สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 324
บทที่ 324 ราชาหลงจอมจอมหื่น
ภายในห้องชุดเพรสซิเดนเชียล สวีท (Presidential suite) อวี้ย้งเซวียนกลับมานั่งบนโซฟาอีกครั้ง เมื่อเขาโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว พฤติกรรมการแสดงออกของเขา สงบนิ่งขึ้นมา ท่าทางเป็นปกติดี
เลขาฯ ทรงเสน่ห์ทั้งสองคนถึงกับถอนหายใจเบาๆ พวกเธอเข้าใจในตัวอวี้ย้งเซวียนเป็นอย่างดี ถ้าคุณชายอวี้โมโหไม่หายสักที งั้นคืนนี้พวกเธอ ก็คงไม่ดีแน่ๆ
“ปึง!”
เวลานั้นเอง ประตูห้องก็มีคนเปิดเข้ามาอย่างพรวดพราด
ลูกน้องคนหนึ่งรีบก้าวเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว พลันเดินมายืนตรงด้านหน้าของอวี้ย้งเซวียน คุกเข่าข้างเดียว พร้อมทั้งพูดอย่างรีบร้อน “คุณชาย ท่าไม่ดีแล้ว… คนของพวกเรา การลอบสังหารล้มเหลว…. สามคนนั้น ไม่ตายสักคน!”
“เรื่องนี้ฉันรู้เรื่องแล้ว” ท่าทางของอวี้ย้งเซวียนที่กำลังแกว่งแก้วไวน์ที่อยู่ในมือ พลันกล่าวออกคำสั่งอย่างใจเย็น “ไปเรียกท่านประธานมานี่เร็ว”
ท่าทางของลูกน้องคนนั้นดูลังเลชอบกล แถมไม่ยอมลุกขึ้นยืนและออกไปทำตามคำสั่ง
อวี้ย้งเซวียนย่นคิ้วเข้าหากัน น้ำเสียงดูไม่ค่อยถูกใจสักเท่าไหร่ “ฉันให้แกไปเรียกเขามา ฉันยังมีเรื่องที่ต้องการให้เขาทำ แกฟังไม่เข้าใจหรือไง?”
ลูกน้องย่อมเข้าใจชัดเจน ว่าอวี้ย้งเซวียนสั่งให้เขาไปเรียกท่านประธานสาขาเยี่ยนจิงของบริษัทกรุ๊ปนานาชาติหวั้นเหาเขตหัวเซี่ยมา เขาลังเลอยู่สักพัก หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างสับสนไปหลายตลบแล้ว ถึงได้ยอมอ้าปากกัดฟันพูด “คุณชาย ก่อนหน้านี้พวกเราไปเรียกเขาแล้ว แต่เขากลับไม่หือไม่อือสักนิด”
“อะไรนะ?” อวี้ย้งเซวียนเปลี่ยนท่าที หัวคิ้วขมวดแน่น เขาไม่เข้าใจ ว่าไอ้มดกระจอกตัวนั้น กล้าที่จะปฏิเสธตนเองเหรอ?
“หลังจากนั้นพวกเราก็ใช้ชื่อท่าน เพื่อให้เขาจัดการกับศพพวกนั้นในที่เกิดเหตุแล้ว ทว่าเขาดันพูดว่า เขาเป็นประธานของโรงแรม ทำอะไรต้องคิดแทนโรงแรมไว้ด้วย เรื่องนี้ให้ทางตำรวจของเยี่ยนจิงเป็นคนเข้ามาจัดการ เขาไม่สามารถทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุได้… เขาเลือกที่จะแจ้งความ…”ลูกน้องพูดพึมพำ
“ไอ้เหี้ย!” สีหน้าของอวี้ย้งเซวียนเปลี่ยนไปจนดูไม่ได้เป็นอย่างมาก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า แค่การลอบสังหารแค่ครั้งเดียว ขนาดมดกระจอกยังหักหลังตนเองได้ เขาจดจำได้อย่างแม่นยำว่า ก่อนหน้านี้ไอ้มดกระจอกนั่นมันแสดงออกว่าซื่อสัตย์จริงใจกับตนเองเป็นอย่างดีนี่… ผ่านมาแค่ไหนเอง ตนเองถึงได้เข้าพักที่นี่หลายวัน มันก็แค่ลอบสังหารแค่นั้นเอง!
เขาก็เปลี่ยนฝ่ายไปเสียแล้ว!
พฤติกรรมเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าจงใจฆ่าเขา! อวี้ย้งเซวียนไม่ใช่ไอ้งั่ง ย่อมเข้าใจดี ถ้าเอาศพและที่เกิดเหตุส่งให้ทางตำรวจ ตำรวจก็ไม่ได้โง่สักหน่อย จนถึงขั้นสามารถชี้เป้าในที่เกิดเหตุได้ว่าศพเหล่านี้เป็นคนของตนเองทั้งนั้น พร้อมชี้โทษความผิดมาที่ตนเองที่บงการให้ลูกน้องพวกนี้ลงมือลอบสังหาร!
“เขาเบื่อชีวิตแล้วหรือไง!” อวี้ย้งเซวียนนั่งลงอย่างช้าๆ ท่าทางเย็นเฉียบดั่งน้ำค้างแข็ง
“ออกไป จัดการที่เกิดเหตุให้สะอาดเรียบร้อย” อวี้ย้งเซวียนกล่าว
หลังจากรอให้ลูกน้องออกไปแล้ว ในสมองของอวี้ย้งเซวียนพลันปรากฏใบหน้าของคนคนหนึ่ง นั่นก็คือเฉินเป่ยที่แสดงพฤติกรรมลบหลู่เขาจนเขาต้องอับอายขายหน้ามากกับเรื่องนั้น! ชั่วชีวิตนี้เขาจะไม่มีวันลืม!
สายตาของอวี้ย้งเซวียนหันกลับไปมองภาพในกล้องวงจรปิดอีกครั้ง ภาพที่อยู่ในกล้องวงจรปิดในเวลานี้ คือเป็นภาพในห้องโถง ชายสุภาพบุรุษคนนั้น กำลังโค้งคำนับขอโทษหลีชิงเยียนอยู่เลย
มันไม่เหมือนท่าทางที่หยิ่งยโส ทำตัวสูงส่ง มองคนด้วยหางตา ทำตัวเหนือกว่าคนอื่น ก่อนหน้านี้เลยสักนิด!
อวี้ย้งเซวียนเห็นภาพนั้นเข้า มุมปากกระตุกขึ้น จนฉายแววการเยาะเย้ยและดูถูกออกมาทันที แต่มันช่างเย็นเฉียบไร้ที่ติ!
เพราะว่า ท่าทางการแสดงออกของชายสุภาพบุรุษคนนี้ ก่อนหน้านี้เขาพบเจอมาเยอะแล้ว …. ทว่าตอนนี้ เขากลับมาทำตัวเป็นคนดีเปลี่ยนฝ่ายเป็นหญ้าที่ลิ่วไปตามลมไปซะงั้น พริบตาเดียวก็ไปโค้งคำนับให้คนอื่นซะแล้ว
เรื่องนี้ นี่มันไม่ใช่การดูถูกเขาหรอกเหรอ?
“คุณชาย เขาคือใครเหรอ?” เลขาฯ สาวทรงเสน่ห์เอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“มดกระจอกตัวหนึ่ง” อวี้ย้งเซวียนเอ่ยปากพูด ชายสุภาพบุรุษคนนี้ ในสายตาของเขาแล้ว เอามาเปรียบเทียบกับมดหนึ่งตัวยังไม่ได้เลย
“มดตัวหนึ่ง คุณไปสนใจเขามากมายทำไมกัน คนพรรค์นี้ไม่คู่ควรให้คุณสนใจ” เลขาฯ สาวทรงเสน่ห์อีกคนพูดจาออดอ้อน
“สนใจเหรอ?” อวี้ย้งเซวียนหันศีรษะกลับไปมองเลขาฯ สาวทรงเสน่ห์คนนั้น พลันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันไม่ได้สนใจ ฉันก็แค่ไม่อยากเห็น ที่สัตว์เลี้ยงของฉัน ไปโค้งคำนับให้คนอื่น!”
ตอนที่อวี้ย้งเซวียนพูดออกมา ร่างกายแผ่รัศมีเย็นเฉียบอันน่าสยดสยองไปทั่วห้อง สองสาวเลขาฯ ทรงเสน่ห์ท่าทางเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะรู้สึกว่าบรรยากาศมันหนาวเหน็บอึดอัดเหมือนอยู่ในป่า พลันรีบคุกเข่าก้มหน้า น้ำเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย “ขอโทษคุณชายด้วย พวกเราปากพล่อย”
อวี้ย้งเซวียนค่อยๆ อ้าปากพูด น้ำเสียงหนักแน่นแบบไม่มีที่มาที่ไป “ไปอาบน้ำ พวกคุณสองคน ก็รับโทษ ที่ห้องนอนของฉัน!”
