สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 319
บทที่ 319 ท่านประธานเทพธิดาหึงจนระเบิดอารมณ์!
ห้องชุดเพรสซิเดนเชียล สวีท (Presidential suite) ของโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง อวี้ย้งเซวียนที่หัวแตกเลือดไหวนองนั่งอยู่บนโซฟา ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
พยาบาลที่ใส่ชุดสีชมพูทั้งตัว พยายามใช้คีมคีบสำลีอย่างระมัดระวัง เพื่อใช้มันทำความสะอาดฆ่าเชื้อให้อวี้ย้งเซวียน
“คุณชายอวี้” ลูกน้องคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
อวี้ย้งเซวียนมองลูกน้องคนนั้น พลันเอ่ยถาม “ตรวจสอบแน่ชัดหรือยัง?”
“ตรวจสอบแน่ชัดแล้ว คนที่คุณเพิ่งเจอมาท่านนั้น น่าจะเป็นลูกน้องของเจ้านายจิง”
ท่าทีการแสดงออกของอวี้ย้งเซวียนเปลี่ยนทันที ใบหน้าแดงแจ๋ขึ้นมา!
เขาจดจำได้อย่างชัดเจน ความทรงจำเมื่อครู่ ถือว่ามันกลายมาเป็นความด่างพร้อยในชีวิตของเขา! จนถึงขั้นเขาไม่ยินยอมกลับไปทบทวนถึงประวัติอันหมองหม่นแย่ๆ ที่สุดอีก!
“น่าไปตายซะ!” อวี้ย้งเซวียนบ่นพึมพำ เขาส่งคนให้ออกไปตรวจสอบประวัติของคนที่พูดออกมาเองว่าเป็นลูกน้องของจิง…. เพราะว่าเขาเกรงว่าเอ๋อตงเฉินจะใช้แผนการอุบาทว์ชาติชั่ว… แต่ว่าเรื่องที่เขาไม่หวังให้เกิดขึ้นดันเกิดขึ้นซะได้…คนคนนั้น ดันเป็นลูกน้องของจิงตัวจริงเสียงจริงซะนี่!
นั่นก็พูดได้ว่า เมื่อครู่คนคนนั้นพูดออกมาก็ไม่มีผิดไปเลย ว่าก่อนหน้านี้จิงก็อยู่ในห้องนั้นจริงๆ!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ สีหน้าของอวี้ย้งเซวียนซีดเผือดหนักกว่าเก่า….เขาใจสั่น หวาดกลัวว่าจิงจะได้ยินในคำพูดที่เขาพูดออกไปก่อนหน้านี้….เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับมานั้นต้องหนักหนาสาหัสมากจริงๆ!
“เอ๋อตงเฉิน….” อวี้ย้งเซวียนกัดฟัน ท่าทางเจตนาฆ่าคนอย่างเต็มเปี่ยม!
ในเวลานี้เขาพลันนึกถึงเฉินเป่ย จนทำให้แสดงอาการเจตนาในการฆ่าคน!
“แหวะ!”
ทันใดนั้น บริเวณคอหอยของอวี้ย้งเซวียนก็เริ่มตีขึ้นอีกครั้ง พลันกระอักเป็นเลือดสดๆ ไหลออกมา! ดวงตาวูบจนหน้ามืด จนเป็นลมล้มลงไป!
พยาบาลเมื่อเห็นอาการแล้ว สีหน้าตื่นตกใจเป็นอย่างมาก พลันตะโกนให้เสียงดังออกมาด้านนอกห้อง “เร็วเข้า รีบเรียกพยาบาลมาเร็ว คุณชายอวี้โมโหจนกระทบกระเทือนไปถึงจิตใจ จนกระอักออกมาเป็นเลือดแล้วเป็นลมล้มไป!”
………
ยามช่วงดึก ภายในร้านชาบูหม้อไฟที่อยู่ไม่ไกลนักจากการจัดงานการแข่งขันพนันเพชรพลอย เฉินเป่ย หลีชิงเยียน และซูเหลยทั้งสามคน นั่งอยู่ตรงหน้าหม้อไฟอย่างมีความสุขไปพร้อมๆ กัน
เฉินเป่ยนั่งอยู่ตรงข้ามหลีชิงเยียนและซูเหลย พร้อมทั้งทำท่าออกอาการอึดอัดใจ ตอนแรกเขาก็หน้าด้านอยากจะนั่งอยู่ข้างๆ หลีชิงเยียน แต่หลีชิงเยียนทำหน้าเบื่อหน่ายจนเตะเขามาอยู่ฝ่ายตรงข้ามแทน
ส่วนหลีชิงเยียนกับซูเหลยนั่งด้วยกัน ทั้งสองคนต่างแสดงท่าทีสนิทสนมเหมือนพี่น้องกันจนออกนอกหน้า
เฉินเป่ยจ้องมองคนสองคน พร้อมทั้งจุ่มเนื้อแพะลงหม้อไปหลายคำแล้ว อารมณ์อึดอัดใจจนถึงที่สุด…ทำไมนะตนเองถึงได้เลือกคนอย่างซูเหลยคนนี้ได้นะ…ทั้งๆ ที่ซูเหลยรู้จักหลีชิงเยียนทีหลังเขาอีก แต่ทำไมสองคนเหมือนเป็นคนคนเดียวกันไปได้ล่ะ!
