สายเปย์เบอร์หนึ่ง - ตอนที่ 34
บทที่ 34 แขกผู้มาเยือนของเยี่ยนจิง
เย่ชวงสีหน้าตื่นตะลึง สีหน้าของหัวหน้าแย่มาก ทำให้เย่ชวงรู้สึกกังวล
หัวหน้าสีหน้าเย็นยะเยือก พุ่งเข้ามาในห้องสอบปากคำ ถามเย่ชวงว่า “เป็นเธอที่จับคุณไต้มาเหรอ”
“ค่ะฉันเอง……ฉันตรวจค้นเจอเฮโรอีนหนึ่งพันกรัมอยู่ในตู้เซฟของคุณไต้……” เย่ชวงเอ่ยเบาๆ
“เหลวไหล!”หัวหน้าตำรวจขบกราม เดือดจัดเย่ชวงไม่เคยเห็นหัวหน้าโกรธมากขนาดนี้มาก่อน!
“ใครให้อำนาจคุณ เขาคือคุณไต้คุณไต้เธอก็กล้าจับ เธอชักจะยโสโอหังมากไปแล้วนะ!”หัวหน้าตะคอกอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทำให้เย่ชวงตกใจ หน้าซีดเผือด ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดไป……
หัวหน้ารีบพุ่งตัวไปตรงหน้าไต้ห้าวหนาน ปลดกุญแจมือให้ไต้ห้าวหนาน ฉีกยิ้มให้อย่างระแวดระวัง“คุณไต้นี่คงจะเป็นการเข้าใจผิด……เข้าใจผิดครับ……ลูกน้องผมมีตาหามีแววไม่ จับผิดคน ท่านเป็นคนใจกว้าง……คงจะไม่ถือสาหาความนะครับ……”
หัวหน้ามีท่าทางเคารพนบนอบ เย่ชวงเอง ก็ไม่เคยเห็นหัวหน้ามีท่าทางแบบนี้เลย ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน!
เย่ชวงกัดริมฝีปากแดง ยืนอยู่ข้างๆทั้งโกรธทั้งน้อยใจ ยอมให้หัวหน้าขอโทษไต้ห้าวหนานตามใจชอบ
เย่ชวงไม่รู้เลยว่า ครั้งนั้นเฉินเป่ยแม้จะบอกว่าถูกกดดันโดยเยี่ยนจิง แต่ความสัมพันธ์ของไต้ห้าวหนานกับท่านผู้ว่านั้นแนบแน่นมาก ท่านผู้ว่านั้นแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะได้ร่วมงานกับไต้ห้าวหนาน……แต่เย่ชวงกลับทำลายช่วงเวลาที่สำคัญนี้ด้วยการจับกุมไต้ห้าวหนาน,แน่นอนว่าต้องทำให้ท่านผู้ว่าโมโหมาก!
ไต้ห้าวหนานลุกขึ้นยืน เดินมาที่หน้าเย่ชวง เอ่ยเบาๆว่า “เห็นแล้วหรือยัง มีบางคน เกิดมาเพื่ออยู่เหนือกฎหมาย……”
“คุณ!” เย่ชวงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไต้ห้าวหนานยังกล้าพูดคำที่ไร้สามัญสำนึกแบบนี้ออกมาได้!
นี่มันคือความอัปยศรูปแบบหนึ่งของเย่ชวง เย่ชวงเป็นตำรวจ กลับไม่สามารถทำอะไรไต้ห้าวหนานได้แม้แต่น้อย!
“เย่ชวง รีบมาขอโทษคุณไต้เร็วเข้า! ”หัวหน้าสั่ง
“ไม่ค่ะ!” เย่ชวงเงยหน้า มีน้ำรื้นอยู่ในดวงตาคู่สวยนั้น ทำไมเธอต้องมาแบกรับความผิดแบบนี้ด้วย ทั้งๆที่ตนเองไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย……กลับต้องเป็นฝ่ายมาขอโทษไอ้ชั่วนี่!