เลขาฯ สองสาวทรงเสน่ห์ยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่ เมื่อได้ยินประโยคนั้นแล้ว ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย คำพูดประโยคนี้ของอวี้ย้งเซวียน พวกเธอย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี…. สาเหตุมาจากพวกเธอสองคนสองคนพูดผิดหูไป คืนนี้พวกเธอต้องได้รับโทษจากอวี้ย้งเซวียน! มันเป็นฉากเหมือนพายุถล่มจนหายนะมาเยือน!
พวกเธอยิ่งเข้าใจเป็นอย่างดี ว่าคุณชายยิ่งโมโหเกรี้ยวกราดหนัก โทษก็ยิ่งหนักหนาขึ้นไปอีก…วันนี้คุณชายโมโหหนักขนาดนี้…ก็ไม่รู้ว่าจะทรมานพวกเธอไปถึงกี่โมงกันแน่….
………
ตัดภาพมาที่บริเวณด้านในของห้องชั้นล่างของอวี้ย้งเซวียน หลีชิงเยียนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมทั้งใส่ชุดอาบน้ำสีขาวออก จนเห็นผิวพรรณละเอียดลออ เป็นผิวที่เกลี้ยงเกลาเฉกเช่นนมวัว
หลีชิงเยียนเดินมาที่ขอบเตียงแล้ว พลันครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเดินออกมายังห้องที่อยู่ตรงข้าม และเคาะประตูห้องนั้น
ไม่นาน ประตูก็เปิดออก ซูเหลยอยู่ตรงประตูในห้อง
“ประธานหลี?” ซูเหลยอ้าปากพูดอย่างตกใจ
“ฉันเข้าไปได้ไหม?” หลีชิงเยียนถามเสียงเบา
“ได้สิ” ซูเหลยประหลาดใจขึ้นมาบ้าง เพราะว่าหลีชิงเยียนมาหาเธอในเวลานี้ แต่ว่าก็ยังคงพยักหน้าให้
“ไม่ได้รบกวนคุณใช่ไหม” หลีชิงเยียนถามอีกครั้ง
“ไม่นะ” ซูเหลยยิ้มให้ หลังจากรอให้หลีชิงเยียนนั่งลงบนโซฟาแล้ว ซูเหลยก็เทน้ำให้หลีชิงเยียนแก้วหนึ่ง พลางเอ่ยปากถาม “ท่านประธานหลีดึกป่านนี้แล้ว มาหาฉันมีธุระอะไรไหม?”
หลีชิงเยียนพยักหน้าให้ น้ำเสียงดังฟังชัด “นั่งสิ”
ซูเหลยนั่งลงแล้ว พลันใบหน้าของหลีชิงเยียนปรากฏความสงสัยมากขึ้นมาแทน พร้อมทั้งหันมาทางซูเหลย แล้วอ้าปากถามทันที “คุณว่าเฉินเป่ยเป็นคนยังไง?”
ซูเหลยตะลึงเล็กน้อย ถ้าพูดกันตามตรง “ปกติก็โรคจิตนิดหน่อย แต่เขาจริงใจกับคุณนะ”
“จริงเหรอ?” หลีชิงเยียนยิ้มเย็นชาใส่ พลันมองมาทางซูเหลย “คุณยังจำได้ไหมว่าก่อนหน้านี้คุณเคยพูดว่า เฉินเป่ยไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่แสดงให้เห็น?”
