สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 334
บทที่ 334 ได้โปรดท่านผู้อาวุโสแสดงฝีมือ!
“ไม่เพียงแต่มีปัญหาเท่านั้น ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างแสดงฝีมือออกมา เฉินเป่ยคนนั้น ต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัยใดๆ ” อวี้ย้งเซวียนหัวเราะเสียงดัง แล้วรู้สึกผ่อนคลายสุดขีด
ได้ยินท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างคือศิษย์นอกสำนักของอู่ตัง อวี้ย้งเซวียนรู้สึกวางใจอย่างมาก สีหน้าดูเลือดเย็นและโหดเหี้ยม “ตามความสามารถของท่านผู้อาวุโส แล้วจะหวาดผวาเอ๋อตงเฉินไปทำไมกัน คนๆ เดียวก็สามารถจัดการได้แล้ว ทำไมถึงต้องให้ท่านผู้อาวุโสคนอื่นไปด้วย…….”
ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างพูดด้วยน้ำเสียงแก่เฒ่าลุ่มลึก “เผื่อเกิดเรื่องไม่คาดคิด”
อวี้ย้งเซวียนได้ยินคำพูดที่แก่เฒ่านี้ จึงพยักไหล่อย่างไม่สนใจ และไม่ได้เอามาเก็บไว้คิดในใจ
ไม่นาน รถไมบัคแต่ละคนก็ใกล้โรงแรมเข้าเรื่อยๆ อวี้ย้งเซวียนจึงพูดขึ้น “ท่านผู้อาวุโส เฉินเป่ย ยังมีหลีชิงเยียน ตอนนี้ต่างก็พักอยู่ในนั้น”
ท่านผู้อาวุโสไท่ซ่างหลับตาพักผ่อนใหม่ แล้วพยักหน้าตลอดเวลา ถือว่าได้ยินคำพูดของอวี้ย้งเซวียนแล้วตอบกลับ
…….
หู้ไห่ ในห้องๆ หนึ่ง เรือนร่างหนึ่งยืนอยู่ข้างหน้าต่าง แล้วกำลังชมทิวทัศน์ตอนกลางคืนของหู้ไห่
ในห้องนอน บรรยากาศเคล้าด้วยความตึงเครียด
ในจอโน๊ตบุ๊คแต่ละเครื่องฉายภาพกล้องวงจรที่แตกต่างกันออกมา…….ในห้องๆ นี้ ทุกคนมีฐานะที่ไม่ธรรมดา พวกเขา ต่างก็เป็นหน่วยงานลับ!
และในตอนนี้ มีหน่วยงานลับคนหนึ่ขึงตาทั้งสองข้าง นัยน์ตากำลังจับจ้องภาพกล่องวงจรปิด
ในภาพกล่องวงจรปิด มีรถบรรทุกถือโอกาสตอนกลางดึก ค่อยๆ จับไปยังตรงหน้าบ้านสุดหรูแห่งหนึ่งของหู้ไห่
ในบ้านสุดหรูนั้น ไมีคนๆ หนึ่งเดินออกมาอย่างว่องไว แล้วอยู่ในรถบรรทุก เหมือนกำลังขนของอะไรอยู่
สีหน้าของหน่วยงานลับดูหนักใจ จากนั้นก็ดึงจุดหูฟังออก แล้วลุกขึ้นพลางบอกคนที่อยู่ข้างหน้าต่าง “หัวหน้าครับ! มีเบาะแสใหม่ครับ! ”