ไม่นาน อาหารสดต่างๆ ที่จัดเรียงอย่างสวยงามก็เสิร์ฟลงบนโต๊ะมากมาย
ดวงตางดงามของหลีชิงเยียนเหล่ตามอง เมื่อเห็นว่าบนหม้อไฟมีน้ำมันพริกสีแดงลอยอยู่ในหม้อ เธอขมวดคิ้ว เธอไม่ชินกับการกินหม้อไฟหมาล่าแบบนี้ ดังนั้นหม้อไฟหม้อนี้เธอเลยไม่ค่อยแตะต้องสักเท่าไหร่
โดยปกติเวลาเลี้ยงข้าวนั้น เรื่องอาหารนั้น เธอจะไปแค่ร้านอาหารฝรั่งหรืออาหารจีนไปเลย
เมื่อเห็นว่าหลีชิงเยียนทำท่าทางกระโตกกระตากไป มุมปากเฉินเป่ยกระดกขึ้นเล็กน้อย พลันเอาเนื้อวัวชิ้นหนึ่งจุ่มและแกว่งลงไปในหม้อน้ำใสที่อยู่ด้านข้างพร้อมทั้งเอาขึ้นมาอย่างขะมักเขม้น ผ่านไปสิบกว่าวินาที เขาก็ช้อนเนื้อขึ้นมา พลันใส่ลงในถ้วยของท่านประธานเทพธิดา
ท่านประธานเทพธิดาตะลึงไปชั่วขณะ ใบหน้าดูตกใจ พลันมองมาทางเฉินเป่ย ดวงตางดงามแสดงอาการแปลกใจออกมา
อีตาหมอนี่ก่อนหน้านี้ถูกตนเองสั่งสอนเตะเป้าเข้าอย่างจังไปแล้วรอบหนึ่ง ตอนนี้มาปฏิบัติตัวกับตนเองดีขนาดนี้เลยเหรอ?
เฉินเป่ยยิ้มให้เล็กน้อย พร้อมทั้งคอยเตือนอยู่ตลอด “ชิงเยียน รีบกินตอนร้อนๆนะ เนื้อวัวเพิ่งจุ่มได้ที่เลย มันยังนุ่มอยู่ พอมันเย็นแล้วจะไม่อร่อยแล้ว”
หลีชิงเยียนมองมาที่เฉินเป่ยและซูเหลย หลังจากที่สงสัยนานอยู่สักพัก ถึงยอมเอาตะเกียบมาคีบเนื้อวัว พร้อมทั้งเอาเข้าปากอย่างระมัดระวัง
“รสชาติเป็นยังไง?” เฉินเป่ยยิ้มถาม
หลีชิงเยียนชิมรสชาติของเนื้อวัว เธอที่มีเสน่ห์ไปทุกอย่าง ยิ่งตอนกินข้าวแล้วด้วย ยังทรงเสน่ห์เหลือเกิน พร้อมทั้งท่าทางการวางตัวหรูที่เหนือชั้นที่กำลังแสดงให้เห็น ราวกับนางพญาเช่นนั้น
“ก็ธรรมดา” หลีชิงเยียนเอ่ยเสียงสดใส ถึงแม้ว่าท่าทางจะไม่ยอมรับก็ตาม แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูผ่อนคลายลงเยอะ เห็นได้ชัดว่าการที่เฉินเป่ยที่เป็นคนลวกเนื้อวัวให้นั้นถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
“งั้นกินอีกสักชิ้น” เฉินเป่ยเห็นว่าหลีชิงเยียนชอบที่ตนเองคอยลวกเนื้อวัวให้ พลันลวกเพิ่มอีกชิ้น
ความจริงแล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทั้งๆ ที่มันเป็นการลวกเนื้อวัวเช่นเดียวกัน เมื่อก่อนตนเองก็เคยกิน แต่มันไม่อร่อยเหมือนที่เฉินเป่ยลวกให้เลยสักนิด
ทั้งหมดนี้มันมาจากการใช้เวลาในการจุ่มลวกอย่างแม่นยำ…. เนื้อวัวทุกชิ้น ตอนที่เอาลงไปจุ่มนั้น เฉินเป่ยควบคุมเวลา ช่างแม่นยำเหลือเกิน จนทำให้คนถึงกับตกใจตาม
“ฉันลวกของฉันเองได้” หลีชิงเยียนพูดปฏิเสธไป เธอเหล่ตามองไปรอบๆ จนสังเกตเห็นสายตาทุกคู่ต่างจ้องมองมาทางนี้ แขกในร้านจำนวนมาก เหมือนว่าถูกลักษณะท่าทางอากัปกิริยาของเธอดึงดูดความสนใจ
เฉินเป่ยเบะปากให้นางพญา เพราะว่าปฏิเสธความเอาอกเอาใจของเขา จนทำให้เขาผิดหลังเล็กน้อย