ซูเหลยตกใจ พลันหันไปมองการแสดงออกของหลีชิงเยียน ในใจนั้นก็ส่งเสียงตอบรับอย่างอดไม่ได้ ในที่สุดก็โดนหลีชิงเยียนจับอะไรบางอย่างได้แล้ว
แม้ว่าเฉินเป่ยตลบตะแลงเก่งดีแค่ไหน แต่ว่าต้องมีอยู่สักวันที่จะโผล่หางออกมาให้เห็น
“ในงานการพนันเพชรพลอยตั้งแต่เริ่มแรกนั้นฉันรู้สึกว่ามันมีเรื่องทะแม่งเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ชิงเหนียนนั่งอยู่ด้านข้างฉัน แล้วพูดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น…” หลีชิงเยียนเริ่มพูดเรื่องในงานการพนันเพชรพลอยที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จนมาถึงวินาทีที่เฉินเป่ยเริ่มลงมือเมื่อครู่นี้
หลีชิงเยียนหันไปทางซูเหลย พลันพูดว่า “ฉันไม่ได้หวังว่าฉันจะไม่รู้เรื่องคนรอบตัวฉัน” พูดไป หลีชิงเยียนพลันหยุดพูดขึ้นมาดื้อๆ จากนั้นก็พูดกับซูเหลยว่า “ฉันหวังว่าคุณสามารถช่วยฉันตรวจสอบประวัติความเป็นมาแบบผิดปกติของเขา”
ซูเหลยพยักหน้ารับคำสั่ง หลีชิงเยียนลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งเดินไปทางประตู ตอนที่เดินไปถึงประตูนั้น ซูเหลยก็มองด้านหลังของหลีชิงเยียน พลันเอ่ยปากพูด “แต่ว่าฉันสัมผัสได้ว่า เขาจริงใจกับคุณจริงๆ”
หลีชิงเยียนหยุดเท้าทันที พลันหันกลับมามองที่ซูเหลย และส่งเสียงดังสดใสออกมา “ฉันก็แค่ไม่ชอบคนที่แอบปิดบังเรื่องบางอย่างกับฉันเท่านั้นเอง”
“ปึง!”
ประตูห้องปิดลง ซูเหลยจ้องมองไปที่ประตูห้อง ท่าทางมึนงงเล็กน้อย ตรวจสอบเหรอ? ตรวจสอบยังไง? เธอก็ทำเต็มที่แล้ว ขนาดหน่วยลับพิเศษอย่างไอรีนก็เชิญมาแล้ว จุดประสงค์แค่มาตรวจสอบเฉินเป่ยเท่านั้น แต่สุดท้ายแล้ว…ผลลัพธ์ที่ได้มันมีประโยชน์อะไรไหมล่ะ?
ไม่ได้ข่าวคราวสักนิดมาเลย ซูเหลยยิ้มอย่างขมขื่น เพราะเธอสัมผัสได้ ตัวตนที่แท้จริงของเฉินเป่ย หรือว่าตนเองก็ไม่ควรที่จะรับรู้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน
ทว่าตอนนี้ หลีชิงเยียนให้ตนเองช่วยตรวจสอบให้?
ตอนที่ซูเหลยกำลังสับสนอยู่นั้น ทันใดนั้น พลันมีเสียงไม่แยแสต่อสิ่งใดดังออกมาจากมุมห้อง
“ถ้าฉันเป็นคุณ ไม่มีทางเชื่อฟังคำพูดของเธอแน่”
ซูเหลยตัวสั่นเทา พลันหันศีรษะไปหาทันควัน เมื่อเห็นว่าชิงเหนียนอยู่ตรงมุมห้อง แถมยังสูบซิการ์อยู่ พร้อมทั้งค่อยๆ พ่นควันซิการ์ออกมาจากปากของเขา
สิ่งที่ทำให้ซูเหลยตกใจมากที่สุดก็คือ ชิงเหนียนปรากฏตัวขึ้นอย่างไร้ร่องรอย จนทำให้เธอไม่สามารถป้องกันตัวได้เลย!
ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ซูเลยทำงานอยู่ในหน่วยงานทหารรบพิเศษ ผ่านการฝึกฝนโหดร้ายทารุณอย่างบ้าคลั่งมานับครั้งไม่ถ้วน … ไหวพริบย่อมรวดเร็วกว่าคนทั่วไปหลายเท่านัก…แต่ผลลัพธ์ที่ได้มา ตั้งแต่ต้นชนปลาย แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชิงเหนียนเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่ตอนไหนกัน!
“คุณเข้ามาได้ยังไง?” หลังจากที่ซูเหลยจำชิงเหนียนได้แล้ว ด้วยท่าทางตกตะลึง
“ดื่มมันลงไป” ชิงเหนียนนั่งลงบนโซฟา พลันวางขวดยาน้ำไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา
“นี่มันคืออะไร?” ซูเหลยถาม
“มันสารต้องห้ามชนิดหนึ่งที่ทำวิจัยจนกลายมาเป็นยาน้ำ คุณนี่ช่างโชคดีจริงๆ” ชิงเหนียนพูดไปเรื่อย “ดื่มแล้ว คุณก็จะรู้เองแหละ”