หัวหน้าหลี่หันไป แล้วรีบสาวเท้าเดินไปตรงหน้าภาพกล้องวงจรปิดนั่น แล้วกวาดสายตามองภาพของกล้องวงจรปิด สีหน้าดูย่ำแย่ “นี่เป็นครั้งที่ห้าแล้ว……”
“หัวหน้าครับ พวกเราลงมือเลยไหมครับ? ” หน่วยงานลับคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ หัวหน้าหลี่ถามขึ้น
หัวหน้าหลี่นิ่งงันไปทันที สุดท้ายก็ถอนหายใจ แล้วหันไปมองที่ไกลๆ ของนอกหน้าต่าง แล้วพูดเองเออเองด้วยเสียงต่ำ “ทำอะไรไม่ได้แล้ว ฉันทำได้เพียงลองเสี่ยงครั้งนี้ดู”
หัวหน้าหลี่พูดจบ สีหน้าดูเคร่งขรึมสุดขีด แล้วออกคำสั่งด้วยเสียงเข้ม “คนทั้งหมดฟังคำสั่ง เรียกให้หน่วยงานลับทั้งหมดมารวมตัว เตรียมตัวลงมือ! ”
“ครับ! ”
………
เช้าวันรุ่งขึ้น หลีชิงเยียนตื่นนอนและแต่งตัวเสร็จ ก็ส่งข้อความให้ซูเหลย
หลีชิงเยียนให้ซูเหลยไปเรียกเฉินเป่ยตื่นนอน ไปซื้ออาหารเช้า ทว่าไม่นาน ซูเหลยส่งข้อความให้หลีชิงเยียน บอกว่าเฉินเป่ยหายไปตั้งแต่เช้าแล้ว
หลีชิงเยียนจึงตกตะลึงเล็กน้อย แล้วก็โทรศัพท์ไป
ทางสายส่งเสียงวุ่นวะวุ่นวายมา หลีชิงเยียนจับมือถือไว้ แล้วขมวดคิ้วเป็นปม พร้อมเอ่ยถาม “นายไปทำอะไรแต่เช้า? ”
เช้าตรู่ของท่านประธานเทพธิดา เสียงอันเคร่งขรึมมีเสียงที่ขี้เกียจปะปน เป็นเสียงที่น่าดึงดูด เกรงว่าทำให้เสียงอันเสนาะหูของคนมากมายต้องรู้สึกละอายใจที่ไม่สามารถเทียบกับเธอได้
ทางฝั่งเฉินเป่ย ส่งเสียงอันดูหมิ่นขึ้น “ยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ แน่นอนว่าต้องบรรลุเป้าหมายเล็กๆ ที่ตั้งน่ะสิ”
หลีชิงเยียนเลิกคิ้วขึ้น เธอนึกไม่ถึง เมื่อวานเธอนึกว่าเฉินเป่ยแค่พูดเล่นๆ เท่านั้น ทว่าวันนี้เขาเหมือนจะตัดสินใจไปบรรลุเป้าหมายอันนี้
หลีชิงเยียนทำเสียงเย็นชา แล้วพูดด้วยเสียงเสนาะหู “อย่าฝันไปเลย นายยังทำเหมือนตัวเองเป็นคุณหวัง เศรษฐีร่ำรวยของหัวเซี่ยจริงๆ หรือไง? พอเถอะ รีบกลับไปเถอะ”
“กลับไปทำอะไร การประมูลครั้งนี้ผมใกล้ชนะแล้ว” เฉินเป่ยหัวเราะเสียงดัง น้ำเสียงภูมิใจมากนัก
ชนะ?
