนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง
เมื่อได้ยินชื่อเสียงเรียงนามคนนั้นออกมาแล้ว จิตใต้สำนึกของอวี้ย้งเซวียนทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน ขาของเขาไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่..ที่เริ่มมีอาการสั่นเทาเป็นเจ้าเข้า!
บุคคลสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์ ทุกคนต่างตื่นตกใจ ราวกับได้ยินเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น
น้ำเสียงลูกน้องคนนั้น สงบเสงี่ยมมาก ทว่าเมื่อเสียงคำพูดกระทบโสตประสาทของทุกคนแล้ว มันกลับดังลั่นเหมือนสายฟ้าฟาด..เสียงสะท้อนกลับไปกลับมา หัวใจของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเต้นไม่เป็นจังหวะ!
ทุกคนต่างรู้ถึงสมญานามที่ชื่อว่า…จิงทำให้หวาดหวั่นพรั่นพรึงตกใจไปตามๆ กัน…บุคคลธรรมดาย่อมคนที่ไม่รู้ฉายานี้ ทว่าการมาปรากฏตัวในบ่อนพนันนี้ได้ จะมีใครที่เป็นสามัญชนคนทั่วไปกันเล่า!
“จิง? เป็นไปไม่ได้! ที่เจ้านายของแกจะชื่อจิง…. เขาจะมาปรากฏตัวในการพนันเพชรพลอยได้ยังไง!” ฉีซิ่นที่อยู่ด้านหลังของอวี้ย้งเซวียน ทำท่าทางราวกับกำลังเผชิญหน้าเรื่องน่าสยดสยอง พร้อมทั้งส่งเสียงตะคอกใส่อย่างแหบพร่า และก้าวถอยหลังไปพร้อมกัน
เขาพูดไปด้วย ร่างกายก็สั่นเทาไม่หยุด สุดท้ายถึงกับต้องเดินออกไปนอกบ่อน
“ถ้าแกไม่เชื่อ ก็สามารถตามฉันไปพบกับเจ้านายของฉันได้” ลูกน้องคนนั้นหันศีรษะกลับมา พลางมองมาทางอวี้ย้งเซวียน
สีหน้าของอวี้ย้งเซวียนหวาดกลัวอย่างมาก … ร่างกายของเขาสั่นเทาไม่หยุด เขาตกใจจนแก้วชาที่อยู่ในมือร่วงลงพื้นจนแตกละเอียด ร่างกายของเขาเอนลงบนเก้าอี้ จนลื่นไถลไหลลงมากองกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
เขาย่อมรู้ดีว่าจิงคือใคร… เขายิ่งรู้มากกว่านั้นอีก คำพูดที่เขาเพิ่งพูดพล่ามออกไปเมื่อครู่นั้น ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นมันหนักหนาสาหัสรุนแรงขนาดไหน!
อวี้ย้งเซวียนหน้าซีดเผือด ส่วนลูกน้องคนนั้นมองเขาอย่างดูถูกดูแคลน พลางมองไปทางพิธีกรพร้อมทั้งกล่าวว่า “ถ้าเจ้านายฉันเป็นคนพูดออกมาเอง ยังมีประโยชน์อยู่ไหม?”
“มี มีครับ”
พิธีกรพยายามกลืนน้ำลายลงคอ หน้าซีดเผือด พร้อมทั้งพยักหน้าให้อย่างบ้าคลั่ง
คำพูดของจิง…จะไม่มีประโยชน์ได้ยังไงกันเล่า?
หนานจิง…ฉะนั้นจิงย่อมเป็นสิ่งเหนื่ออื่นใดของที่นี่! คำพูดของเขาทุกอย่าง…ย่อมเป็นกฎหมายทั้งสิ้น!
ฉายาของเขา ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ต่างตกใจจนหวาดหวั่นพรั่นพรึงไปตามๆ กัน!
“คำพูดของเจ้านายย่อมมีประโยชน์… การพนันความเป็นความตายในครั้งนี้ ถือว่าเป็นโมฆะ!” พิธีกรพยายามทำให้ตนเองสงบสติอารมณ์ พอตั้งสติปรับตัวได้สักพัก จากนั้นพิธีกรก็เริ่มโบกมือ พยายามฝืนอดทนจากสาเหตุอาการที่หวาดกลัวจนร่างกายตื่นตระหนก พร้อมทั้งเอาสัญญาพนันความเป็นความตายสองฉบับ มาฉีกจนแหลกละเอียดต่อหน้าเฉินเป่ยและอวี้ย้งเซวียน!
“ไม่นะ…” อวี้ย้งเซวียนเห็นภาพนั้นแล้ว หัวใจเหมือนโดนมีดกรีดตรงกลางหัวใจ เขาใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการชนะการแข่งขันพนันในครั้งนี้…แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์พลิกผันจนทำให้เรื่องนี้พลิกไปได้!
เขาจะรับสภาพได้ยังไง จะทำได้ยังไง!
ทั้งๆ ที่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการจัดการเฉินเป่ยให้สิ้นซากแล้วเชียว…พลันหายวับไปกับตา!
อวี้ย้งเซวียนโกรธจนหน้าขียวปั๊ด อีกทั้งยังหมดอาลัยตายอยากจนต้องยอมรับสภาพ จนร่างกายสั่นสะท้านด้วยอาการหวาดหวั่นเกินควร…จนกระอักเลือดสดๆ ออกมา!
เขาโกรธจนกระอักเป็นเลือดสดๆ ไหลออกมา!