“คุณไต้……ขอโทษด้วยจริงๆนะครับ……ผมไม่อบรมสั่งสอนลูกน้องให้ดี……ผมสมควรตาย!”หัวหน้าหันมา เอ่ยอย่านอบน้อม
“ไม่ต้อง” ไต้ห้าวหนานโบกไม้โบกมือ มองมายังใบหน้าสวยมีเสน่ห์ของเย่ชวง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ที่มีเลศนัย
“เย่ชวง……น่าสนใจ……คราวหน้าผมจะมาใหม่……”ไต้ห้าวหนานสีหน้ากรุ้มกริ่ม ทำให้คาดเดาความคิดเขาไม่ได้
เย่ชวงตัวสั่น สายตาเมื่อครู่ของไต้ห้าวหนาน กลับทำให้เย่ชวงรู้สึกถึงความน่ากลัวอย่างประหลาด
“คุณไต้ เย่ชวงยังเด็ก……ท่านอย่าถือสาเลยนะครับ……” หัวหน้าตามมาข้างๆ พูดอย่างระวัง
หากเป็นตำรวจธรรมดาทั่วไป หัวหน้าคงไม่ใส่ใจอะไรนัก แต่นี่เป็นเย่ชวง……ที่มีสถานะพิเศษ พ่อของเธอก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่ง แม้แต่ท่านผู้ว่ายังต้องเกรงใจ……ดังนั้นเขาก็ปวดหัวกับเย่ชวง อยู่ไม่น้อย……
“ความหมายของผมคือ ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรเธอ……” ไต้ห้าวหนานพูด ทำให้หัวหน้าสบายใจขึ้น แต่เขายิ่งสงสัย ไต้ห้าวหนานไม่คิดจะเอาผิด เย่ชวง……อย่างนั้นต้องการทำอะไร……
“ผมแค่คิดว่า……เธอน่าสนใจมาก……” ไต้ห้าวหนานประสานมือทั้งสองข้าง มุมปากกระดกขึ้นเป็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
เย่ชวงไม่เพียงเป็นผู้หญิงคนแรกที่ตบเขา ทั้งยังเป็นคนแรกที่จับไต้ห้าวหนาน……ทำให้ไต้ห้าวหนานได้รับความอัปยศเสื่อมเสียครั้งแรก จะปล่อยเธอไปได้อย่างไร……
”ผมไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไร้เดียงสาแบบนี้มาก่อน คนแบบนี้ เหมาะจะเป็นของเล่น……” ไต้ห้าวหนานเอ่ยเบาๆ“บ้านผมมีบ้านสุนัขอยู่ แต่ยังขาดของเล่น ผมว่าเธอก็ไม่เลวนะ……”
หัวหน้าตกตะลึง ใจสั่นระรัว ถามอย่างระวังว่า “คุณไต้คิดจะ ทำอะไรกับเธอครับ”
ไต้ห้าวหนานยิ้มอย่างมีเลศนัย สองมือประสานกัน เดินออกจากสถานีตำรวจด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เย่ชวงที่อยู่ในห้องสอบปากคำ อัดอั้นตันใจจนอยากจะร้องออกมา เป็นครั้งแรกที่เธอพบกับคนอย่างไต้ห้าวหนาน แม้จะทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นในใจ……หรือว่าบนโลกใบนี้ มีคนที่น่ากลัวแบบนี้อยู่จริงๆ!
หัวหน้าเดินตามไปส่งไต้ห้าวหนานด้านนอกสถานีตำรวจ ทันใดนั้นเอง รถยนต์โรสลอยด์จอดลงตรงหน้าสถานีตำรวจ หนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลา นั่งอยู่บนรถ ในปากมีบุหรี่มวนหนึ่ง ในมือกำลังเล่นไฟแช็คที่เป็นทอง24K
ไต้ห้าวหนานมองหนุ่มน้อย ดวงตาหยี จู่ๆเขาก็ชะลอฝีเท้าลง มองที่หนุ่มน้อยผู้หล่อเหลานั้น น้ำเสียงเรียบ“คุณเป็นใคร”
หนุ่มน้อยเงยหน้า เหล่มองไต้ห้าวหนาน ทันใดนั้นควันบุหรี่ก็พวยพุ่งออกมาจากปากราวสายฟ้าแลบ!
“ฟิ้ว!”
ควันบุหรี่รวมตัวในอากาศก่อตัวเป็นคลื่นที่ดูน่ากลัว ลอยไปใกล้กับคอของไต้ห้าวหนาน วินาทีนั้นอง บนคอของไต้ห้าวหนาน ก็เกิดรอยแผลไหม้เป็นทาง!
“ใคร!”
หัวหน้าสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ปืนพกสีดำกระบอกหนึ่ง จ่อที่หนุ่มน้อยคนนั้น!
“นี่คือบทลงโทษของเขาที่มีต่อคุณ จำไว้ อย่าทำผิดพลาดเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า” มือขวาของหนุ่มน้อยสะบัด เงาดำๆพุ่งไปที่ไต้ห้าวหนาน ตกลงในมือของไต้ห้าวหนาน
ไต้ห้าวหนานหยิบสัญลักษณ์สีดำนั้นขึ้นมา ดวงตาหรี่มอง สีหน้าครุ่นคิดสงสัย ร่างแข็งเกร็ง!
