สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 325
บทที่ 325 มันคือนมวัว!
ซูเหลยกวาดตามองยาสลึงที่วางอยู่บนโต๊ะ ตัวยาน้ำเป็นสีม่วง สีเหมือนพลอยอเมทิสต์ (Amethyst) ใสแจ๋วระยิบระยับแพรวพราว
“เอ่อ…มันดื่มได้เหรอ?” ซูเหลยหยิบขวดยาน้ำขึ้นมา ด้วยความกังวล
“ดื่มแล้วเดี๋ยวคุณก็รู้เองแหละ” ชิงเหนียนสูบซิการ์เข้าปอด พลางพูดตามปกติ ทว่าน้ำเสียงเปลี่ยนไปแบบไม่ต้องสงสัยเลย
ซูเหลยสงสัยอยู่สักพัก แต่ในที่สุดก็หยิบยาน้ำขวดนั้นขึ้นมา พลางเปิดฝาขวดนั้นอย่างระมัดระวัง
ซูเหลยสูดกลิ่นเล็กน้อย กลิ่นหอมอ่อนๆ ไหลเข้าสู่โพรงจมูกของซูเหลย หลังจากที่ซูเหลยได้กลิ่นหอมอ่อนแล้ว แวบหนึ่งท่าทางของเธอเหมือนตกอยู่ในภวังค์
ทว่าเร็วมาก ซูเหลยดึงสติกลับมาได้เร็ว พลันจ้องมองขวดยาน้ำ ด้วยท่าทางตกใจ พร้อมทั้งเอ่ยปากถาม “ข้างใน ใส่ยาหลอนประสาทไปด้วยใช่ไหม?”
ซูเหลยจับจ้องยาขวดนั้น..กลิ่นหอมอ่อนๆ เมื่อครู่นี้ พลันทำให้เธอสติเลื่อนลอยไปได้?
ไม่ว่าเธอจะเคยผ่านการใช้ยาหลอนประสาทมาแล้ว แต่ไม่มีสรรพคุณยาตัวไหนที่ออกฤทธิ์ได้รุนแรงมากขนาดนี้
“ดื่มสิ ถ้ายังไม่ดื่ม คุณจะเสียเลือดมากจนอาจถึงตายได้” ชิงเหนียนพ่นควันซิการ์ออกมาจากปาก พลันก้มหน้ากวาดตาพิจารณาเลือดที่ไหลออกมาเปื้อนเสื้อซูเหลย
ใบหน้าซูเหลยซีดเผือด คำพูดของชิงเหนียน ร่างกายของเธอเย็นเฉียบจริงๆ ตัวสั่นสะท้าน เลือดยังไม่ยอมหลุดไหลออกมาจากแผล
ร่างกายที่อ่อนล้าของซูเหลยสั่นสะท้าน เพราะว่าเธอยังคงสงสัยในตัวยาสีม่วงหลอดนี้
“นี่เป็นคำสั่ง ถ้าคุณฉันคิดว่าฉันเป็นเจ้านายอยู่นะ” ชิงเหนียนใช้น้ำเสียงเข้มงวด
ซูเหลยกัดฟันทน พร้อมทั้งกรอกยาน้ำกระดกเข้าปาก
ตัวยาน้ำไม่มีรสชาติอื่นใด แต่เมื่อไหลผ่านลงคอแล้ว รสชาติติดออกหวานเล็กน้อย
หลังจากที่ดื่มจนหมดเกลี้ยงแล้วนั้น ซูเหลยเอาขวดยาน้ำที่ว่างเปล่าวางลงบนโต๊ะด้านหน้าโซฟา พลันหันมามองชิงเหนียน
ซูเหลยใช้หลังฝ่ามือปาดยาน้ำสีม่วงที่ติดอยู่ที่มุมปาก แล้วมองมาทางชิงเหนียน พลันถามว่า “ตกลงว่าไอ้นี่มันคืออะไรกันแน่?”
“มันมีประโยชน์ไม่ได้ให้โทษกับคุณเลย” ชิงเหนียนยิ้มให้เล็กน้อย “คุณคงไม่รู้ว่ามูลค่าของยาน้ำที่คุณดื่มไปเมื่อครู่”
ซูเหลยตะลึงไปชั่วครู่ พลันสอบถามทันที “หลายหมื่นเหรอ?”
ชิงเหนียนยิ้มแต่ไม่ยอมตอบ เขาไม่คิดจะบอกซูเลย ขนาดเงินหลายแสน เกรงว่าราคายังซื้อได้แค่ยาเพียงไม่กี่หยดที่เธอใช้มือปาดออกไปเมื่อครู่!