ไม่นาน เฉินเป่ยเหล่ตามอง ก็สังเกตเห็นควันน้ำมันสีแดงที่พวยพุ่งออกมาจากซุปชาบูหม้อไฟหมาล่า พลันชี้ไปที่หม้อ พร้อมทั้งเอ่ยเสียงเบา “ชิงเยียน คุณลองชิมรสชาติชาบูหมาล่าดูสิ มันทั้งแซ่บทั้งอร่อยมาก แล้วเวลากินกับเนื้อวัวยิ่งเป็นคู่ที่เหมาะกันมาก”
หลีชิงเยียนส่ายหน้า ยังคงปฏิเสธอยู่เช่นเดิม “ฉันไม่ชอบ”
ทว่าเมื่อเธอพูดจบ เฉินเป่ยได้ลวกเนื้อวัวในซุปชาบูหม่าล่าพลันเอามาใส่ถ้วยของเธอเป็นที่เรียบร้อย พร้อมทั้งน้ำเสียงแกมดูถูกนิดๆ จนพูดอย่างเกินเลยไปซะงั้น “ไม่เคยกินแล้วจะพูดออกมาได้ยังไงว่าไม่ชอบอะ?”
“ลองชิมสักหน่อยสิ คุณดูซูเหลยสิเขานั่งกินอยู่ตลอดเลยเนี่ย” เฉินเป่ยพูดเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยน
หลีชิงเยียนเหล่ตามองซูเหลย จนใจอ่อน พลางคีบเนื้อวัวขึ้นมา จากนั้นก็กัดเนื้อวัวชิ้นนั้นอย่างระแวดระวัง
เมื่อเนื้อวัวชิ้นเข้าปาก กลิ่นเผ็ดชาหอมอบอวลระเบิดออกมาในปาก! ใบหน้าสวยของหลีชิงเยียนดูไม่ได้เลย หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน ซุปชาบูหมาล่ามันเผ็ดมาก ยังเคี้ยวไปไม่กี่ครั้ง รสชาติเผ็ดร้อนจนลิ้นตนเองชาตาม!
มันเผ็ดเกินไปจริงๆ! เธอไม่คุ้นชินกับกินเช่นนี้!
เฉินเป่ยมองเห็นอาการเผ็ดของหลีชิงเยียน ที่เผ็ดจนปากแดง พร้อมทั้งทำท่าทางสูดปากซี้ดซ้าด ท่าทางช่างไม่เหมือนทุกวันที่คอยตีหน้านิ่งเย็นชาอยู่แบบนั้น เธอในตอนนี้ น่ารักสุดๆ ไปเลย
เฉินเป่ยหัวเราะร่า พลันพูดหยิกแกมหยอก “ชิงเยียน ปกติคุณก็เผ็ดครบเครื่องอยู่แล้ว แค่เผ็ดนิดเดียวก็กินไม่ไหวแล้ว มันเหมือนไม่ใช่คุณเลยนะ”
“หุบปากไปเลย!” ดวงตางดงามของหลีชิงเยียนจ้องเฉินเป่ยตาเขม็ง นัยน์ตาแสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน
“คุณกินเผ็ดไม่ได้ งั้นที่เหลือเนี่ยฉันกินเองแล้วกัน เสียดายของ” เวลานั้น เฉินเป่ยพูดไป พลางยื่นตะเกียบ มาคีบเนื้อวัวชิ้นที่หลีชิงเยียนกัดแล้วในถ้วยไป
“อี๋ ชิ้นนั้นฉันกัดแล้ว” หลีชิงเยียนพยายามห้ามเอาไว้ พลันตอบอย่างทันควัน
แต่เธอก็ช้าไปก้าวหนึ่ง เฉินเป่ยมือไว เพราะเขาเอาเนื้อวัวชิ้นนั้นใส่ปากตัวเองไปแล้ว
ใบหน้าสวยของหลีชิงเยียนตะลึงทันที พร้อมทั้งจ้องมองเฉินเป่ยอย่างอึ้ง
เฉินเป่ยเคี้ยวชิ้นเนื้อวัวไปด้วย หน้าตาดูไม่แยแส “คุณกัดแล้วก็แสดงว่าไม่มีพิษ อีกอย่างฉันชอบกินสิ่งของที่คุณกัดแล้ว…”
“คุณนี่มัน….” หลีชิงเยียนหมดคำพูดทันที ใบหน้างดงามร้อนผ่าว อีกทั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะเหตุใดมันถึงร้อนผ่าวได้ขนาดนั้น นัยน์ตางดงามของเธอจ้องมองเฉินเป่ยตาเขม็ง พร้อมทั้งจิกกัดเบาๆ “หน้าด้าน…ไร้ยางอาย…ไอ้โรคจิต…”