หลีชิงเยียนนึกไม่ถึงว่าเฉินเป่ยกลับยังมีเวลาที่ชนะ ทว่าไม่นาน ท่านประธานเทพธิดาที่แสนเลือดเย็นดุจหิมะก็เริ่มสงสัยขึ้นมา
ในห้องพนันของเขตพนันอันพรีเมียม เพราะมีแค่แขกคนสำคัญถึงจะสามารถเข้าไปได้ ดังนั้นในห้องพนันต้องมีเวลาที่เกิดเสียงวุ่นวายน้อยมาก
และทางฝั่งสายของเฉินเป่ยมีเสียงวุ่นวาย เกือบจะเหมือนตลาดแล้ว
หลีชิงเยียนครุ่นคิดไปสักพัก เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้ทันที จึงหัวเราะเย็นชาอย่างเหยียดกาย แล้วเอ่ยถาม “ตอนนี้นายอยู่ในเขตพนันชั้นต่ำใช่ไหม? ”
คำพูดนี้ของท่านประธานเทพธิดา ทำให้จี้ถูกจุดทันที ทำให้ทางสายของเฉินเป่ย ทำสีหน้าที่เกร็งไปทันที
เสียงหัวเราะอันเย็นชาของท่านประธานเทพธิดา น้ำเสียงดูหมิ่นเล็กน้อย “ดูท่าแล้วคุณอยากจะชนะหนึ่งพันล้านในเขตพนันพรีเมียมหรอ? ”
“ชิงเยียน คุณฟังผมอธิบายก่อน…” เฉินเป่ยยิ้มอย่างอึดอัดใจ
“ไม่ต้องอธิบายแล้ว นายค่อยๆ ไปเที่ยวเล่นในเขตพนันชั้นต่ำเถอะ ฉันรอฟังข่าวดีที่นายจะหาเงินได้หนึ่งพันล้านภายในวันเดียว” หลีชิงเยียนยิ้มอย่างเย็นชา แล้วเคล้าด้วยการดูหมิ่น
เฉินเป่ยยังอยากอธิบายอะไร ทว่าหลีชิงเยียนเหมือนไม่ให้โอกาสด้วยซ้ำ แล้ววางสายไปทันที
เฉินเป่ยมองมือถือ แล้วพร่ำบ่นไม่กี่คำ สุดท้ายก็พยักไหล่อย่างจนปัญญา แล้วเก็บมือถือ
หลังจากเก็บมือถือ เฉินเป่ยกวาดสายตามองไปยังเขตพนันชั้นต่ำ แล้วค่อยๆ เผยยิ้มอันดูหมิ่นออกมา
เขาครุ่นคิด ก็เอามือถือออกมาอีก จากนั้นก้มหน้าโทรหาเบอร์ๆ หนึ่ง
ตอนนี้ ในอาคารออฟฟิศอันใหญ่โตของหู้ไห่ ในออฟฟิศห้องหนึ่ง มีเรือนร่างอันเพอร์เฟคหนึ่ง ที่มีคอดเอวเรียวบาง และเป็นผู้หญิงที่สวยไร้ที่ติกำลังทำงานอยู่
จู่ๆ โทรศัพท์ออฟฟิศสีดำบนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้นทันที
ผู้หญิงสวยไร้ที่ติเงยหน้า ใบหน้าเคล้าด้วยเสน่ห์ เพียงพอที่จะดึงดูดผู้ชายนับไม่ถ้วน
ผู้หญิงที่สวยไร้ที่ติมองโทรศัพท์ออฟฟิศสีดำเครื่องนี้ สีหน้าดูแปลกใจเล็กน้อย เพราะว่าโทรศัพท์เครื่องนี้เพิ่งติดตั้งไม่นาน และมีคนไม่กี่คนที่รู้ว่ามีโทรศัพท์เครื่องนี้อยู่
พอนิ่งงันไปสักพัก สุดท้ายเธอก็ยื่นมืออันขาวผ่องออกไป แล้วรับสาย
“พี่ซู ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง? ” ทางสาย มีเสียงทุ้มต่ำอันคุ้นหูดังขึ้น กลับเป็นเสียงผู้ชายที่เคล้าด้วยพลัง
ซูเสี่ยวหยุนได้ยินเสียงๆ นี้ จึงนิ่งงันไปชั่วขณะ แล้วผ่านไปสักพัก ถึงจะได้สติกลับมา และตั้งใจทำสีหน้าเลือดเย็นแล้วตอบกลับ “ดี ดีมาก”
ทางฝั่งสาย ซูเสี่ยวหยุนจะฟังไม่ออกว่าคนๆ นั้นคือใครด้วยหรอ?