“สีม่วง เป็นสีที่หรูหรา…” ชิงเหนียนอ้าปากพูด น้ำเสียงแสดงให้เห็นว่ามีนัยอันลึกซึ้งเกิดขึ้น
“สามารถดื่มยาน้ำตานี้ได้ คือว่าเป็นเกียรติสำหรับคุณแล้ว”
“ผลลัพธ์ที่ได้มันดีมากไหม? สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของฉันให้ดีขึ้นมาไหม?” ซูเหลยถาม
“รักษาอาการบาดเจ็บเหรอ?” ท่าทางชิงเหนียนค้างเติ่ง “เอามันไปรักษาอาการบาดเจ็บแบบนี้ของคุณ ดูเหมือนว่าจะเป็นการดูถูกตัวยาชนิดนี้อยู่นะ สรรพคุณของมันล้ำเลิศ ต่อไปคุณก็จะรู้เอง”
คำพูดของชิงเหนียนทำให้ซูเหลยทำหน้าแปลกประหลาด จนงงเป็นไก่ตาแตก เธอแทบฟังความหมายที่ชิงเหนียนพูดไม่เข้าใจว่ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ มันดูเป็นเรื่องที่อธิบายอะไรไม่ได้สักอย่าง
“ถึงอย่างไรต่อไป คุณก็จะไม่ประสบพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว” ชิงเหนียนเหมือนมองออกถึงสิ่งที่ซูเหลยกำลังคิดอยู่ในใจ พร้อมทั้งกล่าวด้วยน้ำเสียงปกติ
“เป้าหมายช่วงนี้เป็นไงบ้าง?” ชิงเหนียนนั่งอยู่บนโซฟา พร้อมทั้งนั่งสูบซิการ์ไปด้วย พลันพ่นควันออกจากปาก อย่างใจเย็น
“เธอสบายดีมาก เธอแค่ให้ฉันไปสืบเรื่องเฉินเป่ย” ซูเหลยตอบ
ชิงเหนียนเงียบไปสักพัก จากนั้นก็กล่าวว่า “ไม่ต้องไปใส่ใจกับคำพูดพวกนี้ก็สิ้นเรื่องแล้ว”
ซูเหลยจ้องมองชิงเหนียน สายตาจับจ้องมาที่ชิงเหนียน พลันเอ่ยปากถาม “ดังนั้น เฉินเป่ยเป็นใครกันแน่ พวกคุณสองคนเกี่ยวข้องอะไรกัน คุณต้องรู้เรื่องเขาแน่นอน”
ซูเหลยถามคำถามเป็นชุดสามคำถามรวดเดียว ชิงเหนียนที่นั่งอยู่บนโซฟา ถึงกลับตะลึงเล็กน้อย พลันแสดงท่าทีเหมือนจะยิ้มให้ออกมา “จำไว้นะ ฉันเป็นเจ้านายของคุณ ฉะนั้นอย่าได้ใช้น้ำเสียงแบบนี้กับผู้บังคับบัญชาของคุณเด็ดขาด คุณทหาร”
น้ำเสียงของซูเหลยอ่อนลงทันที พร้อมทั้งกล่าวขอโทษออกไป “ฉันรีบร้อนไปหน่อย ขออภัยด้วยค่ะ”
“เขาเป็นใคร…คุณสมบัติของคุณยังอีกห่างไกลนักที่จะได้รู้เรื่องนี้ คุณรู้แค่ว่า ทำภารกิจของคุณให้ดีก็พอ” น้ำเสียงของชิงเหนียนหนักแน่นขึ้นพร้อมทั้งสื่อความหมายเป็นนัยออกมา
“เช่นนั้นเมื่อไหร่ที่ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องของเขา” ซูเหลยเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงดูซักไซ้ใคร่รู้
ชิงเหนียนมือค้างเติ่ง “รอวันที่คุณจะรู้เองว่าเขาคือใคร”
ชิงเหนียนค่อยๆ บี้ก้นบุหรี่ พลันลุกขึ้นยืน “สิ่งที่ควรพูดฉันก็พูดหมดแล้ว พักผ่อนเถอะ”
ชิงเหนียนหันหลังกลับ ทว่าตอนที่ซูเหลยคิดอยากจะลุกขึ้นเพื่อรั้งเขาชิงเหนียนเอาไว้นั้น เพราะว่าเธอยังมีข้อสงสัยอีกมากมายที่อยู่ในใจที่ยังไม่สามารถคิดหาคำตอบได้
เธอแปลกใจเป็นอย่างมาก ถ้าชิงเหนียนไม่ได้มาส่งยาน้ำขวดนี้ให้เธอ การที่เธอพบเจอกับชิงเหนียนนั้นน้อยมาก
“เจ้านาย” ในความทรงจำเป็นบุคคลอันลึกลับมาก เป็นคนที่ยุ่งตลอดเวลา
ซูเหลยมองไม่ออกถึงตัวตนของชิงเหนียนคนนี้เลย ก็เหมือนกับที่เธอมองเฉินเป่ยไม่ออกเช่นเดียวกัน
ทุกครั้งที่เธอนึกเองว่าสามารถมองออกว่าเฉินเป่ยกำลังเสแสร้งอยู่นั้น พลันเธอก็พบว่า เธอคิดว่าเธอมองออกแล้ว แต่เพียงเห็นว่าเฉินเป่ยกำลังเสแสร้งอยู่อีกชั้นหนึ่งเท่านั้น… ผู้ชายคนนี้ ลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดาได้ จนทำให้วิธีการต่างๆ ของเธอล้มไม่เป็นท่า
“ไปล่ะนะ” ชิงเหนียนอ้าปากบอก ถ้าซูเหลยรู้ ว่าการที่ชิงเหนียนรีบไปนั้น ก็เพราะว่าเขามีนัดกับลูกสาวเจ้าพ่อนักการเมืองของประเทศอังกฤษแล้วละก็…คงตกใจจนตาถลนออกมาจากเบ้าตาแน่!