หนุ่มน้อย เหล่ตามองหัวหน้า หัวเราะเยาะออกมา เปิดประตูรถออก เข้าไปนั่งในรถโรสลอยด์ ในชั่วพริบตานั้น รถยนต์โรสลอยด์เร่งเครื่องยนต์ ทยานออกไปราวกับบิน!
“คุณไต้……นี่มันช่างยโสโอหังนัก เมื่อครู่ผมน่าจัดการมันเสียเลย!” หัวหน้าพูด
“ไม่ จัดการเขา เท่ากับคุณรนหาที่ตาย” ไต้ห้าวหนานกำป้ายสัญลักษณ์แน่น ภายในดวงตาที่นิ่งสงบนั้น กลับมีความเย็นเยือกแฝงอยู่
ตอนนี้เอง ไต้ห้าวหนานโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ส่งเสียงดังขึ้น
ไต้ห้าวหนานรับสาย ปลายสายนั้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสิ้นหวังท้อแท้ “ห้าวหนาน บริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ย……พังพินาศแล้ว!”
“อะไรนะ” ไต้ห้าวหนานตกใจ ข่าวร้ายนี้ ทำให้ดวงตาคู่นั้นแสดงถึงความไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน!
“ครั้งก่อนนิติบุคคลลึกลับที่กดดันบริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ยนั้นลงมืออีกครั้ง ครั้งนี้ ร้ายแงกว่าครั้งก่อนหลายเท่า……ดังนั้นบริษัทที่มีความร่วมมือกับบริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ยต่างก็ขาดการติดต่อไป บอกว่าต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายก็จะไม่ขอข้องเกี่ยวกับบริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ยอีก…… บอร์ดบริหารพี่น้องของพวกเรานั้นก็ แยกย้ายกันไป ต่างบอกว่าพวกเขาไม่อยากผิดใจกับใคร……”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ……” ไต้ห้าวหนานขบกราม เขาไปอยากจะเชื่อ ว่าทั้งหมดนี้มันจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้! สวรรค์กับนรก เปลี่ยนไปในชั่วพริบตาเท่านั้น!
”เป็นเรื่องจริง นิติบุคคลลึกลับนั้น ฉันใช้เส้นสายตรวจสอบแล้ว ……อยู่ในนามของ Dragon Prison International……มีความเกี่ยวข้องกับคนผู้นั้น “เงาแห่งความสิ้นหวัง” ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่เกินสิบนาที เราพยายามต่อสู้กันมาทั้งชีวิต…… ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ”
“Dragon Prison International……” ไต้ห้าวหนานสีหน้าตื่นตกใจ แข็งเป็นหินในชั่วพริบตา “Dragon……”
“ที่แท้เป็นเขาจริงๆ……” ไต้ห้าวหนานบ่นพึมพำ คำพูดที่ขมขื่นใจ ตนเอง ผิดไปแล้ว ผิดอย่างมหันต์!
“ห้าวหนาน ตอนนี้พวกเราไม่เหลืออะไรแล้ว คงต้องพึ่งแกคนเดียวแล้ว”
ไต้ห้าวหนานวางสาย ในแววตาลึกล้ำนั้น สาดลำแสงของการหมายเอาชีวิตที่น่ากลัว!
เขาจะล้างแค้น!ล้างแค้นให้กับบริษัทการลงทุนหยุนเจี๋ย!