“ได้ยินว่าช่วงนี้คุณไม่อยู่บ้านหรอ? ” เฉินเป่ยแค่นเสียงขี้เล่นออกมา
ซูเสี่ยวหยุนแค่นเสียงเย็นชา แล้วพูดอย่างไม่เสนาะหู “พวกนายไม่กี่คนต่างก็ไปเยี่ยนจิง หรือจะให้ฉันเฝ้าบ้านเปล่าๆ ตามลำพัง? ช่วงนี้บริษัทมีงานเยอะมาก ฉันอยู่บริษัท”
ซูเสี่ยวหยุนพูดขึ้น แล้วเหลือบตามองโซนห้องพักในออฟฟิศ ถูกเธอตกแต่งภายในจนเหมือนบ้านที่แสนอบอุ่น
“ไม่ต้องเป็นห่วง รอให้กลับหู้ไห่แล้ว พี่ก็ไม่โดดเดี่ยวแล้ว ถึงเวลาผมเลี้ยงข้าวพี่นะ”
“แค่เลี้ยงข้าวเองหรอ? ” ซูเสี่ยวหยุนกระตุกมุมปากอย่างละมุนละไม รอยยิ้มดูขี้เล่น
เสียงของซูเสี่ยวหยุนเคล้าด้วยความมีเสน่ห์ ทำให้เฉินเป่ยที่อยู่ทางสายอดไม่ได้ที่รู้สึกตัวสั่น…….ซูเสี่ยวหยุนมีเสน่ห์แล้ว แม้กระทั่งคั่นกลางด้วยโทรศัพท์ ก็เหมือนฉุดกระชากวิญญาณของเฉินเป่ย
ผู้หญิงอายุสามสิบปี ที่ผ่านพ้นจากวัยสาวที่ไร้เดียงสาแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงที่เปล่งประกายความสดสวยที่น่าดึงดูดคนมากที่สุด
“หรือพี่ซูอยากกินผม? ” เฉินเป่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ช่วงนี้ออฟฟิศของฉันอยากเปลี่ยนเตียง นายบอกว่าเตียงใหญ่สำหรับสองคนดี หรือว่าเตียงน้ำดี? ” ซูเสี่ยวหยุนยิ้มอย่างมีเสน่ห์
หน้าผากของเฉินเป่ยมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาทันที น้ำเสียงของซูเสี่ยวหยุนมีเสน่ห์จนเสียวกระดูก ทำให้เฉินเป่ยที่มีมุ่งมั่นในความคิดของเฉินเป่ยก็ยังต้านทานไม่อยู่!
แม่ง……ถ้าท่านประธานเทพธิดาหลีชิงเยียนเป็นหวังเจาจวิน งั้นซูเสี่ยวหยุนก็คงเป็นซูต้าจี้!
“ผมรู้สึกว่าเตียงแบบไหนก็ไม่นุ่มเหมือนพี่” เฉินเป่ยยิ้มอย่างอึดอัดใจ แล้วพูดขึ้น
“ใช่หรอ งั้นฉันดูตั๋ว มาหานายที่เยี่ยนจิง? ” ซูเสี่ยวหยุนพูดด้วยเสียงน่าฟัง
หน้าผากของเฉินเป่ยมีเหงื่อเย็นผุด แล้วรีบพูดด้วยความเคร่งขรึม “พี่ซู ครั้งนี้ผมโทรหาพี่ มีเรื่องสำคัญ”
“เรื่องสำคัญ เรื่องอะไรสำคัญ? ” ซูเสี่ยวหยุนนิ่งงันไป
“ผมจะยืมเงินกับพี่หน่อย” เฉินเป่ยพูดขึ้น
“ยืมเท่าไหร่? ” ซูเสี่ยวหยุนครุ่นคิดพลางเอ่ยถาม
“หนึ่งแสน” เฉินเป่ยพูด
ซูเสี่ยวหยุนตอบตกลงทันที และไม่ได้ถามเฉินเป่ยว่าจะเอาหนึ่งแสนไปทำอะไร เธอแค่พูดขึ้นทันที “เดี๋ยวฉันจะโอนเงินไปให้นาย”
“ได้ครับ”
หลังจากวางสาย ซูเสี่ยวหยุนครุ่นคิด แล้วหัวเราะอย่างร้ายกาจออกมา