ซูเหลยลุกขึ้นยืน พลันสีหน้าเปลี่ยนสี ร่างกายอรชรสั่นเทาเป็นเจ้าเข้า
เบื้องหน้าของเธอมันดูเลือนรางไปหมด ท้องน้อยราวกับมีกองไฟคอยสุมจนปะทุออกมา ลุกโชนแผดเผา แพร่กระจายไปทั่ว ทุกอณูบนร่างกาย…
ซูเหลยหมดเรี่ยวแรงจนล้มลงไปบนโซฟา เสียงชิงเหนียนเลือนรางพร้อมทั้งแว่วเข้าหูเธอ “พักผ่อนเถอะ นี่เป็นโอกาสและโชคชะตาของคุณ และยังเป็นสิ่งที่เขายอมรับในตัวคุณ….”
“โครม!”
ซูเหลยเป็นลมล้มลงบนโซฟา ดวงตาพร่ามัว จนสุดท้ายก็สลบไป เธอไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น เธอพยายามใช้แรงที่มีเพื่อต้องการปฏิเสธพลังเช่นนั้นออกไป แต่ว่าเธอไม่มีวิธีอื่นเลย พลันรู้ตัวว่ามันยิ่งเลือนรางและหนักข้อไปทุกที จนสลบไป
………
ข้างห้องซูเหลยนั้น เวลานี้ ชิงเหนียนปรากฏกายขึ้นที่นี่อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พลันเห็นเฉินเป่ยกำลังนั่งอยู่บนโซฟา
“เจ้านาย ทำตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว ยาน้ำนั้นเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ตอนนี้เธอน่าจะสลบไปแล้ว ด้วยสภาพร่างกายของเธอ น่าจะเป็นพรุ่งนี้ตอนบ่ายถึงจะตื่นขึ้นมา” ชิงเหนียนนั่งลง พลันควานหาโทรศัพท์มือถือ พร้อมทั้งเริ่มส่งข้อความไม่หยุด
เฉินเป่ยพยักหน้า หัวคิ้วชิงเหนียนขมวดคิ้วเข้าหากัน “เจ้านาย เอายาที่แสนล้ำค่านั้นไปให้เธอใช้ มันไม่ดูเปลืองไปหน่อยเหรอ นี่มันเป็นยาน้ำที่ใช้ของต้องห้ามโซลูชันสต็อกในการทดลองออกมา มันเป็นผลลัพธ์ที่ได้ 1 ใน 10”
เฉินเป่ยค่อยๆ พูดออกมา “เธอบาดเจ็บแทนภรรยาของฉัน ครั้งนี้ฉันติดหนี้บุญคุณเธอเอาไว้ การที่ให้เธอได้ใช้มัน ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ได้รับบาดเจ็บแทน”
ชิงเหนียนส่งเสียงอื้อฮือออกมา “สรรพคุณของยาน้ำนี้ มันสำคัญมากสำหรับเธอ ก่อนหน้านี้เธอก็ได้รับบาดเจ็บภายในตอนที่อยู่หน่วยงานรบพิเศษ น่าจะได้รับการซ่อมแซมบาดแผลใช่ไหม?”