…………
เวลาเดียวกันนี้ เฉินเป่ยกลับมาที่บ้าน ทำงานบ้านอย่างขยันขันแข็ง
ซูเสี่ยวหยุนนั่งอยู่บนโซฟา อ่านหนังสือพิมพ์ด้วยความสนใจ มุมปากยกขึ้นเป็นครั้งคราว รอยยิ้มที่ชวนหลงใหล
“พ่อหนุ่มตัวเล็ก” ทันใดนั้น ซูเสี่ยวหยุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าฟัง
“ผมไม่ได้ชื่อพ่อหนุ่มตัวเล็ก ” เฉินเป่ยพูด
“ฉันชอบพ่อหนุ่มตัวเล็กมากกว่า” ซูเสี่ยวหยุนยิ้มอ่อนๆ ส่งหนังสือพิมพ์ในมือให้กับเฉินเป่ย“คุณลองดูข่าวนี้สิ”
เฉินเป่ยก้มหน้า พาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์เขียนว่าตระกูลหลีตระกูลมหาเศรษฐีของเยี่ยนจิง คาดหวังที่จะลงทุนในเมืองหู้ไห่ ย้ายศูนย์กลางมาที่เมืองหู้ไห่
“ข่าวนี้มีอะไรหรือครับ” เฉินเป่ยสงสัย
“เยี่ยนจิงก็มีตระกูลมหาเศรษฐี แล้วก็ยังแซ่หลีด้วย ไม่รู้สึกว่ามันประหลาดเหรอ” ซูเสี่ยวหยุนเอ่ยพลางยิ้ม
“คุณหมายความว่ายังไง” เฉินเป่ยเอ่ยถาม
“เมื่อก่อนเสี่ยวเยียนก็เคยบอกฉัน ว่าเธอไม่ใช่ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลหลี หลีหยางเป็นหนึ่งในเชื้อสายตระกูลหลี” ซูเสี่ยวหยุนกล่าว
“ความหมายของคุณก็คือ ความจริงแล้วหลีหยางมาจากเยี่ยนจิงหรือ”เฉินเป่ยขมวดคิ้ว
“ฉันไม่แน่ใจ ดังนั้นจึงต้องให้คุณไปถาม ถ้าหากเยี่ยนจิงกับตระกูลหลีมีความเกี่ยวพันกันจริง อย่างนั้นเสี่ยวเยียนกับหลีหยางต่างก็ต้องมีเรื่องวุ่นวายแน่ๆ ” ซูเสี่ยวหยุนชะงักอยู่ชั่วครู่ “ฉันมีความรู้สึกว่า แขกผู้มาเยือนจากเยี่ยนจิงผู้นี้ มาโดยไม่เป็นมิตรนัก”
“ให้ผมไปถาม ไม่ค่อยดีมั้งครับ คุณกับชิงเยียนเป็นเพื่อนสนิทกัน คุณน่าจะถามมากกว่า”เฉินเป่ยเอ่ยอย่างเรียบๆ
“โห ให้ฉันไปถาม อย่างนั้นฉันจะได้รับผลประโยชน์อะไร” ซูเสี่ยวหยุนยิ้มโปรยเสน่ห์ หุ่นสวยแนบอยู่บนแขนของเฉินเป่ย หน้าอกนูนนั้นเหมือนกับเฉียดมาที่แขนของเฉินเป่ยอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้เฉินเป่ยใจเต้นรัว
ผู้หญิงในวัยซูเสี่ยวหยุนนี้ เป็นช่วงที่มีเสน่ห์เย้ายวนมากที่สุด ยากที่จะมีใครกล้าปฏิเสธได้
โดยเฉพาะคนอย่างเฉินเป่ย เพื่อหลีชิงเยียนเขาไม่ได้แตะต้องผู้หญิงมาหลายเดือนแล้ว เมื่อเทียบกับตอนที่อยู่ต่างประเทศแล้ว เฉินเป่ยอยู่เมืองหู้ไห่นั้นเรียกได้ว่าสงบเสงี่ยมเรียบร้อยมาก กลัวว่านางฟ้าของตนจะจับผิดเอาได้
“คุณต้องการผลประโยชน์อะไร”เฉินเป่ยยิ้มอ่อน สายตากลับเรียบเฉย ไม่มีความปิดปกติอะไร
“ เป็นหนี้บุญคุณฉัน ต่อไปหากฉันต้องการ จะบอกคุณเอง” ซูเสี่ยวหยุนเอ่ยปาก
“ได้ ” เฉินเป่ยตอบรับ
พลบค่ำ รถไมบัคค่อยๆเข้ามาจอดที่หน้าประตูคฤหาสน์ ร่างหนึ่งที่เดินด้วยรองเท้าส้นสูง ค่อยๆเดินเข้าไปในคฤหาสน์
“ประธานหลี ทำงานเหนื่อยมาทังวันแล้ว ดื่มชาเสียหน่อยนะครับ” เฉินเป่ยรินน้ำชาเอาอกเอาใจ
หลีชิงเยียนนั่งลงที่โซฟา เรียวขาคู่งามนั้นไขว่ห้าง ใบหน้าสวยเย็นยะเยือก ราวกับมีเรื่องอะไรในใจ
“เสี่ยวเยียน เป็นอะไร” ซูเสี่ยวหยุนเดินลงมาจากชั้นสอง นั่งลงข้างๆหลีชิงเยียน
“ไต้ห้าวหนานถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว” หลีชิงเยียนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แววตาเย็นเยือก เต็มไปด้วยความโกรธ