หลีชิงเยียนหน้าแดงแจ๋ ใบหน้าร้อนผ่าวพยายามใช้ความอดทน จนเกือบจะหลุดด่าสาปส่งออกมาอีกรอบ
ซูเหลยที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นว่าหลีชิงเยียนตวาดใส่อย่างเง้างอด ส่วนเฉินเป่ยก็หน้าด้านเหลือเกิน จนทำให้หลีชิงเยียนหมดความอดทน ถึงกับต้องฉีกยิ้มออกมา ภาพภาพนี้ มันทำให้เธอรู้สึกสนุกอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน
ทั้งสามคนนั่งกินชาบูหม้อไฟกันอย่างครื้นเครงอยู่นั้น บริเวณประตูร้านชาบูหม้อไฟมีคนผลักประตูเข้ามา ด้านหน้าร้านชาบูหม้อไฟปรากฏร่างกายช่างสะดุดตาเสียจริง
รูปร่างสวยสดงดงามเกลี้ยงเกลา เมื่อปรากฏกายขึ้น พลันกลายเป็นเป้าสายตาของแขกที่เข้ามาทานอาหารในร้านชาบูหม้อไฟอยู่ไม่น้อย
เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง แถมเป็นคนที่สวยมากอีกด้วย
คิ้วโก่งได้รูป สันจมูกโด่งเรียว ปากกระจับริมฝีปากสีลูกเชอร์รี่ ผิวพรรณขาวผุดผ่องไร้ที่ติ แถมยังสวยกว่าเนตไอดอลเสียอีก ขนาดดาราสาวๆ ยังจะต้องแพ้ให้เธออย่างราบคาบ
หน้าตาดูดีมาก หุ่นเพรียวระหงช่างสวยสมบูรณ์แบบเหมือนปีศาจ กระโปรงยาว จนสามารถเห็นเอวคอดกิ่วของเธอได้อย่างชัดเจน
เธอคือใครเหรอ? เธอชื่อว่าเย่เชี่ยนหราน เป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในหัวเซี่ย ตามอินเทอร์เน็ต มีชื่อเสียงมาก จนทำให้หลายคนให้ฉายาเอาไว้ว่า “เจ้าแม่เทพธิดาไลฟ์สด” “คนสวยที่สุดในการไลฟ์สดในเนต” เป็นต้น
เธอในเวลานี้ ในมือกำลังถือโทรศัพท์กับตัวขาตั้งกล้อง เพื่อไลฟ์สดอยู่ในเวลานี้ ตอนที่เดินเข้ามาในร้านชาบูหม้อไฟนั้น เธอก็เริ่มมองไปทั่วร้าน
ก่อนหน้านี้เธอก็อยู่ในงานการพนันเพชรพลอย ก็ได้มีการไลฟ์สดมาตลอด แต่พอได้ยินว่าเป็นการพนันที่เดิมพันด้วยชีวิตแล้ว จนอยากเขาไปด้านในบ่อน ทว่าเธอไม่มีคุณสมบัติมากพอ จึงทำได้แค่ปล่อยไปเท่านั้นเอง
เมื่องานการเดิมพันด้วยชีวิตสิ้นสุดลง บรรดาแฟนคลับเห็นว่าพวกของเฉินเป่ยเดินเข้าไปด้านในร้านชาบูหม้อไฟ เธอเลยอยากจะอาศัยจังหวะนี้เผื่อโชคช่วย
“มองผ่านๆไปแล้วรอบหนึ่ง ม้ามืดที่ปรากฏตัวในงานการพนันเพชรพลอยคนนั้น เหมือนว่าไม่ได้อยู่ที่นี่” เย่เชี่ยนหรานกะพริบดวงตาอันทรงเสน่ห์ พลางกวาดตามองไปรอบๆ พร้อมทั้งบ่นพึมพำไปเรื่อย
ทันใดนั้น นัยน์ตางดงามของเธอก็เพ่งมองไปยังทิศทางหนึ่ง พลันล็อกเป้าหมาย บริเวณมุมร้านชาบูหม้อไฟ แวบเดียวเธอก็เห็นเฉินเป่ยที่กำลังนั่งยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่
“เจอเขาแล้ว เขาอยู่ที่นี่จริงๆ!” เย่เชี่ยนหรานฉีกยิ้มอย่างดีใจ เวลานั้นยิ่งทำให้บรรดาแฟนคลับที่กำลังดูไลฟ์สดอยู่ถึงกับต้องออกปากชม
“แม่ง…เทพธิดายิ้มแล้ว ก็แค่ตามหาผู้ชายคนหนึ่งไม่ใช่เหรอไง ถึงกับต้องยิ้มขนาดนี้เลยเหรอ!”