“อาการบาดเจ็บภายในเล็กๆ น้อยๆ นั้นทำได้ แต่ว่ามีบางอย่างที่ทำไม่ได้”
“ของต้องห้าม…สรรพคุณของมันช่างเลวร้ายมาก มิน่าล่ะทุกครั้งที่มันปรากฏตัวขึ้นต่างดึงดูดกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว” ชิงเหนียนถอนหายใจ “หลายเดือนมานี้ ในต่างประเทศก็มีหลายสถานที่ที่น่าสงสัยที่มีสิ่งของต้องห้ามปรากฏขึ้น กลุ่มคนของพวกเรา ยังสังเวยชีวิตให้กับเรื่องนี้ไปถึงสองคน”
เฉินเป่ยพยักหน้าให้ สีหน้าฉายความสับสนออกมาที่น้อยนักจะปรากฏ “ทำศพให้พวกเขาอย่างสมเกียรติ พร้อมทั้งโอนเงินเยอะๆ ให้ครอบครัวของพวกเขาในช่องทางลับๆ หวังว่าให้พวกเขาเข้าใจ”
“ของชิ้นนี้อย่าให้ตกไปอยู่ในมือของคนต่างชาติที่ใจคิดจะใช้อำนาจในทางไม่ดี ถ้าพวกเขาได้มันไป เมืองหัวเซี่ยทั้งเมือง ก็คงตกอยู่ในสภาพพายุโหมกระหน่ำ” นัยน์ตาของเฉินเป่ย ถูกความมืดหม่นดั่งอยู่ในป่าลึก ค่อยๆ กลืนกิน…
“เต๋อกุลายังคงอยู่ที่นี่ ฉันสงสัยว่าอำนาจของพวกต่างชาตินั้นจะยืมมือเต๋อกุลามาใช้ เพื่อทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ของพวกเขา” น้ำเสียงชิงเหยียนเย็นเฉียบ
“แค่มีใครใช้อำนาจคิดคดกบฏแล้ว กล้าวางแผนแตะต้องของต้องห้าม…ฆ่าอย่าให้เหลือ!” น้ำเสียงของเฉินเป่ยเย็นยะเยือก บรรยากาศสั่นสะท้าน จนแผ่รัศมีฆาตกรออกมาอย่างเต็มเปี่ยม!
“ครับ!”
“ในงานพนันเพชรพลอย มันได้แสดงสัญญาณแล้ว” บริเวณข้างหน้าต่าง ชิงเหนียนมองออกนอกหน้าต่าง พลันกล่าวออกมา
“ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณอะไร ตราบใดที่ภรรยาของฉันและหัวเซี่ยไม่ได้รับผลกระทบไปด้วยก็พอ ฉันก็จะไม่สนใจทั้งสิ้น” เฉินเป่ยกล่าวออกมาอย่างใจเย็น
“เจ้านาย ปากของนายก็พูดว่าไม่สนใจต่างชาติ เมื่อครู่ไม่ใช่สนใจมากอยู่ไม่ใช่เหรอ?” ชิงเหนียนหัวเราะให้
“เฮ้อ ก่อนหน้านี้ไม่นานฉันเพิ่งจงใจตกเบ็ดได้ปลาตัวใหญ่เป็นคนต่างชาติ เป็นลูกสาวเจ้าพ่อนักการเมืองของประเทศอังกฤษ เจ้าพ่อนักการเมืองคนนั้น ตอนนั้นถือว่ามีอำนาจมาก พร้อมทั้งขอร้องให้ใช้อำนาจของประเทศอังกฤษเอาตัวนายกลับไปจัดการให้สิ้นซาก… สนใจที่จะไปสั่งสอนกับฉันไหม ถึงแม้ว่าเขาจะเก่งกาจมากก็ตาม แต่ลูกสาวของเขายังคงนั่งก้มหัวสิโรราบอยู่ไม่ใช่เหรอ?” ชิงเหนียนหน้าตาหล่อเหลา แต่ท่าทางที่ดูลึกลับ ทว่ามันดูขัดกันชอบกล
เฉินเป่ยกวาดตามองเขาอยู่แวบหนึ่ง “เจ้าหล่อนเป็นสาวต่างชาติ จะยอมก้มหัวให้เหรอ?”
ชิงเหนียนหัวเราะร่า “แต่เธอสามารถทำในสไตล์แบบอังกฤษได้นี้ ลองคิดดูนะ ตอนนั้นพ่อของเธอทำนายให้ตกอยู่ในสภาพไหน ตอนนี้ลูกสาวของเขาถวายตัวให้ถึงที่ หรือว่านายจะไม่รับมันไว้?”
“แกจะไปก็ไปเถอะตามสบาย ไม่มีใครขวางแกนี่” เฉินเป่ยกลอกตามองบน
“อย่าบอกนะ พี่สะใภ้ก็ทรงเสน่ห์ขนาดนั้น พฤติกรรมแบบนี้ของแก แทบไม่เหมือนราชาหลงจอมหื่นกามเลยนี่?” ชิงเหนียนตะลึง พลันพูดอย่างตกใจ