“เทพธิดายิ้มแล้ว ฉันโอเคแล้ว”
“ขอบคุณเทพธิดามาก ฉันหมดเรื่องแล้ว”
“พี่ชายคอมเม้นท์ด้านบนไม่ได้นะ แค่นี้ก็หมดเรื่องแล้วเหรอ? ถ้าคุณต้องการดูบอลนั่นไม่ใช่การกระอักเลือดหรอกเหรอ?”
ช่องคอมเม้นท์สาธารณะที่กำลังไลฟ์สดอยู่นั้นพุ่งพรวด จนทำให้ภาพไลฟ์สดนั้นรีเฟรชใหม่ บรรดาแฟนคลับหลายล้านคนพยายามรีเฟรชหน้าจออย่างบ้าคลั่ง จนทำให้การไลฟ์สดนั้นค้างเติ่ง
พวกเขามาดูเย่เชี่ยนหรานก็เพราะอยากมาดูเทพธิดาของพวกเขา แต่ไหงเทพธิดาถึงไปยิ้มให้กับผู้ชายอีกคนแทนล่ะ พวกเขาย่อมอิจฉาตาร้อนเป็นธรรมดา
ส่วนเย่เชี่ยนหรานไม่ทันมองหน้าจอสาธารณะ เธอเดินพุ่งเข้าไปหาเฉินเป่ยอย่างยินดีพร้อมทั้งประหลาดใจมาก
“คุณเฉิน ใช่คุณไหม?” เย่เชี่ยนหรานเดินมาที่โต๊ะอาหารของเฉินเป่ย พร้อมทั้งตะโกนเรียกอย่างยินดีปรีดา
เฉินเป่ยหันศีรษะกลับมา พอเห็นว่าเป็นเย่เชี่ยนหราน ถึงกับตะลึงไปชั่วขณะ
ส่วนหลีชิงเยียนเมื่อเห็นว่าเป็นเย่เชี่ยนหรานแล้ว ใบหน้าสวยพลันเย็นชาใส่ลงเล็กน้อย
“คุณคือ….” เฉินเป่ยขมวดคิ้วให้พร้อมมองมาที่เย่เชี่ยนหราน เพราะว่าเขาไม่รู้จักเย่เชี่ยนหรานเลยสักนิด
“ฉันคือเย่เชี่ยนหราน เป็นผู้ประกาศข่าว เมื่อครู่ตอนช่วงมีการถ่ายทอดสดในงานการพนันเพชรพลอยนั้นได้ยินว่าคุณชนะทายาทของตระกูลอวี้และฉีซิ่นที่เคยเป็นประธานสมาคมการพนันเพชรพลอยคนก่อนที่เป็นพันธมิตร ฉันขอสัมภาษณ์คุณสักหน่อย ได้ไหมคะ?”
เย่เชี่ยนหรานกะพริบตาดวงตางดงาม ดวงตาของเย่เชี่ยนหรานคู่นั้นช่างงดงามชวนน่าหลงใหล มันเป็นความรู้สึกที่แสดงให้เห็นการรอคอย พลันกระตุ้นสัญชาตญาณความต้องการจากตัวผู้ชายในทันที!
เฉินเป่ยกวาดตามอง พลันแววตาเปล่งประกาย….ของยอดเยี่ยมนี่! ถ้าให้เขาเป็นคนให้คะแนน ต้องให้เกิน90คะแนนขึ้นไปแน่!